ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bitterblossom : รักหวาน(ขม)ของต้นฤดูร้อน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : เริ่มต้นใหม่ในฤดูร้อน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 57



    ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของปี เห็นว่าในหนังสือเขาว่า
    อย่างนั้นนะ แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าหน้าร้อนปีนี้นั้นไม่ร้อนเท่าที่คิดไว้
    นั้นอาจเป็นฉันเป็นพวกชอบความร้อนละมั้ง ฉันค่อนข้างโอเคเวลาหน้าร้อน ตากผ้าก็แห้งไว อากาศก็แจ่มใส อีกทั้งฝุ่นมันก็น้อยด้วยนะ แต่อย่างว่าพูดไปแบบนี้คนคงมองว่ายัยนี้มันเพี้ยนแหงๆ อากาศแบบนี้แค่คิดมันก็ชวนให้เหงื่อไหลแล้ว

     

    แล้วทำไมถึงฉันมาพูดอะไรเกี่ยวกับหน้าร้อนล่ะ? ถ้าจะถามถึงเหตุผลละก็นะ หน้าร้อนมันก็เหมือนฤดูใบไม้ผลิของประเทศที่มีสี่ฤดูกาล ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีแค่สองแบบก็ตาม คือไม่ฝนตกสุดๆ ก็ร้อนสุดๆไปเลย ยังไงซะหน้าร้อนมันก็เหมือนตัวแทนของฤดูไม้ใบผลิ มันเป็นช่วงฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่หลังจากหน้าหนาวผ่านพ้นไป
     

    และแน่นอน ในหน้าร้อนปีนี้ นั้นเป็นช่วงเริ่มต้นชีวิตของฉันครั้งใหม่เหมือนกัน…
     
    ---------------------------------------------------------------------------
     

    “ว้าถึงซะที”
     

    ฉันเพิ่งเดินทางถึงบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ใกล้ที่ทำงานของฉันเอง จริงๆบ้านหลังนี้เป็นของคุณยายของที่เพิ่งจะเสียไป คุณยายเคยอยู่บ้านหลังนี้มานานตั้งแต่ฉันจำความได้

    ตอนเด็กฉันเคยมาเยี่ยมท่านบ่อยมากจนกระทั่งฉันเริ่มเรียนมัธยม ตอนนี้ฉันเพิ่งจบ แต่คุณยายไปสวรรค์ก่อนจะเห็นความสำเร็จของฉัน ไม่เป็นไร…ฉันเชื่อว่าอย่างน้อยคุณยายของฉันคงจะยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนสวรรค์ และคอยดูฉันเติบโตอยู่
     

    ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงให้หลานสาวอย่างฉันรับช่วงต่อไป เพราะบรรดาญาติเห็นว่าฉันเพิ่งจะเริ่มทำงาน อะไรที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด ค่าหอ ค่าเดินทางจากที่พักเดิมของฉันที่อยู่ไกลคงไม่ต้องเสียแล้ว

    ซึ่งฉันก็พอรู้สึกพอใจนะที่ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่มันลดลงไป แต่อย่างไรก็ตาม…การที่ขาดใครสักคนไปในครอบครัวนั้นมันทดแทนกันไม่ได้หรอกนะ อย่างไรซะฉันจะดูแลบ้านหลังนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่ออย่างน้อยเป็นการเติมช่องว่างที่ขาดหายไปของพวกเราให้คงอยู่ต่อไป


     
    บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว เป็นสีครีมประกอบกับหน้าต่างที่น้ำตาลให้ความรู้สึกอบอุ่น รอบบ้านๆนั้นเป็นพื้นหญ้าสีเขียวอ่อนให้ความรู้สึกสบายตาดีคะ ถึงแม้ว่าพื้นที่จะไม่กว้างนักก็ตาม บ้านนี้มีระเบียงยื่นออกที่ฝั่งขวาของตัวบ้าน ดูแล้วพอที่จะให้ครอบครัวของฉันนั่งรับลมได้เลยล่ะ

     
    แต่ฉันค่อนข้างกังวลนิดหน่อยคือรั้วของบ้าน มันค่อนข้างเตี้ยจนเราสามารถมองเห็นอะไรของบ้านข้างๆได้เลย ซึ่งบ้านที่สองสามที่ติดกันนี้เป็นแบบเดียวกันหมด คือมันสูงแค่ระดับหน้าอกของฉันเองอะ ซึ่งฉันก็เป็นคนไม่ค่อยสูงอยู่แล้วด้วย ลองๆนึกดูถ้าข้างบ้านนี้เป็นผู้ชายตัวสูงหน่อย เขาคงก้าวขาข้ามกำแพงมาเลยมั้ง ฉันเลยนึกภาวนาขอให้คนข้างบ้านฉันเป็นคนดีด้วยเทอญ  

