ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าเขายังสำคัญ" #newjiew

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 4 wait...

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 57


     

    หนังสือแต่งบ้านเล่มโตวางกระจายไปทั่วพื้น ทุกเล่มล้วนเปิดทิ้งไว้ยังหน้าของโซนครัว นิวนั่งขัดสมาธิหน้ายุ่งอยู่กับกองหนังสือเหล่านั้น  สลับกับการผุดลุกขึ้นไปยืนเท้าสะเอวมองครัวตัวเอง แล้วก็กลับมานั่งพลิกหาไอเดียที่ชอบใจ ความสนใจที่อีกคนมีให้กันน้อยจนแทบไม่มี เหมือนทุกๆครั้งที่นิวมีความสนใจในอะไรสักอย่าง

     

     

    เพื่อนรักหน้ายุ่ง เดินวนไปวนมาอย่างนี้จนคนมองปวดหัว



     

    จิ๋วเพิ่งจะซักผ้าเสร็จไปตระกร้าหนึ่ง แถมด้วยจัดห้องครั้งใหญ่ ตื่นมาทำตั้งแต่เช้า กว่าจะเสร็จเอาก็เกือบบ่ายสอง แม้จะยังไม่สิ้นเรื่องที่อยากทำ แต่เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่เหลือเอาเสียแล้ว

     

    ร่างเล็กเบียดแน่นอยู่กับโซฟา ดูบอบบางจนแทบจมหายไปกับเบาะนุ่มๆนั่น ดวงตากลมโตที่ปรือใกล้ปิดเต็มที เลื่อนมองซ้ายขวาตามอีกคนที่ยังคงไม่หยุดวุ่นวาย


     

    ง่วงจัง หมดแรง





     

    วงแขนเล็กโอบรอบตัวเองหลวมๆ ความอบอุ่นง่ายๆที่เพียงพอแล้วสำหรับบ่ายวันธรรมดาที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นอะไรนัก จิ๋วปิดตาลงสนิท หมดสภาพ… จมเข้าสู่ห้วงนิทราชนิดที่ใครมาปลุกก็คงไม่ตื่นง่ายๆ

     

     

     





     

    “จิ๋ว นิวอยากทำครัอ้าว”

    กว่าจะได้หันมาสนใจอีกคน ก็ตอนที่เรื่องราวในหัวถูกสะสางจนได้ข้อสรุป นิวเงยหน้าออกจากกองหนังสือ ส่งเสียงเรียกอีกคนพร้อมกับเปิดปากบอกถึงความคิดในหัว คันปากอยากจะบอกเล่าเต็มแก่ แต่ก็ไม่ทันอีกคนหลับหนีกันไปเสียแล้ว

     

    รอยยิ้มบางๆถูกฉาบขึ้นบนใบหน้า นิวมีเพียงเสียงหัวเราะเอ็นดูเบาๆในลำคอเป็นเพื่อน รอยยิ้มเอ็นดูถูกส่งให้คนที่นอนกอดตัวเองหลับปุ๋ย

     


     

     

    อากาศตอนนี้ไม่ถึงกับเย็น แต่สำหรับคนขี้หนาวอย่างจิ๋ว ก็ไม่สมควรจะให้ต้องมานอนตากลมอยู่แบบนี้ ร่างเล็กค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากกองหนังสือแต่งบ้านที่ใกล้จะท่วมหัว ย่างเท้าเบาๆขึ้นไปหยิบผ้าห่มนอนเล่นผืนบางของตัวเองที่ห้องนอน


     

    ผ้าห่มลายซูเปอร์ฮีโร่หลายตัวถูกคลุมลงบนคนตัวเล็ก ร่างบอบบางเบียดซุกเข้าหาเบาะนุ่มๆนั่นทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม นิวส่งสายตาอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบางเบาให้กับคนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องราว ระยะห่างระหว่างกันที่เว้นไม่ถึงคืบ กำลังอุ่นหัวใจเธอจนนึกอยากให้วินาทีนี้คงอยู่ตลอดไป



     

    นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาคลอเคลียข้างแก้มเนียนใส หัวใจเต้นระรัวกับความใกล้ชิด ผิวเนียนละเอียดล่อตาล่อใจ ชวนให้อยากประทับจูบแผ่วเบาลงไปสักที

     

     




     

     

    แต่ก็ไม่ได้ทำ

     

     

    นิวตัดใจอำลาความน่ารักนั้น ยากเย็น แต่สุดท้ายเธอก็พาตัวเองออกจากตรงนั้นมาจนได้

     

    เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งใกล้ชิดกันเนิ่นนาน หัวใจยิ่งอ่อนไหวและคิดถึงสัมผัสอ่อนหวานแทบขาดใจ เธอหวงแหนคนตัวเล็กขึ้นทุกวัน อยากแสดงความเป็นเจ้าของทุกเวลา อยากจะคิดเห็นแก่ตัว เข้าข้างตัวเอง ใจหนึ่งก็บอกกัน ว่ามากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว หากอยากจะใกล้ชิดกันอีกสักครั้ง คงไม่ได้เสียหายอะไร


     

