คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คนที่หายไปไม่อาจคืนมา NOGUN
“ริทไปหน้าโรงเรียนกับกันหน่อย” เสียงชายหนุ่มวัยมัธยมปลายปีที่5 กำลังรบเร้าเพื่อนของเขาอยู่ ปากก็พร่ำเรียกอยู่ส่วนมือก็ดึงที่แขนเล็กๆของเพื่อนคนสนิท
“อะไรกัน จะไปทำไม นี่จะเข้าแถวแล้วนะ” ชายหนุ่มตัวเล็กอีกคนที่ตอนนี้กำลังโดนเพื่อนดึงแขนถามขึ้นมา
“เอาหน่า ไปเป็นเพื่อนกันแป้ป” อีกคนก็ยังอ้อนไม่เลิก แล้วดูว่ามันจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ริทบอกว่ามะ... เฮ้ยยยย”๐[]๐ เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอม ก้เลยออกแรงดึง จนในที่สุดสองหนุ่มน้อยก็มายืนหน้าโรงเรียน
พอมายืนกันหน้าโรงเรียน คนตัวเล็กก็เห็นเพื่อนของเค้ายืนชะเง้อ เหมือนหาใคร เดินวนไปนู่นบ้าง มันดูรนๆไม่เหมือนคนปรกติธรรมดา จนคนตัวเล็กสงสัย
“กันหาอะไร ริทช่วยมั้ย” เมื่อทนความสงสัยไม่ได้ ก็เลยถามเพื่อนคนนี้
“กัน กะ กันหา อืมมมมมมมมมมม........... นู่นไง นู่นๆๆๆๆ กันเจอแล้ว” เพื่อนตัวดีชี้นิ้วไปที่รุ่นพี่คนหนึ่ง ริทเข้าใจทันที นั่นมันรุ่นพี่ในชมรมดนตรีนี่เอง ริทรู้ว่าคนๆนั้นอ่ะ กันมันแอบชอบอยู่
“ป่ะริทไปเข้าแถวเร็ว จะเข้าแล้ว” ริทได้แต่เซ็งกับเพื่อนคนนี้ มันเสร็จกิจก็ไป แล้วทำไมกันมันชอบเขาขนาดนี้ แล้วชอบได้ไงกัน?????????????
ย้อนไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว
ชายร่างเล็กที่นามว่าริทกำลังจูงกึ่งลากเพื่อนของให้เดินตามมา
“ไปอยู่ชมรมเดียวกับริท” จู่ๆ ก็หยุดลากแล้วบอกเจตนารมของตัวเอง
“อะไร กันไม่เก่งดนตรีพวกนี้ ” พูดไปเพราะความตกใจ ปรกติแล้ว เจ้าเพื่อนคนนี้มันจะรู้ว่า เค้าเล่นเป็นคือกีตาร์กับขลุ่ย นี่จะให้มาเล่นอะไร ไม่เป็น
“ริทก็เล่นไม่ได้ ริทอยากมีเพื่อน” แค่ประโยคเดียวทำเอาคนฟังถึงกับปวดม้าม เล่นไม่ได้จะเข้าเพื่อ
“แล้วริทจะเข้าชมรมนี้ทำไม ชมรมอื่นมีตั้งแยะ ไม่เข้า” มันก็ถูกอย่างที่กันว่า เลยทำเอาริทนิ่งไปสักพัก ก่อนจะหันมาตอบ
“ที่ริทเข้าเพราะมีคนที่ริทชอบอยู่ที่นี่” ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกความลับสุดยอดออกไป ทำเอากันนิ่งอึ้ง ตาโต อ้าปากกว้าง(จะตกใจอะไรปานนั้น)
“.................................” อีกฝ่ายเงียบ ลุย
“กันไปอยู่ชมรมเดียวกันนะ ไปอยู่กับริท” หนุ่มน้อยหน้าขาวพูดจ้องตาเพื่อนด้วยสายตาที่มันน่าสงสาร
“...........อ่ะ ก็ได้ เพื่อความรักของริท” ตอบเสร็จก็แทบอยากร้องให้ กันไม่อยากเข้าอ่ะ
วันต่อมา
วันนี้กันสังเกตเห็นเพื่อนของเค้าดูจะรื่นเริงเป็นพิเศษ ตั้งแต่เข้าห้องยันเลิกเรียน ปรกติริทจะชอบบ่นว่าเมื่อไหร่จะเลิกเรียนสักที่ แต่วันนี้กลับไม่ นอกจากไม่บ่น ริทยังอารมณ์ดีฮัมเพลงทั้งวัน ไม่แอบหลับคาบบ่าย กินข้าวหมดจาน แล้วก็อีกมากมายที่มันดูเหมือนจะเปลี่ยนไป โอ้ววววววววววโนววววววววว ความรักทำให้เพื่อนเราเปลี่ยน ริทคนเดิมนั้นหายไป แต่ดีละ มันจะได้เจริญๆ
“กัน เข้าชมรมกัน” เสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนคงดังอยู่ ทำเอากันเสียววาบ ไม่นะไม่ไป
“อะ เอ่อ อ่า เอิ่ม” กันได้แต่อ้ำอึ้ง พูดไม่ถูก
