คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่17 : วันเกิด
“เหนื่อยหน่อยเน้อ” เสียงของพิ้งค์ปลุกฉันตื่นขึ้น หลังจากฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงานช่วงกลางวัน เดือนที่ผ่านมาผ่านนี้หนักชะมัด งานก็ต้องทำ ซ้อมก็ต้องซ้อม ฉันเองก็ว่าบริษัทนี้มันค่อนข้างพิลึกกึกกือไปหน่อยที่กำหนดรางวัลอะไรไปแบบนั้น แต่คิดไปคิดว่า พวกเรานี้เองละที่บ้าไปตามกัน ก็รางวัลมันล่อตาล่อใจนินา เอาเป็นว่าก็พิลึกด้วยกันทั้งคู่ละ
จริงๆแล้ว นอกจากเรื่องซ้อม ตอนหลังๆนี้ทั้งโจและพิ้งค์ค่อนข้างแวะเวียนไปที่บ้านฉันบ่อยขึ้น เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่ฉันเจ็บข้อมือ ฉันเองก็กลับมาเริ่มป่วยออดแอดๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันนะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไข้ขึ้นๆลงๆ ทุกคนก็บอกว่าให้ฉันไปหาหมอบ้าง แต่สุดท้ายฉันเองก็ไม่ได้ไปอะไร ก็มีแต่ไปที่คลินิก ซื้อยามากินเอง วันไหนป่วยเยอะๆ ก็ขอลาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะลากสังขารตัวเองมาทำงานได้โดยสวัสดิภาพ แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันหายดีแล้วละ พร้อมกับการแข่งกีฬาในสองอาทิตย์นี้ละ
“จริงด้วยเนอะ ฮ่าๆ” ฉันเงยหน้ามามองพิ้งค์ทั้งๆที่ยังหัวฟูนั้นละ
“หลินหายดีแล้วจริงๆเหรอ?”
“หายดีแล้วจริงนะๆ นี้แค่ฟุบเพราะแอบกินเยอะแล้วง่วงน่ะ”
“งั้นก็แล้วไป ถ้ามีอะไรก็รีบบอกพิ้งค์นะ” สายตานั้นถ้าเป็นผู้ชาย ฉันคงตกหลุมรักไปนานแล้ว
“เอ่อ อีกอย่างหนึ่งคือ เดี๋ยวจะใกล้วันเกิดโจแล้วละ”
“จริงงะ” ฉันตอบกลับไปแค่นั้นจริงๆ เพราะตอนนั้นฉันเองก็นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรให้เขาดีเหมือนกัน อืม คือมีเรื่องสารภาพฉันเองก็ไม่เคยจัดงานวันเกิด ไม่สิ คือที่ผ่านฉันไม่เคยไปงานวันเกิดใคร หรือจะมีใครมาสนใจวันเกิดฉันเลย อารมณ์มันเป็นรู้สึกแปลกๆ แบบว่าในสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน
“พิ้งค์ว่าจะพาโจไปเลี้ยงข้าวหน่อย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหนดี แถวนี้ก็กินมาหมดแล้ว มันซ้ำๆกันน่ะ” ก็จริงอยู่ แถวนี้ถึงจะมีห้างนู่นห้างนี้ แต่สุดท้ายร้านอาหารมันก็คล้ายๆกันหมดนั้น
“งั้นมากินที่บ้านหลินไหมคะ?” ยอมรับฉันเองก็นึกอะไรไม่ออกเท่าไรนักว่าจะทำอะไร จะเตรียมพร้อมอะไร แต่ที่ผ่านๆมาโจเองก็ช่วยเหลือฉันมาตลอด บางทีนี้อาจจะเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยตอบแทนความรู้สึกจากฉัน แต่ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ ทิพย์เองก็เดินมาอยู่ข้างหลัง ได้ยินเรื่องที่เราคุยพอดี ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ฉันว่าทิพย์คงรู้เรื่องก่อนหน้าฉัน แถมเผลอจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วด้วย
“ได้หรอ ไม่ได้เป็นการรบกวนแน่นะ ขอบคุณนะหลิน” พูดเสร็จพิ้งค์ก็เข้ามากอดฉันแน่นเลย ตัวเธอนี้หอมชะมัด สุดท้ายเราสามคนก็ตกลงว่า วันหยุดสุดสัปดาห์จะไปที่บ้าน แต่แน่นอนว่าทิพย์และพิ้งค์จะมาล่วงหน้าก่อนในตอนเช้าเพื่อจะเตรียมของให้พร้อม
