คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 jewelry
“ปิยนู้ชชชช กินข้าวลูก”
“ค่า… ลงไปแล้วค่า”
ลงไปแล้วก็แย่น่ะสิ…
ทั้งที่ปากก็ตะโกนตอบ แต่สองมือก็ยังปาดครีมบำรุงผิวไม่หยุด ดวงตาคู่สวยมีแววกังวลเจืออยู่มากมาย จิ๋วจ้องตัวเองในกระจกนิ่ง พินิจมองไปทีละจุดอย่างละเอียด ในใจก็นึกตำหนิตัวเองถึงความเลินเล่อที่เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้จัดการเนื้อตัวให้สะอาดเสียก่อน
โพสท์อิทสีเหลืองนวลแปะอยู่ที่กระจกหลังจากถูกย้ายจากการแปะหน้าผากเธอมาตลอดคืน ข้อความสั้นๆในนั้นทำคนตัวเล็กต้องเหลือบตามองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเรียบๆยิ้มปุเลี่ยนๆใส่อย่างฟีลไม่ถูก ทั้งปลื้มใจทั้งหงุดหงิด ลายมือคุ้นตากับข้อความกวนประสาทนั่นไม่ทำให้เธอต้องลำบากเดาเลยว่าเป็นใคร
‘อรุณสวัสดิ์ คุณจิ๋วสิวเห่อ…’
นิวนั่นแหละ นิวเข้ามาในห้องเธอ เปิดแอร์ ห่มผ้าให้ ก็น่ารักดีอยู่หรอก ถ้าไม่แถมไอ้โพสท์อิทกวนประสาทนี่ไว้กลางหน้าผากเธอแบบนี้…
หึ…
สุดท้าย จิ๋วก็สรุปกับตัวเองได้สักทีว่าเธอควรจะยิ้ม ไม่ใช่แสยะยิ้มอย่างลำบากลำบนอย่างที่ทำอยู่
ขั้นตอนสุดท้ายของการประทินผิวสิ้นสุดลง คนตัวเล็กได้แต่ภาวนาไม่ให้เธอต้องมีสิวมาตามรังควานแค่เพราะเธอเผลอไปคืนเดียว จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกจากห้อง หน้าใสใสยังเปื้อนรอยยิ้มจางๆ แฝงไปด้วยความขี้เล่นบางอย่างที่ดึงให้เธอไปอยู่หน้าประตูห้องชั้นสองของอีกคน
ยืนอยู่หน้าประตูห้องเพื่อนรัก… แอบยิ้ม ยกมือเตรียมเคาะห้องคนน่ารักที่แม้จะแอบกวนประสาท แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี
มือบางเคาะประตูจนเกิดเสียง…
ก๊อกก๊อก
“นิวไม่อยู่แล้วจิ๋ว ออกไปข้างนอกแต่เช้าโน่น”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังจนคนตัวเล็กสะดุ้งเก็บมือแทบไม่ทัน รีบปรับสีหน้าซ่อนรอยยิ้มพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างพยายามรวบรวมสติ เจนรบยืนยิ้มคาอยู่ที่บันไดชั้นสุดท้าย ไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับการแอบมาเคาะประตูห้องนิวแบบนี้ เขาเพียงแต่ขึ้นมาตามเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทิ้งให้ยืนรอเฉยๆก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
สองวินาทีให้หลัง คนตัวเล็กก็หันกลับมาทางเจนรบพร้อมยิ้มให้อย่างเก้อๆ… ให้เจนรบได้เดินลงข้างล่าง พลางเล่าเหตุการณ์ก่อนคุณนายตื่นสายจะตื่นจากบรรทมให้ฟัง
“นิวออกไปรับเพื่อนที่สุวรรณภูมิแต่เช้าแล้ว นางโทรมาบอกพี่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนจิ๋ว เพราะคงออกไปกับเพื่อนทั้งวัน นางกลัวหนูเหงา พี่ถึงได้มาหาหนูนี่ไง นางสั่งให้พี่ซื้อของโปรดหนูเข้ามาด้วยนะ นู่นค่ะท่านหญิงจิวเวลรี่ เครื่องบรรณาการเต็มโต๊ะ…”
