ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การพัฒนาของยุโรปสมัยกลาง

    ลำดับตอนที่ #12 : สงครามครูเสด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      0
      10 ม.ค. 52

    สำหรับชาวคริสเตียน แผ่นดินที่พระเยซูคริสต์มีชีวิตอยู่ถูกเรียกว่าแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เมืองเบธเลเฮม เมืองนาซาเร็ธ และเมืองเยรูซาเล็ม จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่พระเยซูคริสต์เสียชีวิตแล้ว ชาวคริสเตียนจะเดินทางไปแสวงบุญที่เมืองเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเมืองเหล่านี้บางเมืองก็เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวมุสลิมด้วย มุสลิมเชื่อว่านบีมุฮัมมัดได้เดินทางจากมัสญิดอัล-อักซอเมืองเยรูซาเล็ม ขึ้นสู่ชั้นฟ้า มัสยิดโดมหินก็ตั้งอยู่ที่นั่น และเมืองเยรูซาเล็มก็มีความสำคัญเป็นอันดับสามของโลกมุสลิม

    สงครามครูเสดเพื่อยึดครองแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเกิดขึ้นใน

    หลังจากนั้น

    แต่ใน ค.ศ.1055 เมื่อพวกเซลจูคเติร์กเข้ามายึดเมืองแบกแดดพวกสุลต่านไม่ได้ปฏิบัติต่อชาวคริสเตียนเหมือนเช่นเคย พวกคริสเตียนในยุโรปจึงโกรธมาก ดังนั้นใน ค.ศ.1095 โป๊ปเออร์บัน ผู้นำของชาวคริสเตียนจึงได้เรียกร้องให้ชาวคริสเตียนร่วมกันยึดแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมา การเริ่มรณรงค์ดังกล่าวนี้เองเป็นที่มาของสงครามศาสนาหรือสงครามครูเสด ค.ศ.1096 โดยมีอัศวินประมาณ 50,000 คนเข้าร่วม ส่วนใหญ่มาจากฝรั่งเศส เส้นทางที่ทหารครูเสดจะต้องเดินทางมานั้นมีระยะทาง 2,000 ไมล์ ทหารครูเสดที่มาในครั้งนั้นอยู่ภายใต้การนำของ โรเบิร์ต แห่งนอร์มังดี ลูกชายของวิลเลี่ยมผู้พิชิต ทหารบางคนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วยเหตุผลทางศาสนา บางคนเข้าร่วมเพราะต้องการผจญภัยหรือแสวงโชค ใน ค.ศ.1099 ทหารครูเสดได้มาถึงด้านนอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม ฝ่ายมุสลิม (ซึ่งพวกทหารครูเสดเรียกว่า ซาราเซ็น ) ได้ต่อสู้ป้องกันอย่างเข้มแข็ง ทหารครูเสดปิดล้อมเมืองอยู่เดือนกว่าจึงฝ่ากำแพงเข้าไปได้และเมื่อเข้าเมืองได้ ทหารคริสเตียนก็ฆ่ามุสลิมทุกคนที่พวกเขาพบพวกครูเสดได้ใช้เครื่องยิงลูกหินขนาดใหญ่ยิงลูกหินเข้าไปพังกำแพง และสร้างหอคอยที่มีลูกล้อเพื่อเลื่อนเข้าไปชิดกำแพง หนึ่งในหอคอยเหล่านี้มีรูปไม้แกะสลักเป็นรูปพระเยซูติดตั้งอยู่ด้วย เมื่อพวกครูเสดพังกำแพงไปได้ พวกเขาก็ฆ่าคนที่พบไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เพราะทหารคริสเตียนถือว่า ชาวมุสลิมทุกคนคือผู้ไม่ศรัทธาในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” (The seige of Jerusalem by the Crusader, by P.W. Gardner and R.Bateman) พวกครูเสดก็ตั้งอาณาจักรคริสเตียนขึ้นในแผ่นดินที่พวกตนยึดครองได้ และเมืองทริโปลี อันติออคและอีเดสซา ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งเยรูซาเล็ม บางเมืองมีอายุยืนยาวถึง 200 ปี การเข้ามาอยู่ในดินแดนที่มีมุสลิมอาศัยอยู่โดยรอบทำให้พวกครูเสดและมุสลิมผสมผสานกัน พวกครูเสดประทับใจในศิลปะการตกแต่งของมุสลิม พรม เครื่องใช้และกระเบื้องเคลือบ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้กินอาหารใหม่ ๆ เช่น ผลแอปริคอท มะเดื่อ น้ำตาลและมะนาว พวกเขาได้ใช้ผ้าฝ้ายและผ้าไหมทำเสื้อผ้าแทนหนัง พวกเขาได้รู้จักการใช้สบู่และเรียนรู้การรักษาพยาบาลที่ดีกว่า พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องการใช้เสาและคานรูปโค้งแบกรับน้ำหนักจากสิ่งที่ปลูกสร้างของมุสลิม นอกจากนี้แล้ว พวกครูเสดยังได้เรียนรู้ถึงวิธีการป้องกันปราสาทโดยการใช้หอคอยทรงกลม และช่องทางเดินบนกำแพงที่ทำให้คนที่อยู่ข้างบนสามารถยิงธนูหรือโยนหินเข้าใส่ผู้เข้ามาโจมตีได้ ส่วนพวกมุสลิมนั้นไม่ได้อะไรจากพวกครูเสดมากนักนอกจากการค้าที่เพิ่มขึ้นกับอิตาลีและอาวุธที่ดีขึ้นถ้าพวกท่านเลือกทางขวา พวกท่านจะได้รับการอภัยบาปทั้งหมด ทางนี้ก็คือการทำสงครามกับพวกนอกศาสนา (ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า)” (คัดจากคำปราศรัยของโป๊ปเออร์บันจากวิลเลียมแห่งมาลเมสเบอรี่ซึ่งมีชีวิตอยู่ในเวลานั้น)