วันนี้วันเสาร์ อากาศค่อนข้างเริ่มเย็น แต่ไม่ได้เย็นเพราะสภาพอากาศอะไรหรอกนะ เป็นเพราะฝนตกที่เริ่มตกสักเมื่อสองสามวันก่อน ฟ้าเลยยังครึ้ม ฉันเองก็หวั่นๆว่าพวกโจนี้จะมาที่บ้านได้หรือเปล่านะ แต่ก่อนที่ฉันจะนึกอะไรต่อไป ฉันเองก็ได้ยินเสียงรถพิ้งค์จอดที่หน้าบ้านเรียบร้อย
“หวัดดีจ๊า บ้านหลินสวยนะเนี้ย” เอ้อ ฉันลืมไปว่าทิพท์เคยมาบ้านฉันครั้งแรกนินา
“จ้า ขอบคุณคะ” ฉันเองก็รีบช่วยยกของจากพิ้งค์ที่หอบพะรุงพะรัง เท่าที่ดูของก็เยอะเหมือน
“ของเยอะนะเนี้ย”
“แต่ของทิพย์เยอะกว่า ฮี่ฮี่” อา จริงด้วย รายนั้นมุ่งมั่นกว่าพวกเราสองคนสินะ
ฉันเปิดประตูบ้านออกพาพวกเขาเข้ามา พิ้งค์เริ่มเข้าไปในครัว จัดแจงนู่นนี่อย่างรวดเร็ว ก็แหงละมาบ้านฉันบ่อยซะขนาดนี้ ส่วนทิพย์เองก็ดูชอบใจกับตัวบ้าน โดยเฉพาะระเบียง และบ้านข้างๆนั้น เห็นมองใหญ่เลย แต่คงไม่ได้พูดออกมาทันที แต่สักพักที่เราเริ่มทำครัว ทิพย์คงเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“บ้านข้างๆหลินเป็นใครอะ ดอกไม้เต็มไปหมดเลย”
“อ๋อ เห็นว่าเป็นเจ้าของร้านดอกไม้น่ะ”
“อือฮือ สงสัยเจ้าของคงจะสวยแน่นอน” ทิพย์เอียงหัว คงจะจินตนาการถึงสาวน้อยอะไรสักอย่างแน่ๆ
“ผิดแล้ว เป็นผู้ชายน่ะ” ทั้งทิพย์และพิ้งค์ได้แต่อึ้ง มองหน้าพร้อมกัน คำตอบจากฉันคงทำให้จินตนาการพังทลายสิ่งนะ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไร ฉันก็เคยอยู่ในจุดๆนั้นเหมือนกัน
“งั้นเป็นอย่างว่าใช่ไหมละ” ทิพย์พูดไปทั้งกำลังหั่นแครอทอยู่
“ยังไงละนั้น” ฉันเองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร สงสัยสองคนนี้คิดว่าตาริวคงเป็นเกย์หรืออะไรทำนองนี้แหงๆ
“ก็ดูบ้านน่ารักซะขนาดนี้ พิ้งค์เองก็อยากได้แบบนี้จัง”
“ฮ่าๆ ไม่รู้สิ” ยอมรับว่าลึกๆ ฉันเองก็ยังคงสับสนกับภาพลักษณ์ของริวเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ รสนิยมที่แตกต่างกันนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรทั้งนั้น ทุกคนล้วนเป็นตัวของตัวเองนั้นละ เป็นสิ่งที่ดีแล้ว
“เอ่อ เกือบลืมไป เค้กของโจนี้อยู่ไหนอะ?” ฉันมองแต่ถุงที่มีผักกับเนื้อสัตว์นั้น
“ทิพย์ลืม ทำไงดี มีร้านเค้กแถวนี้อยู่ตรงไหน” ทิพย์เองก็เริ่มลนลาน ฉันเองก็อึ้งเหมือนกันที่ทิพย์ลืม แน่นอนว่าพิ้งค์ก็ด้วย ถึงหยุดมือเลยทีเดียว ฉันเองก็นึกๆว่าแถวนี้ไม่มีร้านเค้กเลยสักร้าน ถ้าจะใกล้ก็คงเป็นห้างที่ฉันกับโจเคยไปนั้นละ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ฉันเลยรีบเปิดชั้นวางของในครัว
“เดี๋ยวๆ หลินมีแป้ง มีเตาอบ มีของพร้อมแล้ว เดี๋ยวเราทำกันเองก็ได้” ฉันพูดพลางหยิบของจากตู้ออกมา โชคดีชะมัดที่แป้งพวกนี้ยังไม่หมดอายุ พวกครีมก็ยังดีอยู่ เตาอบก็มี เครื่องตีก็พร้อม ให้ตายสิ ฉันรักคุณยายจัง
