คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : chapter 6 him
“นภัสสร… คุณจะมานั่งหน้าเป็นโซนทีนอยู่ตรงนี้ให้ได้อะไรขึ้นมาครับ คุณกำลังทำให้กระผมรู้สึกผิดที่เอาเรื่องนนท์ไปบอกคุณนะ…”
หวินเอ่ยกับเพื่อนในเชิงเย้าแหย่ พยายามจะรวนให้นิวได้ยกแข้งยกขาขึ้นฟาดเขาสักทีแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร… นิวเป็นอยู่อย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น จนคนยืนข้างอย่างเขาเริ่มใจฝ่อเข้าทุกที
แทบจะในทันทีที่นิวรู้เรื่องนนท์ เพื่อนรักของเขาก็ผลุนผลันออกจากบริเวณที่สังสรรค์ไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ร้อนถึงต้นเรื่องอย่างหวินที่ต้องตามออกมายืนห่างๆอย่างห่วงๆ มองดูนิวที่ยืนพิงผนังด้านนอกตัวอาคารนิ่งมาแล้วสักพัก ใบหน้าคมเข้มที่เจือรอยยิ้มอยู่เสมอบัดนี้กลับเครียดกังวลไม่ต่างอะไรกับเมื่อตอนที่เรื่องเก่าๆเกิดขึ้นใหม่ๆ…
ดวงตาคมเข้มมองเหม่อไปไกลไร้จุดหมาย ความรวดร้าวหล่อเลี้ยงอยู่ในนัยน์ตา พาให้คนที่ยืนอยู่ด้วยเพียงคนเดียวต้องยืนสงบปากสงบคำอย่างรู้สึกผิดมากขึ้นทุกที
เค้าไม่สมควรปากเปราะเลย เห็นนิวกำลังมีความสุขกับเพื่อนรักก็แค่อยากจะเข้าไปขัดอารมณ์พอให้โดนด่าเล่นเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เพื่อนต้องมาเครียดเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้
หวินได้แค่ก่นด่าตัวเองในใจ ร่างสูงโปร่งยืนเฝ้าเพื่อนสนิทต่อไปอย่างเงียบเชียบ…
“เฮ้อ…”
นิวถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างไม่รู้ตัว… สิ่งมีชีวิตในอกคล้ายถูกกระทบกระเทือนจนเต้นผิดจังหวะ เพียงพยางค์เดียวที่เป็นชื่อของผู้ชายคนนี้ ก็มีอิทธิพลกับชีวิตจิตใจเธอมากมายเหลือเกิน
หวินมองเพื่อนเขาอยู่อีกครู่ใหญ่ พยายามจะกอบกู้สถานการณ์วิธีแล้ววิธีเล่า… นิวก็เอาแต่ยืนนิ่งคล้ายจะครุ่นคิดอยู่แบบนั้น จนเขาต้องงัดไม้ตายสำคัญออกมาเรียกร้องความสนใจ
มือหนาของหวินซัดบนไหล่เพื่อนแรงๆ ฉุดเอานิวคนเดิมคืนกลับมา….
