คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 the night before...
Chapter one
…
ความเงียบงันปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีเสียงใด… นอกจากลมหายใจของคนสองคน ที่นอนข้างกัน ด้วยระยะที่ห่างเกินกว่าจะอบอุ่น
ดวงตาคู่หนึ่งมองเหม่อไปไกล ไร้จุดหมาย… ในขณะที่อีกคู่หนึ่ง กดเปลือกตาปิดลงแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดเก็บความรู้สึกนานาไว้ในใจ…
“…”
ผ้าผ่มผืนหนา ปกปิดร่างบอบบางเอาไว้มิดคอ ดวงตาที่มองไกลโดยไร้จุดหมายไม่อาจแสดงความรู้สึกใดมากไปกว่าความสับสันที่หล่อเลี้ยงอยู่ภายใน ความรู้สึกนึกคิดของนิวลอยฟุ้ง เธอจับต้นชนปลายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์นั้นจะสร้างความเสียหายขนาดไหน… รู้แต่ว่ามันไม่สมควร รู้แต่ว่าเธอผิด… รู้แต่ว่านี่เป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เธอควรจะทำกับเพื่อนรัก…
เธอ… กับจิ๋ว…
ผู้หญิงที่เธอมั่นใจในคำว่าเพื่อนมาตลอด…
แต่วันนี้… สิ่งที่เธอทำ จะบ่อนทำลายความสัมพันธ์ดีดีนั่นลงไปไหม…
เธอไม่อาจรู้เลย
“…”
ในความนิ่งสงบ ความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่กำลังตีวนอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆนั้น และเธอต้องพยายามมากมายที่จะกดเก็บหยดน้ำตาเอาไว้ให้ลึกสุดใจ… เจ็บปวดเท่าไรก็ร้องไห้ไม่ได้ ทรมานเท่าไร นิวต้องไม่ได้เห็นแม้เพียงเศษน้ำตา…
วินาทีแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเพื่อนรัก… โลกทั้งใบของเธอมันกลายเป็นสีชมพูหวานใส หัวใจเธอเต้นเป็นจังหวะสงบนิ่ง… อณูความสุขรายล้อมรอบตัว รอยยิ้มหวานซึ้งผุดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน… และเสียงหัวใจในอกนั้น วินาทีที่เราได้ใช้ไปด้วยกัน… มันเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในโลก…
มันเป็นวินาทีที่เธอยิ้มได้เต็มสีหน้า…
เป็นช่วงเวลาที่หอมหวานจนไม่อยากจะให้มันสิ้นสุดลงไป
แต่วินาทีแห่งความสุขของเธอ ก็ต้องยุติลง… เมื่อใครอีกคนลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับท่าทีที่ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกอีกต่อไป…
มีแต่คำขอโทษพร่ำซ้ำๆ... มีแต่ความตระหนกตกใจ… มีแต่ความรู้สึกผิดพลาดที่ชัดเจนในน้ำเสียง
นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ในวินาทีที่เธอบอกตัวเองว่าเธอมีความสุขที่สุดในโลก… เธอคงมีความสุข และซึมซับมันด้วยความยินดีไปเองเพียงคนเดียว…
เพียงแค่คิดเท่านี้… น้ำใสใสก็พากันมาเอ่อคลอให้ต้องกลั้นเก็บอีกจนได้…
ความทรมานกัดกินหัวใจหนักขึ้นไปทุกที เมื่อยิ่งคิด ก็ยิ่งพบว่าเธอเผลอปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น… มันไม่น่าให้อภัย
หากเรื่องนี้ จะมีใครสักคนผิด มันก็คงเป็นเธอเองคนเดียว…
“…”
เข็มนาฬิกาเดินไปตามเวลาที่ไม่หยุดนิ่ง บรรยากาศยังเงียบสงบเกินกว่าที่ใครจะกล้าทำอะไร เช้าวันนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า นาฬิกายังหมุนวนความคิดของคนสองคนให้ห่างไกลกันออกไปทุกที
จวบจนนาฬิกาหมุนเป็นวงกลมอีกครั้ง
เข็มยาวนิ่งยังเลขสิบสอง และเข็มสั้นก็ชี้ลงตรงตำแหน่งเดียวกัน
ความอดทนของใครบางคนก็สิ้นสุดลง…