เจนรบบุ้ยปากไปทางโต๊ะกินข้าวที่มีถุงใส่ข้าวของอยู่เต็มโต๊ะ จิ๋วชะโงกหน้ามองตาม รอยยิ้มเก้อๆยังเหลืออยู่บ้าง ใบหน้ายังแสดงอาการงุนงงอยู่นิดหน่อย… ความรู้สึกคล้ายๆจะระแวดระวังก่อตัวขึ้นในใจ แต่ปากก็หนักเกินกว่าจะเอ่ยถามออกไปตรงๆ
“แล้ว… งานเย็นนี้ล่ะคะพี่เจน” ถามเสียงหวั่นไหว…รู้สึกโหวงบอกไม่ถูก เธอหวั่นใจอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน
เจนรบยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ เห็นสีหน้าแววตาก็รู้ดีว่าจิ๋วกำลังไม่ค่อยโอเคนักกับวันนี้… อาจเพราะเพิ่งตื่น คนตัวเล็กถึงเก็บอาการได้ไม่ดีนัก แต่จิ๋วก็ยังเป็นจิ๋ว ยังปากแข็งและรักษามาตรฐานการเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้ดีเช่นเคย
คิ้วคมขมวดบางๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบสนิทภายในไม่กี่วินาที…
“นิวบอกจะตามไปเจอกันที่งานนู่นเลย… คงจะอยู่เล่นกับเพื่อนรักเขานั่นแหละ เห็นว่าหวินมันเพิ่งกลับมาจากฮ่องกงไม่ใช่เหรอ คงหิ้วของมาฝากกันบาน แต่ช่างหัวไอ้เจ้านิวมันเถอะ กินข้าวลูก พี่หิวละ”
สองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวที่พี่ชายเตรียมไว้ให้เรียบร้อยทุกอย่าง จิ๋วค่อยๆละเลียดกินพลางคิดอะไรในหัวไปเพลินๆ พอรู้ว่าเป็นหวินก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่าไปกับนนท์
มื้ออาหารเช้าในตอนสายดำเนินไปน่าเบื่อในความรู้สึกคนตัวเล็ก…จิ๋วคงไม่รู้ ไอ้อาการเขี่ยข้าวไปมา ถอนหายใจเบาๆ รวมถึงกินข้าวด้วยปลายช้อนแบบนั้น ตกอยู่ในสายตาของเจนรบทั้งหมดแล้ว สายตาเฉียบคมจับจ้องน้องสาวอยู่แทบจะตลอดเวลา ในหัวเขามีคำพูดมากมาย และหนึ่งในร้อยคำพูดนั่น ก็เป็นประโยคหนึ่งจากปากไอ้น้องตัวแสบที่สั่งให้เขามานั่งกินข้าวอยู่กับแม่ตัวเล็กนี่แหละ…
“นิวรู้ว่าพี่รู้ทั้งหมดแล้ว… มันเป็นปัญหาจริงพี่ และนิวกำลังจะจบมัน พี่ช่วยนิวหน่อยนะ”
ใช่เลยล่ะ ไอ้ตัวแสบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“เฮ้อ…”
จิ๋วเผลอถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของวัน… จมอยู่กับความคิดตัวเองจนแทบจะลืมด้วยซ้ำว่ามีพี่เจนอยู่ตรงหน้าทั้งคน
เจนรบรวบช้อน สูดหายใจเข้าปอดจนลึก พยายามรวบรวมสติทำในสิ่งที่เหมาะสม… จังหวะนี้นั่นล่ะ ดีที่สุดที่จะพูดทุกอย่าง เขาควรทำในสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ
ดวงตาเฉียบคมยังจับจ้องที่ใบหน้านั้นอย่างมีความหมาย… คิ้วเข้มของคุณผู้จัดการขมวดลงน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม เปิดประเด็นด้วยความมั่นใจ…
“จิ๋ว… เรามาคุย… เรื่องหนูกับเจ้านิวกันเถอะ”
.
.