“นิว มึงอย่าว่ากูงั้นงี้เลยนะ มึงออกมานานอย่างเนี้ยะ ไม่กลัวจิ๋วเค้าเป็นห่วงหรอวะ…”
ชื่อของบุคคลสำคัญเรียกสตินิวกลับคืนมาได้ฉับพลัน ความนิ่งเฉยถูกตีแตกกระจุย นิวเด้งตัวจากผนังเย็นเฉียบ ตวัดสายตามองหน้าหวินราวกับมีเรื่องอะไรจะพูดมากมาย แต่แล้วก็สะบัดหน้าหนีเดินจากไปอย่างรวดเร็ว… ทิ้งหวินให้ยืนเลิ่กลั่ก ก่อนจะก้าวขาตามเพื่อนไปติดๆ
“โอ๊ย ตามอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆว่ะไอ้นิว…”
“คุณจิ๋ว…”
นิวส่งเสียงเรียกอีกคนที่นั่งหันหลังให้กันเสียงดัง แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับคนตัวเล็กที่ไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากการคุยกับใครสักคนตรงหน้าอย่างถูกคอ…นิวพยายามเพ่งมองร่างโปร่งที่นั่งอยู่กับจิ๋ว แต่ความมืดก็ทำให้เธอมองเห็นอะไรได้ไม่ขัดนัก… แต่เพียงเท่านั้น ความหงุดหงิดก็ตีขึ้นตาแล้ว เมื่อได้พินิจมองจนรู้ว่าใครคนที่อยู่กับจิ๋วในตอนนี้ เป็นผู้ชาย…
คิ้วเข้มขมวดมุ่น แถมดวงตาคมก็เจืออารมณ์โมโหจนเข้มข้น ร่างเล็กเบียดแทรกกลุ่มเพื่อนเข้าไปจนถึงตัวจิ๋วได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทิ้งตัวลงนั่งแรงๆหวังจะให้แรงสะเทือนเรียกอีกคนให้หันมาสนใจกันโดยไม่ต้องเรียกร้องความสนใจให้มากมาย…
แล้วมันก็ได้ผล…
“อ้าวนิว กลับมาแล้วหรอ…”
เพียงชั่ววินาที จิ๋วผินหน้ากลับมามองกันพร้อมรอยยิ้มที่นิวไม่เห็นมันบ่อยนัก… มุมปากของคนตัวเล็กจุดประกายแววประหลาดบางอย่างที่ทำนิวต้องเอะใจตั้งแต่แรกใจ ความวิตกกังวลก็เข้าครอบงำจิตใจจนนิวต้องตีคิ้วมุ่น รอยยิ้มแบบนี้ จิ๋วไม่เคยทำใส่เธอ…
แววตาคู่นั้นแฝงความหมายหลายร้อยอย่างที่เธอไม่มีทางเข้าใจหากจิ๋วไม่เปิดปาก… และที่สำคัญมากกว่านั้น… สิ่งที่หลุดจากปากจิ๋วกำลังทำหัวใจเธอหล่นหายไปอย่างไม่มีทางวิ่งกลับมา
“นนท์เค้ารู้ว่านิวมาด้วย เค้าเลยมาหาน่ะ จิ๋วเห็นนิวไปข้างนอกซะนาน เลยชวนเค้านั่งคุยไว้ให้… นนท์ นี่ไงนิวมาแล้ว คุยกันไปสิ จิ๋วขอตัวก่อนนะ”
คนตัวเล็กไม่รอให้นิวต้องอ้าปากไถ่ถามอะไรให้เสียเวลา จัดการเรียกอีกคนให้เพื่อนแล้วลุกขึ้นเดินไปหนีจากไปอย่างรวดเร็ว… มือหนึ่งคว้าแก้วแอลกฮอลล์ของนิวติดมาด้วยอย่างตั้งใจ แม้คืนนี้เธอจะอยากมาแฮปปี้เบิร์ทเดย์พี่ชายคนสนิทแบบสติครบ100เปอร์เซ็นต์ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ เธอไม่เห็นวิธีใดแล้วที่จะเห่กล่อมหัวใจที่ไหวเอนได้ดีเท่านี้
เสียงเพลงยังคงดังกระหึ่มทั่วพื้นที่แคบๆนี่…
คนตัวเล็กยืนตาแดงก่ำอย่างไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะไปไหนในเมื่อที่นี่ไม่มีใครสักคนให้เธอได้พาตัวเองไปอยู่ด้วย… ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ส่วนมากเขาเหล่านั้นก็เป็นเพื่อนนิวทั้งนั้น คนมนุษยสัมพันธ์บกพร่องอย่างเธอทำได้เพียงส่งยิ้มทักทายเขาไปทั่ว แต่ไม่รู้วิธีที่จะสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกว่านั้น… มันเลยยังผลให้ต้องมายืนเคว้งคว้างกลางงานอยู่แบบนี้