    แต่เอาเข้าจริง ใจเธอก็ไม่กล้าพอ


    เธออยากให้เกียรติ อยากให้ทุกเรื่องราวตั้งแต่วันนี้ เป็นความชัดเจน หากรัก หากจะมากกว่าเพื่อน เธอก็อยากให้อีกคนยินยอมพร้อมใจ ให้มันเป็นเรื่องความรู้สึกของเราที่ตรงกัน ไม่ใช่เรื่องอารมณ์และความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นแล้วแต่กลับถูกสั่งให้ลืม


     


    และในวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันให้เธอได้แค่นี้

     




     

     

    นิวสะบัดหน้าไล่ความสับสนในหัว ในใจลึกๆ เธอรู้ว่าคำว่าเพื่อนของเรามันจืดจางลงเต็มทีแล้ว ความรู้สึกอื่นเข้ามาแทรกซึม และคงไม่ใช่การคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก หากเธอจะสงสัยว่าใจเราตรงกัน

     


    แต่การที่อีกคน ยังพยายามหลบหนีกันอยู่ ยังมีกำแพงที่กั้นระหว่างเราเอาไว้ ก็ทำให้เธอไม่อาจมั่นใจ และไม่กล้าพอจะพูดจะถามให้เกิดความกระจ่างใดใดเลย

     


    หากเธอบอกว่ารัก ทั้งที่อีกฝ่ายไม่คิดจะรัก

    คำว่าเพื่อนของเราคงไม่หลงเหลือ

     

     

     


     

    มือบางกวาดเอาหนังสือแต่งบ้านไปเก็บตามซอกมุมเดิมปิดม่านที่ส่องแสงเข้ามาเพื่อให้คนตัวเล็กได้หลับสนิทและสบายที่สุด

     


     

    ก่อนจะแอบมากระซิบแผ่วเบาข้างหูคนตัวเล็ก

    “ฝันดีนะคะ


     

    แล้วผุดลุกขึ้นจากไปพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนกระจายเต็มสีหน้า

     

     

     

     

     








    .
    .




     

     

    “งือ


     

    เสียงครางงุ้งงิ้งดังขึ้นเบาๆในลำคอ พร้อมกับการพลิกขยับตัวของคนตัวเล็กที่เพิ่งอำลาห้วงนิทรา ดวงตาที่ปิดสนิทมาราวๆสามชั่วโมง ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ อาการมึนหัวจากการนอนตอนเย็น ทำคนตัวเล็กนอนลืมตามองเพดานนิ่งอย่างนั้นได้เป็นนาที


     

    เย็นแล้ว อากาศจึงเย็นขึ้นจนต้องกระชับผ้าห่มเข้าหาตัว

     



     

    ผ้าห่ม


     

    ผ้าห่ม ?

     



     

     

    สติที่ยังกลับมาอย่างไม่ครบถ้วน ทำจิ๋วต้องตีคิ้วขมวดมุ่นอยู่หลายวินาทีก่อนจะนอน เธอจำได้ว่านิวนั่งอ่านหนังสือแต่งบ้านอยู่ตรงนั้น ส่วนเธอ นั่งกอดๆลูบๆแขนตัวเองอยู่หลายที ก่อนจะทนความง่วงไม่ไหว หลับสนิท


     

    ผ้าห่มลายซุปเปอร์ฮีโร่มาร์เวลนี่ มันคุ้นตากันอยู่บ้าง เธอเคยได้เข้าไปเห็นมันขยำเป็นกองอยู่ในมุมห้องของนิว มันคงอยู่มานานแล้ว สีจึงได้ซีดจางไปตามกาลเวลา



     

    คนตัวเล็กยิ้มหวาน เมื่อรู้ถึงที่มาของความอบอุ่นผืนนี้ สองมือรวบเอาชายผ้าห่มขึ้นใกล้จมูก สูดกลิ่นกายจางๆของนิวที่ติดผ้าห่มเข้าไปเต็มปอด

     



    ชื่นใจจัง

     

     

     

     

     

     





     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

    .
    .
     

     

    บรรยากาศบนเวทีดำเนินไปอย่างสนุกสนานเพลงดีดีกับคนดีดีพากันนำวันเวลาดีดีมาสู่ผู้ชมเบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง หน้าสวยๆนั่นก็เปื้อนยิ้ม หน้ามนๆนั่นก็ยิ้มเสียกว้าง ใครๆก็มีรอยยิ้มทั้งนั้น เว้นแต่เธอ


     

    ไม่บ่อยนักที่ใครจะจับนิวจิ๋วแยกคู่ และนี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้ง แต่ครั้งไหนๆ นิวก็ไม่เคยรู้สึกอารมณ์เสียได้มากขนาดนี้


     

     

    นิวกอดอกตัวเองจนแน่น รู้ตัวดีว่าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก แต่ในส่วนของเหตุผลนั้น เธอกลับไม่มีจะตอบหากใครมาถาม

     

    หรือหากจะสืบกันจริงๆจังๆ คำตอบของความหงุดหงิด อาจเป็นเพียงดอกกุหลาบช่อนึงก็เป็นได้

     



     

    ดอกไม้มีความหมายเฉพาะตัวของมัน

    คนคุ้นเคยกันมอบดอกไม้ให้คงไม่ได้ผิดแปลกอะไร

     