“ผมชักไม่แน่ใจแล้วนะ ว่านิวไม่ชอบไอ้ที่กินอยู่ หรือไม่ชอบกินข้าวกับผมกันแน่ ทำไมมากินข้าวกับผมทีไรทำหน้าแบบนี้ทุกทีเลย ยิ้มหน่อยสิคุณนภัสสร”
เสียงหยอกล้อจากชายหนุ่มตรงข้ามดังขึ้นให้นิวได้ฝืนยิ้มขึ้นมานิดหน่อย… รสชาติอาหารที่ละเลียดชิมในปากไม่ได้ทำให้เธอรับรู้รสชาติ หรืออันที่จริง เธอไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ
เธอตื่นเช้า… ไปรับไอ้หวิน…นั่งคุยกับมันจนได้ความชัดเจนให้กับความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงมาแสนนาน… ทิ้งมันไว้ที่ร้าน… โทรนัดนนท์ออกมาเคลียร์ให้เข้าใจ… เราพบกัน… และจากนั้น เวลาก็ดำเนินต่อไปโดยที่เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจแม้สักอย่าง
เธอทำได้แค่มองหน้าเขา คิดจะพูด… แต่ก็ไม่กล้าสักที
นนท์ยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า ท่าทางของเขาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขกับของเล่นชิ้นใหม่…
อยากรู้ ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ
อยากถาม ว่าเราเป็นกันอะไรอยู่ในตอนนี้
อยากบอก ว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่พร้อมจะรอเขาอย่างที่เคยพูดไว้อีกต่อไปแล้ว
นิวจ้องมองคนตรงหน้าเนิ่นนาน แววตาซ่อนความหมายไว้มากมาย เธออยากจะจบมันลง อยากจะพูดตรงๆให้เขาเข้าใจ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ใครต้องเจ็บปวดใจไปอีกคน
ถึงที่ผ่านมาเธอจะต้องเสียน้ำตาเพราะเขามากมายสักแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขายังมีความหมายกับเธออยู่ดี…
เขายังเป็นคนที่เธออยากให้ยืนอยู่ในชีวิต ยังอยากถนอมสายใยของเราเอาไว้ อยากจะสบายใจว่าเธอไม่ได้ทำให้เขาหันมามองเธอในวันที่เธอกำลังจะจากไป
“นิว เครียดอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
แต่เมื่อได้สบตาคู่นั้น… เธอก็รู้แล้ว ว่ามันไม่ทัน…
แววตาที่เคยมองกันอย่างคลุมเครือ วันนี้มันกลับเจือด้วยกลิ่นอายความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าเคย ถ้อยคำที่เอ่ย เสียงที่ทอดนุ่มนวลชวนฝัน… กริยาเอาใจใส่มากกว่าทุกครั้ง มันแปลความหมายได้ไม่ยากเลย…
หากเธอยังเป็นนิวที่รอแต่นนท์ การรอคอยของเธอ มันคงสิ้นสุดลงแล้ว ในวันนี้…
แต่เธอไม่ใช่…
.
นิวเม้มปากแน่น ยิ่งเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยยิ่งรู้สึกกดดันจนน้ำตาเอ่อ… รอยยิ้มแสนดีนั้นยังคงเคลือบฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา จะให้พูดได้อย่างไรว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา เธอ… พูดไม่ออกจริงๆ
“เอ้อ… เรื่องทริปถ่ายรูปที่ญี่ปุ่น ตกลงนิวไปกับผมใช่ไหม ? นิวว่าง15วัน งั้นเราไปกันสัก6-7วันก็ได้ ยาวๆเลย ช่วงนั้นผมว่างพอดี”
“ผมแพลนที่เที่ยวไว้คร่าวๆแล้วนะ เดี๋ยวไลน์ไปให้นิวดู”
พูดจบ นนท์ก็จัดการทันทีด้วยการก้มลงยุกยิกกับเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ใกล้ตัว ให้นิวได้ยิ่งกดดัน ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจเขาเลย ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกผิด
แต่เธอก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจคนที่เธอรักที่อีกต่อไปแล้ว
นิวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมความกล้า กลั้นใจเอ่ยคำที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พูดกับคนตรงหน้า
ทั้งน้ำใสใสที่คลอหน่วยสองนัยน์ตา…
“นนท์… นิวว่าเราพอแค่นี้เถอะนะ”
คำพูดที่ทำคนกระตือรือร้นลมหายใจสะดุด หัวใจดิ่งวูบ สองมือหยุดนิ่ง… นนท์เงยหน้ามองเจ้าของเสียงเข้มด้วยสีหน้างงงัน… รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่บีบรัดให้เขารู้สึกเจ็บแปลบอยู่ลึกๆ
“อะไรนะนิว ?”
นิวเม้มปากแน่น กดดันกับตัวเองมากขึ้นทุกที…
แต่เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้สุดทาง
ขอโทษนะนนท์… แต่…
“… เราจบกันแค่นี้เถอะ…”
.
.
