ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 12 : กีฬา
ฉันเดินทางเดินยาวๆ ที่มีไฟส่องสว่างสะท้อนกับกำแพงสีครีม ประดับด้วยกรอบรูปสีดำสนิท ส่วนในกรอบนั้นเป็นเรื่องรูปผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ฉันเดินผ่านไปมาหลายรอบแล้วก็ยังอดทึ่งไม่ได้กับรูปดอกไม้ปลอมๆนั้น มันเหมือนจริงชะมัด ถึงแม้ว่าจะในรูปจะถูกตัดต่อมาบ้างให้ดูดียิ่งขึ้น แต่จากประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมาจริงๆนั้น ทำให้รูปภาพบนผนังนั้นตอกย้ำถึงความงามของสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา อาจจะเรียกได้ว่า มันทัดเทียมกันได้เลยที่เดียว
ในที่สุดระยะทางของการก้าวเดินของฉันก็จบลง เคาเตอร์สีครีมที่ติดตราโลโก้บริษัทนั้นทำให้พื้นที่หน้าลิฟต์นั้นดูโดดเด่น แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ คงจะเป็นสาวๆแผนกประชาสัมพันธ์นั้นดูดีแทบทุกคน รวมทั้งหนุ่มๆที่อยู่ในแผนเดียวกันนั้นก็ดูบุคลิกดีเหมือนกัน แต่จะพูดเป็น “หนุ่ม” ก็คงไม่ได้เต็มปากไม่ได้เต็มปาก เพราะฉันเองก็เห็นพวกเขาหลุดวี้ว๊ายเวลาอยู่กับเพื่อนสาวๆในที่ทำงานเหมือนกัน
แต่ยังไงก็ตาม ความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาบรรจงสร้างขึ้นมาตั้งแต่หน้าเคาเตอร์จนทางเดินยาวๆที่ประดับด้วยกรอบรูปนั้นเป็นสิ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือจากภาพลักษณ์ของตัวบริษัท ฉันว่าสุดท้ายนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม แต่แรกเริ่มเดิมที่ต้องสัมผัสบางสิ่งบางอย่างที่เป็นรูปธรรมก่อน เพราะอย่างน้อยๆมันก็เป็นรูปร่างชัดเจนและมองได้อย่างผิวเผิน และไม่จำเป็นคำนึงถึงรายละเอียดมากนัก แต่ก่อนที่จะฉันจะคิดอะไรต่อ ความเหนื่อยฉับพลันนั้นพาฉันเองมาหยุดที่หน้าเคาเตอร์ เหนื่อยจะชะมัด พลางเอามือเท้าลงบนเคาเตอร์นั้นเป็นนัยว่าช่วยพยุงตัวเอง โห มันเย็นจริงๆ มันเย็นกว่าโต๊ะของฉันในแผนกสักอีก
จริงๆแล้วความเย็นมาแผ่กระจายที่นี้ด้วยไปถ้วนบริเวณหน้าลิฟท์เลย ฉันเองก็เคยถามโจว่าทำไมตรงนี้มันเย็นกว่าที่อื่น โจก็บอกว่า มันปล่องลมช่องแอร์พอดี ปล่องช่องลมนี้มีอยู่ทั่วบริเวณตึก ดังนั้นพวกเขาเลยไม่สามารถจะลดอุณหภูมิได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น มันจะทำให้ส่วนอื่นร้อนตามกันไปด้วย นั้นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมบางคนที่จำเป็นต้องนั่งทำงานอยู่หน้าลิฟต์นี้ใส่เสื้อกันหนาวบ้าง ทิพย์เองก็ใส่ด้วย เป็นเสื้อคลุมไหมพรมสีเทาที่ดูสะอาดสะท้าน ถึงสีที่ดูหม่นหมองนั้น จะไม่ค่อยเข้ากับเธอเท่าไร แต่มันสีที่ดูเรียบร้อยและดูเป็นทางการดีนะฉันว่า