     

    หากคนคุ้นเคยนั้นไม่ใช่คนที่แสดงออกต่อกันว่าชอบจิ๋วมาตลอด

    หากว่าดอกกุหลาบช่อนั้นไม่ใช่สีแดง


     

     

     

    ใช่ ดอกกุหลาบแดงช่อโตที่ถูกจัดอย่างตั้งใจ และถูกมอบโดยความรู้สึกยิ่งใหญ่นั่น เธอไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ได้รับ เหตุผลในความหงุดหงิดนั้นแทบไม่มี และหากใครจะมีสิทธิ์เกลียดไอ้ช่อกุหลาบแดงนั่น ต้องจิ๋ว ไม่ใช่เธอ

     

    แต่คนมีสิทธิ์อย่างจิ๋วไม่เกลียด

     


     

    นิวไม่ชอบไอ้ดอกไม้มีหนามแดงๆนั่นทันทีที่เห็นใครบางคนหอบหิ้วมันมาฝากจิ๋ว รอยยิ้มขัดเขินของเขาประดับอยู่บนใบหน้าทุกวินาที เธออยู่ห่าง ได้ยินไม่ชัด แต่สองตามองเห็น เจ้าของช่อดอกไม้นั่นพูดไม่มาก แต่มันคงมีความหมายอะไรสักอย่างที่คงทำเขาเขินพอตัว ใบหน้าขาวๆตี๋ๆนั่นถึงได้แดงฉ่า ร้อนลามไปยันหูจนสังเกตได้ไม่ยาก


     

    เธอมอง แน่นอนว่าเห็น จิ๋วไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าขอบคุณก็จริง แต่รอยยิ้มของจิ๋วก็ซาบซึ้งไปกับดอกกุหลาบแดงและคำพูดจากปากของเจ้าของดอกไม้นั่นเหลือเกิน


     

     

     

    แถมวินาทีนี้ เสียงเพลงที่ลอยเข้าหูเธอก็ยิ่งทำให้ใจไม่สงบ จิ๋วและผู้ชายคนนั้นโอบกอดประคอง ร้องเพลงรักแว่วหวานอยู่บนเวที เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม จนเธออยากจะกรี๊ดระบายความอึดอัดออกมาสักครั้ง


     

    เธอหงุดหงิดอัดอั้นเหมือนจะตาย มีใครเห็นเธอหรือไม่

    ดวงตาคมกริบจ้องภาพบนเวที สลับกับช่อกุหลาบที่วางเรียบร้อยอยู่ข้างสัมภาระของจิ๋ว ร้อนแรง ราวกับมีไฟเป็นร้อยกองสุมอยู่ข้างใน

     

     

     

    “นิว อะไรน่ะ ทำสมาธิอะไรหน้าเครียดขนาดนี้ หืม

    เสียงอบอุ่นนุ่มละมุนหูนั่นมาพร้อมกับสัมผัสเบาๆที่ไหล่เปลือย พี่ชายตัวโตเดินมาหากันพร้อมรอยยิ้มสดใส ร่างใหญ่นั่งลงยังเก้าอี้ข้างๆกัน เลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงไถ่ถามอย่างห่วงใย ให้นิวที่นั่งหน้าเครียดขึ้ง ต้องรีบคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออก แล้วหยิบยิ้มบางๆมาใส่แทนอย่างรวดเร็ว

     

    กลบเกลื่อนความฉุนเฉียวในอกที่ยังพลุ่งพล่านรุนแรง และดูจะหนักมากขึ้นทุกที

     

     

    “ฮ่ะๆ นิดหน่อยค่ะ บิลท์อารมณ์

    เสียงหัวเราะแห้งๆดังพร้อมข้อแก้ตัวที่ฟังแทบไม่ขึ้น ให้เจ้าของคำถามยิ้มบางๆรับ

     
     

    บทสนทนาจบลงทั้งที่ยังเริ่มต้นได้ไม่เท่าไร เธอไม่เก่งพอที่จะยิ้มแย้มคุยกับใครได้นานในนาทีนี้ นาทีที่จิ๋วกำลังร้องเพลงสวีทอยู่กับผู้ชายคนนึงอยู่บนเวที ใครต่อใครก็กรี๊ดกร๊าดชอบใจที่หน้ามนๆนั่งเอียงเข้าใกล้ดูโอ้ของเธอ


     

    มือเรียวกำเข้าหากันแน่น นิวรู้ดีว่าตาเธอร้อนผะผ่าวจนแทบระเบิด อยากจะพุ่งไปกระชากคนตัวเล็กกลับลงมาเสียเดี๋ยวนี้

     


     

     

    “คุณนิวคุณป็อปฮะ เชิญสแตนด์บายข้างเวทีฮะ

    ทีมงานในเสื้อดำเดินเข้าไปมาเชื้อเชิญสองนักร้องอย่างสุภาพ ขัดจังหวะอารมณ์ฉุนเฉียวของนิวลงไปอีกครั้งนึงพี่ป็อปลุกเดินนำไปก่อนด้วยท่าทีสงบนิ่ง เสียงหายใจเข้าออกดังให้นิวได้ยิน นิวผุดลุกขึ้นเดินตามช้าๆ พยายามหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ภายในที่กำลังทำลายสมาธิอันน้อยนิด สะกดจิตตัวเองที่ยังคงลอยละล่องไปหาคนบนเวที ที่ยังส่งเสียงใสใสร่ายเป็นบทเพลงไพเราะประสานกับเสียงนุ่มหวานหูนั่นไม่หยุดหย่อน

     


     

    ไอ้เพลงบ้านี่ เมื่อไรจะจบเสียที

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .
     

