คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ในห้องทำงานเล็กๆ เป็นห้องที่โล่งมีโต๊ะทำงานอยู่ฝั่งหนึ่ง ผู้หญิงตัวเตี้ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโผล่จากโต๊ะแค่นิดเดียว ฉันมองสำรวจไปรอบๆมีรูปพิธีกรดังๆแปะอยู่สองสามรูปที่ผนัง ริมห้องมีแจกันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างในมีดอกไม้ที่แสนจะเหี่ยวเสมือนว่าไม่ได้รดน้ำมานานเป็นเดือน
“อืม”หญิงร่างเตี้ยเริ่มเปิดปากหลังจากนั่งเงียบมองแฟ้มอยู่หลายนาที
“ค่ะ”ฉันกล่าวด้วยเสียงที่สั่นและรีบร้อน
“เธอชื่อสุมิตตา นามดำรงใช่ไหม ชื่อเล่น ซัมเมอร์ ชื่อเพราะดี การเรียนเยี่ยม จบได้เกียรตินิยมอันดับสองจากมหาวิทยาลัยชื่อดังซะด้วย”หญิงเตี้ยกล่าวพร้อมเงยหน้าของหล่อนขึ้นสำรวจร่างกายฉันที่ยืนสั่นเป็นเจ้าเข้า
“แต่เธอติดอยู่เรื่องเดียว”หญิงเตี้ยถอดแว่นออก
“เรื่องอะไรค่ะ”
“เรื่องนั้นเธอน่าจะรู้อยู่แล้ว เธอมาสมัครเป็นอะไร”
“พิธีกรรายการค่ะ”เสียงฉันเริ่มสั่นเครือน้ำตาเริ่มคลอเบ้า
“ใช่ ฉันเสียใจด้วย เธอไม่ผ่านการสัมภาษณ์แล้วเธอก็เลิกฝัน ฉันว่าเธอควรเปลี่ยนความคิด”
“แค่เรื่องที่ฉันอ้วนและหน้าตาไม่ดีทำให้เป็นพิธีกรไม่ได้หรอค่ะ”ฉันเริ่มขึ้นเสียงและก้มหน้าลงน้ำตาที่พยายามจะไม่ไหลมันก็ดันไหลเสียได้ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นฉันอ่อนแอปกติฉันเป็นคนที่เข้มแข็งมากแต่เพราะเจอเรื่องแบบเดียวกันมาหลายครั้งทำให้ความอัดอั้นตันใจระอุขึ้น
“ใช่ เชิญออก”หญิงเตี้ยผายมือไปที่ประตู
“ยังมีพิธีกรหน้าตาไม่ดีได้เลยแล้วทำไมฉันจะเป็นไม่ได้”
“คนเราควรรู้จักประมาณตนนะ พิธีกรรายการสมัยนี้มีใครบ้างที่จะหุ่นเป็นตุ่มหน้าตาเป็นปลาชนเขื่อนอย่างเธอ”
“คนเราก็ไม่ควรดูถูกคนอื่น ควรรู้จักให้เกียรติผู้อื่นด้วยเช่นกัน”ฉันส่งสายตาดูแคลน
“คนปากดีอย่างเธอเชิญก้าวออกจากออฟฟิศฉันด่วน เดี๋ยวออฟฟิศฉันจะมีราคี”หญิงเตี้ยชี้หน้า
“ฉันก็ไม่อยากอยู่หรอก และก็ไม่ต้องไล่ฉันเป็นผู้ดีพอที่รู้จักกาลเทศะ”ฉันเดินออกไปอย่างไม่หันกลับมามอง
“โธ่เว้ย เพราะหน้าตากับความอ้วน ยัยซัมเมอร์ทำไมแกถึงได้เกิดมาอาภัพขนาดชีวิตไม่เคยเจอเรื่องดีๆ อยากตาย”ฉันตำหนิตัวเองเลยไม่ทันมองว่าไฟเขียวแล้วฉันเดินลิ่วออกไปและวินาทีถัดมารถก็ชนเข้ากับฉัน ตัวของฉันเหมือนตีลังกากลางอากาศไม่รู้กี่ตลบ ไม่รู้ว่าลอยมาไกลแค่ไหน ภาพในสมองเริ่มเลือนรางแล้วก็มืดลง