มือที่ประคองแก้วคอกเทลอ่อนๆกระดกมันเข้าปากทีเดียวจนเกลี้ยงกริบ… รสชาติหวานเฝื่อนไหลลงคอให้ได้เบ้หน้าเพราะรสชาติแอลกฮอลล์เจือจาง มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรเธอไม่ได้… จิ๋วรู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่คนแข็งแรงนักกับเรื่องแอลกฮอลล์ แต่ก็อย่างที่บอก… เธอในแบบที่มีสติครบถ้วน ไม่พร้อมจะรับสถานการณ์แบบนี้… ใจเธอรับมันไม่ไหว
“น้อง…”
แขนเรียวยกขึ้นเรียกรั้งบริกรหนุ่มหน้าละอ่อนให้ได้ชะลอฝีเท้า… ในมือเขาประคองถาดคอกเทลหลากสี จิ๋วคว้าหมับเข้าแก้วนึง ฉับพลันทันตามันก็หายแว่บลงลำคอ… แอลกฮอลล์เจือจางแต่สะสมกำลังลดทอนสติคนตัวเล็กลงไปอย่างช้าๆ…
ป่านนี้นิวกับนนท์คงได้คุยกับถูกคอ ถ่ายไฟเก่าที่ร้อนรอวันรื้อฟื้นคงกำลังปะทุขึ้นมาจนแทบลุกโชน… เห็นแววตาของนิวในตอนที่หวินเอาเรื่องนนท์มาบอกก็พอจะรู้แล้ว ว่าหัวใจดวงนั้นยังไม่เคยลืมอดีตแม้มันจะจบไปเนิ่นนาน…
จิ๋วกดเปลือกตานิ่งสนิท… ลมหายใจติดขัดเหมือนอากาศมันขาดหาย… ความเจ็บปวดเข้าทิ่มแทงหัวใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาให้เต็มรัก…
นี่น่ะหรือ… คนที่บอกให้เธอรอ
เธอกำลังรออะไร กำลังคาดหวังอะไรจากนิวอยู่นะ…
.
.
หากใครไม่เคยชาวูบไปทั้งหัวใจ…. หากใครไม่รู้ว่าความเงียบงันท่ามกลางเสียงดังกระหึ่มเป็นเช่นไร
ก็ลองมาเป็นเธอดูสักวินาที
จะได้เข้าใจ…
“หวัดดีนิว ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เสียงนุ่มอุ่น ทักทายกันราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องตะขิดตะขวงใจให้ต้องคิดหนัก… มันคงเป็นอย่างนั้นสำหรับนนท์ แต่กับคนถูกทิ้งแบบเธอมันไม่ใช่เลย… นาทีนี้ ไม่ต้องไถ่ถามถึงคำทักทายของเธอที่ไม่มีวี่แววว่าจะหลุดออกจากปาก แต่จะยิ้มตอบ มันยังยากเย็นจนเธอทำไม่ไหว…
นิวนั่งมองหน้าความรักครั้งเก่าของเธออย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความอ่อนแอที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจค่อยๆสร้างร่องรอยให้หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างช้าๆ… ผู้ชายคนนี้ คนที่ยังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจเธอไม่ว่าจะวันไหนๆ
นนท์เป็นผู้ชายเพอร์เฟคท์ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งโลก… รอยยิ้มของนนท์ตราตรึงใจนิวเอาไว้ได้แสนนาน จากวันนั้นจนวันนี้…
นนท์เป็นคนสะอาดสะอ้านเรียบร้อย เป็นผู้ชายที่ออกจะแต่งตัวจัดกว่าผู้ชายทั่วไปสักหน่อย… ผมของเขาไม่เคยสั้นติดศีรษะ มันยาวและเข้าทรงตามสมัยนิยมอยู่เสมอ… แววตาของนนท์ อบอุ่นและชวนฝัน จมูกโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบแดงฉ่ำสรรสร้างรอยยิ้มมุมปากที่ทรงเสน่ห์ทุกครั้งที่เขาเผยมันออกมา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด ทั้งหมดรวมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ครบพร้อมทั้งคุณสมบัติทางกายและพื้นฐานครอบครัว ลูกชายคนเดียวของตระกูลนักการเมืองท้องถิ่นผู้ทรงอิทธิพล… ทั้งหมดนั่น คือนนท์ คือผู้ชายคนนี้ที่นั่งส่งรอยยิ้มเจือจางให้เธออย่างสบายๆ