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างอึดอัดในความรู้สึกคนตัวเล็ก บ้านทั้งบ้านไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจของคนสองคนที่นั่งประจันหน้ากันด้วยความรู้สึกแตกต่าง แววตาพี่เจนที่จ้องมองเธอมันช่างบีบคั้นและกดดันจนแทบหายใจไม่ออก จิ๋วหลุบตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาพี่เจนอีกต่อไปแล้ว กลัวความลับในใจที่ใกล้ปริแตกจะทะลักทะลายไร้การควบคุม เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าความในใจเธอมักมากมายแค่ไหน
เจนรบสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับท่าทางอึดอัดของน้องสาวคนสนิทที่เป็น ริมฝีปากที่ปิดสนิทนั่นก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย รู้อยู่แล้วว่าจิ๋วเป็นแบบนี้ ไม่มีทางที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ…
เหมือนที่เขาก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆเหมือนกัน
“พี่ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเธอหรอกนะจิ๋ว… แต่ถ้าเธอยังปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ สักวันมันต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ๆ… ถ้าเธอเป็นแค่ปิยนุชคนธรรมดา มันก็เป็นแค่เรื่องของเธอ แต่นี่เธอเป็นจิ๋ว เป็นนิวจิ๋ว มันเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ แฟนคลับของเธอ แฟนเพลงของเธอ นักข่าวที่มองเธออยู่ เธอสองคนเป็นคนของประชาชน เธออยู่ในสปอตไลท์ เธอจะเก็บชีวิตของเธอเป็นส่วนตัวทั้งหมดน่ะ… มันเป็นไปไม่ได้”
เจนรบพูดยาว อารมณ์ผลักดันน้ำเสียงเป็นไปด้วยความเข้มข้นมากขึ้นทุกที ทั้งหมดนั่น…ประโยคยาวเหยียดล้วนเสียดแทงใจคนฟังจนกระอัก จุกเจ็บไปทั้งใจ คนตัวเล็กรู้ดีว่าทีนี้เธอไม่อาจหลบหนีความจริงได้อีกแล้วไม่ว่าด้วยวิธีใด แต่กลับไม่มีคำใดหลุดออกจากปากสักคำ สีหน้าเรียบเฉยยังคงอยู่อย่างที่เป็น ไม่มีการยอมรับ ไม่มีคำปฏิเสธ แววตายังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
มิหนำซ้ำ สองมือยังตักข้าวในจานเข้าปากต่อราวกับเรื่องที่เจนรบพูดไม่ได้สลักสำคัญ
รวบรวมสติได้จนคงที่ คนตัวเล็กก็ทำใจกล้าฝืนยิ้มตอบเจนรบ… โต้ตอบประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเบาสบายราวกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงจังอะไร
“เรื่องนิวกับจิ๋ว มันไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เจน เราเป็นเพื่อนกัน ถึงอยู่กันมานาน แต่ก็ยังต้องมีบางมุมที่ต้องปรับกันบ้าง อย่าห่วงเลยค่ะ จิ๋วดูแลเรื่องนี้ได้ เหมือนอย่างที่พี่เจนเห็นมาตลอดนั่นล่ะ…”
ปิดประโยคด้วยยิ้มสวย ที่ทำเจนรบต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นทุกที… เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ชักเคืองขึ้นมาจริงจัง ผู้ร้ายปากแข็ง เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับความจริงทั้งที่ทุกอย่างมันประจักษ์กับตาอยู่แล้วในตอนนี้…
แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองหน้าน้องสาวคนสนิท ถามตรงๆไม่ได้ผล… ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้เรื่องนี้มันคลุมเครือต่อไป
อยู่กันมานานพอดู เขารู้ใจผู้หญิงคนนี้ดี…
“จิ๋ว… เธอไม่ไว้ใจพี่เลยใช่ไหม”
