ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TS7] โปรดติดตามตอนต่อไป... #noteapp'

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 8 บุคคลที่สาม ...

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 55


      

     

    ข้อดีข้อเดียวของการกลับมาอยู่กรุงเทพ ... คือการได้เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ยิ่งมาอยู่บนรังผึ้งที่ติดบีทีเอสแบบนี้แล้ว ...

     

    นทก้มหน้าก้มตากดเกมส์ในไอโฟนอย่างเอาจริงเอาจัง ... ปล่อยให้เจ้ารถไฟฟ้าวิ่งตื๋อไปตามเส้นทางอย่างไม่ใส่ใจ หูสองข้างอัดด้วยเสียงเพลงคันทรีพริ้วๆที่ขับอารมณ์พักผ่อนในส่วนลึกให้ล่องลอย ... ในสายวันหนึ่ง ที่เธอกำลังมุ่งหน้าไปพบปะกับคนที่เรียกได้เต็มคำว่าเจ้านาย ยังอาคารสำนักงานที่ทำการของแมกกาซีนกึ่งบันเทิงที่เธอเป็นเจ้าของคอลัมน์หนึ่งในนั้น ... การประชุมเล็กๆแบบส่วนตั๊วส่วนตัวสองต่อสอง ถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการโดยบรรณาธิการอำนวยการสาวสวยไฟแรงที่เธอรู้จักดี ... พี่กวาง กรวรรณ สุทธิวงษ์

     

    มีตติ้งที่คงลามไปถึงมื้อเที่ยงแบบนี้ ... ถาไม่ใช่เพราะเรื่องงานจริงๆ เธอคงหาข้ออ้างไม่ไปจนได้...

     

    "สถานีต่อไป ..."

     

    เสียงที่ได้ยินซ้ำๆในทุกๆครั้งดังบอกให้คนกำลังเมามันส์ได้รู้ตัว ...

     

     

     

     

    และมันก็ถึงสถานีปลายทางให้นทได้เก็บเจ้าเครื่องมือสื่อสารเครื่องเก่งลงกระเป๋าเสื้อ .. คนตัวเล็กในชุดลำลองสุดๆลุกออกจากเก้าอี้สีสด ก่อนจะก้าวออกจากยานพาหนะที่วิ่งไวจนน่ากลัว แล้วเดินดุ่มๆไปตามทางอย่างไม่สนใจใคร

     

    ลงมาถึงพื้นดิน... รถบนถนนขวักไขว่ และอาคารสำนักงานนั้นก็อยู่ฝั่งตรงข้าม ... รถแลซ้ายทีขวาที ตามความรู้ที่คุณครูอนุบาลสอนสั่งกันมาจนไม่กล้าลืม...

     

    "ข้ามถนน ต้องมองซ้าย มองขวาให้ดีดี ... จับมือคุณพ่อคุณแม่ให้แน่นๆนะคะ"

     

    เสียดายที่เธอไม่มีมือคุณพ่อคุณแม่ให้จับ ... ไม่มีมาตั้งนาน ... นานจนลืมว่าความอบอุ่นแบบนั้นมันเป็นยังไง ?

     

     

    คนที่จับมือกันประจำก็ไม่อยู่ ... และมันคงตลกถ้าเธอจะจับมือตัวเอง ... บ้าบอสิ้นดี

     

     

     

    สุดท้ายเธอเลยต้องเดินข้ามสามสี่เลนส์นั้นไปพร้อมชาวกรุงอีกนับสิบ ... เอาสิ คนอื่นเขาไม่เห็นจับมือกัน เธอก็เดินคนเดียวได้ ไม่เป็นไร...

    แต่เธอคงไม่ยอมเดินคนเดียวไปตลอดแน่ๆ...

     

    ก็เธอมีคนที่รักที่สุด พร้อมจะจับมือเธออยู่แล้วนี่นา

    :)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

    "นท !"

     

    และแทบจะในทันที่ประตูลิฟท์เปิดออก ... เสียงสดใสจากคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดีก็ดังเรียกขึ้น ให้คนที่ยัดหูฟังไว้แน่นแทบจะดึงมันออกมาไม่ทัน ...

     

    และก็ไม่ทันจริงๆ

     

    "โอ๊ย คิดถึงจังเลย ! ดูสิ กว่าจะยอมเอาตัวมาเจอกัน ใจร้ายชะมัด..."

    มือนทถูกดึงไปกอบกุมไว้แน่น สุดท้ายเจ้าหูฟังจึงต้องยัดอยู่ที่เดิม มืออีกคนบีบเธอจนสัมผัสได้ถึงอุณภูมิต่ำๆจากมืออีกคนที่ทำเอานทเย็นวาบไปทั้งตัว ... ในดวงตากลมโตคู่นี้ของพี่สาวคนสวย มีแต่ความดีอกดีใจ ... ดีใจจนนทคิดว่ามันมากมายเกินไปด้วยซ้ำ

     

    นทได้แต่ยิ้มแหยๆคืนไป ...