“คุณค่ะเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”เสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนที่จะหมดสติไป
“นี่ฉันอยู่ไหนเนี่ย”ฉันกำลังเดินอยู่ในหมอกควันสีขาวที่ทึบจนมองไม่เห็นอะไรอยู่ก็มีแสงสว่างมาจากที่ไกลๆ ฉันก้าวเท้าเข้าไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มอยู่คนเดียวเธอมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า
“คุณ
“คุณจะทำอะไร”ฉันเดินถอยหลังหนีแต่หญิงงามก็กลับสาวเท้าเร็วขึ้นและเข้ามาประชิดตัวฉันได้ เธอเดินทะลุตัวฉันไปแล้วก็หายไปในชั่วพริบตา
“โอ๊ย โอ๊ย”แล้วความรู้สึกเจ็บทั่วร่างกายก็แผ่ซ่านจนปวดระบมไปทั้งตัวยิ่งที่ศีรษะยิ่งปวด
“ท่านหญิงเจ้าค่ะ ท่านหญิงเป็นอะไรเจ้าค่ะ”เสียงผู้หญิงดังขึ้น น้ำเสียงแสดงออกถึงความห่วงใยเป็นอย่างมากหรือจะเป็นน้องสาวเรา ยัยออทัม
“ออทัม ชะช่วยพี่ด้วยปวดเหลือเกิน”น้ำเสียงแหบๆเปล่งออกมาจากลำคอ
“ว่าอะไรน่ะเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ได้ยินเลย”
“ออทัม พี่เจ็บ”ฉันยังคงดิ้นบิดตัวไปมา
“ท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงไทร่าไม่ต้องกลัวน่ะเจ้าค่ะ”
“ท่านหญิงไทร่าไม่ต้องห่วง ข้าเป็นหมอที่เก่งกาจรับรองท่านต้องปลอดภัย”น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าขี้อวดแค่ไหน
“ท่านหญิงไทร่า เดี่ยวหมอจะให้ยาสลบกับยาชาหน่อยน่ะครับ”มือใหญ่สากทาบลงมาที่แขนความรู้สึกเจ็บจี้ดๆเหมือนโดนฉีดยาแล้วทุกอย่างก็มืดสนิท
“โอ๊ย”ฉันร้องแล้วจับหัว แล้วเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมองสำรวจไปรอบๆมันเป็นห้องไม้ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำจากไม้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ไม้สมองฉันค่อยๆประมวลผล
“หรือว่าที่นี่โรงพยาบาล”อยู่ๆประตูก็เปิดผลัวขึ้นทำเอาใจหายใจคว่ำ
“ท่านหญิง ท่านฟื้นแล้ว ท่านชาย ท่านหญิงไทร่าฟื้นแล้ว” คนที่เปิดมาแต่งตัวชุดกระโปรงยาวสีเลือดหมูราวกับจะไปงานราตรีตะโกนเสียงดัง
“คุณเป็นใครเข้ามามีอะไร”ฉันเอ่ย
“ท่านหญิงจำดิฉันไม่ได้หรอค่ะ โมนาไงค่ะแม่นมท่านหญิง”สาววัยกลางคนกระโปรงเลือดหมูคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดฉันสะแน่น
“แม่นมอะไร ฉันไม่มีคุณคงเป็นคนบ้าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ปล่อยหลุดออกมาแน่น”ฉันกล่าวอย่างกลัวๆแล้วค่อยๆดันตัวสาวแก่ออก
“หรือท่านหญิงสมองเสื่อม”หญิงแก่กระโปรงเลือดหมูร้องไห้โฮ