“พร้อมแล้วงั้นไปเลย”
“ระ ระ ริท เฮ้ยยยยยยยยย”
ฉุดกระชากลากดึงมาจนถึงหน้าชมรม ริทก็รื่นเริง แต่กันสิ ชีวิตช่างเศร้าหมองนัก เมื่อริทเริ่มก้าวเดิน กันก็ต้องก้าวตาม ตลอดทางมาจนถึงโต๊ะของหัวหน้าชมรม กันรู้สึกว่า มันมีสายตาแปลกๆ มองกันมาตลอดทาง อย่าเลย อย่ามองอย่างนี้ กันได้แต่ภาวนาให้สายตาพวกนี้สลายไป แต่มันกลับเปล่า พอทำเรื่องสมัครเสร็จ กันก็ต้องเลือกแล้วว่าจะเล่นดนตรีอะไร หันไปเจอริท มันก็ชูสองนิ้วให้ จะบอกว่าเวลานี้กันไม่ต้องการครับ และสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง รูปร่างมันคล้ายๆกับปี่ แต่จะมีรูเยอะกว่า ตัวเครื่องเป็นไม้ เอานี่ละกัน มันดึงดูดใจกันมาก จนต้องเดินไปหยิบมาดู
“อยากเล่นหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา แน่นอน มันไม่ใช่เสียงกัน หรือเสียงริท หรืแม้แต่เจ้าเครื่องดนตรีนี่ กันหันหลังกับไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขามีหน้าตาเรียบเฉยไม่คิดจะยิ้มเลยไง
“อ่าครับ มันเหมือนมีอะไรที่พิเศษ ” กันตอบชายหนุ่มโดยที่สายตายังมองไปที่เจ้าเครื่องดนตรีชิ้นนี้
“ใช่ มันดึงดูด” กันหันกลับมามองหน้าชายคนนั้นทันที มัน ดึงดูด หรอ กันค่อยๆคิด
“คิดให้ดีๆ ถ้าเราต้องการมัน พี่จะสอน” แล้วเค้าก็เดินจากไป กันมองตามเค้าไปจนไม่เห็นเงา คำพูดเมื่อกี้ก้องอยู่ในหัวของเค้า พี่คนนี้ มีอะไรดีกันนะ
“กันเล่นอะไร เลือกได้แล้วกลับบ้านกัน” ว่าแล้วริทก็ลากกันไป ส่วนกันก็หันไปมองเจ้าเครื่องดนตรีนั่นจนลับสายตา แต่ในใจก็ยังคิดอยู่ ทั้งเรื่องชายคนนั้น และเรื่องเครื่องดนตรีชิ้นนั้น ตกดึก กันนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาบนเตียงกว้างแล้วก็เอามือมาก่ายหน้าผาก ที่ปรกติแล้วจะไม่เคยทำเลย คำพูดนั้นยังดังในหัว ขอเถอะให้มันเช้าเร็วๆเข้ามันทรมาน
เช้านี้กันดูไม่ค่อยสดชื่น มันเกิดจากที่เมื่อคืนเค้านอนแทบไม่หลับ เดินมาถึงโต๊ะประจำที่ตนมักจะมานั่งรอนิทอยู่ทุกเช้า พอมาถึงก็ฟุบลงทันทีมันง่วง มันเพลีย จนเมื่อยกับท่าฟุบเลยตื่นมาดูนาฬิกา หา7โมง 40 ริทมันไปทำอะไรไม่รู้รึไงว่าโรงเรียนเข้า7โมง50อ่ะ ว่างั้นเลยยืดสุดคอชะเง้อหา แต่สายตากลับไปสะดุดอยู่ที่อีกคนหนึ่ง คนเมื่อวาน รุ่นพี่ที่ชมรม ที่ตอนนี้กลังรีบจ้ำมาแต่พอมองดีๆ ก็เห็นริท คาดว่าคงเดินคุยกันมา แต่พี่เค้าบังริทเกือบมิดเลย
“กันนนนนนนนนนนนน” สงสัยริทจะเห็นกันเลยรีบเดินมาแต่ว่าพี่คนนั้นเดินตามมาด้วย
“ทำไมมาช้าจังริท แล้วววววววว” กันไม่กล้าถามเลยได้แต่อ้ำอึ้งแล้วมองไปทางรุ่นพี่ที่ยืนหน้าเรียบอยู่
“อ๋อ นี่ พี่โตโน่ รุ่นพี่ประจำพาร์ท คลาริเน็ต ที่นายอยู่อ่ะ ” พอได้คำตอบแล้วกันก็มองหน้าเค้า คนนี้ชี่อโตโน่ ส่วนเจ้าปี่นั่นแท้จริงแล้วมันคือคลาริเน็ต ว่าว
“แล้วนี่เพื่อนริทหรอ” พี่คนนั้นพูดขึ้น
“ใช่แล้ว ชื่อกัน เราสนิทกันมาก ริทเลยชวนมาอยู่ชมรมเดียวกัน” ริทตอบได้ชัดเจนมาก
“งั้นพี่ไปนะ เจอกันตอนเย็นที่ชมรม” แล้วเค้าก็เดินไป
ช่วงเย็น กันมาที่ชมรมพร้อมริทแต่แยกซ้อม พี่คนนี้ที่ชื่อโตโน่ ก็มาซ้อมให้ เค้าคอยบอกเทคนิคต่างๆ แต่เป่าเท่าไหร่มันก็เป่าไม่ออกไม่มีเสียงเลย