     

     

     

    คอนเสิร์ตเสร็จสิ้นลงแล้ว คนอารมณ์ขุ่นถึงได้ใจเย็นขึ้นมาบ้าง

     


     

    ห้องแต่งตัวขนาดเล็กนี้มีเพียงแค่เธอและจิ๋วสองคน พี่เจนหอบหิ้วของจากแฟนคลับไปเก็บไว้ในรถเป็นรอบที่สอง คงอีกสักพักกว่าจะเข้ามา แต่ก็ช่างเถอะ พี่เจนไม่ใช่ปัญหาอะไร

     


     

    นิวเร่งทำเวลา เอาเสื้อผ้าเครื่องประดับออกจากตัวอย่างรวดเร็ว ใจเธอมีเป้าหมาย ตราบใดที่ยังเห็นไอ้ช่อกุหลาบแดงนั่นทิ่มแทงหัวใจ เธอก็ยังไม่อาจยิ้มแย้มอารมณ์ดีให้ใครต่อใครได้ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ในห้องนี้มีแต่เธอกับจิ๋ว เธอเห็นพี่พี่ทีมงานหลายคนพากันทยอยออกหลังจากได้สบตาเธอ


     

    ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว

     


     

    “จิ๋ว

    นิวสืบเท้าเข้าใกล้อีกคน มองสบตากันผ่านกระจกส่งเสียงออดอ้อนอ่อนแรงให้คนในกระจกได้เงยหน้าขึ้นสบตา เลิกคิ้วเป็นเชิงส่งคำถามให้กัน

     


     

    “ขอกอดหน่อย”

    เสียงอ่อนหมดเรี่ยวแรงดังขออนุญาต แต่นิวก็ไม่ได้รอคำตอบ อ้อมแขนอบอุ่นโอบรอบเอวอีกคนจากด้านหลังทันทีที่สิ้นคำ พักพิงไว้ทั้งเนื้อตัวและหัวใจ กอดอีกคนจนแน่น ซุกใบหน้าสวยลงกับไหล่มนวันนี้มันช่างยาวนาน แม้จะต้องร้องเพลงไม่กี่เพลง แต่เธอก็เหนื่อยล้าอ่อนแรงกับมันเหลือเกิน



     

    เธอเพิ่งรู้ตัว ว่าเธอหวงแหนคนตัวเล็กนี่ใจแทบขาด

    จะไม่มีอีกแล้วงานแยกคู่ของนิวจิ๋ว เธอจะปฏิเสธมันให้หมด


     

     

     

    อะไรเนี่ยนภัสสร งอแงอ่ะ ออกก่อนซิ ขอเค้าถอดเสื้อตัวนอกแปป ร้อน…”

    คนตัวเล็กปั้นหน้าเข้มทั้งที่ในใจกลับยิ้มไปทั้งดวง ใบหน้าหวานร้อนฉ่าเพราะความเขินจากความขี้อ้อนของอีกคนที่เธอตั้งตัวไม่ทันหาข้ออ้างพาอีกคนออกจากกัน ก่อนที่คนขี้อ้อนจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรงขึ้นทุกที

     

    จิ๋วขยับตัวยุกยิกเป็นการประท้วงเบี่ยงตัวหวังจะให้อีกคนยอมล่าถอยจากไป แต่มันก็ไร้ผล นิวไม่แม้แต่จะสนใจ มีเพียงการส่ายศีรษะน้อยๆกับไหล่เธอเป็นการปฏิเสธเท่านั้น

     



     

    เสียงแผ่วเบาราวกับไร้เรี่ยวแรงดังร้องขอกันข้างหู

    อ่อนหวานจนต้องยอม

     

    เหนื่อยขอพักก่อน เหนื่อยจริงๆนะจิ๋ว



     

    ความเงียบงันระหว่างเราดำเนินไปแบบนั้น คนขี้อ้อนไม่แม้แต่จะขยับกาย พิงร่างนิ่งแล้วปล่อยให้หัวใจได้ซึมซับเอาเรี่ยวแรงให้หัวใจหลังจากสะกดกลั้นเก็บมาตลอดวันจิ๋วคงไม่รู้ ว่านับวัน ความห่วงหวงที่มีมากอยู่แล้วยิ่งเพิ่มพูนจนมันล้นใจจะตายอยู่แล้ว


     

    อ้อมแขนรัดเอวบางแน่นขึ้นเมื่อนึกถึงภาพความใกล้ชิดสนิทสนมของจิ๋วกับพี่เบลผู้ชายอบอุ่นแสนดีคนนั้น สายตาของเขาไม่เคยปิดบังว่ารู้สึกยังไง


     