เสียงตัดพ้อถาม กับสายตาที่ทำเอาคนโดนมองใจไหววูบ สีหน้านิ่งสนิทของจิ๋วเปลี่ยนเป็นเครียดเข้มขึ้นมาอย่างลำบากใจ ความอึดอัดรัดแน่น จนสุดท้ายต้องผ่อนลมหายใจออกมาระบายความเครียดที่ขมวดเข้ามาจนสุด เจนรบไม่ยอมถอยเลย ยังคงพุ่งชนต่อเนื่อง ขู่เข็ญจะเอาคำตอบจากปากเธอให้ได้
ถึงกับใช้ไม้ตาย ตัดพ้อต่อว่ากันให้ต้องใจอ่อน…
“ไม่ใช่นะพี่เจน ไม่ใช่จิ๋วไม่ไว้ใจ แต่เรื่องนิวกับจิ๋ว มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
“ไม่มีอะไรหรอจิ๋ว เธอพูดว่าไม่มีอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้หรอ… เธอคิดว่าฉันหูหนวกตาบอดหรือไง ถึงได้ไม่เห็นว่าเธอทำอะไรกัน เพื่อนกันที่ไหนเขาจะมาหึงมาหวงกันแบบนี้ เพื่อนกันที่ไหนเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวออดอ้อนกันขนาดนี้”
เจนรบสวนทันควันอย่างอดไม่ไหว ดวงตาที่เคยมองตัดพ้อเปลี่ยนเป็นแววแห่งความอ่อนอกอ่อนใจและผิดหวังมากมาย… ประโยคยาวอีกครั้งที่ทำจิ๋วใจร้อนวาบ เหมือนมีไฟขุมเล็กๆลุกไหม้ไปทั่วทั้งใจ พี่เจนพูดออกมาแบบนี้… พี่เจนไปเห็นอะไรมา…
จิ๋วสบตาพี่เจน แววตาสื่อความหมายถึงคำถามมากมาย คำถามที่ทำคนเป็นพี่ได้แต่ยิ้มเยาะ นึกย้อนเหตุการณ์นั้นแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ เฉลยตอกหน้าคนปากแข็งจนหน้าเสียไปแว่บหนึ่ง…
“วันคอนเสิร์ตที่เธอขึ้นเวทีกับเบลนั่นไง… ฉันไม่ได้ปิดประตูหรอกนะ เพราะฉันถือของไปเยอะมาก ไอ้เสียงประตูที่ดังขึ้นก่อนฉันจะเข้ามาน่ะ มันเป็นเสียงเตือนให้พวกเธอต่างหาก”
ใช่… วันนั้นเค้าเห็น ยืนอยู่หน้าห้องตั้งแต่ที่นิวพุ่งไปกอดคนปากแข็งเอาไว้ ได้ยินทุกอย่าง ทั้งเสียงออดอ้อนและคำคลุมเครือที่เปี่ยมไปด้วยความหมายมากมาย… ทั้งยังต้องคอยระแวดระวังไม่ให้ใครเข้ามาเห็นให้เป็นเรื่องใหญ่… และรู้ว่าสถานการณ์มันช่างมืดมน ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง ที่แกล้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด ก็เพราะอยากให้น้องสาวทั้งสองสบายใจ
เพราะอยากรอให้นิวและจิ๋วพร้อมที่จะบอกเขาเอง… แต่เขาคิดผิด
จิ๋วปากแข็งกว่านั้น และนิวก็สับสนมากเกินกว่าจะจัดการมันได้ด้วยตัวเอง
“เธอจะปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ… ฉันรู้ทุกอย่าง… ทุกๆอย่าง ฉันเข้าใจ และยอมรับเรื่องนี้ได้ มากกว่าเธอสองคนเสียอีก”
จิ๋วหลบตาเจนรบวูบ… รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกต้อนให้จนมุมจนไม่มีทางออกมากขึ้นทุกที…
เสียงคาดคั้นเหล่านั้นยังไม่หยุด… พี่เจนยังไม่ยอม สายตารุกไล่เท่าทันกดดันจนแทบทนไม่ไหว
“…ที่จริง มันเป็นเธอคนเดียวด้วยซ้ำที่ยังไม่ยอมรับ คนอย่างเจ้านิวยังรู้ ว่าเธอกับมันแทบไม่เหลือความเป็นเพื่อนให้กันแล้ว”
พี่เจนไม่เข้าใจ…
ถึงเธอไว้ใจพี่เจน แต่เรื่องนี้มันก็เป็นส่วนตัวเกินกว่าจะบอกให้ใครล่วงรู้ได้
แม้แต่เธอและนิวยังไม่รู้ซึ้งถึงมันดีพอ พี่เจนจะมารู้มันได้ยังไง…
ได้ยังไง…
เจนรบมองคนตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนอกอ่อนใจ… และมากไปกว่านั้น เขาเห็นใจกับสิ่งที่จิ๋วต้องเผชิญมากกว่าใคร
เพราะรู้ ว่าคนตัวเล็กซับซ้อนเกินกว่าที่จะยอมรับได้โดยง่าย…
จิ๋วมีกฎ มีกำแพง มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนเหลือเกินกับความสัมพันธ์ อะไรในมือจิ๋ว มันต้องเป็นไปอย่างคมชัด เถรตรง ไม่อ้อมค้อม ขาวคือขาว ดำคือดำ ไม่มีสีเทา… มันเป็นแบบนั้นมาตลอด จึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนคลุมเครือถึงเป็นของแสลงสำหรับคนตัวเล็กที่แสนจะชัดเจนคนนี้…