    ใน

    คนของเราได้เข้าไปในเมือง ไล่ต้อนพวกซาราเซ็นเข้าไปในวิหารของโซโลมอนและฆ่าคนพวกนั้นเพื่อที่วิหารจะได้ท่วมไปด้วยเลือดของคนพวกนั้น คนของเราวิ่งไปรอบเมืองฉกฉวยเอาทองคำ เงิน ม้าและสินค้าทุกอย่าง หลังจากนั้นก็มาร่วมกันสักการะที่โบสถ์แห่งแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ ในวันรุ่งขึ้น พวกเขาได้ขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ที่มีผู้คนหลายคนต้องตาย เพราะหลบหนีด้วยการกระโดดลงมาจากหลังคา” (จากบันทึกในยุคกลาง) .. 1144 มุสลิมยึดเมืองอีเดสซากลับคืนมาได้ สงครามครูเสดครั้งที่สองเกิดขึ้นเพราะพวกยุโรปต้องการที่จะยึดเมืองนี้กลับคืนมา แต่ต้องประสบความล้มเหลว ต่อมาใน ..1187 ผู้นำมุสลิมคนใหม่คือ เศาะลาฮุดดีน (ซาลาดิน) ได้โจมตีอาณาจักรของคริสเตียนโดยเริ่มจากสงครามฮิตตินก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปยึดเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนมาได้ ทหารมุสลิมต้องการที่จะประหารชาวคริสเตียนทั้งหมดที่อยู่ในเมือง แต่เศาะลาฮุดดีนไม่อนุญาต สงครามครูเสดครั้งที่สามเกิดขึ้น เพราะความต้องการที่จะขับไล่เศาะลาฮุดดีนออกจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในบรรดาแม่ทัพที่นำทหารครูเสดมาในครั้งนั้นคือกษัตริย์ริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษหรือที่รู้จักกันดีว่าริชาร์ดใจสิงห์สงครามนองเลือดเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ทหารของเศาะลาฮุดดีนเข้มแข็งกว่า ดังนั้น สิ่งที่กษัตริย์ริชาร์ดทำได้ ก็คือการทำสัญญากับเศาะลาฮุดดีนใน ..1192 สัญญานี้ทำให้พวกคริสเตียนอาศัยอยู่ในเมืองต่าง ได้ เช่น เมืองอัครา บนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และไปเยี่ยมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ได้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งศตวรรษ มุสลิมก็สามารถยึดเมืองคริสเตียนต่าง กลับคืนมาได้ กองทหารครูเสดได้ถูกส่งมาช่วยเมืองเหล่านี้หลายครั้ง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