    ภาพเขามอบช่อกุหลาบให้จิ๋ว สิ่งที่ใครเห็นก็รู้ว่ามันคือการบอกรัก พี่เบลทำมันได้อย่างเปิดเผย เธอเองกลับไม่เคยกล้าทำ ยิ่งคิดยิ่งหนักหัวใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้



     

    เขาชอบจิ๋วใครก็รู้

    แต่ที่เธอรักจิ๋ว มีใครรู้บ้างหรือเปล่า



     

     

    จิ๋วรู้บ้างไหม

     

     

     


     

    นิวกอดเค้าแน่นจังมีอะไรหรือเปล่า

    ความอบอุ่นค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลห่วงใย เมื่อเห็นคิ้วเข้มของคนขี้อ้อนดูจะขมวดแน่นเข้าทุกทีมันออกจะแปลกๆตั้งแต่ที่โผเข้ามากอดกันนั่นแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก ระยะหลังมานี่นิวก็กอดเธอบ่อยจนลืมคิดไป


     

    แต่กอดแน่นขนาดนี้ไม่ปกติและนิวก็บ้าพลังเกินกว่าจะมาอ่อนแรงกับคอนเสิร์ตขนาดย่อมๆแค่นี้

     



     

    นิวหลับตาแน่น วงแขนอบอุ่นยังยึดอีกคนไว้ไม่ยอมปล่อย สงครามขนาดย่อมกำลังดำเนินในหัวใจดวงน้อยๆและเนิ่นนานกว่าจะสิ้นสุด นิวอยากจะพูดใจจะขาดบอกจิ๋วว่าเธอไม่ชอบที่อีตาพี่เบลนั่นมาชอบจิ๋วเปิดเผยขนาดนี้ บอกจิ๋วให้หันมาหาเธอ มาเห็นว่าเธอห่วงหวงกันแค่ไหนแต่อีกใจก็รั้งไว้สุดแรง เสียงกระซิบแผ่วเบาจากที่ไกลแสนไกลบอกกันว่าเธอไม่ได้มีสิทธิ์อะไร



     

    และแม้เธอจะคิดว่าจิ๋วเป็นของเธอแต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนตัวเล็กจะยอมรับ



    ซ้ำร้าย จิ๋วยังบอกกัน ว่าให้เธอลืมมันไปซะ

     

     



     

    คุณจิ๋ว…”

     

    แต่ความหนักหนาในหัวใจก็ไม่ยอมแพ้ มันบังคับปากให้เรียกร้องเอาความเห็นใจของอีกคน เสียงอ่อนระโหยแผ่วเบา สายตาเว้าวอนอ่อนหวานช้อนขึ้นมองอีกคน ราวกับจะใช้มันถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ

     


    หัวใจที่มีแต่ความสับสนและหนักหนา

     

     


    ความเงียบงันกำลังผลักดันความคิดให้ลอยละล่องหายไป

     

     


    คะ…”



    เสียงลมลมตอบรับคำนั้น จิ๋วรวบรวมเรี่ยวแรงตอบทั้งที่ลมหายใจเธอยังขัดข้องเหลือเกินเธอไม่อาจเป็นตัวเองที่เข้มแข็งได้เลยเมื่อเจออะไรแบบนี้ หัวใจเบาหวิวปลิวไปตามกระแสสายตาออดอ้อนนั่นและหากนาทีนี้นิวจะทำอะไรกับเธอ หัวใจที่อ่อนไหวคงห้ามปรามมันไม่ได้เลย

     


    นิวยังคงกอดอีกคนแนบแน่น ยังคงห่วงหวงอีกคนแม้จะหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้

     

     


    ดวงตาคมที่มีแววกังวลฉาบเบาบางเหลือบมองกุหลาบแดงช่อนั้นที่วางอยู่ไม่ไกล

     

     

     




    เค้าไม่อยากให้ใครมาชอบคุณจิ๋ว ไม่อยากให้ใครมาเอาคุณจิ๋วไปจากเค้าเลยนะ

     


     


    หัวใจที่หนักอึ้งเก็บมันไม่ไหว

     

     


    ริมฝีปากสีแดงสดเอื้อนเอ่ย ความในหัวใจที่บริสุทธิ์ ปราศจากการซ่อนบัง

     

     

     

     


     

    “มันดูจะไม่มีเหตุผล แต่เค้าว่าเค้ามี มันเป็นเหตุผลเดียวกัน ที่เค้าก็ไม่อยากจะให้ใครมาชอบเค้าเหมือนกัน”

     


     

    เป็นครั้งแรก

     

     

     

     


    นิวยังคงกอดอีกคนอยู่แบบนั้น…ส่งผ่านความอบอุ่นและความในใจที่ยังหลั่งไหลเวียนวนอยู่ในสัมผัสอุ่น ไม่มีคำพูดตอบรับ ภาษากายก็ไม่ได้กลับมา จิ๋วไม่เคยพูดอะไรอยู่แล้ว และเธอก็ไม่ได้คาดหวังให้จิ๋วต้องตอบอะไร


     

    ความหนักหนาในหัวใจทุเลาลงมาบ้าง แค่ได้บอก ก็ดีพอแล้ว

     
     