    แต่บางทีฉันอาจกังวลเกินกว่าเหตุก็ได้มั้ง เพราะบ้านข้างๆฉันนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวเหมือนกัน สีบ้านเป็นสีชมพูอ่อน และหน้าต่างรับลมหลายบานเลย อีกทั้งยังมีกระถางดอกไม้เยอะมาก แถมยังมีแปลงดอกไม้สวยๆที่ติดกับฝั่งกำแพงบ้านฉันอีก คิดดูยังไงๆก็น่าจะเป็นบ้านสาววัยแรกรุ่นใสๆละมั้ง ฉันเลยไม่ได้กังวลอะไรมากในตอนนี้


     
    ---------------------------------------------------------------------------


     
    วันนี้ทั้งวันฉันก็จมอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน คือความจริงมันก็ไม่ได้สกปรกอะไรนักหรอกนะ แต่ฉันกลับเสียเวลาดูของในตู้ที่อยู่ห้องครัวว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งครัวของคุณยายฉันมีของเยอะมากจริงๆ นั้นก็กระทะใบโตที่ฉันเห็นตอนเด็กว่ามันใหญ่มาก แต่ตอนนี้มันกลับใบเล็กนิดเดียวเอง อย่างว่าละ สายตาของคนต่างวัยที่มองเรื่องเดียวกันมันแตกต่างกันจริงๆนะ ยิ่งมองของในห้องครัวที่ฉันคุ้นตาตั้งแต่ฉันยังเด็กนี้ มันยิ่งกลับทำให้ฉันรู้สึกคิดถึงวันวานเก่าๆมากขึ้นทุกที แต่ฉันสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า อย่างไรก็ซะ ฉันจะไม่เศร้า และ ฉันจะทำให้บ้านหลังนี้มีชีวิตชีวาเหมือนตอนที่คุณยายยังอยู่ให้ได้
     

    ช่วงหัวค่ำฉันเริ่มรู้สึกเหนียวตัวแล้วละ หลังจากซนรื้อของในห้องครัวออกมากระจุยกระจาย ฉันเลยคิดว่าถึงเวลาอาบน้ำแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ชอบฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเดือนแบบนี้ บางทีฉันก็อยากเอาตัวแช่น้ำให้สะใจกันทั้งวันไปเลย ฉันรีบหยิบผ้าเช็ดตัว วิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

    สักพักฉันก็ออกมานั่งที่ระเบียบ ว้า อากาศดีจัง ฉันชอบหน้าร้อนก็เพราะอย่างเนี้ยละ ลมเย็นปะทะผ่านตัวไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันให้ฉันรู้สึกดีแบบสุดๆ พาลจะพาให้ฉันรู้สึกง่วงแล้วสิ
     

    แต่สายตาฉันก็ยังซุกซนไปยังข้างบ้าน แปลงดอกไม้นั้นสวยจริงๆละ มีดอกอะไรไม่รู้เต็มไปหมด สวยๆทั้งนั้น ยิ่งทำให้นึกว่าเจ้าของบ้านนี้จะต้องเป็นสาวๆแน่นอน คือจะเป็นผู้ชายมันก็ดูแปลกๆ แต่จริงๆมันไม่เลวหรอกนะ ผู้ชายกับดอกไม้เนี้ย บางทีมันก็อาจจะเข้ากันได้มากกว่าที่คิด อย่างไรซะ วันนี้ฉันคงจะเห็นหน้าตาเพื่อนบ้านคนนี้สักที นี้ก็เริ่มจะดึกแล้วนินา ฉันว่าเดี๋ยวสักพัก เขาคงจะกลับมาละ


    ---------------------------------------------------------------------------

     

    “บรื้นนนนนนนนน-----นนนนน”
     