“ใจเย็นๆ ครั้งแรกก็ยังงี้ล่ะ แรกๆพี่ก็เป็น” กันที่กำลังนั่งหมดหวังอยู่พอได้ยินคำปลอบพูดของรุ่นพี่ก็รู้สึกดีขึ้นมา
“จริงหรอครับ แต่รุ่นน้องคนอื่นเค้าเริ่มได้แล้นะ” กันยังคงไม่แน่ใจ
“จริงสิ ตอนแรกกว่าพี่จะเป็น รุ่นพี่เป็นสิบเลย” เค้าตอบมาแล้งเอามือวางไว้บนบ่า
“O.O!!!!! เยอะขนาดนี้เลยหรอครับ” ท่าตกใจเวอร์มาก
“แค่เราไม่ท้อ มันก็ได้เอง ใจอ่ะ ใจ” เค้าพูดพลางกำมือทุบไปที่อกข้างซ้ายตัวเอง
“ขอแค่เราไม่ท้อ หรือหมดแรงไปเสียก่อน”
หลังจากนั้นกันก็เริ่มฝึกซ้อมอย่างตั้งใจมาโดยตลอด เริ่มจากที่เป่าไม่ได้ จนตอนนี้กันเริ่มจะเล่นได้เป็นเพลงแล้วก็ปาไปเกือบ3เดือน ก็เริ่มจะสนิทกับทุกคนในชมรม แล้วก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างกับพี่คนนี้ ทุกวันหลังจากกันซ้อมเสร็จ พี่โน่จะทำหน้าที่เป็นคนเก็บเจ้าปี่ต่างประเทศนี่ไปไว้ในที่ของมัน กันแทบไม่เคยเก็บเลย ตลอดเวลาที่พี่ช่วยซ้อมกันมักจะแอบลอบมองหน้าด้านข้างของพี่เค้าแล้วได้แต่แอบใจเต้นตลอด จนริทเห็นก็แซวเวลาที่พี่เค้าผ่านไปแล้ว เรื่องนี้กันไม่ได้เก็บเงียบ ริทเลยรู้
และเวลาก็ผ่านไปเป็นเดือน จากเดือนก็เลื่อนเป็นปี จากพี่ที่คอยสอนดนตรี ก็กลายมาเป็นพี่ชาย คุยเล่นกันหยอกล้อกันเล็กๆน้อยๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด จากพี่ที่เคยเย็นชา พอรู้จักก็กลายเป็นคนเฮฮา มันเปลี่ยนจริงๆ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือ กันยังแอบเก็บความรู้สึกเกินเลยต่อพี่ชายไว้ในใจ ไม่ได้บอก ยังเรียกพี่ชายๆอย่างนี้มานาน ชอบแบไปส่องเฟส แต่ไม่กล้าขอแอดเพื่อน เก็บรูปของเค้าที่ปรากฏในวารสารโรงเรียนทุกฉบับทุกรูป แม้บางรูปมันเห็นไม่ชัด ก็จะเก็บในกล่องอย่างดี
ย้อนกลับมาปัจจุบัน
ยิ่งนานวันไปก็ยิ่งห่างเหิน ยิ่งอยู่ไป ก็ดูเหมือนว่ากลายเป็นคนไม่รู้จักกัน เดินสวนกัน ก็ไม่เคยทัก ไม่กล้ามองหน้าตรงๆ ได้แต่รอให้เขาเดินผ่านไปก่อน แล้วถึงจะแอบหันไปมองแผ่นหลัง มองหน้าด้านข้าง หรือแม้แต่...มองเงาของเค้า แต่กันก็เคยแอบเห็นเหมือนกับว่าเค้าจะมองกันนะ ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่า เรื่องที่เค้าเก็บเอาไว้เป็นความลับสุดยอด ไม่แน่ใจว่าเค้าจะรู้รึยัง
“กันๆ แน่ใจนะว่าจะไม่บอกพี่เค้าให้รู้อ่ะ” ริทที่เห็นเพื่อนแอบมองแผ่นหลังของใครบางคนก็รู้สึกสงสารเพื่อน
“ไม่หรอก แค่นี้เค้าก็ไม่เคยเห็นกันอยู่แล้ว ยังจะให้กันบอก กันไม่เอา ไม่กล้า”
“แล้วจะอยู่แบบเจ็บๆ อยู่แบบเงาอย่างงี้หรอ” ก็จริง ถึงจะห่วง ถึงจะคิดถึง ก็ต้องทำเงียบๆ ห้ามออกอาการ ห้ามแสดงออกเกินหน้าเกินตาตามประสาคนแอบรัก
“ช่างเหอะริท ให้มันเป็นไปแบบนี้ ดีแล้วนิ ป่ะไปกินข้าวกัน หิวแล้ว” พออีกคนเปลี่ยนเรื่อง ริทก็รู้ทันทีว่าเค้าไม่ควรจะสาวเอาความอะไรต่อจากเพื่อนคนนี้ แล้วสักวันแกจะรู้ไอกัน
“ไปๆ กินข้าวก็กิน”
ตอนนี้กันกลายเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องดนตรี ปีที่แล้วเค้าเป็นรุ่นน้อง ส่วนปีนี้มาเป็นรุ่นพี่คอยสอนน้องต่อไป ยังเล่นเครื่องดนตรีชิ้นเดิม ตัวเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม ที่พักนี้พี่ชายของเค้าไม่ค่อยเข้าชมรม เลยต้องเดินมาหน้าโรงเรียนเพื่อมาแอบเก็บกลังใจแทน ไม่ได้คุยได้เห็นหน้าก็ยังดี พรุ่งนี้วันเสาร์ กันคิดว่ากันจะได้หยุดพักผ่อน แต่รู้สึกว่าไม่อยากหยุดอยากเจอหน้าเค้าตลอดเวลา
