ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bitterblossom : รักหวาน(ขม)ของต้นฤดูร้อน

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : ความเขินอาย

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 57



    โรงอาหารที่นี้ดูกว้างขวางมาก ก็อย่างว่าละตึกที่มีหลายๆบริษัทรวมอยู่นี้คงต้องมีอะไรแบบนี้ เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนโหวกเหวกเรียกลูกค้าปะทะกับเสียงพูดคุยกันระหว่างโต๊ะจนกลายเป็นเสียงที่ฟังแล้วคุ้นหูอย่างประหลาด ถึงฉันตั้งใจจะมากินก๋วยเตี้ยวร้านนั้นที่ฉันเคยกิน แต่ร้านที่มีอยู่จำนวนมากและกับข้าวที่ละลานตาขนาดนั้นทำให้ฉันตาลุกวาว เดินไปทั่วเลยเพื่อจะดูของกินแต่ละร้าน สายตาที่จดจ้องนั้นทำให้ฉันไม่ได้มองทางข้างหน้าเลย
     
     
    “อุ๊ก!โอ๊ย” ฉันเดินชนใครสักคนข้างหน้าอย่างรุนแรง อูย เจ็บหน้าหน้าผากชะมัดยาด ไปกระแทกกับอกหรือไหล่ใครก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าคู่กรณีข้างหน้านี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย
     
     
    “เอ๊ะ คุณนั้นเอง” เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าวอย่างคุ้นเคย
     
     
    ใช่แล้ว หมอนั้นที่ฉันเจอเมื่อเช้าเอง บนรถเมล์นั้นไงละ ถึงว่าฉันเหมือนชนอะไรแน่นๆ คงจะเป็นกล้ามอกของหมอนี้ แต่เอ๊ะนี้มันก็เหมือนฉันไปซบอกของเขาละสิเนี้ย อ๊ายย---ยย ฉันรู้สึกแปลกๆ ฉันผิดแถมยังเป็นเรื่องที่น่าอายชัดๆ ฉันอยากจะวิ่งหนีไปซะตอนนี้เลย ขงข้าวอะไรไม่ต้องกินมันแล้ว อ๊ายย—ยย
     
     
    หยุดก่อนยัยหลิน! ตั้งสติดีๆก่อนยะ! เสียงในหัวกระตุ้นเตือนฉันเอาไว้ ฉันเลยรีบขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่
     
     
    “ฮะฮ่า ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่ากับข้าวที่นี้มันน่ากิน” เขาพูดจี้ตรงจุดฉัน ตาบ้า! คำพูดที่ดูเป็นมิตรของเขามันทำให้ฉันหน้าตาแดงไปหมดแล้ว ฉันได้แต่ขอโทษเข้าอีกครั้งแถมยังก้มหน้านิ่งหลบตาเขา ก็ฉันอายแบบสุดๆไปเลยนินา!
     
     
    “ผมชื่อ โจ นะ แล้วคุณละ”
     
     
    “ฉันชื่อหลินคะ”
     
     
    “ชื่อคุณน่ารักมากเลย ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่เดี๋ยวนะชื่อฉันมันเป็นของแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ คนที่มีเชื้อจีนแบบนี้ ชื่อหลินไม่เห็นจะแปลกซะหน่อย
     
     
    “ชื่อคุณก็เท่เหมือนกันคะ” นี้ไม่ใช่การชมตามมารยาทหรือตอบรับคำพูดอะไรทั้งสิ้น ชื่อโจนั้นเข้ารับกับใบหน้าที่เข้มๆแบบนั้น ดูยิ่งเป็นผู้ชายแมนๆเข้าไปกว่าเดิม ชื่อโจ หน้าคมๆ หุ่นแน่นๆ กล้ามแขนนั้น ตายยย—ยย ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่าสุดแสนจะฟอร์เฟคไปหมดถ้าใครกรี๊ดพวกพระเอกแบบฮอลิวู้ด มันทำให้ฉันนึกเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งช่วงมหาวิทยาลัย เธอคนนั้นชอบผู้ชายสไตล์แบบนี้มาก พาลไปนึกถึงว่าถ้าทำงานอยู่เดียวกัน ยัยนี้คงจะตามตื้อหมอนี้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
     
     
    “งั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เรามาร่วมโต๊ะกันดีไหมครับ เผอิญผมแอบจองโต๊ะไว้แล้วที่นี้ มาทานด้วยกันนะครับ”
     
     
    “งั้นตกลงค่ะ” ฉันตกลงรับคำเขาไปอย่างเลิ่กลั่ก ฉันนี้น๊าฉันเองก็ไม่ได้หาอะไรมาไว้จองโต๊ะไว้เหมือนกัน มัวแต่หาดูของกินอยู่นั้นละ ลืมไปว่าที่นี้คนมันเยอะและวุ่นวายอย่างกับสนามรบ โต๊ะทานข้าวคงจะไม่พอแน่ๆฉันเลยเดินตามเขาไปแต่โดยดี
     