    สาเหตุของสงครามครูเสด 
    เนื่องจากพวกคริสต์กลุ่มหนึ่งมีความเชื่อกันว่า โลกนี้จะถึงการอวสานเมื่อครบ ค.ศ. 1000 เรียกว่า Millennium พวกคริสเตียนจำนวนมากจึงได้ละถิ่นฐานบ้านช่องของตนเดินทางไปชุมนุมกันในปาเลสไตน์ เพื่อรอวันโลกแตก แต่เมื่อถึง ค.ศ. 1000 โลกไม่ได้อวสานตามที่พวกนี้คิดไว้ ประกอบกับพวกคริสต์จำนวนมากไม่ได้รับการปฏิบัติด้วยดีจากพวกสัลยูก ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจปกครองอยู่ในเวลานั้นคือทวีปยุโรปต่างพกเอาความเคียดแค้น มีคริสเตียนคนหนึ่ง ชื่อ ปิเตอร์ ได้ฉายาว่า ปิเตอร์ เดอะ เฮอร์มิตได้ป่าวประกาศข่าวเรื่องที่พวกคริสเตียนไปอยู่ในปาเลสไตน์เพื่อรอวันโลกแตก แล้วได้รับการข่มเหงจากพวกสัลยูก พร้อมทั้งได้ปลุกระดมให้พวกคริสเตียนรวมกำลังกันไปตีปาเลสไตน์กลับคืนมา

    2.

    3.

    สัลยูกเป็นพวกตุรกีสายหนึ่ง กำลังรุ่งเรืองอำนาจ และมีอิทธิพลเหนือเคาะลีฟะฮ.ของอับบาสิยะฮ. ในกรุงแบกแดด พวกนี้ปกครองประเทศปาเลสไตน์ และมีอาณาเขตคุกคามกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพวกคริสต์นิกายออร์ทอด๊อกซ์ ซึ่งนิกายนี้ไม่ถูกกับนิกายคาธอลิค แต่เมื่อถูกคุมคามจากพวกสัลยูก จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพวกคริสต์นิกายคาธอลิค ซึ่งโป๊ปแห่งกรุงโรมเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะแผ่อิทธิพลครอบคลุมพวกคริสต์นิกายออร์โธ ดอกซ์ได้ จึงถือข้อนี้เป็นสาเหตุอันหนึ่งในการประกาศสงครามครูเสดพวกคริสต์ ในยุโรปขณะนั้น ได้มีแนวความคิดร่วมกันว่า พลเมืองทั่วทั้งโลกนี้ต้องนับถือศาสนาคริสต์ การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ถือเป็นครูเสดประการหนึ่ง ซึ่งพวกนี้ได้มีการพิมพ์เอกสารหรือหนังสือใส่ร้ายศาสนาอื่น โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม และได้กระทำต่อมานับร้อย ๆ ปี แม้หลังจากสงครามครูเสดแล้วก็ตาม ในโรงเรียนต่าง ๆ ของพวกมิชชั่นนารี จะมีตำราเรียนหลายชนิดให้ร้ายศาสนาอิสลาม ทั้งนี้เพราะพวกคริสต์พ่ายแพ้สงครามครูเสดในที่สุดนั่นเอง ถึงแม้จะรบกันกว่า 150 ปี ซึ่งเพิ่งจะรู้ความจริงของอิสลาม และรู้ว่าถูกพวกคริสต์ด้วยกันเองหลอกมาตลอด เมื่อไม่กี่ปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง เพราะโลกได้มีการติดต่อกันอย่างกว้างขวางขึ้น มีการชุมนุมผู้แทนประเทศต่าง ๆ และพบปะกันมากขึ้น

    4.