“วันเสาร์นี้ริทจะนอนให้ถึง10โมงเลย” เพื่อนตัวเล็กพูด
“ได้เดี๋ยวกันจะโทรไปกวนริทเองนะ” ตอบกลับเพื่อน
“ถ้าคิดว่าแน่ก็เชิญ .....เออกันเสาร์นี้พี่โน่เค้าไปเล่นดนตรีที่สวนสาธารณะตอน5โมงอ่ะ กันไปป่ะ” ตอนแรกทำเหมือนว่าจะพูดจบแต่ริทก็พูดสิ่งที่นึกได้อีก กันนิ่งสักพัก คิดแล้วก็น่าเสียดายเพราะตอนเย็นกันจะไม่ได้ไปใหนบ้านถ้ามันไม่จำเป็น
“ไม่ล่ะ กันไม่ชอบไปไหนตอนเย็น มันกลับบ้านช้า” กันปฏิเสทเพื่อนอย่างเสียดาย
“คิดให้ดีๆนะ จะไม่ไปเจอเค้าหน่อยหรอ” ริทถามย้ำ
“อืมมมมมมมมมม ไม่” กันตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วถ้ากันไม่ได้เจอเค้าอีกล่ะ ที่โรงเรียนน่ะ กันไม่ได้เจอเค้านะ” ริทยังคงถามต่อ เผื่อกันจะไป
“เฮ้ยริท ไม่เจอได้ไง ต้องเจอ” กันยังคงยืนยันว่าไม่ไป เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันแล่นเข้ามา มันบอกว่า อยากให้เค้าไปหาพี่โน่ แต่กันคิดว่าเป็นเพียงเพราะความคิดถึงพี่เค้า ที่กันต้องควบคุมมันให้ได้
“ไม่แน่นะ งั้นริทไปก่อน กันกลับไปก็.......คิดดีๆนะ เผื่อบางทีเราจะพลาด” พลาดหรอ พลาดบ้าอะไร แค่กันไม่เห็นเค้าเล่นดนตรีน่ะหรอพลาดของริท ว่าแล้วกันก็เดินไปขึ้นรถกลับบ้าน
เช้าวันเสาร์แสนสดใส กันตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น ที่ได้นอนอย่างเต็มที่ความคิดแรกที่ตื่นมาคือ พี่โน่เล่นดนตรีที่สวนสาธารณะวันนี้ กันสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วลุกไปอาบน้ำ วันนี้ทั้งวัน กันง่วนอยู่กับการทำความสะอาดห้องนอน แล้วก็การบ้าน พรุ่งนี้จะได้เล่นอย่างเต็มที่ ตกเย็นกันก็ทานข้าวแล้วเข้านอนปรกติ อยู่ๆกล่องที่ใส่รูปของพี่โน่ก็หล่นมาแบบหาสาเหตูไม่เจอ ใจกันกระตุกวูบ รู้สึกแปลกๆ รีบไปหยิบกล่องที่หล่นมาเปิดดูรูปของคนนั้น ใจหายว้าบทันที ก่อนจะปิดแล้วเก็บมันไว้ที่เดิม ขออย่ามีอะไร ขออย่าเกิดอะไร ขออย่าเป็นอะไร ขอคืนนี้ผ่านไปเสียที
“ยังรักเธอไม่พอใช่มั้ย หรือเธอขอมันมากไปถ้ารู้รักยังนะ!!!! ตึ้ด!!!!” เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นบอกว่ามีคนโทรมาหาแต่เจ้าของกลับกดตัดสายแล้วนอนต่อ
“ยังรักเธอไม่ พะ!!!! ตึ้ดดด!!!!” คราวนี้โมโหเลยลุกขึ้นมาแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล ใครเนี่ย โทรมาแต่เช้ามีอะไร” ถามด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าง่วงสุดขีด
“ระ ริทๆ เอง กันนี่ริทนะ กันริทมีระ เรื่องจะ จะบะ บอก” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าและร้อนรนคละเคล้ากัน ทำเอากันที่โกรดปลายสายกะจะว่าถึงกับงงที่เพื่อนพูดแบบนี้ ลืมความโกรดทั้งหมดไปเลย
“มีอะไรริท” สีหน้าของกันดูกังวล น้ำเสียงก็กังวล ริทจะบอกอะไรกับเค้ากันแน่
“กัน กันตั้งใจฟังริทนะ”
“........” กันเงียบเพื่อจะฟังสิ่งที่ริทพูด
“...................” อีกฝั่งก็เงียบ
“............”