ความสัมพันธ์ของเธอและนนท์เริ่มขึ้นและจบลงไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน… นนท์เป็นนักร้องรุ่นน้องร่วมค่าย เป็นดาวรุ่งน้องใหม่ที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในขณะนั้น เสน่ห์เหลือร้ายของนนท์แอทแทคทุกคนไม่เว้นแม้แต่เธอ…
ความเป็นเขาสะกดใจเธอตั้งแต่แรกเห็น และยิ่งได้รู้จักกัน หัวใจเธอก็หลงรักความอ่อนหวานของเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น… ในวันที่เธอรู้ตัวว่าเขาเป็นคนที่เธอตามหา นนท์ก็ใช้เสน่ห์ของเขาจัดการเธอเสียจนอยู่หมัด เธอตกหลุมรักเขาเข้าเต็มหัวใจ ไม่เคยเจอใครที่จะเข้ากันได้ในทุกๆทางมากเท่านี้
เราคุยกันทุกคืน เจอกันทุกวัน…
เธอชอบถ่ายรูป เขาชอบถ่ายรูป… เธอชอบวาดรูป เขาชอบนั่งดูเธอวาดรูป…
เธอชอบฟังเพลง เขาชอบฟังเพลง… เธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้านซ่อมนาฬิกา เขาหลงใหลนาฬิกา
เธอเป็นนักร้อง… เขาเป็นนักร้อง
เธอชอบเขา… และคิดว่ามาตลอดว่าเขาก็ชอบเธอไม่ต่างกัน
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน… เธอก็เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เธอได้รับ มันไม่ได้จริงจังอะไร
นนท์เลือกที่จะพูดจริงจังเป็นครั้งแรกกับเธอ มอบความเป็นเพื่อนให้กัน… แต่หัวใจที่รักไปแล้วมันไม่ยอมเอาง่ายๆ… ความหวังที่จืดจางรั้งเขาเอาไว้อยู่ทุกครั้งที่โอกาสเดินทางมาถึง เธอยอมอยู่ในฐานะที่ไม่ได้สำคัญอะไรนัก ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเข้าสักวัน…
อันที่จริงเรื่องของเรามันยุติลงที่คำว่าเพื่อนอย่างจริงจังเมื่อไม่ถึงปีด้วยซ้ำ… และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความหวังของเธอยุติลง ก็เป็นเพราะเพื่อนรักของเธอ…
จิ๋ว…
จิ๋วนั่นล่ะที่พาเธอออกมาจากวังวนความเจ็บช้ำซ้ำซาก
แต่เธอกลับพาตัวเองออกมาได้ไม่ไกลมากพอ…
“นนท์ หวัดดี ผมหวิน เพื่อนนิว จำผมได้ไหมฮะ…”
เสียงดังลั่นทุ่งดึงนิวให้ออกจากภวังค์ฉับพลัน ชัชวินเดินแหวกฝูงชนเข้ามานั่งคั่นกลางระหว่างนิวและนนท์อย่างไม่สนมารยาท แถมยังแนะนำตัวกับนนท์ที่ตีคิ้วขมวดแทบจะในทันทีอย่างไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไง… หวินขยับตัวเบียดนิวให้นั่งห่างนนท์ออกไป แถมยังเอนตัวพิงเบาะอย่างผ่อนคลาย ขยับขยายพื้นที่ ลดความใกล้ชิดระหว่างนิวและนนท์ที่ดูเหมือนจะมากขึ้นทุกที
“นนท์อย่าทำหน้างง คุณไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักคุณนะ… ผมเป็นเพื่อนนิวตั้งแต่มหาลัยละฮะ เห็นคุณอยู่บ่อยๆ นิวเค้าเคยพูดถึงคุณให้ผมฟังบ้าง เมื่อก่อนน่ะบ่อยนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่พูดเลย ผมนึกว่าคุณตายจากเค้าไปแล้วเสียอีก… ฮ่ะๆ ดีใจที่ได้เจอและรู้จักจริงๆจังๆนะครับ”
นิวเผลอหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้นอย่างชอบใจลึกๆ หวินร้ายกาจเกินกว่าที่เธอจะเชื่อ… ประโยคยืดยาวที่พ่นออกมาจากปากเสียๆของเขา เป็นหนึ่งในไม่กี่ประโยคที่ดูจะมีคุณค่ามากกว่าแค่แกว่งปากหาเสี้ยนไปวัน… ยิ่งเห็นนนท์ทำหน้าเหวอเธอก็ยิ่งขำ…อยากจะหัวเราะเสียงดังหากไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไปนัก…
หวินยังคงใช้ความสามารถอันมากมายของเขาชวนนนท์คุยได้เรื่อยเปื่อย แม้จะไม่ได้รับการตอบสนองที่มากมายนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา… เธอสัมผัสได้ถึงนัยยะแอบแฝงที่หวินเลือกจะมานั่งตรงนี้ในตอนนี้ เห็นได้ชัดจากการที่หวินเลือกจะผลักเธอออกจากบทสนทนาทุกประเด็น แม้สายตาของนนท์จะยังไม่ละจากเธอไปไหน…
ในแววอบอุ่น มีบางสิ่งบางอย่างเรียกร้องให้เธอมองตอบ… แต่ความเจ็บปวดในครั้งเก่าก็คอยรั้งเอาไว้ หัวใจเธอกำลังทำงานหนักเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับตอนนี้…
หากไม่มีหวิน เธอคงจะแย่แน่ๆ…
“เพลงล่าสุดของนนท์ผมชอบมากเลยนะ ผมโหลดโฟร์แชร์ไรท์แผ่นแจกเพื่อนทุกคนเลย งี้ละฮ่ะ เพื่อนเยอะ ส่วนมากก็เพื่อนผู้หญิง แบบ คนนู้นก็ดี คนนี้ก็มีความหลัง ผมก็อ่ะ ชอบเพลงคุณไง อยากให้มันช่วยสื่อความหมายหลายๆอย่างล่ะโน้ะ…”
นึกขอบคุณสมองลิงของเขาที่ยังทำงานได้ฉับไวเสมอ… หวินพูดจาเหน็บแหนมแขวะนนท์ไปหลายครั้ง เขาเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าหมอนี่มาแต่ไหนแต่ไร มันหล่อและแสนดีเกินไป แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่มันเลือกจะเก็บเพื่อนเขาไว้เป็นเบอร์สำรองมาตลอด… หวินไม่เคยห้ามให้เพื่อนทำในสิ่งที่มีความสุข หากเพื่อนแฮปปี้ที่จะอยู่รอ มันก็คือความสุขของเพื่อน เขายินดีเสมอ
แต่ในวันนี้ มันต่างออกไป การอยู่รอเป็นตัวสำรองของไอ้นนท์ เทียบไม่ได้เลยกับการได้ยืนข้างผู้หญิงอย่างจิ๋ว… ผู้หญิงที่ดูแลและรักนิวมากเสมอ
กับจิ๋ว เขารู้มานานแล้วว่ามันไม่ใช่สายใยธรรมดาของเพื่อนกัน แต่กับนิว เขาเพิ่งเห็นมันชัดเจนในระยะหลังๆมานี้… นิวอาจจะยังไม่รู้ตัวแน่ชัด แต่ใครเห็นก็คงจะดูออกไม่ยาก…
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเขาจึงเป็นการผลักดันอุปสรรคสำคัญออกไปให้ไกล…
เสี้ยววินาที… นนท์กำลังเบลอกับประโยคยาวๆของเขา หวินเลือกที่จะช่วงชิงจังหวะสำคัญ ส่งประโยคสำคัญอันเป็นจุดหมายของการกระทำครั้งนี้ใส่หูเพื่อนรักที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้างๆกัน…
“ฉันเห็นจิ๋วนั่งอยู่ที่บาร์ฝั่งซ้ายกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้ ท่าทางจะเมาแล้วนะ… ไปดูจิ๋วหน่อยไป๊”
...
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ :)
ความคิดเห็น