ต่างกับนิว ผู้หญิงที่ปล่อยให้อารมณ์นำพา และทิ้งเหตุผลรวมทั้งข้อเท็จจริงไว้เบื้องหลังโดยไม่คิดหันกลับมามอง…
ต่างคนต่างมีปัญหา แต่นิวไม่ใช่คนปากแข็งใจแข็ง ต่างกับคนตัวเล็กคนนี้… ที่แม้วินาทีสุดท้าย ดวงตาคู่นั้นก็ยังแข็งกร้าวยากที่จะสัมผัสถึงความอ่อนแอภายในได้
คงเพราะเป็นเพื่อนกันมานานเกินไป คงเพราะยังติดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ที่รั้งดึงเอาไว้… ความรู้สึกถึงยังถูกเหตุผลกักกันไม่ให้ทำตามใจสักที…
“เธอจะดื้อดึงไปทำไมปิยนุช จะทำให้เรื่องมันยากไปทำไม… เธอไม่อยากพูดกับพี่ ไม่อยากพูดให้คนอื่นรู้ เธอก็ไม่ต้องพูดก็ได้… แต่ช่วยยอมรับกับตัวอย่างสักทีเถอะ ว่าเธอกับนิวน่ะ มันไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว”
จิ๋วรวบช้อนกินข้าว รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมาเฉย ยิ่งทบทวนยิ่งเห็นว่าหมดแล้วซึ่งหนทางที่จะปิดบังกันต่อไป…
“ยอมรับมาเถอะ ว่าเธอรักนิว… รักที่ไม่ใช่แบบเพื่อนอีกต่อไปแล้ว”
จิ๋วเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายคนสนิท… แววตาเศร้าสร้อยสิ้นหวังมีน้ำใสใสเอ่อคลอ เพียงแต่มันยังไม่รินไหล
เจนรบไม่เคยรู้เรื่องราว เธอไม่เคยปล่อยคำใดหลุดจากปากแต่เขากลับพูดราวกับมานั่งอยู่กลางใจ…
มวลความรู้สึกมากมายหลากวนจนใจสะเทือน มันมากกว่าความเสียใจ มันเป็นความพ่ายแพ้ เป็นความอ่อนแอที่ซ่อนลึกอยู่ในใจมาแสนนาน
คนตัวเล็กที่เคยดูแข็งแกร่งมาตลอด กลับถึงคราวต้องวาดแขนโอบรอบตัวเองแล้วปล่อยหยดน้ำตาให้รินไหล… หัวใจสั่นสะเทือนจนแทบระเบิด เจ็บปวดทุกข์ทนกับความรู้สึกลึกซึ้งมากมาย… วงแขนเล็กโอบกอดตัวเองแน่น ไม่คาดหวังจะให้ใครมาปลอบใจ… มากกว่านั้น เธอกำลังร้องไห้อย่างไม่อายใคร
มันคือน้ำตา… น้ำตาแห่งการยอมรับทั้งหมด กำแพงที่แสนแข็งแรงได้ทลายลงมาแล้ว
ความจริงที่หลบซ่อนเนิ่นนานถึงคราวเปิดเผย… ความรักที่เป็นความลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป
เสียงสะอื้นดังแทนคำตอบทุกอย่าง…
เธอรักนิว… รัก… รักมากจริงๆ…
“รักมันมากใช่ไหมล่ะ…”
เจนรบถามคนอ่อนแอตรงหน้า และนี่เป็นครั้งแรก ที่ได้รับคำตอบ… คำตอบที่มาพร้อมหยดน้ำตาที่เขาไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นมัน
จิ๋วพยักหน้าซ้ำๆ… ราวกับตอกย้ำตัวเอง…
หยดน้ำตายังคงรินไหลเป็นสาย… อ้อมกอดเล็กๆนั้นยังประคองกอดตัวเอง ดูก็รู้ว่าจิ๋วไม่ได้ต้องการคำปลอบใจ… ไม่ได้ต้องการอ้อมกอดจากใคร หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้ต้องการมันจากเขา…
อาจเป็นนิวมากกว่าที่จะทำหน้าที่นั้น อาจเป็นอ้อมแขนเล็กๆของเพื่อนรัก ที่จะทำให้หัวใจทั้งสองดวงอบอุ่นไปพร้อมกัน…
เจนรบมองน้องสาวสุดรักด้วยความโล่งใจ… ได้เห็นคนตัวเล็กยอมรับมันสักที… เขาก็มีความสุขแล้ว แม้จะได้รับคอมโบสะอึกสะอื้นและหยดน้ำตาจำนวนมหาศาลมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการก็ตาม
จิ๋วเป็นคนตัวเล็กที่สุดจะเข้มแข็ง… เข้มแข็งที่สุดกว่าใครที่เขาเคยรู้จักมาด้วยซ้ำ
เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เห็นจิ๋วร้องไห้มากมายขนาดนี้…
หากเป็นความผิด เขาจะโทษว่าเป็นเพราะความรัก… หากเป็นความชอบ เขาก็จะยกมันทั้งหมดให้กับความรัก
เป็นเพราะความรักจริงๆ ที่ทำให้คนเราทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้…
เพราะรัก… จริงๆ
.
.