“ฟังนะ เรื่องที่ริทจะบอก มันคือ....มันคือ......คือ ” ปลายสายเริ่มเงีบยทำเอาใจของกันร้อนรน
“อะไรริท พูดสิ ริท ริท ได้ยินกันมั้ย” กันที่ตอนนี้ใจมันรุ่มร้อนก็ถามปลายสายที่ยังคงเงียบอยู่
“กันฟังแล้วใจดีๆ นะ คือ ตอนนี้พี่โน่ที่กันชอบน่ะ เค้าไปแล้ว อึก เค้าจากเราไปแล้ว ” ริทพูดจบโทรศัพท์ในมือกันก็แทบร่วง ไม่จริง ไปไหน ริทล้ฆอแน่ๆ
“ริทพี่เค้าไปไหน แล้วไปทำไม” ทั้งๆที่รู้ว่าความหมายของคำว่าไปคืออะไร แต่ก็ยังไม่วายเลิกถามเพื่อน
“กันตั้งสติเซ่ พี่โน่เค้าตายแล้ว เค้าฮึก คะ เค้าไปแล้วจริงๆ ” ตาย ตายหรอ ไม่จริง ริทต้องล้อแน่ๆ กันไม่เชื่อ คนอย่างพี่เค้าต้องไม่ตายสิ ไดแต่คิดปลอบใจตัวเองว่าริทล้อ ทั้งที่ความรู้สึกจริงๆมันไม่ใช่ ดวงตาคู่วสยเริ่มมีน้ำรินออกมา น้ำตาแห่งความเสียใจ
“..................”
“กัน กัน ฟังรึเปล่า” เสียงริทที่ดังมาจากโทรศัพท์ ยังดังอยู่แต่ตอนนี้เค้าไม่สนใจมัน
“กันตั้งสตินะ แล้วฟังต่อ”
“ริท ทำไมต้องล้อกัน เรื่องนี้มันไม่ดีนะ” กันที่พูดออกไป แต่ลึกๆแล้ว เค้ารู้ว่ามันเรื่องจริง
“ริทไม่ได้ล้อ พี่เค้าไปแล้วจริงๆ เมื่อวานตอน3ทุ่ม พี่เค้าโดนรถชน” 3ทุ่ม เวลาเดียวกับที่ตอนเข้านอน ที่รูปหล่นน่ะหรอ
“อืม แล้วคนอื่นๆล่ะ เป็นไงบ้าง” กันถามเสียงเบา รู้สึกว่าเสียงที่จะเปล่งออกมามันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน
“ทุกคนรู้ และยังเศร้า แต่ริทห่วงกันที่สุด”
“ไม่ต้องห่วง กันจะทำใจ แค่นี้นะริทกันจะนอนต่อ ” หลังจากวางสาย น้ำตาและเสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นก็ออกมาทั้งหมด กันร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย ความเสียใจที่มีทั้งหมดมันประเดประดังเข้ามา มันรุมเข้ามา เศร้า เศร้ามาก ไม่จริงแน่ๆมันคือความฝัน ฝันร้าย แค่เราตื่นขึ้นมามันก็จะเป็นเหมือนเดิม ตื่นสิตื่น ไม่อยากเจอฝันร้ายนี่แล้ว ได้โปรด ขอมันเป็นแค่ฝัน ร่างบางที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอนน้อยๆ เค้าพยายามคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงความฝัน แต่ในความจริงนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย คนที่ตายไปแล้วจะพื้นคืนมาได้ไงกัน
วันจันทร์กันไปโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่เศร้าใจ กันไปเจอริททั้งคู่มองตากัน สักพักริทก็ดึงกันเข้ามากอด เพื่อนคนนี้ไม่มีสิ่งที่จะเป็นกำลังใจต่อไปอีกแล้ว
“กัน” เสียงของเพื่อนเตือนสติกันที่กำลังจะร้องให้ได้อย่างดี
“หืม”
“เอ่อ...........พ่อกับแม่ของพี่เค้าน่ะ จะเก็บไว้อีก5วันแล้วค่อยเผา ” ห้าวัน นับต่อจากนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีร่างกายของพี่อยู่บนโลกนี้แล้ว จะเป็นยังไง