“ออกไปนะ ไม่งั้นจะเรียกพยาบาล”ฉันควานหาปุ่มกดเรียกพยาบาลแต่ก็ไม่เจอ
“ท่านหญิงไม่น่ะ ท่านหญิงไทร่าของโมนาเป็นบ้าหรอเนี่ย”
“เธอน่ะสิบ้า แต่งตัวประหลาดๆ”ฉันลุกขึ้นจะวิ่งหนีผู้หญิงบ้าคนนี้ แต่ก็เซล้มลง
“ท่านหญิง”เจ้าหล่อนถลาจะเข้ามาช่วย
“อย่าเข้าใกล้น่ะ”ฉันยันตัวลุกขึ้นจะเดินออกแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกระจกเงาสะท้อนในกระจกทำเอาฉันขนลุกชัน ฉันเดินเข้าไปใกล้กระจก เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก
“นี่มัน อะไรกะกัน”ฉันยืนนค้างอยู่หน้ากระจกแล้วก็เป็นลมล้มพับไป
“ลูกหญิงของพ่อ”ชายดูมีอายุเดินเข้ามาแล้วปราดเข้าไปอุ้มฉันขึ้นไปวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“ดิฉันจะไปตามหมอให้น่ะค่ะ”หญิงแก่กระโปรงเลือดหมูวิ่งออกไปหน้าตาตื่น ฉันค่อยดิ่งลงสู่มิติแห่งความมืดมิด ทุกอย่างมืดสนิท แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาปรากฎกายข้างตัวแล้วลากฉันไป
“ปล่อยมือฉันน่ะ”ฉันพยายามสลัดมือแต่ยิ่งพยายามมือนั้นยิ่งรัดแน่นขึ้นฉันจึงหยุดดิ้น
เธอยังคงลากต่อไป แล้วก็เริ่มเห็นแสงสว่างลางเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่เป็นบ้านที่เก่าและซอมซ่อ ดูไม่แข็งแรงอาจจะพังลงมาได้ ฉันเห็นคนสองคนคุยกันแต่เสียงเบาจนแทบจะกระซิบแล้วก็มีเสียงดังโครมมันรวดเร้วมากจนสายตาฉันมองไม่ทัน ร่างผู้หญิงลอยตีลังกาหลายตลบเลือดนอง
“ท่านหญิงค่ะ”
“ฮือ”ฉันปรือตาขึ้นแล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นสุดขีดจนสาวบ้ากระโปรงเลือดหมูตกใจ
“ท่านหญิงเป็นอะไรอีกหรือเจ้าค่ะ”
“ฉะฉั้น”ฉันลุกขึ้นไปที่กระจกแล้วก็ต้องตกตะลึงนี่คนหรือนางฟ้ากันแน่นใบหน้าสวยได้รูปตากลมโตสีเขียวมรกต จมูกโด่งเป้นสันราวกับศัลยกรรมเกาหลี ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็ก ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก ผมสีทองสลวยยาวปะบ่า ใบหน้าที่ทุเรศของฉันหายไปไหน แล้วทำไมฉันถึงได้ผอมกะหร่องมีสัดส่วนได้รูปดีขนาดนางแบบหรือนี่คือความฝัน
“ท่านหญิงไทร่าเป็นอะไรหรือเปล่า”สาวแก่คนนั้นมองฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกพลางจับใบหน้าตัวเอง
“เธอเรียกฉันว่าอะไรน่ะ”ฉันพูด
“ไทร่าเจ้าค่ะ”
“ทะไทร่างั้นหรอ”
“เจ้าค่ะ ทำไมทำเหมือนจำชื่อตัวเองไม่ได้ล่ะเจ้าค่ะหรือคุณหนูจะความจำเสื่อมต้องรีบไปบอกท่านชาย”หญิงแก่กระโปรงเลือดหมูวิ่งตัวปลิว