    เนื่องจากพวกสัลยูก คุมปาเลสไตน์และเอเชียน้อย ทำให้พวกอิตาลีเดินทางไปมหาสมุทรอินเดียไม่สะดวก พวกพ่อค้าแห่งเมืองเวนิสและเจนัวก็กำลังประสบปัญหาในการค้าขาย จึงอยากให้มีสงครามขึ้น เพื่อพวกตนจะได้ทำการค้าคล่อง

    ประวัติศาสตร์ของอิสลามหลังจากสมัยคุละฟาอุร.รอชิดีน

    (หมายถึงเคาะลีฟะฮ 4 ท่านแรก คือ อบูบักร. อุมัร. อุมาน และอะลี) เต็มไปด้วยปัญหาความยุ่งยาก มีเจ้าปกครองกันหลายแคว้น ประกอบไปด้วยชนต่างชาติต่างภาษาตลอดทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล บุคคลเหล่านี้ได้มารวมกันภายใต้แนวความคิดคือ ละอิลาฮะ อิลลัลลอฮ มุหัมมะดุร-รสูลุลลอฮ - ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และมุฮำมัดเป็นรสูลของพระองค์ศาสนาอิสลามได้แทรกซึมเข้าไปในวิถีชีวิตของชนหลายประเทศหลายชาติ แต่ในบางครั้งก็เผยแพร่เข้ามาผิดที่ ผิดเวลา การมาถูกหรือมาผิดนี้ไม่ใช่เพราะศาสนาอิสลาม แต่เพราะคนหรือผู้ที่นำเข้ามาเผยแพร่นั้นบางคนเป็นเจ้าครองแคว้น เป็นนักรบที่เก่งกล้า ทารุณ โหดร้าย ซึ่งคนเช่นนี้ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอิทธิพลกับการรบของพวกเขา แต่บังเอิญถ้าบุคคลประเภทนี้เป็นมุสลิม ศาสนิกชนอื่นก็ว่าให้ร้ายหาว่าศาสนาอิสลามเผยแพร่ด้วยคมดาบ

    แต่ความจริงแล้วอิสลามไม่ได้มีหลักการให้เผยแพร่ศาสนาด้วยการทำสงคราม อย่างเช่นสงครามครูเสดของพวกคริสเตียน อย่างกรณี เมื่อ

    อย่างไรก็ตามเมืองเหล่านี้บางเมือง ก็เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวมุสลิมด้วย มุสลิมเชื่อว่านบีมุฮัมมัดได้เดินทางจากมัสยิดอัลอักซอเมืองเยรูซาเล็ม ขึ้นสู่ชั้นฟ้า มัสยิดโดมหินก็ตั้งอยู่ที่นั่น และ เมืองเยรูซาเล็ม ก็มีความสำคัญเป็นอันดับสามของโลกมุสลิมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใต้การปกครองของพวกคริสเตียน เมื่อนบีมุฮัมมัดยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ดินแดนแถบนี้เป็นดินแดนส่วนแรกๆ ที่ถูกมุสลิมยึดครอง แต่เคาะลีฟะฮ. ของมุสลิมก็ยอมให้ชาว คริสเตียนเดินทางมาแสวงบุญยังแผ่นดินเหล่านี้