เวลาแต่ละนาทีหลังจากที่ไม่มีเค้าอยู่ผ่านไปอย่างยากลำบาก แม้จะมีคนมากมายมาให้พบเจอ แต่กลับไม่ทำให้เค้ารู้สึกดีได้ ขอเถอะ อีกสักครั้งฉันอยากจะฟังเสียงของเธอ ยังคิดถึงเสมอ ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ใหน คำอธิษฐานด้วยน้ำตา ขอให้เธอได้ยินได้ไหม เฝ้ารออยู่ทุกนาที เพื่อเธอคนนี้คนเดิมกลับมา ขอให้กลับมา ได้รึเปล่า ได้ไหม คำตอบคือ ไม่ กันก็รู้อยู่แก่ใจ และพยายามจะเข้าใจ คนที่จากโลกนี้ไปพร้อมกับวิญญาณไม่มีวันจะกลับมาได้ เว้นแต่ มันจะมีปาฏิหาริย์
และแล้ววันที่ไม่อยากให้มาถึงมันก็มา กันยืนดูเหล่าเพื่อนๆและครูของพี่โน่ที่ใส่สูทสีดำเดินตรงไปที่รถบัสคันหนึ่งที่จอดรออยู่มาสักพักแล้ว
“จะไม่ไปจริงๆหรอ” เสียงของใครบางคนทำให้กันละจากภาพตรงหน้า ริทที่ตอนนี้สะพายกระเป๋าเป้ ริทกำลังจะไปบอกลาพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่ละ ก็ริทไปแล้วนี่ ”
“ไม่ไปบอก ในสิ่งที่อยากบอกหรอ” ประโยคนี้ทำเอากันนิ่ง น้ำตาก็พาลจะไหลออกมา
“ไม่ล่ะ เอาเป็นว่ากันฝากริทบอกแล้วกัน บอกด้วยว่ากันขอโทษ”
“คิดดีๆนะ นี่มันเป็นครั้งสุดท้ายที่กันจะเห็นพี่โน่นะ ต่อไปนี้ไม่มีแล้ว”
“คิดแล้ว ริทไปเถอะ ไปพูดคำๆนั้น พูดแทนกันที”
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ไม่ว่านานขนาดไหน เพื่อนริทก็ยังดื้อดึงไม่เลิก” แทนที่ประโยคนี้จะทำให้กัรคิดได้แต่เปล่าเลย กันเดินหนีริทเข้าห้อง แล้วแอบดูริทที่เดินลงบันไดไปช้าๆ เมื่อรู้ว่าเริ่มทนไม่ไหว นายนภัทรเลยเดินไปที่มุมห้องแล้วปล่อยน้ำตาที่กักเก็บมันมา น้ำตาที่ไม่รู้ว่าไปตักมาจากเขื่อนไหน มันไม่ยอมหยุดง่ายๆ ยังคงไหลออกมาตลอด จนตอนนี้ตาคู่สวยเริ่มบวม กันเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจไป มันถูกรึเปล่า มันควรรึเปล่า ไม่รู้เลย แต่ยังไงๆ ก็ตัดสินใจแล้ว ฏ้ได้แต่รอ รอฟังข่าวจากริทที่ไป จะเป็นยังไง ร้ายขนาดไหนจะฟัง
“กัน จะออกจากชมรมจริงหรอ”
“อืม ”
“กัน ทำไม ”
“กันพอแล้ว พอกับการที่ต้องมาทุกข์ แค่นี้พอ กันจะลืมมัน”
ร่างบางทีเกาะแขนเพื่อนรักของเค้าอยู่พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอนสุดๆ ปากก็พูดว่าไม่อยากให้กันออกจากชมรม มือก็เขย่าแขนเพื่อน หลังจากเสร็จงานนั้น กันตัดสินใจอีกครั้งที่จะลาออกจากชมรมดนตรีที่อยู่มาเป็นปีๆ นั่นเพียงเพราะพี่โน่ เพียงเพราะริท
“ริท ที่งานเป็นยังไงบ้าง” กันที่เห็นร่างของริทก็รีบวิ่งไปหา พร้อมยิงคำถามใส่
“ที่งาน........เอ่อ ดี ที่งานมีคนมาเยอะ ทุกคนเศร้า พี่สนถามหากันด้วย”
“เห? พี่สน? เพื่อนพี่โน่ ถามหากันทำไม” เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลอื่นที่ไม่น่าเกี่ยวข้องก็ถามเพื่อนต่อ
“เอ่อ พี่เค้า อยากให้กันมา”
“ทำไม”
“พี่เค้ารู้ว่ากันชอบพี่โน่” ประโยคหลังทำเอากันตกใจ ความลับนี่จะไม่ลับเลยใช่มั้ย
“เอ่อ พี่เค้ามาโน่นแล้ว ถามเองเลย” อยู่ๆเพื่อนที่ยืนคุยกันก็เดินหนีไป กันทำท่าจะเดินตามแต่กลับถูกรุ่นพี่ที่พึ่งกล่าวถึงเรียกไว้ก่อน
“ไปกับพี่หน่อย” สนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มันบาดลึกรู้สึกไม่อยากสู้หน้าพี่สน
“กันรักไอโน่” มันไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นประโยคคำถามที่คนร่างสูงพูด