ความรวดร้าวทรมานใจ ทำริมฝีปากบางสั่นระริกยามต้องพูดประโยคนี้ออกมา
ทำคนคนนี้แทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นเดินจากไป…
“นิวไม่ต้องคิดอะไรหรอก คิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ลืมมันไปเถอะ จิ๋วไม่ได้คิดอะไร…”
เสียงถอนหายใจบางเบาคล้ายคนหมดแรง ที่ดังนำหน้าถ้อยคำบาดใจ เหมือนจะสาปนิวให้นิ่งสนิทอยู่แบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปรั้งจิ๋วที่เดินออกจากห้องไปอย่างไม่ใยดีกันแม้แต่น้อย… ความอ้างว้างหม่นหมองที่พูนเท่าทวีบีบอัดคนตรงนี้ให้ยิ่งหายใจไม่ออก เหมือนคนปริ่มจะจมน้ำ เหมือนอากาศที่ลอยละล่องเหลืออยู่น้อยเต็มที… จิ๋วจากไปแล้ว จากห้องของเธอ จากเตียงหลังนี้ที่มีเรื่องราวมากมาย…
นิวพลิกตัวไปมาอย่างสับสนขึ้นทุกที ความเครียดจับตัวเขม็งเกรียวจนน่ากลัวหากจะปล่อยเอาไว้แบบนั้น…
และยังไม่มีทางออกใดสำหรับความผิดพลาดที่เธอก่อขึ้น… จิ๋วพูดออกมาว่าไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่ตลอดเวลาที่นั่งหายใจอย่างอึดอัดไปด้วยกัน เธอสัมผัสได้ถึงความเสียใจที่แผ่กระจายถึงกันทุกวินาที… จิ๋วกล้าบอกให้เธอลืม… ทั้งที่ภาพความผูกพันสวยงามนั้นยังตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอจวบจนวินาทีนี้
เหมือนเพิ่งเกิดขึ้น… เหมือนเพิ่งจบลง
สัมผัสอบอุ่น แววตาหวานรัก ยังเป็นภาพที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
เธอรู้สึกเหมือน…
กำลังตกหลุมรัก
ในสิ่งที่อีกคนบอกให้ลืม
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย…”
ความอัดอั้นตันใจผลักดันความเคลื่อนไหวจนภายในห้องปั่นป่วน หมอนที่ยับยู่ยี่ ผ้าห่มผืนอุ่นที่ผ่านการใข้งานมาตลอดคืน ถูกโยนเขวี้ยงไปคนละทิศละทาง ด้วยฝีมือของสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องอย่างน่ากลัว…
การร้องระบายถูกขับออกมาเป็นเสียงที่ดังจนเกินกว่าใครจะไม่ได้ยิน…
ความอึดอัดขัดข้องใจกลั่นระบายกลายเป็นน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลริน แขนซ้ายแขนขวาถูกผลัดเปลี่ยนยกขึ้นปาดมันอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก…
นิวร้องไห้… ตะโกนระบาย เหวี่ยงข้าวของ ความเจ็บปวดไม่ได้ถูกเก็บงำไว้…
แต่เสียงสะอื้นของเธอ… คงเบาเกินกว่าที่จะมีใครมารับรู้สนใจ…
ภายนอกห้อง ห่างเพียงหลังประตูกั้น… ร่างเล็กกอดเข่าร้องไห้เดียวดาย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งไหลลงมาราวกับไม่มีวันหมดไป… ความเสียใจ ความอับอาย ซัดสาดหัวใจอ่อนแอจนจวนเจียนจะแตกสลายเต็มที…
เธออยากจะเข้มแข็ง อยากจะลืมมันให้ลงเสียในตอนนี้… แต่นั่นยังเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับหัวใจที่อ่อนแอเหลือเกิน เธอเสพติดความอ่อนโยนของเพื่อนรักของเธอ ความเผลอไผลที่ถูกผลักดันโดยน้ำเมา… สัมผัสที่ได้มาโดยการขาดสติ ไม่ใช่ความรัก… เธอรู้ เข้าใจ แต่หัวใจเจ้ากรรมมันกลับไม่ยอมรับ… เอาแต่ร้องไห้เสียใจเมื่อต้องโบกมือลาความฝันลมแล้งนั่นเพื่อกลับมาสู่โลกแห่งความจริงสักที
โลกที่บอกเธออยู่ทุกวัน…
ว่าในความเป็นจริง เธอและนิวเป็นได้แค่เพื่อนกัน…
แค่เพื่อนกัน…
เพื่อนกัน…
เท่านั้นจริงๆ
.