     
    ห๊ะ! เสียงมอเตอร์ไซด์ที่ไหนกัน ดังขนาดหนัก ทำให้ฉันก็กำลังง่วงๆสะดุ้งขึ้นมา นี้มันมีเด็กแว้นแถวนี้ด้วยเรอะ! ฉันนึกว่าที่นี้มันจะสงบอย่างคิด สายตาเหลือบมองไปไกลๆที่ถนน แสงไฟจ้าสีส้มทำให้ถนนหน้าบ้านเส้นนี้ของฉันสว่างไสวขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ต้นตอของเสียงอยู่ไกลจากบ้านของฉันแท้ อ๊ายยยยย! ไม่เอานะ ฉันอยากอยู่สงบแท้ๆ ในใจคิดว่าอยากจะขว้างรองเท้าใส่ดูสักทีถ้ารถบ้านั้นขับผ่านหน้าบ้านแต่ก็รู้สึกว่านี้มันก็น่ากลัวไปหน่อย เพราะฉันยังไม่รู้จักใครแถวนี้เลยอะ!กำแพงบ้านฉันก็ดันเตี้ยอีก ถ้าคนขับรถมันโมโหแล้วบุกเข้าบ้านแล้วจะทำยังไงกัน กรี๊ดด—ดด แค่คิดฉันก็สยองแล้ว

     
    แต่ทว่ารถบ้านั้นกลับมาจอดตรงที่บ้านข้างๆฉัน รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ช๊อปเปอร์สีดำคันใหญ่คาดแดง คนขับค่อยๆก้าวหน้าลงจากรถนั้น เสื้อแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม กับหมวกกันน๊อคสีดำเต็มใบ หว๊า—ยยย ดูยังไงๆมันก็ผู้ชายชัด แถมยังตัวสูงเป็นบ้า! ความฝันที่คนข้างบ้านจะเป็นสาวน้อยแสนสดใสพังทลายลงพริบตา นี้มันไม่ใช้เรื่องจริงใช่ไม๊--ม


     
    เขาค่อยเปิดประตูบ้านออกอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่าไม่อยากให้มีเสียงดัง ฉันคิดในใจไอ้นี้มันบ้าแน่นอนเพราะมอเตอร์ไซค์มันกระหึ่มทั้งซอยอยู่แล้วละยะ จะมาเปิดประตูเบาๆทำบ้าอะไร เขาค่อยๆจูงมอเตอร์ไซค์เข้ามาในรั้วบ้าน แต่ดูยังไงสายตาหมอนี้ก็จับจ้องมาอยู่ตัวฉัน

    ถึงจะมองไม่เห็นดวงตาของเขาผ่านกระจกหมวกกันน๊อค แต่ฉันพนันได้เลยว่า หมอนี้กำลังจ้องฉันอยู่แหงๆ แต่มันน่ากลัวสุดไปเลยไม่ใช่เหรอไง หมอนี้เป็นใครกัน? แล้วรูปลักษณ์ที่ผิดแปลกสุดๆกับบ้านหลังนี้ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกๆยิ่งกว่าเดิมอีก นี้มันผิดคาดเกินไปแล้วนะ! สักพัก เขาปลดขาตั้งมอเตอร์ไซค์ลงอย่างช้าๆ พลางปลดที่รัดคางออก เขาใช้สองมือค่อยๆถอดออกหมวกกันน๊อค

     
     
    [อ๊ะ! หมอนี้ก็ดูหน้าตาไม่เลวร้ายอะไรนิ]
     
     
    เขาถอดหมวกกันน๊อคออกมาให้เห็นใบหน้าทั้ง ใบหน้าที่สะอาดสะอ้าน โครงหน้าที่เรียวยาว จมูกที่คมเป็นสันอย่างชัดเจน ผมดำมันเงาแสดงถึงการดูแลตัวเองอย่างดี และแววตาแบบอบอุ่นๆนี้มันให้ความรู้สึกแบบพระเอกหนังโรแมนติคนี้

    ฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่าหน้าตาไม่เลวร้ายอะไร หมอนี้มันหล่อ! หล่อมาก! หล่อแบบสุดๆ! หน้าตาแบบนี้ทำให้ฉันคิดว่า ถ้าหมอนี้เป็นดาราฉันคงเชื่อสนิทใจทันทีที่ได้ยิน แต่ยังไงก็ตาม ฉันจะถูกใบหน้าอันหล่อเหลาหลอกไม่ได้! ภาพลักษณ์ที่ดูสวนทางกันไปหมดนี้ยิ่งทำให้สับสนแบบสุดๆ

     
     
    “Hey  yo”

     
    “ห๊ะ!” ฉันตอบไปไม่ได้ทันคิด
     
     
    “เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เหรอ” เขาคิ้วขมวดเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
     
     
    “อือ!” ฉันรู้สึกเกร็งๆไปหมดแล้วสิ แต่มันก็ไม่แปลกนักหรอก คนบ้าอะไรเพิ่งจะเจอหน้าก็ทักกันแบบประหลาดๆแล้ว
     
     
    “เธอเป็นหลานสาวคุณยายที่เคยอยู่บ้านนี้ใช่ไหมนิ?”
     