“อืม พี่รู้.....ตั้งแต่.......เมื่อไหร่” คำแต่ละคำที่ออกจากปากมามันช่างยากเหลือเกิน เพราะต้องพูดและก็กลั้นน้ำตาที่จะมาทัวร์อีกไม่นาน
“นานแล้ว ไอโน่ก็รู้” ไอโน่ก็รู้ แทบทรุดกับคำนี้ พี่เค้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โธ่เอ้ย กันคงเป็นตัวตลกมานานแล้วสิ
“พี่เคยจะบอกกัน แต่ไอโน่มันห้ามไว้ มันบอกว่ากลัวว่ากันจะรับไม่ได้”
“พี่สงสารมันนะ ทุกครั้งที่มันเดนผ่านกันที่มันเมิน เพราะมันไม่กล้า พอๆกับกัน ”
“ฟังพี่นะ จะบอกครั้งเดียว” ประโยคนี้กันเงยหน้าขึ้นมาแล้วตั้งใจที่จะฟังมัน ให้รู้ว่าลับสุดยอดของสนคืออะไร
“........................”
“ไอโน่รักกัน มันรักกัน มันเพ้อถึงกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ” แหมะ น้ำตาร่วงแหมะ กันรักพี่โน่ พี่โน่ก็รักกัน แต่ว่าไม่มีใครเลยที่กล้าจะบอกความจริง
“วันนั้นก่อนมันตายมันบอกพี่ว่า มันรักกัน”
“แล้วยังฝากให้พี่ดูแลกันให้ดี”
“พอเหอะ เลิกพูด กันยอมแล้วเลิกพูด ต้องการอะไรกันให้ อยากได้อะไรบอกกัน ขอแค่หยุดพูดพอ” คำอ้อนวอนของนภัทรทำเอาคนร่างสูงที่ยืนอยู่อดสงสารไม่ได้
“กันไม่โทษใคร ผิดที่กัน ที่มันไม่กล้า ผิดแล้ว ผิดอีก กันจะไม่มาให้พี่เจอแล้ว ” แล้วร่างบางก้หันหลังวิ่งหนีไปทันที สนได้แต่มองไปบนฟ้า ‘น้องไม่ผิด ผิดที่แก’
คนตัวสูงที่กำลังเข้าชมรมเห็นเด็กคนหนึ่งยืนอยู่แล้วแถมยังจับเครื่องดนตรีของเค้า ครั้งแรกที่ห็นก็รู้สึกดีกับเด็กคนนี้ ไม่รู้ทำไม แต่หัวใจบอกว่าใช่เธอ พอรู้ตัวอีกที่ก็เดินไปใกล้เค้าแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างไร้สติ หรือมีสติไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าเวลาได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้แล้ว โคตรจะสุขจิตเลย นั่นมันก็เลยเป็นเหตุผลให้คนที่ชอบหนีชมรม เดินเข้าชมรมทุกวัน เพื่อจะได้มาเจอหน้า ได้มาคุย ได้มาสอนเด็กคนนี้ เพื่อนหลายคนไม่รู้ ยกเว้นสนคนหนึ่งที่รู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นอะไร รู้ว่าโตโน่มันเกิดอาการอยากจะก.ไก่สระอินกินเด็ก แต่พอรู้ก็เลยแนะนำว่าให้บอก เจ้าเพื่อนก็แสนจะพูดยาก เอาแต่บอกว่ากลัวเค้าเกลียด ทั้งๆที่สนก็ให้คำยืนยันว่า กันชอบโตโน่ คอยเฝ้าบ่นกรอกหูมาตลอดว่า ถ้าสักวันมีคนมาเขมือบกันไปก่อนจะร้องไห้
“มึงชอบน้อง ก็บอกน้องดิ เก็บไว้ไม” คำถามที่ถ้าใครฟังก็ต้องร้องเออเห็นด้วยกับสน แต่ไอคนฟังคนนี้ดูท่าจะมึน นอกจากจะนั่งเป่าปี่มันต่อแล้วยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ไอห่า กูพูดนี่ เข้าใจมั้ย” ยังๆ มันยังเฉย
“เออ กูไม่พูดกะมึงแล้ว ”
หลังๆเริ่มไม่ได้เข้าชมรมทั้งที่ใจจริงนั้นอยากจะไปมาก แต่ก็ต้องทำในสิ่งที่จำเป็นกว่า แม่บอกว่า อยากให้โน่เรียนในหมาลัยดีๆ ดังๆ แต่ถ้าดังก็เท่ากับว่าเค้าต้องอ่านหนังสือหนักมาก แล้วยิ่งเค้าเรียนไมเก่งด้วยแล้วละก็ หึ อ่านอย่างเดียว แม่ฝากความหวังไว้ที่โน่ โน่ก็ต้องทำให้ได้ กลัวว่าแม่จะเสียใจ มันเลยทำให้กิจวัตรเปลี่ยนไป จากเล่นได้ตามสบายก็ต้องมานั่งปั้นหน้าเครียดกับข้อสอบที่เพี่อนอย่างหามาให้ทำ แต่ว่าวันเสาร์นี้เค้าจะได้หนีมันหนึ่งวัน โน่จะไปเล่นดนตรีที่สวนสาธารณะ ไปผ่อนคลาย แต่มีความรู้สึกบางอย่างแล่นมาในหัว เค้าหันกลับไปบอกรักพ่อกับแม่ก่อนออกจากบ้าน