แต่ยังไงก็ตาม ความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาบรรจงสร้างขึ้นมาตั้งแต่หน้าเคาเตอร์จนทางเดินยาวๆที่ประดับด้วยกรอบรูปนั้นเป็นสิ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือจากภาพลักษณ์ของตัวบริษัท ฉันว่าสุดท้ายนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม แต่แรกเริ่มเดิมที่ต้องสัมผัสบางสิ่งบางอย่างที่เป็นรูปธรรมก่อน เพราะอย่างน้อยๆมันก็เป็นรูปร่างชัดเจนและมองได้อย่างผิวเผิน และไม่จำเป็นคำนึงถึงรายละเอียดมากนัก แต่ก่อนที่จะฉันจะคิดอะไรต่อ ความเหนื่อยฉับพลันนั้นพาฉันเองมาหยุดที่หน้าเคาเตอร์ เหนื่อยจะชะมัด พลางเอามือเท้าลงบนเคาเตอร์นั้นเป็นนัยว่าช่วยพยุงตัวเอง โห มันเย็นจริงๆ มันเย็นกว่าโต๊ะของฉันในแผนกสักอีก
จริงๆแล้วความเย็นมาแผ่กระจายที่นี้ด้วยไปถ้วนบริเวณหน้าลิฟท์เลย ฉันเองก็เคยถามโจว่าทำไมตรงนี้มันเย็นกว่าที่อื่น โจก็บอกว่า มันปล่องลมช่องแอร์พอดี ปล่องช่องลมนี้มีอยู่ทั่วบริเวณตึก ดังนั้นพวกเขาเลยไม่สามารถจะลดอุณหภูมิได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น มันจะทำให้ส่วนอื่นร้อนตามกันไปด้วย นั้นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมบางคนที่จำเป็นต้องนั่งทำงานอยู่หน้าลิฟต์นี้ใส่เสื้อกันหนาวบ้าง ทิพย์เองก็ใส่ด้วย เป็นเสื้อคลุมไหมพรมสีเทาที่ดูสะอาดสะท้าน ถึงสีที่ดูหม่นหมองนั้น จะไม่ค่อยเข้ากับเธอเท่าไร แต่มันสีที่ดูเรียบร้อยและดูเป็นทางการดีนะฉันว่า
“อ้าว คุณหลิน มาดูรายชื่อประเภทกีฬาใช่ไหมคะ”
“อ๋อ ใช่คะ มารบกวนเวลาทำงานหรือเปล่าคะ” ฉันเองก็เพิ่งนึกได้ว่า ถึงฉันจะว่าง นั้นไม่ได้หมายถึงว่าคนอื่นจะว่างตามฉันไปด้วย
“ไม่เลยคะ ทิพย์เองกำลังว่างอยู่พอดี เมื่อกี้ก็เพิ่งดูกับพวกใจเสร็จไปเองคะ” ทิพย์พูดตอบรับฉัน พลางส่งแฟ้มสีส้มมาให้ถึงมือ ฉันเปิดอ่านข้างในดูเป็นรายการชื่อกีฬาที่จะใช้ในการแข่งขัน ก็มีพวกตระกูลดังอย่าง ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเล่ย์ อะไรประมาณนี้
พอฉันเปิดหน้าต่อไปนั้นเป็นพวกกีฬาสันทนาการ จำพวกวิ่งกระสอบ แข่งกินขนมโก๋ ราวๆนี้ละเหมือนตอนที่เราเล่นในสมัยเด็กๆนั้นละ ก็ดูน่ารักดีนะ แถมฉันเองก็พอเล่นได้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สันทัดมากเท่ากับคนอื่นๆแต่คงจะไม่แพ้ใครง่ายๆละมั้ง
แต่ก่อนอื่นนะ รายชื่อคนที่สมัครกีฬาแต่ละประเภทนี้รู้สึกว่า ฉันจะเห็นชื่อของโจแทบทุกช่องเลยนะเนี้ย
พอฉันเปิดหน้าต่อไปนั้นเป็นพวกกีฬาสันทนาการ จำพวกวิ่งกระสอบ แข่งกินขนมโก๋ ราวๆนี้ละเหมือนตอนที่เราเล่นในสมัยเด็กๆนั้นละ ก็ดูน่ารักดีนะ แถมฉันเองก็พอเล่นได้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สันทัดมากเท่ากับคนอื่นๆแต่คงจะไม่แพ้ใครง่ายๆละมั้ง
แต่ก่อนอื่นนะ รายชื่อคนที่สมัครกีฬาแต่ละประเภทนี้รู้สึกว่า ฉันจะเห็นชื่อของโจแทบทุกช่องเลยนะเนี้ย
“คุณโจเขาเป็นพวกประเภทพลังเยอะน่ะค่ะ” ทิพย์ยิ้ม เหมือนกับว่าเธออ่านใจฉันถูก ไม่ก็ฉันอาจทำสีหน้าแบบเหวอสุดๆไปจนเขาจับได้ เหมือนในห้องประชุมเมื่อเช้าไง