     

    เธอแค่อยากจะบอก อยากทำในวันที่ยังมีสิทธิ์ หากจิ๋วรักใครคนอื่นไปแล้วคำพูดเหล่านี้ของเธอคงไม่มีความหมาย

     


     

    นิวเกยคางอยู่กับไหล่บอบบางของอีกคน

    หลับตาพริ้มปล่อยหัวใจให้ซึมซับนาทีลึกซึ้งด้วยหัวใจที่หวงแหนคนตัวเล็กอยู่แบบนั้น


     

     

     

     

     

     

    จิ๋วพิงศีรษะกับข้างแก้มของอีกคนอย่างอ่อนไหว หัวใจเธอเสียรูปทรงจนไม่อาจคงสภาพเดิมได้อีกเมื่อคิดตามความหมายของอีกคน รอยยิ้มเบาบางประดับฉาบอยู่บนใบหน้าสวย ความสุขแทรกซึมเข้าไปทุกอณูหัวใจ อ้อมกอดของนิวอบอุ่นจนเธออยากอยู่ในแบบนี้ นานแสนนาน

     

     

    นิวพูดอะไรแบบนี้กับเธออยู่เสมอ แต่ในครั้งนี้มันกลับต่างออกไป

    ในความเครียดขึ้ง ในแววตาลึกซึ้ง ในน้ำเสียงอ่อนไหว


     

    มันต่างจากที่เธอเคยได้ยิน

    มันซาบซึ้งจนอยากจะนึก ว่าอีกคนรัก


     

    มากกว่าเพื่อนกัน

     



     

     

    สัมผัสแผ่วเบาแตะลงที่หลังมืออีกคนส่งผ่านความรู้สึกดีดีที่เธอไม่เคยได้ทำมันเลย

    หัวใจเธอกักเก็บมันไม่ไหวอีกต่อไป

     

     

     

     

     

    นิวยิ้มกว้างทั้งที่ดวงตาสองข้างยังหลับพริ้ม ความอบอุ่นที่หลังมือไหลหลามไปทั่วทั้งหัวใจ

     

     

     
     

    แค่นี้ก็ดีพอแล้ว

     

     

     

     


     

     

     

     

     


     

    แกร๊ก

     

    เสียงประตูชั้นนอกของห้องดังเป็นสัญญาณ นิวลืมตาโพลง เหมือนถูกดึงออกจากภวังค์หอมหวานอย่างรุนแรง พี่เจนกลับมาแล้ว

     

    กระจกสะท้อนภาพผู้หญิงสองคนที่ประคองกอดกันแนบแน่น จิ๋วยังคงไม่รู้สึกตัว ใบหน้าหวานยังคงเจือจางด้วยรอยยิ้มเบาบางแบบนั้น นิวนึกเสียดายวินาทีนี้ใจแทบขาด เธอยังอยากให้มันดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด ยังอยากรู้สึกถึงความรักของอีกคนอยู่แบบนี้


     

    แต่ก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผย

    เธอคงต้องตัดใจ

     

     

    คำอำลาความอ่อนหวานจึงถูกเอื้อนเอ่ยโดยปราศจากการไตร่ตรอง

    มีเพียงความจริง

     

    ที่เต็มล้นอยู่ในหัวใจ

     




     

     

    “ยังมีอีกหลายอย่างที่เค้าอยากบอกคุณจิ๋ว รอนิวนะ รอให้พร้อม รอให้มั่นใจ”


    เสียงกระซิบแผ่วเบาดังข้างหู ขนลุกซู่เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอีกคนที่เฉียดต้นคอไปมา จิ๋วยิ่งหลงใหลไปกับภวังค์ความรู้สึกที่อยากจะถอน นิวทำได้ยังไงกัน หลอกหล่อเธอให้หลงเวียนวนอยู่อย่างนี้ด้วยความเป็นนิว แทบไม่ต้องพยายามอะไร


     

    จิ๋วพยักหน้าช้าๆ ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตาขึ้นมองกัน


     

    หัวใจเธอเชื่อ และเริ่มต้นที่จะรอแม้จะยังไม่แน่ชัดในคำพูดนั้น เธอไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้ตั้งความหวังกับสิ่งที่นิวให้รอ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเลือกที่จะทำอย่างที่นิวบอกทุกคำ


     

    ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม เพียงมีนิวอยู่ด้วยกัน

    เธอยินยอมพร้อมทำมันเสมอ



     

     

    “เค้าอยากพูดแค่นี้ล่ะ”

     

    นิวยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาบาง อ่อนหวานเกินจะบรรยาย

    อ้อมกอดยังคงอบอุ่น แม้นี่จะเป็นวินาทีสุดท้าย

     

     

     

    “ถ้าไม่ได้บอก เค้าคงอึดอัดตาย

     

     

     

     

    นิวถอยออกมายืนห่างจิ๋วอีกสองสามก้าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกคนในกระจกอย่างพยายามซ่อนความรู้สึกหวั่นไหวในใจ จิ๋วลืมตาขึ้นช้าๆ ในแววตาคู่นั้นมีความหมายมากมายที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ

     