“อีกสิบห้านาทีนิวก็ถึงละค่ะ… นิวแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อย เหลือผมอย่างเดียวค่ะ”
“ค่า…ขับระวังอยู่แล้วล่ะ แล้วเจอกันนะพี่เจน”
สิ้นสุดเสียงแห่งความห่วงใย นิวก็กดวางสายพร้อมกับจดจ่อยังเส้นทางตรงหน้าเช่นเดิมพร้อมรอยยิ้มจางๆที่ติดแต้มตั้งแต่แยกจากนนท์มา เธอโล่งใจ… โล่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเหมือนออกซิเจนวันนี้ตอนนี้มันบริสุทธิ์มากกว่าทุกครั้ง มีความสุขลึกๆอย่างบอกไม่ถูก…
เรื่องของเธอและนนท์ จบลงแล้ว…
จบด้วยความเข้าใจ
ภาพเหตุการณ์ยังติดตา รอยยิ้มของเขายังตรึงอยู่ในหัวใจ… น้ำเสียงของเขายังดังก้องอยู่ในหัว จนวินาทีนี้…
“นิวกับคุณจิ๋ว… ผม… ฮ่ะๆ… ที่คิด… ไม่ผิดเลย”
เสียงหัวเราะขมขื่นของชายหนุ่มตรงหน้าทำหัวใจนิวหมองเศร้าตามไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้… แววตาที่แสนรวดร้าวของเขาทำเธอรู้สึกผิดแทบตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ได้เพียงแค่ส่งสายตาห่วงหาอาทร แตะหลังมือปลอบใจเขา… ผู้ชายสมบูรณ์แบบที่ดูเปราะบางราวกับว่าการสัมผัสรุนแรงจะทำให้เขาแตกสลายไปกับตา
เหมือนจะเข้าใจ…นนท์พยักหน้าซ้ำๆกับตัวเอง ตอกย้ำให้เข้าใจ…
ปิดเปลือกตาแน่น กดเก็บน้ำตาร้อนๆที่พร้อมจะรินไหล หัวใจเขากำลังถูกแผดเผาเพราะความจริง
ความจริงที่เขาเองก็ทำเป็นไม่เห็น… ความจริงที่เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มาตลอด เพราะยังเห็นว่านิวยังคงใส่ใจกันอยู่มากมาย…
พยายามเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่กับตา พยายามหลงลืมความรู้สึกว่างเปล่าลึกๆที่ใจสัมผัสได้มาตลอด…
แต่ความเชื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง
มันเจ็บปวดมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้ นาทีนี้… เขาได้ปล่อยหัวใจให้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงตรงหน้าไปแล้ว เขาพ่ายแพ้ให้กับทุกอย่างที่นิวเป็น… ทุกอย่างที่นิวเคยเป็น…
เขารักนิวจนหมดใจ ในวันที่นิว ไม่คิดที่จะรอเขาอีกต่อไป…
นิวมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บปวด เขาเงียบไปนานเหลือเกิน… กลัว… กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ กลัวจะเสียเพื่อนที่แสนดีอย่างเขาไป… ริมผีปากไหวสั่นระล่ำระลักอธิบาย อยากให้นนท์เข้าใจเธอมากกว่านี้
“นิวขอโทษ ขอโทษที่ทำให้นนท์ต้องเจ็บ… นิวไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ นิวก็แค่… นิวคิดมาตลอดว่านิวจะรัก…”
“พอเถอะนิว อย่าเลย อย่าพยายามอธิบาย”
เขาไม่พร้อมฟังมันจนจบด้วยซ้ำ เจ็บปวดเกินไปหากต้องได้ยินว่าที่ผ่านมาคือความเข้าใจผิดของผู้หญิงที่เขาหลงรัก…
ความพยายามสูงที่สุด… ใช้เพื่อสะกดกลั้นความในใจ
เขาเป็นลูกผู้ชาย เจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องยอมรับให้ได้
หากมันคือความจริง…
“นนท์… นิวขอโทษ”
เสียงขอโทษนั้นเจือดความรู้สึกผิดรุนแรงมากขึ้นทุกที…แววตาเจ็บร้าวช้อนมองใบหน้าสวยจัดที่ยังตรึงใจเขาอยู่เสมอ… เห็นแววตาเจ็บปวดไม่ต่างกัน ก็ยิ่งทำให้ใจของเขาเต้นอ่อนแรงอย่างร้าวราน
แต่เอาเถอะ… อย่างน้อย นิวก็ยังอยากมีเขาเป็นเพื่อน ยังอยากรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ต่อไป
นนท์สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก มันเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ตัดสินใจเผชิญหน้ากับความจริง…
เดินหน้าต่อไป…