“แต่ว่าไม่ได้พลังเยอะอย่างเดียวด้วย ฝีมือเขาเองก็มี ปีที่ผ่านมาหลายรายการที่ชนะก็เป็นเพราะเขานั้นละค่ะ” ทิพย์พูดด้วยเป็นประกายสุด ก็แหงละ หนุ่มหล่อกีฬาเด่น แถมยังเป็นฮีโร่ด้วย ถึงสาวๆจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาเป็นพิเศษ แต่คงต้องมีกรี๊ดกร๊าดบ้างละ ไม่ต้องสาวคนไหนไกลหรอก ฉันเองก็รู้สึกทึ่งๆกับความสามารถของเขา และแอบดีใจนิดหน่อยที่เราเป็นเพื่อนต่อกัน เหมือนกับเราภูมิใจทั้งที่ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเรา แต่มันก็เป็นสิ่งที่ชื่นชมอยู่ดี จากสายตาของทิพย์ ฉันก็คิดว่าทิพย์เองก็คงคิดแบบฉันเหมือนกัน
ฉันกวาดสายตาดูกระดาษหน้าแรกอีกครั้ง คิดไปคิดมา กีฬาวอลเล่ย์บอลฉันคงจะทำได้ละมั้ง ช่วงมัธยมฉันจำได้ลางๆว่าเคยเล่นอยู่บ้าง เท่าที่จำได้ฝีมือฉันเองก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก แถมตอนนี้รายชื่อคนที่จะลงวอลเล่ย์บอลก็มีน้อยคน งั้นก็ลงๆไปดีกว่าเผื่อจะทำได้อะไรได้มาขึ้น
ฉันพลิกกระดาษไปดูหน้าสอง ใช้สายตาไล่เรียงกันลงมา พลางนึกต่อว่า คนลงแข่งกินขนมโก๋นี้เก่งเนอะ เพราะมันฝืดคอชะมัด ขนาดฉันเวลากินต้องดื่มน้ำตามไปยังไม่ค่อยจะลงคอเลย นึกดูว่าถ้าตอนแข่งขันให้กินน่าจะอันใหญ่ และคงจะไม่มีน้ำให้ มันคงจะฝืดคอแบบสุดๆไปเลย แค่คิดฉันมึนหัวแล้ว
ไล่สายตาลงมาดูต่อ วิ่งกระสอบ? คงไม่ดีสำหรับคนตัวเตี้ยอย่างฉันละมั้ง กระสอบคงจะเลยหัวฉันพอดีจนต้องกลิ้งไปแทนวิ่ง ฉันกวาดสายตาดูไปให้ทั่วทั้งกระดาษเลย อืม อันนี้อันนั้นจ ฉันก็เล่นไม่ค่อยจะได้ สุดท้ายมาสะดุดสายตาที่ วิ่งสามขา อันนี้ๆฉันว่าฉันทำได้ละ จำได้เลยตอนกีฬาสีสมัยมัธยมปลายนี้ฉันได้ที่หนึ่งด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคู่ฉันดีหรือฉันเก่ง แต่ว่าฉันเองก็น่าจะทำได้ไม่อายใครละ งั้นลงอันนี้เพิ่มดีกว่า
ฉันกวาดสายตาดูกระดาษหน้าแรกอีกครั้ง คิดไปคิดมา กีฬาวอลเล่ย์บอลฉันคงจะทำได้ละมั้ง ช่วงมัธยมฉันจำได้ลางๆว่าเคยเล่นอยู่บ้าง เท่าที่จำได้ฝีมือฉันเองก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก แถมตอนนี้รายชื่อคนที่จะลงวอลเล่ย์บอลก็มีน้อยคน งั้นก็ลงๆไปดีกว่าเผื่อจะทำได้อะไรได้มาขึ้น
ฉันพลิกกระดาษไปดูหน้าสอง ใช้สายตาไล่เรียงกันลงมา พลางนึกต่อว่า คนลงแข่งกินขนมโก๋นี้เก่งเนอะ เพราะมันฝืดคอชะมัด ขนาดฉันเวลากินต้องดื่มน้ำตามไปยังไม่ค่อยจะลงคอเลย นึกดูว่าถ้าตอนแข่งขันให้กินน่าจะอันใหญ่ และคงจะไม่มีน้ำให้ มันคงจะฝืดคอแบบสุดๆไปเลย แค่คิดฉันมึนหัวแล้ว
ไล่สายตาลงมาดูต่อ วิ่งกระสอบ? คงไม่ดีสำหรับคนตัวเตี้ยอย่างฉันละมั้ง กระสอบคงจะเลยหัวฉันพอดีจนต้องกลิ้งไปแทนวิ่ง ฉันกวาดสายตาดูไปให้ทั่วทั้งกระดาษเลย อืม อันนี้อันนั้นจ ฉันก็เล่นไม่ค่อยจะได้ สุดท้ายมาสะดุดสายตาที่ วิ่งสามขา อันนี้ๆฉันว่าฉันทำได้ละ จำได้เลยตอนกีฬาสีสมัยมัธยมปลายนี้ฉันได้ที่หนึ่งด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคู่ฉันดีหรือฉันเก่ง แต่ว่าฉันเองก็น่าจะทำได้ไม่อายใครละ งั้นลงอันนี้เพิ่มดีกว่า