.
.
ในวันที่บ้านหลังเดิม…
เงียบเหงาและกว้างกว่าทุกๆวัน
ศีรษะที่หนักอึ้งวางพิงกับโซฟาอย่างหมดสภาพ ไม่มีความเคลื่อนใดในบ้าน มีแต่ในหัว ที่อะไรต่อมิอะไรที่ตีวนจนน่ากลัวว่ามันจะพุ่งหลุดออกมา
ร่างเหี่ยวแห้งที่แล้งเหมือนขาดวิญญาณ ถูกหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังในบางอย่างลากลงจากห้องมาแต่เช้า… เธอไม่ได้ตื่นแต่เช้า แต่มันเป็นเพราะเธอไม่ได้นอนตลอดคืน มันข่มตาหลับไม่ลงเมื่อหัวใจก็คอยจะคิดถึงแต่เรื่องเก่าอยู่ร่ำไป ถึงได้ตัดสินใจลงมา เจตนาจะมารอใครบางคนที่ไม่ได้พูดไม่ได้พบกันตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน เสียงสุดท้ายของจิ๋วที่ตอกย้ำอยู่ในใจ ทำให้เธอตัดสินใจบางอย่าง อยากจะพูด หาข้อสรุป อยากจะคุยกันให้เข้าใจ และจบประเด็นนี้ลงด้วยบางเส้นทาง หากนั่นจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายเห็นตรงกัน…
แต่เธอไม่รู้เลย เดาไม่ออกว่าอนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร
เธอคิดถึงจิ๋ว…
แค่นี้จริงๆ ที่เธอรู้ในตอนนี้…
ผิวนุ่มเนียน หอมกรุ่น…
ริมฝีปากบอบบาง นุ่มอุ่น หวานละมุนละไม…
เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นลอยออกมาเป็นฉาก ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมเท่าไรก็ตาม… แต่ความวาบหวามในวินาทีเหล่านั้นยังคงตราตรึงใจดวงนี้ไว้มิเสื่อมคลาย ความอ่อนหวานของเพื่อนรัก เสียงกระซิบชิดหูที่บอกกันว่าพร้อมและยินยอมทุกอย่าง… ยังเป็นความสุขความทรงจำดีดีอยู่ในนี้… ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากวันนี้ ค่ำคืนนั้นก็จะยังเป็นเหตุการณ์ดีดีที่ทำให้เธอมีความสุขเสมอเมื่อนึกถึง
เธอลืมมันไม่ลง…
และความคิดถึงก็จุกอกแน่นขึ้นทุกที
ถึงต้องมารอ อยู่แบบนี้…
รอทั้งที่เธอเองก็ยังไม่มีคำตอบให้กับคำถามใดเลย… หากอีกคนจะถามออกมา
ตึก ตึก…
“จิ๋ว…”
นิวโพล่งขึ้นทันควันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา หันรีหันขวางหาอีกคนที่คงต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเท่าไร… เธอรอจิ๋วมานานเกินไปแล้ว และเราก็ไม่ได้พบกันนานเกินไปจนหัวใจเธอคิดถึงคนคนนี้มากขึ้นทุกที