     
    “ก็ใช่ไง” ฉันตอบไปอย่างห้วนๆ
     
     
    “ฮะฮ่า ฉันว่าแล้ว ก็หน้าตาเธอเหมือนกับยาย ยังกับคนคนเดียวกันน่ะ” เขาหัวเราะพืมพำในลำคอ ไอ้บ้า หัวเราะทำไมยะ! ฉันหน้าตาเหมือนคุณยายแล้วมันผิดตรงไหนยะ! ก็ฉันเป็นหลานเขานินา เอ๊ะ! หรือจะนายจะสื่อถึงว่าหน้าฉันแก่เหรอ หนอย! นายนี้มัน อ๊าก---กก ชวนหงุดหงิดตั้งแต่แรกเลยนะ!
     
     
    “…” ฉันทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็ทำให้ฉันรู้สึกคิดถึงคุณยาย
     
     
    “…” เขาเห็นฉันเงียบลงไป คงสังเกตอะไรสักอย่างได้ละมั้ง ฉันยิ่งเป็นพวกเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่อยู่ด้วยสิ
     
     
    “ขอโทษทีนะ ฉันรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วละ เมื่อก่อนนั้นฉันค่อนข้างสนิทกับคุณยายของเธอมากเพราะบ้านเราติดกัน คุณยายชอบทำอาหารอะไรใหม่ๆมาให้ลองชิมอยู่ตลอดเลยละว่างๆก็ชวนฉันมาเป็นลูกมือทำกับข้าวด้วยละ”
     
     
    ฉันเริ่มเข้าใจแล้วละ ว่าทำไมในครัวถึงมีของเยอะนัก แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณยายถึงดูสนิทกับหมอนี้ได้ ทั้งๆที่คุณยายเป็นคนเก็บตัวขนาดนั้น ถึงได้มาปลูกบ้านมาอยู่คนเดียวที่นี้
     
     
    “คุณยายของเธอเป็นคนร่าเริงมากเลยละนะ ชอบเอามุกตลกอะไรมาเล่นให้ฟังอยู่เสมอ ขำก๊ากมาก ไม่รู้ไปเอามาจากไหน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนกับเด็กๆ เขาเว้นวรรคหายใจ แล้วพูดต่อว่า
     
     
    “และคอยให้กำลังใจฉันด้วย ฉันอยากขอบคุณคุณยายของเธอจริงๆนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
     
     
    “…” ฉันได้แต่อึ้ง เพราะปรับอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน หมอนี้เป็นคนแปลกๆจริงๆด้วย แต่ที่พูดๆออกมานี้คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรละมั้ง
     
     
    “แต่ว่าเธอชื่ออะไรน่ะ” น้ำเสียงของเขากลับมาปกติ ทำลายความเงียบของบทสนทนาของเรา
     
     
    “ฉันชื่อ หลิน น่ะ” ฉันกล่าว
     
     
    “โอ้ว ชื่อเธอคล้ายคุณยายเธอเลย คุณยายหลิวน่ะ” หมอนี้กลับมาอารมณ์ดีอีกแล้ว ฉันตามไม่ถูกเลยจริงๆ

     
    “แล้วนายชื่ออะไรล่ะ จะไม่แนะนำตัวหน่อยหรอ?”
     
     
    “ฉันชื่อ ริว น่ะ”
     
     
    “ฮะฮ่า ชื่อของพวกเรานี้ฟังแล้วคล้ายกันไปหมดเลยเนอะว่าไหมละ สงสัยจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราพบกันแน่”
     
     
    เขาหัวเราะร่วนเสียงดังพอดูเลย แต่เอ๊ะ! นายพูดแบบนี้กับสาวกับนางได้ยังไงกันน่ะ แถมเป็นคนที่เพิ่งเจอกันด้วย นี้มันเหมือนนิยายโรแมนติคไปหน่อยละมั้ง ถึงว่ามันทำให้ฉันรู้สึกเขินๆนิดหน่อยถ้ามีหนุ่มมาพูดกับฉันแบบนี้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ กับไอ้บ้าที่เปลี่ยนอารมณ์จนตามไม่ถูก นี้มันทำพาลอารมณ์เสียไปหน่อยละ
     