    ก็เราไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมายขนาดนั้น ...

     

    "...ก็นทเห็นว่าเรื่องงานเราคุยกันทางอื่นได้ อีกอย่าง เพิ่งย้ายคอนโด เลยไม่ค่อยสะดวกเรื่องเดินทางน่ะค่ะ.."

    พูดจริงครึ่ง และก็ปดไปครึ่ง อธิบายยาวทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยในการเริ่มบทสนทนา ... และนทก็ค่อยๆพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างมีมารยาท รอยยิ้มน้อยๆถูกหยิบยื่นคล้ายจะบอกกันกลายๆให้ปล่อยมือ มันเป็นนิสัยของเธอ นิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หาย ... ไม่ชินจริงๆกับการแตะเนื้อต้องตัวคนไม่สนิท อย่างน้อยๆเธอไม่สนิทใจ

     

    และแม้ตอนนี้พี่กวางจะยอมปล่อยมือเธอออกแต่โดยดี ... แต่สายตาหวานคมที่แฝงความนัยสารพันคู่นั้น ก็ยังจับจ้องกันตรงๆให้นทได้หลบตาซ้ายทีขวาทีอย่างอึดอัดใจไปหมด

     

    "แล้ววันนี้มายังไง ขับรถมา ? หรือ bts ?"

    สาวสวยยังคงตั้งมั่นที่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ จนนทนึกเซ็งตัวเองที่เผลอใส่เสื้อแขนกุดแถมเอวลอยมาแบบนี้ ... ให้คนข้างตัวได้โอบเอวเธอเข้าเต็มแขน ... เสียงใสใสนั่นยังคงส่งถามไถ่กันอย่างต่อเนื่อง รอยยิ้มหวานเฉียบถูกมอบให้เธอจนแทบไม่มีนาทีใดที่ตาจะไม่มองเห็นมัน ... เรื่องราวสมัยชั่วโคตรชั่วขุนถูกกลั่นออกมาเป็นคำอุ่นๆยืดยาวไปหมด เธอเดินผ่านส่วนของสำนักงานที่ดูจะว่างๆท่ามกลางสายตาที่มองกันอย่างสนใจจนน่าอึดอัดไปใหญ่ ... และแม้กระทั่งบรรณาธิการอำนวยการคนสวยจะพาเธอมานั่งถึงในห้องประชุมขนาดย่อมนี้แล้ว เสียงสนทนาเจื้อยแจ้วก็ยังไม่เงียบหายไป

     

    แอร์เย็น .. จนนทต้องยกมือของตัวเองลูบแขนไปมา

     

    "เนี่ยนะ ... พี่อ่ะพอเปิดเล่มก็นึกถึงนทคนแรกเลย อยากให้มาเขียนคอลัมน์ให้ ดีใจมากๆที่นทตกลง..."

    อีกแล้ว ที่ตาหวานเชื่อมถูกส่งมาตรงๆให้คนโดนจ้องได้ขนลุกชัน... นทเกร็งไปทั้งตัว กลัวไปหมด รีบพยักหน้ายิ้มแหยก่อนจะใช้ปลายเท้าดันล้อเก้าอี้ให้ขยับห่างออกมาทีละน้อยอย่างตั้งใจจะเว้นระยะ  พยายามเบี่ยงประเด็น ...

     

    "เอ่อ ... พี่กวางดูที่นทคิดมาคร่าวๆไหมคะ"

     

    นทพยายามก้มลงในกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบงานคร่าวๆที่ตัวเองคิดไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะกลมตัวเบิ้ม ลายเส้นหลายสีถูกวาดหวัดๆลงหน้ากระดาษ ดูเรียบง่ายแต่ก้เห็นได้ชัดว่ามันออกมาจากความตั้งใจจริงๆ ... และมันช่วยดึงสายตาจากพี่กวางได้ดีทีเดียว ... งานคือข้อผูกพันใหญ่อันเดียวที่เธอมีกับพี่กวาง และงานก็คือข้ออ้างในการเอาตัวออกห่างๆพี่กวางทุกทีที่เธอจวนตัวหรือทนไม่ไหวจริงๆ

     

    พี่กวางชะงักกึกในทันทีที่กระดาษปึกนั้นถูกวางลงบนโต๊ะ ศีรษะนั้นพยักน้อยๆบอกให้รู้ว่าพึงพอใจ มือเรียวคว้ามันไปเปิด แล้วไล่สายตามองอย่างเนิ่นนานจนบุคลิกนั้นผิดจากพี่สาวแสนสวยเมื่อสักครู่เป็นคนละคน ... ให้คนที่คิดมันขึ้นมาขึ้นมาได้มองอย่างลุ้นๆ

     

    "คิดไม่ผิดจริงๆที่ให้นททำอาร์ตเวิร์คด้วย ... เดี๋ยวพี่โทรตามพวกทีมคอมพิวเตอร์ให้ขึ้นมาเลยดีกว่า แล้วนทอธิบายคอนเสปท์ให้เค้าด้วยนะ..."