สองหูได้ยินชัดถึงสุ้มเสียงที่ดังออกมาเป็นชื่อเธอ จิ๋วสะดุ้งสุดตัว… ความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้ามากอยู่แล้ว กลายเป็นหยุดนิ่งเมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจเดินต่อไปได้… ความพยายามของเธอไม่สัมฤทธิ์ผล นิวรับรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้แล้ว และวินาทีนี้ ดวงตาคมกริบนั่นก็จับจ้องเธอนิ่งโดยที่เธอไม่อาจทำอะไรได้เลย
ทั้งๆที่ยืนแอบมองอยู่ตั้งนาน… เห็นอีกคนนิ่งขนาดนี้ ก็นึกว่านิวจะแค่มาเปลี่ยนสถานที่งีบหลับ ใครจะรู้ ว่าคนที่หลับตานิ่งขนาดนี้จะยังมีสติรับรู้ทุกอย่าง
นิวลุกพรวดขึ้นประชิดตัวอีกคนอย่างรวดเร็ว ก้อนเนื้อในอกเต้นรัว… เมื่อสายตาได้พบเข้ากับคนที่คิดถึง และปากก็กำลังจะได้พูดสิ่งที่หัวใจอัดอั้นเอาไว้อยู่นาน
ความพยายามหลบตากำลังเริ่มต้นขึ้น จิ๋วเสมองทางอื่น พยายามแข็งใจ มองเห็นนิวแค่เพียงหางตา… ทั้งๆที่คิดถึงใจจะขาด แต่หน้ากากหัวใจกลับปิดบังไว้ เธอพยายามหลบหลีก ทำทุกอย่าง หากนั่นจะทำให้ความคิดถึงที่ยังผลโดยตรงกับหัวใจเธอยุติลงไป…
แต่จนแล้วจนรอด… เธอก็พยายามกับมันไม่สำเร็จ
นิวกำลังทำให้หัวใจเธออ่อนลง ด้วยเสียงอ่อนหวานที่รานรอนหัวใจจนไร้จุดยืน…
“จิ๋ว…”
ชื่ออีกคนถูกเรียกด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกอ่อนโยน… นิวรวบรวมลมหายใจลึก สองมือสอดประสานมือเข้ากับอีกคนไว้แนบแน่น…
แววตาสองคู่สานสบกันราวกับจะใช้ความเงียบงันสื่อสารแทนภาษาใด…
สัมผัสจากมืออบอุ่นที่คนได้รับสะท้านไปทั้งกาย…
ความร้อนวูบวาบแล่นขึ้นจับไปทั่วทุกจุดของร่างกาย ความอดทนที่เก็บกลั้นมาแสนนานอาจจะหมดลงได้ เพียงเพราะสายตาอ้อนวอนคู่นี้…
จิ๋วรู้ตัวดี เธอ.. ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น
และนิวยังคงใช้ความเป็นนิวที่เธอหลงรัก… ทำลายความเข้มแข็งนั่นลงทีละน้อย… อย่างช้าๆ
“นิวรู้ว่าจิ๋วยังโกรธ… แต่จิ๋ว… นิวขอเวลาแค่เดี๋ยวเดียว ฟังนิวพูดสักครั้ง… นะคะ”
สุ้มเสียงขอร้องอ่อนหวาน ถูกส่งไปพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบา นิ้วชี้เกลี่ยยังหลังมือของอีกคนอย่างปลอบโยน อยากจะผ่อนคลายความรู้สึกอันหนักอึ้งของอีกคน ทั้งที่หัวใจเธอก็ยังเต้นโครมครามไม่หยุดหย่อน หากเป็นเหมือนทุกครั้งที่เราโกรธกัน เธอผิด… เธอขอโทษ… จิ๋วโกรธ จิ๋วจะไม่พูดอะไร…
แต่นี่ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ ความผิดครั้งนี้ของเธอ มันร้ายแรง ยิ่งใหญ่…
มากมายจนนิวกลัว อะไรๆที่เรามีต่อกันมันจะไม่เหมือนเดิม เธอคงทนมันไม่ได้