    แต่ที่เธอรู้โดยไม่ต้องพยายาม แววตาคู่นั้นมันเปี่ยมไปด้วยความหมายของความรู้สึกดีดี

     


     

    เธอไม่เคยรู้ในสิ่งที่จิ๋วไม่อยากให้รู้

    มันเป็นแบบนี้มาเสมอ

     


     

    เธอแปลมันไม่ออก แต่ก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ

     

     

     

    คนสองคนส่งยิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย ยิ้มที่เปี่ยมด้วยความคลุมเครือในความหมาย

     


     

    ก่อนนิวจะหมุนตัวกลับไปยังทิศทางเดิม ปล่อยให้อีกคนยังคงมองเธอผ่านกระจกด้วยแววตาอ่านยากอย่างนั้น

     

     

     

     

     

     




     

    พลั่ก

    เจนรบเปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น


     

    ใช่แล้ว คนด้านนอกเพิ่งบอกเขาถึงเรื่องราวโรแมนติกระหว่างจิ๋วและนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มสุดจะอบอุ่น

    กรี๊ดดด

     

     


    ดวงตาเรียวใต้แว่นกรอบหนามองไปทั่วห้อง หาเป้าหมายที่ใครต่างบอกไว้

     

     


    กุหลาบแดง

    ช่อนั้น

     

     

     

     

     

     

    “ว้ายย กุหลาบแดงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกจากมิสเตอร์สุพล ฮี่ฮี่ ปิยนุช เสน่ห์แรงจุงเบยนะค้าาา”

     

    เสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้เอ่ยแซวพร้อมยิ้มล้อเลียน วงแขนใหญ่รวบเอากุหลาบทั้งช่อเข้าไปไว้ในอ้อมกอดแล้วสูดกลิ่นหอมนั่นเสียฟอดใหญ่เสียงก่อกวนพร้อมท่าทางโอเวอร์ที่ได้รับการตอบสนองจากจิ๋วเป็นเพียงแค่รอยยิ้มบางๆ ไม่มีอาการเขินอย่างที่พี่เจนหวังไว้ แถมกุหลาบช่อนั้น จิ๋วก็ไม่ได้ดูหวงแหนอะไรมันมากมาย

     

     

    คนตัวเล็กยังคงปลดเครื่องประดับล้านชิ้นออกจากตัวอย่างไม่สนใจอะไรมากนัก

     

     

    “จิ๋ววววววว นั่นแน่ เงียบกลบเกลื่อนเหรอออ”

     

    ดวงตาหรี่มองจิ๋วเชิงล้อเลียนไม่เลิกรา แต่ก็ได้แค่นั้น จิ๋วยอมละสายตามาจากการแกะสร้อยเส้นยาวมาเพียงชั่วครู่ ฉีกรอยยิ้มยิงฟันให้พี่เจนอย่างไร้ความสนใจอีกตามเคย


     

    ท่าทางดอนท์แคร์ขนาดหนักจนคนช่างแซวต้องถอนหายใจพรืดใหญ่ เอาอีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์ลุ้นดีใจที่น้องสาวมีผู้ชายดีดีเข้ามา หนุ่มสุภาพเสียงนุ่มอุ่น โรแมนติกแมนขนาดนี้ แต่จิ๋วก็ปิดประตูตายจนคนสนิทกันมานานอย่างเขารู้ชัดแก่ใจเลยว่าคงลุ้นไม่ขึ้นแล้ว


     

    โอ๊ยยย ผู้หญิงคนนี้ใจแข็งเป็นหินแถมไม่สนใจชายใดแบบนี้ มีหวังคงได้ขึ้นคานแน่ๆ

     



     

    “จิ๋ว ได้กอดได้หอมมันบ้างหรือยังเนี่ย อีกุหลาบแดงขนาดนี้ราคามันไม่ถูกนะคะลูก อย่างน้อยๆถ่ายรูปลงอินสตาแกรมสักหน่อยก็ยังดี คนให้เขาจะได้ชื่นใจ”

     

    อาการกังวลของพี่ชายคนสนิทปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นอีกคนดูจะไม่สนใจมันเลยจริงๆ ก้มจนคางชิดอกมองภาพสวยงามหยดย้อยของดอกไม้ช่อนั้นแล้วก็ยิ่งเสียดาย

     

     

     

    “โธ่ พี่เจน

    จิ๋วโอดเป็นชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงเข้มข้นจริงจัง แต่ก็ปนไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ


     

    “จิ๋วไม่อยากทำให้เป็นข่าว แล้วอีกอย่าง จิ๋วไม่ได้ชอบเขา ไม่อยากให้เขามีความหวังนะคะ


    คนตัวเล็กว่า... มือก็วุ่นวายกับการเก็บของลงกระเป๋าใบเล็ก... ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของจิ๋วมากมายนัก...