“หรือนี่คือความฝัน”ฉันพยายามหยิกแก้มตัวเองให้ตื่น แต่ก็ไม่เป็นผลแถมเจ็บฟรีอีกต่างหาก
“ทำไมไม่ตื่นน่ะ ซัมเมอร์ตื่นสิ ตื่น”ฉันพยายามตบหน้าตัวเองหลายๆครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ฉันจึงตัดสินใจนอนจะได้ตื่นขึ้น ฉันข่มตาอยู่นานแล้วก็หลับปุ๋ยไปในที่สุด
“เธอบังอาจมาก คืนร่างของฉันมาเดี๋ยวนี้น่ะ”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิง ฉันลืมตาขึ้นฉันกำลังอยู่ในห้องที่ขาวโพลน เบื้องหน้าฉันคือผู้หญิงที่กำลังเท้าสะเอวทำสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง
“คุณ”ฉันช็อกค้างอึ้ง
“จะอึ้งอีกนานมั้ย”
“คะคือว่าทำไม คุณถึงหน้าเหมือนผู้หญิงที่ฉันเข้าไปอยู่ในร่าง”ฉันเอ่ยด้วยความตกใจ ฉันยืนขาสั่น
“รู้นี่ว่าร่างฉัน ใช่ฉันชื่อไทร่าเป็นเจ้าของร่างที่เธอขโมยไป ทำให้ฉันต้องเป้นวิญญาณเร่ร่อน”เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่โกรธจัด
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร”
“ฉันควรจะพูดคำนี้มากกว่าน่ะ เลิกพูดมากคืนร่างมา”ไทร่าพูด
“คืนอย่างไงล่ะ ฉันก็อยากกลับร่างฉันเหมือนกัน”ฉันเอ่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“เอางี้เธอออกมาจากร่างฉันก่อนแล้วเธอค่อยไปหาร่างจริงของเธอ”
“แล้วจะออกจากร่างยังไงล่ะ”
“อืม ฉันคิดว่าเราน่าจะวิ่งชนกันเหมือนในหนังที่ฉันดูพร้อมไหม”ไท่รากล่าวแน่นอนถ้าฉันตอบไม่พร้อมคงโดนฆ่าดูจากสีหน้าหล่อน
“อะอืม”ฉันตอบแล้วเราสองคนก็วิ่งชนกันแต่ร่างของไทร่ากำลังทะลุร่างจริงของเธอที่ฉันอยู่ไป
“ทำไมน่ะ ทำไมไม่กลับร่าง”ไท่ราเอามือจับปลายครางพลางคิดหาวิธี”
“แล้วเธอจะทำไงต่อ”ฉันพูดได้แค่นั้นแล้วฉันก็ตื่นขึ้นตอนนี้มันก็ใกล้ค่ำจากที่มองจากทางหน้าตา
“ท่านหญิง โมนาเป็นห่วงแทบแย่ท่านแม่ของท่านหญิงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”โมนาพูดแล้วก็มีหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอดูสง่างามและสวยมาก จนฉันมองตะลึง
“ไทร่า ลูกนี่มันไม่ได้เรื่องต้องให้คนอื่นต้องเป็นห่วงแก”คำพูดฟังแล้วไม่ค่อยหวานซักเท่าไหร่ แต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ท่านหญิงทีร่าก็”โมนากล่าวเสียงตำหนิเชิงว่าให้พูดดีๆกับไทร่าหน่อย
“ฉันต้องรีบกลับเพราะแก งานเสียหายหมด ดูแลตัวเองด้วย ฝากด้วยน่ะโมนา”หญิงสง่าเดินออกไป จู่ๆฉันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนเย็นวูบวาบไปตามโสดประสาทของร่างกาย