น้ำใสใสพากันคลอหน่วยยังนัยน์ตาคู่ใส คำออดอ้อนขอร้องของนิวได้ผลอีกครั้ง… ทั้งที่ไม่อยากฟัง ทั้งที่กลัวเหลือเกินกับการเผชิญหน้า… แต่แค่ได้สบตา เธอก็รู้แล้วว่าเธอทนทำมันต่อไปไม่ได้
จิ๋วหยักหน้าเบาๆ… เป็นคำตอบรับว่าจะฟัง… แม้ว่านั่นจะทำร้ายหัวใจเธอเท่าไรก็ตาม
และนั่นเรียกรอยยิ้มบางๆมาให้บนใบหน้าเพื่อนรักได้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เราแยกกันในเช้าวันนั้น…
จิ๋วสบตาอีกคน… พร้อมที่จะฟังอย่างตั้งใจ
“คืนนั้น นิวเมา… นิวไม่มีสติ นิวทำมันลงไปโดยไม่รู้ตัว…”
แต่เพียงไม่กี่พยางค์ที่อีกคนกล่าว… ก็พาความรวดร้าวขนาดนั้นมาสู่หัวใจเธอจนได้
จิ๋วหลับตาลงอย่างช้าๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดน้ำตาไว้ภายใน… หัวใจเธอกำลังบาดเจ็บสาหัส และเธอก็ไม่รู้ว่าจะทนฟังคำพูดเช่นนี้ไปได้อีกกี่คำ…
คำพูดที่ตอกย้ำความผิดพลาด…
เธอไม่ใช่ความรัก เธอเป็นเพียงความเผลอไผล…
ก็แค่นั้นแหล่ะ ที่เธอได้เป็น
“นิวผิด… นิวเสียใจ นิวขอโทษ…”
นิวพูดประโยคนี้ทั้งน้ำตาเอ่อ… สัมผัสที่มือบีบแน่นเข้า เธออยากจะโอบกอดอีกคนเอาไว้ด้วยซ้ำ… หากแต่มันยังคงมากเกินไป… ที่จะทำในขณะที่อีกคนยังคงโกรธเธอจนไม่อยากจะสบตา
เรื่องที่เธอคิดไว้คงต้องล้มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
“นิวอยากให้เรากลับมาเป็นเพื่…”
“นิว!”
ประโยคที่กลั่นออกมาจากใจถูกยุติลง เมื่อใครอีกคนโพล่งขัดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน… จิ๋วไม่เหลือความเข้มแข็งใดอีกแล้ว… ความพยายามอดกลั้นส่งผลให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจทนฝืนได้ ดวงตาสองข้างแดงก่ำ และเธอไม่อยากจะได้ยินคำประเภทนั้นออกจากปากของนิวอีก
เธอยังไม่พร้อมรับความจริง…
ความจริงที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว และพยายามทำใจยอมรับมันอยู่เสมอ
น้ำตาหยดแรก ไหลลงให้นิวได้เห็น… มันกลั่นมาจากหัวใจที่เจ็บปวดเกินบรรยาย
“จิ๋วขอเวลาหน่อยเถอะ ตอนนี้สำหรับจิ๋วมันยังยากเกินไป… นิวช่วยจิ๋วหน่อยนะ”
นิวตัวชาวาบ… รู้สึกเหมือนกำลังถูกผลักไสออกจากชีวิตของอีกคน เหมือนต้องจบความรักความผูกพันแสนนาน ด้วยคำพูดไม่กี่คำ…
“ให้เวลากับความรู้สึกของจิ๋วบ้าง… อย่าเพิ่งมาบีบบังคับให้จิ๋วต้องทำอะไรเลย เพราะตอนนี้… แค่มองหน้านิว จิ๋วยัง… ต้องทนมอง ทนแทบตาย”
จิ๋วคงไม่ต้องใช้ความพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของนิวมากมายนัก… เพราะคำพูดเหล่านั้น เปรียบเสมือนมีดที่กรีดลงกลางใจคนฟัง นิวหมดแรง… ปล่อยมืออีกคนให้เดินจากไปอย่างไม่อาจจะเรียกร้องอะไรได้อีก…