     


     

    “แหม แต่ก็ลองให้โอกาสหน่อยไม่ได้หรอ เบลก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะจิ๋ว พอพี่รู้ว่าเป็นเขา พี่ก็ดีใจ อยากให้หนูเจอคนดีดีนะ 

    เจนรบยังไม่ยอมแพ้ เสียงใหญ่ยังคงบีบเล็กและรบเร้าอีกคนราวกับว่าได้ค่าจ้างเป็นแม่สื่อแม่ชักจากเบลมาเสียอย่างนั้น

     

     

    คำรบเร้าที่ได้รอยยิ้มอ่อนใจจากจิ๋วไปเต็มสีหน้า

     
     

     

    “จิ๋วไม่ได้ไม่ให้โอกาสเขา แต่จิ๋วไม่มีโอกาสให้เขาแล้ว พี่เจน พี่ก็รู้ว่าจิ๋วไม่ใช่คนวู่วาม จิ๋วมองเขามานาน เห็นแล้วว่าเขาเป็นยังไง รู้แต่แรกว่าเขาชอบจิ๋ว การที่เขามาสารภาพไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรจิ๋วเลยนะ จิ๋วรู้ทุกอย่างมาตลอด

     


     

    “เขาดีแต่เขาไม่ใช่ จิ๋วยังอยากเป็นเพื่อน ถึงไม่ทำอะไรให้มันต้องสะเทือนความสัมพันธ์ดีดี”


     

     

     

    จิ๋วอธิบายยาว น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นบอกกันว่าคงไม่ดีแน่หากยังเซ้าซี้ต่อไป เหตุและผลของการกระทำทุกอย่างผ่านการตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว เธอไม่ใช่คนทำอะไรไม่มีเหตุผล ดวงตากลมหันไปยังดอกกุหลาบช่อนั้นในอ้อมแขนพี่เจนด้วยสายตาอ่านยากให้คนหอบหิ้วกุหลาบต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เฟลไปอีกคน

     

     


     

    “แล้วพี่เจนก็ไม่ต้องเชียร์ผู้ชายคนไหนให้จิ๋วเลยนะคะ ตอนนี้ ไม่มีใครแน่นอน ไม่ใช่เบล คนอื่นก็ไม่ แน่นอน”

     


     

    เสียงหนักแน่นเน้นคำสุดท้าย ให้พี่ชายหัวใจสาวได้ถอนหายพรืดใหญ่อย่างผิดหวัง

     

     

    เธอรู้ดีว่าพี่เจนห่วงและกังวลเรื่องนี้มาตลอด อายุอานามของเธอมันก็ไม่ใช่น้อยๆ พี่เบลก็ใช่ว่าจะไม่ดี แต่ก็นั่นแหละ หากเธอบังคับใจตัวเองให้รักเขาไม่ได้ เธอก็ไม่อยากจะไปสร้างสัมพันธ์กับใครให้ใจเขาต้องมีแผล

     


     

    แถมหัวใจเธอก็รอใครบางคนอยู่

    จิ๋วอมยิ้มกับตัวเองบางๆ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับพี่เจนอยู่ในความสนใจของอีกคน ดวงตาคมแอบมองตรงนี้อยู่ตลอด

     


     

    “งั้นพี่เอาของไปเก็บในรถก่อน จิ๋วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รอในนี้ เดี๋ยวพี่เข้ามารับ ฝากดูไอ้เจ้านิวมันด้วยนะ”

     

    ร่างใหญ่วางช่อกุหลาบราคาแพงลงกับโต๊ะอย่างทนุถนอม แขนเกี่ยวเอากระเป๋าสัมภาระทั้งของคนตัวเล็กและของตัวเอง ก่อนจะเดินทุลักทุเลจากไปด้วยอารมณ์ผิดจากตอนที่เข้ามา ทิ้งจิ๋วไว้กับกลิ่นหอมรัญจวนใจ และดูโอ้อีกคนที่นั่งส่งยิ้มให้ตัวเองในกระจก หัวใจเคยร้อนระอุกลับเย็นฉ่ำสบาย

     


     

    หัวใจนิวเต้นระรัว ในความหมายของประโยคเหล่านั้น มีแต่ความยินดีในหัวใจของเธอ

     


     

    นิวเหลือบหางตามองกุหลาบช่อนั้นอย่างเยาะเย้ย ต่อให้สวยงามแค่ไหนแกก็ไม่ถูกสนใจอีกตามเคย


    แบร่...

     

     

    หนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจถูกถอนรากถอนโคน เบลสุพลกับกุหลาบของเขาไม่มีอิทธิพลพอ หัวใจเธอเป็นสุขดี และเป็นสุขกว่าใครแน่ๆ เธอสัมผัสได้

     

     

    คนสวยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     


     

    “สบายใจได้แล้วนะคะ คุณนิว

     

    จิ๋วหันกลับมามองกันด้วยแววตาซ่อนรอยยิ้มเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา ไม่ดังเท่าไรแต่หัวใจเธอได้ยินชัด นิวสัมผัสได้ว่าอีกคนกำลังบอกให้เธอวางใจในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับพี่เบล

     

     

    รอยยิ้มเปี่ยมสุขกระจายเต็มสีหน้า นิวพยักหน้ารับความสบายใจนั้นด้วยความรู้สึกโล่งสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

    “ขอบคุณนะจิ๋ว”

     

    นิวเอ่ยขอบคุณอีกคน พูดเบาๆ อยากขอบคุณทั้งที่อีกคนก็ไม่ได้ทำอะไรให้กัน

     

     

    รักเธอจัง

    ปิยนุช





      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×