“ตกลงคุณหลินลงสองอย่างนี้นะคะ” ทิพย์สบตาฉันเพื่อถามความแน่ใจอีกครั้ง
“ค่ะ ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบรับทิพย์เอง ทิพย์ก็หยิบปากกาไปจดลงกระดาษอีกแผ่นเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“คือ อย่างที่หัวหน้าบอกไปช่วงเช้าแล้ว พวกเราจะมีซ้อมกันเร็วๆนี้นะคะ รายละเอียดการซ้อมอะไรยังไง รบกวนติดต่อคุณโจต่อนะคะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฉันบอกลาทิพย์ และหันหลังกลับอย่างรวดเร็วพร้อมก้าวเท้าเดินอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกลัวที่หัวหน้าที่จะโผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้บวกกับความคิดที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัว ฉันตื่นเต้นนิดหน่อยที่เลือกกีฬาที่ตัวเองพอทำได้ ตอนแรกฉันนึกว่าฉันคงต้องลุยแต่พวกกีฬาสันทนาการอย่างเดียวแล้ว
ดีละ ฉันเองก็จะตั้งใจซ้อมหน่อย เพราะช่วงนี้งานน้อยแถมธุระข้างนอกก็ไม่มีเลยว่างๆอยู่แล้วด้วย ยกเว้นถ้าโดนคนบ้าบุกบ้านกะทันหัน แต่นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษแล้วละ ฉันใช้เวลาไม่นานเท่าไรผ่านเข้ามาในเขตแผนกของเราเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางนั้นก็ราบรื่นดีไม่มีอะไรให้น่ากังวลหรือทำให้ตกใจอะไร ฉันเดินผ่านโต๊ะทำงานที่เรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด ต่างได้ยินเสียงพูดคุยกับถึงงานที่จะเกิดขึ้น ก็อย่างว่าละ รางวัลยิ่งใหญ่ขนาดนั้นใครๆก็คงพยายามเต็มที่ แผนกอื่นก็คงเหมือนกัน
ฉันเลยว่าฉันจะไปแวะไปคุยกับโจที่โต๊ะก่อนจะกลับไปทำงานดีกว่า นั้นไงเห็นโจแว้บๆ ที่โต๊ะข้างหน้าแล้ว แต่ก่อนที่จะฉันพูดอะไร โจยกมือไล่ฉัน แถมเอามือชี้ไปข้างหลังด้วย ฉันเลยงงๆนิดหน่อยแต่สายตาก็มองไปตามมือเข้าไป หัวหน้ากำลังเดินมาจากทางด้านหลัง ฉันเลยรีบเดินผ่านโจไปยังโต๊ะทำงานเลย รีบนั่งลง ทำตัวให้เป็นปกติที่สุดพลางขยับเมาส์ให้เครื่องคอมพิวเตอร์หลุดจากภาพพักหน้าจอ
ดีละ ฉันเองก็จะตั้งใจซ้อมหน่อย เพราะช่วงนี้งานน้อยแถมธุระข้างนอกก็ไม่มีเลยว่างๆอยู่แล้วด้วย ยกเว้นถ้าโดนคนบ้าบุกบ้านกะทันหัน แต่นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษแล้วละ ฉันใช้เวลาไม่นานเท่าไรผ่านเข้ามาในเขตแผนกของเราเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางนั้นก็ราบรื่นดีไม่มีอะไรให้น่ากังวลหรือทำให้ตกใจอะไร ฉันเดินผ่านโต๊ะทำงานที่เรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด ต่างได้ยินเสียงพูดคุยกับถึงงานที่จะเกิดขึ้น ก็อย่างว่าละ รางวัลยิ่งใหญ่ขนาดนั้นใครๆก็คงพยายามเต็มที่ แผนกอื่นก็คงเหมือนกัน