“สน ถ้าวันนึงกูไม่อยู่ ฝากมึงคิดถึงกูด้วยนะ” ประโยคเรียกความสนใจจากเพื่อนที่นั่งทำความสะอาดเครื่องดนตรีก่อนเล่นได้มาก
“มึงพูดยังกะจะไปไหน พูดไม กูใจหาย”
“กูว่ากูอาจจะไม่ได้อยู่กับมึง” งง พูดคำเดียวว่างง คนฟังงง คนที่มาเล่นดนตรีด้วยกันก็งง
“ถ้าเรื่องเรียนต่อ อย่าคิดมาก บางทีกูกับมึงอาจได้อยู่ม.เดียวกัน”
“กูขอบคุณนะ กูดีใจที่มีเพื่อนอย่างมึง ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” ในความคิดของสน เค้ากำลังคิดว่าเพื่อนเค้าคงอ่านหนังสือจนเบลอไปแล้ว แต่ในความคิดโตโน่แล้วเค้าจริงจัง
“มึงพูดไร แหม่ พูดยังกับลาตาย” เลิกสนใจเพื่อนที่บ้าแล้วไปทำความสะอาดเครื่องดนตรีต่อ
การเล่นดนตรีผ่านไปได้สวย มีคนมาชมและให้กำลังใจมาก แถมมีคนที่ถูกใจมากให้ติ๊บมาคนละ100แน่ะ ก็ทำเอาพวกนักดนตรีทั้งหลายปลื้มใจสิ มีคนชม มีคนปรบมือ เวลาก็ย่ำสนธยามาทุกที เหล่านักดนตรีเลยขอตัวกลับบ้าน สนและโตโน่ก็เช่นกัน กลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองทุ่ม โตโน่ขี่รถไปส่งสนที่หน้าบ้าน แล้วตอนจะกลับ ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด โตโน่ที่กำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อกลับบ้าน มองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีรถก็บึ่งออกไป สนที่ยืนจ้องอยู่ก็ตาโตทันที เพราะมีรถกระบะเก่าๆคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วเหมือนหนีใครมา ประทะเข้ากับรถของโตโน่อย่างจัง จนทั้งคนทั้งรถปลิวไปเข้าฝั่งริมถนน แล้วขี่หนีทันที สนรีบวิ่งไปประคองร่างที่อาบเลือดของเพื่อนรักมา
“มึงๆ อย่าเป็นอะไรนะ รอรถพยาบาลก่อน”
“อะ อะ ไอ ส สนกู ไม่ หวะ ไหวแล้ว” ร่างที่จมกองเลือดพูดมา ท่าทีหายใจเหนื่อยหอบ คงจะทรมาน
“ไหวดิ มึงต้องไหว ”
“ไม่ สน กะ กะกู ฝา ก บอก พ่อ มะ แม่ บอกด้วย กะ กูรัก เ ค้า ”
“บอก กะ กัน กะ กู รัก กะ กัน ”
“กูรั ก มึ ง ”
“ดู แ ล กะ กะ กัน แท แทน กู ดะ ด้วย ขอ ทะ โทด ทะ ที่ ไม่ ยอ ยอม เปิดเผย ” ทันทีที่ประโยคสิ้นสุดลง ร่างของเพื่อนก็หมดลมหายใจทันที
“ฮึก ฮึก อะ ไอ โตโน่!!!!!!!!!!!!! มึงตื่นสิ!!!!!!!!! แม่งลุกมาคุยกับกู มากวนกูมึงลุกมา” แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะคนที่ตายไปแล้วไม่มีวันกลับมา.....................................
__________________________________________________________________________________________________
กลับมาแล้ว กับความมั่วนิ่ม ที่ไม่มีใครเกิน เขียนไม่ดี เพราะมันอ่อน ไม่ได้มาต่อตอนเก่าเพราะไฟล์หายเลยแต่งใหม่ จะบอกว่าตอนนี้ที่แต่งมาจากเรื่องจริงนะจ๊ะ หุ หุ ก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น