หัวใจเธอเหมือนหลุดหายไป เมื่อรู้ว่าอีกคนต้องทนทรมานแค่ไหน เมื่อต้องมาพบหน้ากัน
จิ๋วคงเกลียดเธอ… มันมากมายกว่าคำว่าโกรธ
และเธอทำได้แค่นี้จริงๆ…
“นิวจะรอนะ”
จิ๋วรับฟังคำพูดนั้น เก็บมันไว้ในใจ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลอาบแก้มเป็นเพื่อนกัน…
รอจิ๋วนะนิว… สักวันนึง จิ๋วจะกลับมาเป็นเพื่อน มาอยู่ข้างๆนิว มาเป็นคู่หูคนเดิมของนิว… อย่างสนิทใจ
.
“ไอ้รักไอ้ยม เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าวันนี้แชปส์เซลล์70% จริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ ใครจะคอนเฟิร์มข่าวนี้ให้ฉัน… พูด…”
เสียงนุ่มใหญ่ที่ถูกบีบให้กลายเป็นเสียงเล็กเสียงน้อย จากหนุ่มร่างโตที่ทำท่าทางจีบปากจีบคอ ดึงความสนใจจากสองสาวให้หันไปรวมที่เขาเพียงคนเดียวได้อย่างง่ายดาย… คำว่าเซลล์ … พยางค์อันตรายสำหรับผู้หญิงทุกเพศทุกวัย… โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าแม่ช็อปปิ้งอย่างผู้หญิงผมยาวด้านซ้าย ที่หูตาลุกวาวทันทีที่ข่าวนั่นลอยเข้าหู
จิ๋วที่นั่งเบาะหลังรถเพียงลำพัง แทบจะกระโจนกอดเบาะพี่เจนที่ประจำตำแหน่งคนขับรถ… แสดงความสนอกสนใจเต็มที่ได้สมกับที่พี่เจนคาดหวัง
แต่ข่าวการเซลล์อะไรนั่นไม่ได้กระทบกระเทือนนิวเท่าไรนัก… คนที่นั่งตำแหน่งข้างคนขับอย่างเธอคงไม่ใช่เป้าหมายของพี่เจนตั้งแต่แรก สายตาที่เพิ่งถอนมาจากหน้ากระดาษถนอมสายตาของพอคเกตบุคเล่มเล็ก จึงถูกย้ายไปยังคนด้านหลัง ที่ย้ายใบหน้าเล็กๆนั่นมาอยู่ไม่ห่าง เมื่อสบโอกาสเหมาะให้ได้มองเต็มตา…
จากวันนั้น… วันที่จิ๋วบอกให้เธอรอ นี่ก็ผ่านมาเนิ่นนาน… รอยแผลของความสัมพันธ์จางลงเรื่อยๆ จิ๋วและเธอกลับมาพูดคุยกันได้อีกครั้ง ไม่ต้องหลบลี้หนีหน้ากันเหมือนที่ผ่านมา แม้จะไม่สนิทใจเท่าแต่ก่อน แต่มันก็ดีกว่าเดิมมากมาย…
ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของเราดูดีขึ้น พร้อมๆกับที่ความรู้สึกบางอย่างในใจเธอ ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน… พักหลังๆมานี่… เธอมองเพื่อนรักของเธอ สวยขึ้นกว่าเดิมจนอดไม่ได้ที่จะแอบมอง
หรืออันที่จริง… จิ๋วสวยมานานแล้ว แต่ตาถั่วๆของเธอเพิ่งจะได้สังเกตเห็น
รอยยิ้มกว้างที่นิวแสนคิดถึง ถูกฉาบขึ้นเต็มใบหน้าเล็กๆนั่น… ทุกๆอากัปกิริยาของคนตัวเล็ก กำลังถูกพิจารณาด้วยดวงตาคมเข้ม… และพิมพ์เอาไว้เป็นภาพทรงจำที่งดงาม