“แต่ทิพย์ทำไม่เป็นน่ะ” ทิพย์แสดงสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องห่วง หลินเคยทำ แถมเรายังหาสูตรจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ด้วย” ขอบคุณช่วงเวลาสมัยมัธยมจัง ที่เคยช่วยคุณยายทำนู่นทำนี่ อย่างนี้เขาเรียกว่าครูพักลักจำสินะ ฉันเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของฉัน คิดไปคิดมา บางทีฉันควรจะซื้อพวกสมารท์โฟนหรืออะไรทำนองนี้ได้แล้ว มันคงจะสะดวกดี ถึงฉันจะไม่เคยใช้มาก่อนก็ตามนะ แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะควรจะซื้อดีไหม แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เป็นเวลาของเค้ก และเค้กเท่านั้น สุดท้ายฉันก็เลือกเค้กวานิลลาธรรมดานี้ละ เพราะมันมีวานิลลาอยู่ในตู้พอดี ฮ่าๆ ก็ถือว่าเป็นการโละของไปในตัว ฉันนี้นิสัยไม่ดีชะมัด ฮ่าๆ สุดท้ายไปๆมาๆ เราสามคนก็แบ่งตัวเองไปว่าจะไปทำอะไร แต่ดูทิพย์กลับดูวุ่นวายเกาะแกะฉันเหลือเกิน ก็เข้าใจนะว่าเป็นเค้กให้โจ เลยอยากให้ตัวเองส่วนร่วมเยอะหน่อย ยอมรับว่าฉันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ทิพย์เหมือนกัน สุดท้ายฉันก็ให้ทิพย์แต่งหน้าเค้กละกันเมื่อทำเสร็จ แต่ว่านะ พิ้งค์นี้ก็ทำครัวคล่องมาก เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ ไวมาก แปปๆเสร็จหมดแล้ว ส่วนทิพย์ เอาเป็นว่าไม่ค่อยคล่องละกัน ไม่สิ ไม่น่าจะทำเป็นด้วยซ้ำ แครอทที่ส่งมาให้ฉันนี้เละเทะชะมัด แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ออกมาด้วยดี
“หอมชะมัด” ฉันพูดพลางถอดผ้ากันเปื้อนออก สายตากวาดไปมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ เยอะจริง จะกินหมดไหมนิ?
“เยอะนะเนี้ย” พิ้งค์พูดเหมือนรู้ใจฉัน พูดเสร็จเราสองคนก็มองหน้ากัน แล้วก็หัวเราะ
“หัวเราะอะไรกัน” ทิพย์ยิ้มพลางหยิบจานมาวางไว้ตามโต๊ะ อืม นี้ก็ใกล้เวลานัดตาโจมาที่นี้แล้วสินะ
------------------------
เวลาผ่านไปไม่นานนัก หลังจากพวกสามคนนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย เสียงรถประหลาดก็มาจอดที่บ้านหน้าฉัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรถของโจ แต่เอ๊ะ ฉันไม่เคยเห็นรถโจเลยนินา เพราะปกติฉันเห็นหมอนี้เอาแต่นั่งรถเมล์มาทำงานอยู่เรื่อย ตอนเย็นก็กลับกับพิ้งค์บ้างเป็นบางวันน่ะ
“ปกติโจไม่ค่อยขับรถหรอก” บางทีพิ้งค์อาจจะมีพลังจิตอ่านใจคนก็ได้มั้ง วันนี้พูดในสิ่งที่ฉันคิดหลายรอบละ แต่ก่อนอื่น ทิพย์รีบวิ่งไปเปิดประตูนู่นแล้ว เร็วจริงๆ
“สวัสดีค่ะ คุณโจ”
“สวัสดีครับ ยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ทั้งสามคนเลย” อ้าว นึกว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรสักอีก ที่ไหนได้หมอนี้รู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะทำอะไรแบบนี้เหรอ โห อดตื่นเต้นเลย
“สวัสดีค่ะ” ฉันก็ทักทายเขาไปตามมารยาท ส่วนพิ้งค์วิ่งเข้าไปขยี้หัวหมอนั้นละ
“แก่ขึ้นอีกแล้วตาบ้า โตเร็วๆละ”
“รู้อยู่แล้วละน่า ฮ่าๆ” บางทีเราทุกคนอาจจะไม่ได้โตขึ้นก็ได้ แต่เราเพียงไม่ได้แสดงออกมาให้ใครรับรู้ มีเพียงความเป็นผู้ใหญ่ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบบางอย่าง และนำพาความเป็นเด็กนั้นเก็บงำไว้ แต่ถึงอย่างไร ช่วงเวลาที่อะไรเป็นใจบางครั้ง ความรู้สึกที่อยู่ข้างในเรา จะสะท้อนความจริงนั้นให้คงอยู่เสมอและตลอดไป