     
    ”ฉันว่าเธอเข้าบ้านได้แล้วละมั้งนะ ที่เริ่มค่ำแล้วน่ะ น้ำค้างมันจะลงหัว พาลไม่สบายไปกันซะเปล่าๆ”
     
     
    ฉันได้แต่พยักหน้ารับคำหมอนี้ไปเลย ซึ่งมันก็จริงละ ฉันเองก็รู้สึกหนาวๆขึ้นมานิดหน่อย ฉันหันกลับหันหลัง เปิดประตูหลังระเบียงและกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เสียงของเขาตะโกนไล่หลังมาว่า
     
     
    “เดี๋ยวสิ!”
     
     
    “ห๊ะ!” หมอนี้มันเป็นอะไรกันนะ เมื่อกี้ไล่ฉันเข้าบ้านอยู่แหมบๆ นี้กลับมาเรียกอีกแล้ว
     
     
    “วันหลัง เธอทำกับข้าวให้ฉันกินหน่อยสิ”
     
     
    “ฉันทำอาหารไม่เก่ง แล้วอีกอย่างทำไมต้องมาทำให้นายกินด้วยห๊ะ!” ฉันตอบไปอย่างแข็งๆ
     
     
    “เอาน่านะ ฉันจะช่วยเธอเป็นลูกมือเอง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเก่งก็ตาม แต่เราสองคนช่วยกันได้นะ” เขาน้ำเสียงแบบเด็กเล็กๆอีกแล้ว ฉันเองก็เหมือนใจอ่อนนิดหน่อยพอได้ยินเสียงนั้น คนที่สนิทกับคุณยายของฉันที่คอยเก็บแต่ตัวนั้นคงจะไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแน่นอน ฉันก็เชื่อว่าอย่างนั้น
     
     
    “ได้ๆ แต่ไม่รับปากนะว่าจะทำตอนไหน ฉันว่างเมื่อไรก็เมื่อนั้นละ”
     
     
    “อื้ม!ขอบคุณมากนะ!” รอยยิ้มแบบนั้นฉันพนันได้เลยว่า ผู้หญิงส่วนมากต้องละลายแน่ๆ บวกกับรูปร่างหน้าตาหมอนี้ก็เหมาะกับชื่อเท่ๆอย่างริวก็ตาม หมอนี้มันดูดีจริงๆอย่างที่ฉันไม่ปฎิเสธไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามแต่ อารมณ์ขึ้นๆลงๆกับคำพูดคำจาจากปากไอ้หมอนี้มันชวนให้หงุดหงิดยังไงก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
     
     
    “ฉันจะไปละนะ” ฉันตัดบทสนทนาก่อน เพราะนี้มันค่อนข้างจะดึกแล้ว ฉันมีอะไรต้องทำต่อเพื่อเตรียมตัวเพื่อที่จะเช้าทำงานเป็นวันแรก
     
     
    “ok bye ไว้เจอกันนะ”
     
     
     
    ฉันเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว พาลถึงเวลาที่เสียไปกับหมอนี้ตั้งนาน แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน ที่รู้สักทีว่าเพื่อนบ้านของฉันเป็นใครกัน ถ้าวันนี้ฉันไม่รู้ ฉันคงนอนไม่หลับแหงๆ กำแพงเตี้ยๆนั้นเหมือนกับว่าไม่สามารถปกป้องอะไรฉันได้เลยในเมืองหลวงที่มีแต่ข่าวเลวร้ายแบบนี้ เห็นแบบนี้ฉันก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง

    แต่อย่างว่านั้น คนเราต้องอาศัยระยะเวลาในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ฉันหวังไว้ลึกๆว่า หมอนี้คงจะดีจริงๆอย่างที่เขาตามแบบที่พูดไว้วันนี้ ถึงเวลาที่ฉันคงจะต้องนอนแล้วละ ถึงแม้ว่าที่ทำงานของฉันจะไม่ไกลสักเท่าไรนัก แต่การมาทำงานเช้าๆมันก็แสดงถึงความรับผิดชอบของคนที่เพิ่งจะเริ่ม”อยากจะเป็นผู้ใหญ่”อย่างฉัน ราตรีสวัสดิ์นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×