รอยยิ้มบางเบาฉาบขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา… แม้จะยากเย็น แต่เขาก็ยังคงยิ้มได้
“ไม่ต้องขอโทษนนท์หรอก… เพื่อนกัน ทำไมจะอภัยให้กันไม่ได้”
สิ้นประโยค… หญิงสาวที่เขาหลงรักก็เปลี่ยนสีหน้ารวดร้าวเป็นรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ทำให้เขาชื่นหัวใจ…
นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้ได้… ในฐานะผู้ชายที่รักนิวจนหมดหัวใจ…
และคงเป็นสิ่งแรกที่เขาทำให้ได้…
ในฐานะ…เพื่อนคนนึง
เธอสารภาพ อธิบาย… ทำทุกอย่าง ใจที่หวาดหวั่นร้องเตือนกันทุกวินาทีว่ามันอาจจะทำให้ต้องเสียเพื่อนอย่างเขาไป… แต่สุดท้าย ผลมันก็ไม่ได้เลวร้าย นนท์เข้าใจ ยอมเข้าใจ… นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีที่สุดสำหรับเธอ
ด้วยหัวใจที่เปิดโล่ง ทว่าเต็มแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง… นิวยิ้มกับตัวเองแทบไม่หุบ…
รถมินิคู่ใจจอดสนิทในช่องจอดรถวีไอพี… คนสวยที่ฉาบรอยยิ้มเก๋ไก๋บนใบหน้า คว้าแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม… เรียวขางามก้าวลงจากรถช้าๆ… ก้าวเดินเข้าตัวอาคารไปอย่างมั่นใจ…
เธอกำลังเดินทางไปหาผู้หญิงที่เธอรัก…
“นิวถึงแล้วพี่เจน… อะฮะ เดี๋ยวนิวเดินไปค่ะ… ค่ะ”
จุดมุ่งหมายอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวที…เธอคุ้นเคยกับที่นี่ดี นั่นเป็นเหตุผลให้การเดินทางไม่ใช้เวลามากมายเท่าไรนัก…
พื้นที่กั้นไว้ขนาดไม่ใหญ่นัก มีพี่ชายคนสนิทออกมายืนรอรับด้วยรอยยิ้มไม่ธรรมดา นิวเองก็ไม่ต่าง คิ้วเข้มยักทักอีกคนที่นึกหมั่นไส้น้องสาวคนสนิทไม่น้อย… คงจะเคลียร์ใจจนโล่งแล้วสิท่า ถึงได้หน้าบานมาขนาดนี้…
“พี่เจนคุยกะจิ๋วหรือยัง…”
แอบเอียงหน้ากระซิบเสียงเบาเมื่อเจนรบพาเดินมาถึงด้านใน กวาดสายตาเห็นคนตัวเล็กนั่งหันหน้าเข้าหากระจก ก็เอ่ยถามนำ สายตาจับจ้องแผ่นหลังบอบบางนั้นอย่างมีความหมาย ก่อนจะได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
“เรียบร้อย ล้วงออกมายันไส้ขดสุดท้าย…”
รอยยิ้มที่มีเลยยิ่งกว้างกว่าเดิม… ดวงตาที่เรียวอยู่แล้วยิ่งปิดสนิทจนแทบมองไม่เห็นไปกันใหญ่
ยิ้มที่กว้างแสนกว้าง ความสุขที่มากมาย
หัวใจนิวเต้นตึกตัก เมื่อถูกเจนรบจับให้นั่งบนเก้าอี้ประจำตัว… ข้างๆคุณจิ๋ว… ที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าถูกจ้องมองด้วยแววตาแห่งความรักเพียงใด…
เจนรบมองน้องรักสองคนยิ้มๆ… หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ แต่ความเอ็นดูกลับแซงเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
และก็ยิ่งเอ็นดู เมื่อเห็นคนตัวเล็กหันไปเห็นเพื่อนรัก… ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กลับมีรอยยิ้มฉาบขึ้นมาง่ายดาย
นิวส่งยิ้มให้คนตัวเล็ก ยิ้มหวานหยดย้อย ด้วยหัวใจที่โปร่งโล่งสบาย ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม…
และไม่ต่างกัน…
หัวใจที่แสนหนักอึ้งได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว คนตัวเล็กส่งยิ้มให้เพื่อนรักด้วยความในใจที่ไร้สิ่งใดคอยซ่อนบัง…
มันเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ รอยยิ้มแห่งความรักความจริงใจ… ยิ้มที่ไม่ได้มอบให้กันมานานแสนนาน…
และมันเป็นรอยยิ้มแห่งการเริ่มต้นใหม่
เหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงนิวและเด็กหญิงจิ๋ว กลับไปเริ่มต้นความรู้สึกดีดีหมือนครั้งแรกที่พบกัน
… อีกครั้ง…
ด้วยความรู้สึกที่ไม่ใช่เพื่อนกัน… ไม่ใช่แค่เพื่อนกันอย่างที่เคย
ความคิดเห็น