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นมาก โจนี้ก็หัวเราะไม่หยุด ขำตลอดเลย ทิพย์เองก็ดูมีความสุขเหมือนกัน และส่วนพิ้งค์ วันนี้เหมือนให้อารมณ์เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง เหมือนพี่สาวของที่คอยดูแลโจมาตลอด ก็คนอยู่ด้วยกันมานานนิเนอะ แถมยิ่งผ่านเรื่องนั้นสมัยมหาลัยอีก ฉันว่าลึกๆพิ้งค์เองก็เก่งในการดูแลคนอื่นเหมือนกัน แต่ความสดใสของเธอจนทำให้หลายๆคนมองว่าเธอเป็นเด็ก
“นี้โจ ปิดตาได้แล้ว” พิ้งค์ลุกจากโต๊ะ และเริ่มเดินไปในครัว สงสัยไปหยิบเค้กละ
“ได้ๆ” โจพยักหน้าตอบรับ พลางเอามือปิดตาตัวเอง ช่างตรงไปตรงมาเสียเกินทั้งสองคน น่ารักจัง
สักพักพิ้งค์เดินถือเค้กมา ทิพย์ก็เริ่มจุดเทียนลงบนเค้ก เสียงร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ลอยตามมา รอยยิ้มของโจยิ่งกว้างขึ้นทุกที มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนจริงๆ ฉันไม่เคยจะสัมผัสอะไรทำนองนี้มาก่อนเลย ความแผ่วเบาของบรรยากาศยามค่ำคืน ถูกกลบด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น จนฉันแอบน้ำตาซึมออก ก็ทำไงได้ ฉันไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
“เค้กอร่อยมากเลย ทำกันเองเหรอ” ฉันก็พยักหน้าตอบรับ สงสัยว่าเห็นว่าเตาอบในครัวยังเปิดอยู่มั้ง ฉันลืมปิดน่ะ
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มของเขา กับมือที่ถือส้อมกำลังตักเค้กเข้าบอกนั้น ทำให้ฉันมีความสุขจริงๆนั้นละ อ้อ แต่ลืมไป ต้องช่วยทิพย์ก่อนนินา
“ทิพย์ตั้งใจทำให้คุณโจมากเลยนะ” ฉันตอบกลับไป พลางส่งสายตาไปให้ทิพย์ แต่ฉันสังเกตเห็นว่าโจเองดูเหมือนอึ้งหน่อยๆ
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ” เวลาทิพย์เขินๆนี้ดูน่ารักดีนะ สาวมั่นในวันนั้นได้หายไปแล้วละ
“ฝีมือพัฒนาขึ้นนะครับ” โจพูดพลางก้มหน้าก้มกินเค้กต่อ ส่วนพิ้งค์ก็แอบขำ ฉันเข้าใจละว่าทำไมโจอึ้ง ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นการทำคะแนนให้ทิพย์ละกันนะ อืม บางทีฉันก็น่าให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยตามลำพังสักนิดดีกว่า ฉันเลยออกไปตรงระเบียง ซึ่งพิ้งค์เองก็คงรู้เหมือนกันก็เลยเดินตามมา
“วันนี้เหนื่อยหน่อยเน้อ” เสียงพิ้งค์ทำลายความเงียบลงไป
“ไม่ขนาดนั้นหรอก สนุกดี”
“พิ้งค์ยังไม่ได้ชิมเค้กนั้นเลยละ”
“เดี๋ยวเข้าไปทานเลย ก้อนใหญ่ขนาดนั้นโจคงกินไม่หมดหรอก ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะ
“จริงด้วยเน้อ ทิพย์คงไม่ทานเยอะด้วยละ” พิ้งค์เดินไปสุดระเบียง และเงยหน้าไปมองท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้าก็สวยอย่างที่เคยเป็น ความเงียบสงัดทำให้บรรยากาศแถวนั้นเริ่มดูแปลกไป
“หลินคิดว่า เป็นแบบนี้ต่อไปมันดีแล้วเหรอ” พิ้งค์พูดออกทั้งที่ตายังมองที่บนฟ้านั้น
“พิ้งค์พูดถึงอะไรละนั้น” วันนี้ฉันสังเกตว่าพิ้งค์ชอบพูดอะไรแปลก แถมดูสุขุมขึ้นยังไงไม่รู้นะ แต่ก่อนที่จะถามอะไรต่อ โจก็เปิดประตูออกมา
“อ้าว ผมนึกว่าพวกคุณหายไปไหนอีก มาอยู่นี้เอง” ทิพย์ก็เดินตามโจมาติดๆ
“หิวเค้กชะมัด” พิ้งค์เดินฝ่าโจออกจากระเบียงไปเลย ฉันเองก็งงๆกับท่าทีเหล่านั้น และแน่นอนโจเองก็คงสังเกตเห็นเหมือนกัน แต่ก่อนที่ฉันจะตามเข้า ทิพย์เองก็มาดึงแขนฉันไว้ก่อน
ความคิดเห็น