ฉันเลยว่าฉันจะไปแวะไปคุยกับโจที่โต๊ะก่อนจะกลับไปทำงานดีกว่า นั้นไงเห็นโจแว้บๆ ที่โต๊ะข้างหน้าแล้ว แต่ก่อนที่จะฉันพูดอะไร โจยกมือไล่ฉัน แถมเอามือชี้ไปข้างหลังด้วย ฉันเลยงงๆนิดหน่อยแต่สายตาก็มองไปตามมือเข้าไป หัวหน้ากำลังเดินมาจากทางด้านหลัง ฉันเลยรีบเดินผ่านโจไปยังโต๊ะทำงานเลย รีบนั่งลง ทำตัวให้เป็นปกติที่สุดพลางขยับเมาส์ให้เครื่องคอมพิวเตอร์หลุดจากภาพพักหน้าจอ
แต่แล้วหัวหน้างานเดินผ่านไปอย่างเงียบๆ อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันเองก็ถอนหายใจซะเฮือกใหญ่จนพิ้งค์หัวเราะคิกคัก
“เกือบไปแล้วสิเน้อ” พิ้งค์หันหน้ามาถามฉัน
“สุดๆเลยละ อีกนิดเดียวเอง”
“ช่ายๆ พิ้งค์เองก็เกือบไปเหมือนกัน ตะกี้อยู่ที่โต๊ะโจ เห็นบอสนี้รีบวิ่งฉิวเลย”
“แต่ว่าหลินไปคุยกับทิพย์แล้วใช่ม้า ตกลงลงอะไรไปล๊า” แต่ก่อนที่ฉันจะตอบไป โจเองก็เดินมาร่วมวงสนทนาพอดี
“เมื่อกี้เกือบไปแล้วจริงๆ นึกไม่ออกเลยว่าหัวหน้ามาเห็นจะทำยังไง” ถึงบทสนทนาของโจจะดูเครียดๆ แต่หน้าตาของเขาเป็นไปคนละทางเลย
“อ๋อ ใช่แล้วละค่ะ เกือบไปจริงๆ” ฉันพงักหน้า
“นี้โจจ๋า หลินไปคุยกับทิพย์เรียบร้อยแล้วล๊า”
“อ๋อ ดีจัง แล้วคุณหลินลงอะไรละครับ?”
“วอลเล่ย์กับวิ่งสามขาน่ะคะ”
“ดีเลยๆ เดี๋ยวผมรอจบรายชื่อจากอาทิตย์นี้ก่อนนะ พออาทิตย์หน้า
แผนกเราจะนัดแนะซ้อมกัน เตรียมตัวไว้ละ” โจเองก็ดูตื่นเต้นกว่าฉันสักอีก ก็ว่าละ พวกหนุ่มพลังเยอะมันจะเป็นสไตล์แบบนี้ทุกคน
ตลอดอาทิตย์นี้พวกเราสี่คนคุยกันแต่เรื่องแข่งกีฬากันตลอดเลย ไม่เว้นแต่ตอนทานข้าวที่โรงอาหาร โจเองก็ดูสดชื่นกว่าทุกครั้งแถมดูมีความสุขมากด้วย นอกจากคุยกันเองในกลุ่มของพวกเรานั้น เขาเองก็ไปคุยกับกลุ่มอื่นๆในแผนกเดียวกัน มิน่าเล่า ทิพย์ถึงบอกว่าถามอยากรู้รายละเอียดอะไรให้ไปถามโจ เพราะเขาก็เหมือนเป็นคนที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คนในแผนก
และเป็นที่แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องรู้เรื่องราวมากมายจากพูดคุยและมีปฎิสัมพันธ์นั้น ซึ่งทิพย์และพิ้งค์เองก็เหมือนกัน เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่โจทำ นั้นคือ การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น การทำเช่นนี้ทำให้เราเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างหลากหลายอย่างมากขึ้น แต่ฉันว่านะ มันเหมือนเราเปิดหน้าต่างในบ้านเพื่อให้มองเห็นโลกภายนอก แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็สามารถมองเข้ามาในบ้านเราเหมือนกัน
ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะฉันพอได้ยินมาบ้างว่ามีใครสักคนไม่ชอบโจ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย แต่จริงๆแล้ว ช่างมันเถอะ เราไม่ได้สามารถทำให้ใครชอบบ้านของเราได้ทั้งหมดหรอก แต่เราเองต้องเรียนรู้ที่จะเปิดและปิดหน้าต่างให้เหมาะสม และเรื่องนั้นเราจะเรียนรู้ได้ตามกาลเวลาที่หมุนผ่านไป