“หืม… พี่เจน จริงป้าว อย่าหลอกให้ดีใจเก้อ… ไหนพี่เอาไอโฟนมาเปิดแอพดูซิ ถ้าคอนเฟิร์ม เลิกงานจิ๋วพุ่งเลยนะ”
น้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กตัวเล็กๆที่อีกคนใช้… ลากรอยยิ้มของนิวออกมาวางไว้บนแก้มขวาและซ้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ… จิ๋วกำลังน่ารักที่สุดในสายตาเธอตอนนี้ และเสียงเล็กๆนั่นก็ไพเราะจนเธอสามารถนั่งฟังจิ๋วและพี่เจนพูดจ้อกันไปได้เรื่อยๆอย่างไม่นึกเบื่อหน่ายแม้แต่สักวินาทีเดียว
พอคเกตบุคเล่มเล็กถูกปิดถาวร นิวจับจ้องรอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้านั่นให้เต็มตาอีกครั้ง ประทับความน่ารักนั่นเอาไว้ในใจ ก่อนจะเอนศีรษะพิงเบาะ แล้วหลับตาพริ้มฟังบทสนทนานั่นต่อไปเรื่อยอย่างผ่อนคลาย
ระยะทางจากนี่ ก็คงอีกราวๆครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงห้างสรรพสินค้าย่านชานเมืองอันเป็นสถานที่ทำงานของเธอในวันนี้… คงไม่แย่เท่าไร หากเธอจะขอพักสายตาสักครู่
สุ้มเสียงใสของจิ๋ว เปรียบเสมือนเพลงกล่อมเด็กเพราะๆที่ทำให้เธอหลับสบาย…
“งั้นตกลง… ตกลงว่าไป โอ๊ยตื่นเต้นบิ๊กเซลล์แปป… แต่โอยย เธอจะเลิกกันดึกไหมเนี่ย ข้าวของจะหมดไหม… หืออ”
“ไม่ได้หมดง่ายๆหรอกพี่เจน… ของตั้งเยอะตั้งแยะ พูดแบบนี้นี่จะไม่รอไปกะจิ๋วใช่ไหมเนี่ย”
“แหนะ เชื่อได้หรอ ของเซลล์นะยะ หมดฉันร้องไห้ใส่นะเอ้อ… ถ้างานเธอเลตยันสี่ทุ่มนี่ฉันไม่ต้องรอปีหน้าเลยเรอะ”
“พี่เจนอ่า…”
อ้าว แตกคอกันซะแล้ว…
นิวยิ้มมุมปากอย่างนึกขำ เมื่อได้ยินหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวเริ่มกระเง้ากระงอดเพราะเวลาที่เริ่มไม่เป็นใจ… เสียงจิ๋วในประโยคนั้นบอกให้รู้ชัดเจนว่าอย่างไรคนตัวเล็กก็คงไม่ยอมที่จะพลาดบิ๊กเซลล์อะไรนั่นแน่ๆ… แต่สิ่งที่พี่เจนพูดมาว่าจะไม่รอ ก็คงเป็นความตั้งใจของพี่เจนเหมือนกัน ไม่งั้นคงจะไม่เถียงต่อความยาวสาวความยืดกันซะขนาดนี้
“โธ่ๆๆๆ พี่ก็ไปเซอร์เวย์ก่อนไง แล้วจะได้ถ่ายรูปไลน์มาบอกว่าอะไรแซ่บอะไรยังไง”
พี่เจนยังคงยืนยันที่จะทิ้ง… และเสียงขัดอกขัดใจของจิ๋วก็ยิ่งดังจนนิวต้องลืมตาขึ้นมอง บทเถียงยังร่ายเรียงออกมาไม่หยุดหย่อน หนึ่งเพื่อนรักกับอีกหนึ่งพี่ซึ่งเป็นที่รัก หวังว่าคงไม่ถึงขั้นวางมวยกันด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ…
“พี่เจนอ่ะ…”