    50 ปีก่อน พวกมุสลิมีนที่ไปทำพิธีหัจญ์ยังถูกพวกโจรมุสลิมีน (ชาวมุสลิมด้วยกันเอง) ในคาบสมุทรอาหรับ ปล้นสะดม ซึ่งจะเห็นได้ว่ากรณีเช่นนี้เป็นเรื่องการรบพุ่ง การต่อสู้ของบุคคล ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกคริสเตียนที่เดินทางมาปาเลสไตน์ในเวลานั้น อาจจะไม่ได้รับความปลอดภัยหรือความสะดวกต่าง ๆ แต่เรื่องราวเช่นนี้กลับถูกต่อเติมจนเป็นจนกลายเป็นเรื่องร้ายแรง ก่อให้เกิดสงครามครูเสดขึ้น

     

      .. 1055 เมื่อพวกเซลจูคเติร์กเข้ามายึดครองเมืองแบกแดด พวกสุลต่านไม่ได้ปฏิบัติต่อชาว คริสเตียนเหมือนเช่นเคย พวกคริสเตียนในยุโรปจึงโกรธมาก ดังนั้น ในเดือนมีนาคม ปี .. 1905 โป๊ปเออร์บานที่ 2 ได้เรียกประชุมคณะสงฆ์ที่ปลาเซ็นติอา แต่การประชุมไม่ประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายในทันที จึงได้เรียกประชุมขึ้นใหม่อีกที่เคลอร์มองต์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ..1095 โป๊ปได้ประกาศให้ทำสงครามครูเสดต่อพวกนอกศาสนา” (ซึ่งพวกคริสเตียนในเวลานั้นหมายถึงบรรดามุสลิมีนโดยเฉพาะ) โป๊ปได้ใช้กลอุบายวิธีต่าง เพื่อปลุกระดมให้

     ผู้ใดถือไม้กางเขนหรือประดับไม้กางเขนเพื่อไปในสงครามครูเสด ย่อมถูกยกเว้นจากการถูกฟ้องร้องเรื่องหนี้สิน ไม่ต้องเสียภาษี และบุคคลภาพผู้นั้นอยู่ในพิทักษ์ของศาสนจักร ถูกไถ่บาปทั้งหมดและจะได้เข้าสวนสวรรค์อันสถาพรการเริ่มรณรงค์ดังกล่าวนี้เองเป็นที่มาของสงครามศาสนาหรือ "สงครามครูเสด"

    พวกคริสเตียนเข้าร่วมในสงครามครูเสด โดยประกาศว่า

    ผู้ใดถือไม้กางเขนหรือประดับไม้กางเขนเพื่อไปในสงครามครูเสด ย่อมถูกยกเว้นจากการถูกฟ้องร้องเรื่องหนี้สิน ไม่ต้องเสียภาษี และบุคคลภาพผู้นั้นอยู่ในพิทักษ์ของศาสนจักร ถูกไถ่บาปทั้งหมดและจะได้เข้าสวนสวรรค์อันสถาพรการเริ่มรณรงค์ดังกล่าวนี้เองเป็นที่มาของสงครามศาสนาหรือ "สงครามครูเสด"

    ผลกระทบของสงครามครูเสด

    . ระบบฟิลดัลเสื่อมลง สงครามครูเสดทำให้ขุนนางลดจำนวนลง

    1

    2. ทำให้การค้าขยายตัวทั่วทั้งดินแดนภาคตะวันตกและดินแดนภาคตะวันออก

    3. การพาณิชย์ขยายตัว ส่งผลให้เมืองต่างๆขยายตัว ทำให้การค้าขายใช้ระบบเงินตราแทนที่การแลกเปลี่ยนสินค้า

    4. ผู้นำของกองทัพครูเสดได้นำเอาอารยธรรม กรีก-โรมัน กลับเข้ามาเผยแพร่ในยุโรปอีกครั้ง

    5. เมืองต่างๆกลายเป็นศูนย์กลางทางการพาณิชย์ที่มีความเจริญรุ่งเรือง เช่น นครรัฐในอิตาลี

    พวกคริสเตียนเข้าร่วมในสงครามครูเสด โดยประกาศว่า

    แต่ใน

    1.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×