     
    วินาทีนั้นฉันไม่อยากเดินดูอะไรสักอย่างแล้ว เพราะฉันอายแบบสุดๆไปเลย ไปทำผิดเดินชนเขาแถมเขายังช่วยเราให้มีโต๊ะทานข้าวอีก ฉันเลยตรงไปร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น สั่งอะไรสักอย่างบนเมนูข้างบน สังเกตว่าเขาก็เดินตามกับฉันเหมือนกัน
     
     
    “นี้คุณสั่งอะไรน่ะ” เขาทำหน้าสงสัยแถมยังแปลกใจเล็กๆ
     
     
    “อ๋อ เมนูที่สิบน่ะ” ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเอง ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าสั่งอะไรไปหรอก เห็นมีตัวเลขรายชื่อเมนูก็เลยพูดมั่วๆสั่งไปไม่ได้อ่าน ก็อย่างว่าละ ฉันยังอายอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นินา
     
     
    “เส้นเล็กต้มยำ เผ็ดนรกไฟโลกันต์” เขาอ่านทวนชื่อเมนูบนกระดานที่ฉันสั่งป้าร้านก๋วยเตี๋ยวไปเมื่อกี้
     
     
    ห๊ะ! นี้มันชื่อเมนูอะไรกัน! เผ็ดนรกไฟโลกันต์นี้มันอะไร! ว๊ายยย---ยย ทำไมมันชื่อเวลาเมนูแปลกๆด้วยละเนี้ย แต่สติฉันกลับมาอีกครั้ง ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่มาฉันสั่งก๋วยเตี๋ยวน้ำใสตามปกติ ก็ฉันกินเผ็ดไม่ค่อยจะเก่ง เลยเลือกเมนูที่จืดๆ แต่เมื่อกี้ฉันกลับไปสั่งเมนูบ้าอะไรกันเนี้ยย—ยย! พอฉันไปมองไปดูเมนูด้านบนร้านนี้ มันเป็นเขียนไว้ว่านี้มันเป็นความเผ็ดระดับห้า! ซึ่งมันเผ็ดที่สุดของร้านแล้ว ที่ร้านมีระดับความเผ็ดตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงห้า ซึ่งลิ้นคนอย่างฉันนี้คงจะเป็นระดับศูนย์ นี้ฉันกินเผ็ดไม่ได้แต่ดันเผลอไปสั่งไอ้ที่อันตรายที่สุดมาแล้ว ระดับห้าเลยนะ! ระดับห้า!
     
     
    ก่อนที่ฉันหันไปป้าเจ้าของร้านว่าหนูสั่งผิดค๊าป้าก็ยกออกก๋วยเตี๋ยวนรกชามนั้นออกมาให้ฉันซะแล้ว น้ำซุปนั้นแทบไม่หลงเหลือความใสของก๋วยเตี๋ยวที่ฉันชอบแบบเดิมเลย มีแต่พริก! พริกแดงเถือกลอยปกคลุมผิวหน้าไปหมด ขนาดเส้นก๋วยเตี๋ยวและลูกชิ้นในชามยังถูกอาบไปด้วยพริกเลย! แดงไปหมดไปชาม! แค่จินตนาการถึงรสชาติของมัน ฉันได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
     
     
    คนที่เดินผ่านไปมาพอได้เห็นสภาพชาม ก็ไม่ได้พูดอะไรแต่สีหน้าบอกให้ฉันรู้เลยว่าพวกเขาก็อึ้งตามๆกัน ผู้หญิงสองคนที่อยู่ยืนรอต่อคิวหันมามองชามของฉันแล้วก็ซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ พวกผู้ชายแถวนั้นๆก็อ้าปากค้าง รวมทั้งโจก็ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ
     
     
    “โห ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินเผ็ดขนาดนั้นนะเนี้ย” โจพูดเสียงดัง
     
     
    อ๊ากก—กก ฉันก็อยากให้ตะโกนเหมือนกันนี้ ว่าฉันกินเผ็ดไม่ได้เหมือนกัน นี้มันเป็นอะไรที่ผิดพลาดมาก ตายๆๆ ฉันอยากหนีไปจริงๆ วันนี้ฉันเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ เดินก็ไม่ระวัง แถมยังสั่งต้องมากินของแบบนี้อีก นี้มันวันบ้าวันบอกันอะไรกัน ฉันอยากจะกรี๊ดดังๆจริงนะ อ๊ากก---กก กรี๊ดด---ดด
     