แผนกเราจะนัดแนะซ้อมกัน เตรียมตัวไว้ละ” โจเองก็ดูตื่นเต้นกว่าฉันสักอีก ก็ว่าละ พวกหนุ่มพลังเยอะมันจะเป็นสไตล์แบบนี้ทุกคน
ตลอดอาทิตย์นี้พวกเราสี่คนคุยกันแต่เรื่องแข่งกีฬากันตลอดเลย ไม่เว้นแต่ตอนทานข้าวที่โรงอาหาร โจเองก็ดูสดชื่นกว่าทุกครั้งแถมดูมีความสุขมากด้วย นอกจากคุยกันเองในกลุ่มของพวกเรานั้น เขาเองก็ไปคุยกับกลุ่มอื่นๆในแผนกเดียวกัน มิน่าเล่า ทิพย์ถึงบอกว่าถามอยากรู้รายละเอียดอะไรให้ไปถามโจ เพราะเขาก็เหมือนเป็นคนที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คนในแผนก
และเป็นที่แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องรู้เรื่องราวมากมายจากพูดคุยและมีปฎิสัมพันธ์นั้น ซึ่งทิพย์และพิ้งค์เองก็เหมือนกัน เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่โจทำ นั้นคือ การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น การทำเช่นนี้ทำให้เราเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างหลากหลายอย่างมากขึ้น แต่ฉันว่านะ มันเหมือนเราเปิดหน้าต่างในบ้านเพื่อให้มองเห็นโลกภายนอก แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็สามารถมองเข้ามาในบ้านเราเหมือนกัน
ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะฉันพอได้ยินมาบ้างว่ามีใครสักคนไม่ชอบโจ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย แต่จริงๆแล้ว ช่างมันเถอะ เราไม่ได้สามารถทำให้ใครชอบบ้านของเราได้ทั้งหมดหรอก แต่เราเองต้องเรียนรู้ที่จะเปิดและปิดหน้าต่างให้เหมาะสม และเรื่องนั้นเราจะเรียนรู้ได้ตามกาลเวลาที่หมุนผ่านไป
และแน่นอนว่า เวลานั้นผ่านไปไวราวกับโกหกเสมอ จิตใจที่จดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างนั้นยิ่งขับเคลื่อนความรู้สึกให้หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปฎิทินนั้นลั่นคำว่านี้คือวันศุกร์ นาฬิกาพร่ำบอกเวลาว่านี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วแต่ฉันเองก็เหมือนยังไม่ได้สติอะไรกลับคืนมา ความต้องการในบางสิ่งอย่างนั้นทำให้เราหลงลืมอะไรไปบางอย่างจริงๆ
“เอ่อ คุณหลินมีชุดกีฬาหรือยัง” โจเดินเข้ามาสะกิดฉัน
“หมายถึงพวกชุดจะใช้ใส่ซ้อมเหรอคะ”
“อ๋อ ใช่ครับ” อืมๆ จากความทรงจำของฉันต่อตู้เสื้อผ้าสีทึบนั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากชุดทำงานและเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา
“อ๋อ ยังไม่มีคะ เดี๋ยวว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะลองไปหาซื้อน่ะค่ะ” ฉันตอบเขาไป
“งั้น ถ้าคุณหลินพอจะสะดวกวันนี้ไหมครับ คือผมจะไปซื้อชุดใหม่พอดี เราไปด้วยกันไหมครับ?”
“อา...ได้ค่ะ” ฉันตอบรับเขาไป เพราะวันหยุดฉันเองรู้สึกขี้เกียจเดินออกมา อยากกลิ้งไปกลิ้งมาสักหน่อย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น