จิ๋วเบะปาก แววตาตัดพ้อต่อว่าส่งไปยังคนขับรถที่ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากเป้าหมายป้ายเซลล์ที่กำลังรออยู่… นิวอมยิ้มจนแก้มตุ่ย จิ๋วกระเง้ากระงอดได้น่ารักจนเธออยากจะเป็นคนที่โดนทำอย่างนี้ใส่บ้างสักที…
ไม่รู้ทำไม… พอคิดถึงตรงนี้ ความหม่นเศร้าก็แทรกซึมเข้ามาให้ใจเธอหวนนึกถึงวันที่สวยงาม…
เหมือนกับผ่านมาเนิ่นนาน…
“พี่เจนไปก่อนก็ได้นี่นา เดี๋ยวนิวพาจิ๋วตามไป…”
นิวเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มลุกลามขึ้นทุกที… และนั่นก็ยุติการทุ่มเถียงลงได้อย่างไร้ข้อโต้แย้งใด
“เย้! ดี แกพากันไปเลยสองคน… โอ๊ยยย รักหนูจังเลยค่ะแบรนด์นิว น่ารักแบบนี้เมื่อไรจะมีแฟนคะเนี่ยยย จีบได้ปะคะ จุ้บๆ”
ความดีใจของพี่เจนไม่ได้มีผลอะไรกับเธอมากนัก… นิวแคร์คนข้างหลังมากกว่า… ดวงตาคู่คมเหลือบมองจิ๋วที่ดูเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด จิ๋วไม่ตอบรับอย่างยินดีนักกับข้อเสนอของเธอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำปฏิเสธ ความอยากช็อปคงค้ำคอจนพูดไม่ออก
เธอรู้ว่ามันคงจะน่าอึดอัด หากเราจะต้องไปไหนกันสองต่อสอง ในสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เป็นปกติเท่าไรนัก…
นานมาแล้ว ที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคน
พื้นที่ในรถมันแคบเกินกว่าจะเก็บซ่อนเรื่องราวในใจไว้ได้
“องค์หญิง ไม่ต้องห่วงนะ แบรนด์นิวของพี่จะขับรถฟักทองไปส่งเจ้าหญิง ณ ช็อปแชปส์อย่างสบายพระวรกายแน่นอน ส่วนพระพี่เลี้ยงอย่างพี่ จิคอยตรวจตราของทุกชิ้น ส่งไลน์รายงานองค์หญิงจิซซี่เป็นระยะ มิต้องกังวลพระทัยนะเพคะ คิคิคิคิ”
เสียงหัวเราะหัวไห้อย่างน่าหมั่นไส้ กับเรื่องข้าวของอะไรนั่นไม่ได้กระตุ้นอะไรจิ๋วอีกแล้ว… ร่างเล็กล่าถอยจากเบาะคนขับ แล้วทิ้งร่างพิงเบาะหลังทั้งตัวอย่างเงียบเชียบ… การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูด นิวก็เงียบเหมือนที่เป็นมาตลอดทาง หากจะมีเสียงใครสักคนดัง ก็คงจะเป็นพี่เจนเท่านั้น ที่ดูจะอารมณ์ดีเสียเหลือเกินจนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้
มันคงไม่ได้มากมายเกินไปหากเธอจะยังคงรู้สึกอึดอัดในบางครั้ง ที่เราต้องใกล้ชิดกัน…
ก็ใจเธอไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น…
เรื่องราวในค่ำคืนที่เรามีกัน ก็ยังคงตามเข้าไปในฝันเธอทุกค่ำคืน…
ความคิดเห็น