     
    “อืม ผมเองก็อยากลองเหมือนกันนะ ว่ารสมันจะเป็นยังไง” โจหันมองฉัน แล้วหันกลับไปบอกว่าป้าว่าเอาแบบเดียวกับฉัน วินาทีนั้น ฉันก็ทำได้แต่ก้มหน้ารับก๋วยเตี๋ยวไป สถานการณ์มันไปกันใหญ่แล้ว ถ้าอยากกินจริงๆมากินของฉันสิ ตาบ้า ฉันจะยกให้นายฟรีๆ ไม่คิดตังค์ด้วยซ้ำไปเลย ฮืออ--อ
     
     
    กลับมาที่โต๊ะของเรา โจและฉันนั่งลงอย่างช้าๆ ซึ่งโจนั้นไม่ได้มีสีหน้าแบบเดียวกันกับตอนที่อยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเลย แต่เขากลับตาเป็นประกายแปลกๆ เหมือนกับเด็กที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆนั้นละ
     
     
    “หูย แดงเถือกไปเลย พริกนี้ท่วมจะแทบไม่เห็นเส้นแล้ว”เขากล่าวอย่างร่าเริง
     
     
    “คุณนี้สุดยอดมาก เมนูเนี้ยผมจำได้ว่าแทบไม่มีใครเคยสั่งด้วยซ้ำ ผมเคยคุยกับป้าเรื่องเมนูนี้ ป้าบอกมีคนสั่งไม่เคยเกินสิบคนแต่ก็นะ ชื่อเมนูไม่ธรรมดา คนธรรมดาทั่วไปนี้ไม่ไหวแน่ๆ คงจะเป็นคนพิเศษเท่านั้นละ” เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มทุ้มของเขาพลางมองตาของฉันด้วย สายตาคมๆของเขานี้มันให้ฉันรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ก็นะ คงจะไม่มีอะไร ฉันว่าเขาอยากล้อฉันว่าเป็นตัวประหลาดมากกว่า…
     
     
    ก่อนที่จะฉันจะโต้ตอบอะไรออกไป เขาซดน้ำซุปนั้นไปโฮกใหญ่ แล้วหันกลับมาฉันด้วยสีหน้าปกติ
     
     
    “ก็พอทานได้นิ ก็ไม่ได้เผ็ดเท่าไร”เขายิ้มๆ นี้จะบอกฉันว่ามันธรรมดาเหรอยะ ตาบ้า! จะบอกว่าตัวเองก็ทำได้เหรอยะ! พูดแบบนี้มันเกทับกันชัดๆแต่ว่า เกทับฉันไปเถ๊อ—ออะนะ ถ้าจะให้ดีเอาของฉันไปกินด้วยให้หมด อยากให้ใจจะขาดอยู่แล้ว
     
     
    ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ เขากลับหน้าแดงปรี๊ดขึ้นมา เหงื่อนี้แตกพลั่กเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังเผ็ดสุดขีด ลิ้นกำลังไหม้แหงๆ ฉันแอบสะใจเล็กๆนะ ฮ่าๆๆเขานั่งนิ่งเหมือนจะสงบสติอารมณ์สักพัก แต่สุดท้ายเขาก็ยืนขึ้นมา
     
     
    “เดี๋ยว…ผม…ไป…ห้อง…น้ำ…นะ…ครับ” เขากล่าวเสียงสั่นเครือ รอบๆปากนี้กลายเป็นสีแดงเข้มที่เห็นได้อย่างชัดเจนเพราะหมอนี้ผิวขาวอยู่แล้วเลยยิ่งชัดเหงื่อนี้เรียกได้ว่าแทบจะหยดลงโต๊ะแล้ว
     
     
    “ค่ะๆ เชิญคะ” ฉันบอกเขาไป เห็นแล้วก็ขำปนสงสาร สะใจที่มาเกทับฉัน แต่ก็มาสงสารเหมือนกัน ถ้าเขารู้ว่าฉันสั่งผิดไปแล้วสุดท้ายเขาต้องเผชิญอะไรแบบนี้ สุดท้ายเขารีบวิ่งเข้าออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว เฮ้อ! จริงๆแล้วมันก็ดีที่ฉันจะได้ไม่ต้องกินอะไรแบบนี้ พลางนึกถึงตัวเองว่าถ้าต้องกินเข้าไปจริงๆแล้วจะต้องทำยังไงกัน ก่อนที่จะคิดอะไรต่อไป เสียงนาฬิกาแจ้งเตือนของฉันว่ามันหมดเวลาพักแล้วแถมเลยมานิดหน่อยแล้วด้วยอ๊ากก—กก สุดท้ายฉันก็ไม่ได้กินข้าวกลางวันละสิเนี้ย หัวหน้าของฉันกำชับเรื่องเวลาการทำงานมากเลย ฉันขอโทษนะโจ ฉันต้องไปก่อนแล้วละ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×