“เฮ้ย”ฉันยืนช็อกอยู่นานพยายามรวบรวมสติที่เหลือน้อย ฉันกำลังมองร่างสวยงามที่ฉันอยู่เมื่อกี้
“แม่นม”เจ้าของร่างตัวจริงที่เพิ่งเข้าร่างโผกอดคนใกล้ตัวอย่างคิดถึง
“ท่านหญิงใจเย็นก่อนสิค่ะ เป็นอะไรเจ้าค่ะ”
“ไทร่าเข้าร่างได้แล้ว”เจ้าของร่างกระโดดตัวลอย
“พูดอะไรกันเจ้าค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปจัดโต๊ะอาหารก่อน จะได้กินข้าวกันเจ้าค่ะ”แม่นมโมนาเดินตรงมายังฉันแล้วเดินทะลุร่างฉันไปต่อหน้าต่อตาเล่นเอาเจ้าของร่างอึ้งกิมกี่
“อ้าว นี่เธอยังไม่ไปอีกหรอ กลับไปร่างของเธอซะ อย่ามายุ่งกับร่างของฉันอีก”ไทร่าพึ่งจะเห็นคนที่กำลังช็อกค้างยืนอยู่หน้าประตู ดูเหมือนเธอจะไม่ตื่นเต้นตกใจเลยซักนิด ราวกับว่ามันเป้นเรื่องธรรมดา
“นี่ มันคืออะไร”ฉันก้มลงมองร่างตัวเอง พบว่าตัวฉันกำลังลอยเหนือพื้นซักครึ่งเมตรน่าจะได้
“เธอก็คือวิญญาณไง ตอนแรกฉันก็ตกใจไม่แพ้เธอหรืออาจจะมากกว่า”ไทร่าว่าพลางยืนกอดร่างตัวเองเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดมือไป
“วิญญาณ นี่มันเรื่องบ้าอะไร โกหกใช่ไหม พวกเธอเล่นมายากลอะไรฉันไม่รู้รีทำให้ฉันกลับร่างด้วย”ใบหน้าเริ่มกลายเป็นสีไก่ต้ม
“นี่เธอ พวกฉันไม่ได้เล่นมายากล แต่มันเป็นได้ไงก็ไม่รู้ ทำไมวิญญาณเธอยังเป็นตัวฉันอยู่”ไทร่ามองสำรวจ
“ฉันคงฝัน และมันเป็นฝันที่ห่วยแตกที่สุด”ฉันพยายามหยิกแก้มตัวเอง
“เธอเลิกทำอย่างนั้นเธอมันไม่เป็นผลนี่มันเรื่องจริง ฉันลองทำแบบเธอตอนที่ฉันเป็นวิญญาณล่องลอยในหมอกสีขาว แล้วมันก็ไม่สำเร็จ”
“แล้วฉันจะทำยังไงต่อ”
“ฉันจะไปรู้เธอมั้ย เธอมาจากไหนก็กลับไปที่นั่น”
“แล้วที่นี่มันที่ไหน”ฉันเอ่ยถาม
“ที่นี่หรอ ฟานไงประเทศฟาน ส่วนที่ที่เราอยู่ก็เมืองแองกิส”
“พูดเป็นเล่น มีเมืองอย่างนั้นที่ไหน”ฉันอดขำกับมุกตลกของไทร่าไม่ได้
“ฉันไม่ได้พูดตลก”ไทร่าเอ่ยสีหน้าจริงจัง
“เดี๋ยวน่ะ มันมีจริงหรอไอ้เมืองที่เธอว่าหรือฉันอาจจะหลุดมายังดาวอื่นก็เป็นได้”ฉันเริ่มวิตก
“ดาวอื่น ที่ไหนมีดาวอื่นอีกด้วยหรอ ที่นี่คือโลกแล้วเธอมาจากดาวอะไร”
“ห๊ะ พูดใหม่อีกรอบดิ ที่นี่คือโลกหรอ ฉันก็อยู่ที่โลก”ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ แต่เมืองเราเป็นประเทศปิดไม่ค่อยเจรจากับประเทศอื่น ก็ไม่แน่นที่เธออาจจะไม่รู้จัก”ไทร่าทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาว
ความคิดเห็น