     

    สาวสวยยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจที่สุด ... ถ้อยคำดีดีถูกหยิบยื่นออกมาให้นทได้ยิ้มตามไม่หุบ ... เธอชื่นใจทุกครั้งที่มีคนมาชื่นชมผลงาน แม้จะได้ยินบ่อยแต่ก็เป็นพลังใจที่ดีสำหรับเธอ คำชมไม่เคยมีค่าลดน้อยลง ...

     

    พี่กวางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ก่อนจะกวาดเอางานของเธอแล้วสั่งงานผ่านโทรศัพท์ สองขาดันเก้าอี้ล้อเลื่อนให้ห่างจากโต๊ะ แล้วพี่กวางก็พางานเธอจากไป พร้อมกับเสียงใสที่ดังให้ได้ยินกันเรื่อย จนประตูกระจกนั้นปิดสนิทลง

     

     

    "เฮ้อออออ ..."

     

    และนทก็ถอนหายใจออกมาจนหมดปอดด้วยความโล่งอก...

     

    พี่กวางเป็นพี่สาวที่เข้ามาในชีวิตเธอได้ราวๆสามปี พร้อมๆกับที่เธอมีพี่แกรนด์ยืนอยู่ข้างกาย พี่สาวคนสวยคนนี้ดีกับเธอเสมอ คอยหยิบจับช่วยเหลือทุกๆสเต็ปในชีวิตเธออย่างน่าซาบซึ้ง และนทเองก็ซาบซึ้งกับความดีของพี่กวางสุดใจ เพียงแต่เธอไม่เคยปล่อยใจให้สนิทสนมกับพี่สาวคนนี้ได้ เส้นบางๆเส้นหนึ่งกั้นระหว่างเธอและพี่กวางเอาไว้ ...

     

     

    หลายครั้งที่นทเคยคิดจะตัดสัมพันธ์น่ากลัวนี่ให้ขาด แต่มันก็มีบางเรื่องราวที่เกี่ยวกันเธอและพี่กวางเอาไว้บางๆ ... ที่เหนียวแน่นจนขาดไม่ได้

     

    และเพราะอีกคนไม่เคยปิดบังว่าคิดกับเธอยังไง ... ไม่เคยจะแคร์ว่าเธอจะลึกซึ้งกับน้องสาวคนสนิทของพี่กวางขนาดไหน ...

     

    พี่กวางกับพี่แกรนด์ เป็นพี่น้องสายรหัสจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน สองสาวสวยกอดคอกันมาแต่ไหนแต่ไร ... และที่เธอได้รู้จักพี่กวาง ก็เพราะพี่แกรนด์ชักนำเธอให้ได้รู้จักกับลูกสาวคนเดียวของเจ้าของสำนักพิมพ์ไซส์บึ้กที่มีนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ในมือมากมาย ... พี่กวางเป็นรุ่นลูก ลูกที่จะรับช่วงต่อธุรกิจใหญ่โตนั่นเอาไว้ในมือสองข้าง ... และจะผลักดันมันให้เติบโตค้ำฟ้า ... พี่แกรนด์แนะนำเธอให้รู้จักเอาไว้เพราะพี่กวางเป็นเพื่อนที่ดี สำคัญคือมันดีต่ออาชีพของเธอที่ดูจะไร้หลักแหล่งเหลือเกิน

     

    แรกๆเธอก็คิดว่ามันดี ดีมากๆ ดีมากที่สุดที่จะมีสำนักพิมพ์ยิ่งใหญ่ไว้ให้ซบอิงแบบนี้...

    แต่ถึงรู้แล้ว จะกลับตัวกลับใจถอยหลังไปอยู่ในจุดที่ไม่รู้จักกัน ... มันก็ไม่มีทางทัน

     

     

    ไอ้งานคอลัมน์ก็เหมือนกัน พี่แกรนด์เป็นคนฝากฝังจัดการให้เธอก่อนไป ... จากที่เคยเข้าใจว่าพี่กวางเพียงอยากดึงเธอให้ช่วยงานเท่านั้น แต่แล้วก็ผิดคาด เพราะเมื่อวันก่อน คนจากอีกฝั่งโลกโทรมาหาพร้อมกับไถ่ถามเรื่องงาน ที่คนไกลกันขนาดนั้นยังไม่น่าจะทราบได้ ...

     

    พี่แกรนด์ก็ดีแบบนี้ ... ห่วงเธอเสมอ กลัวจะเหงา กลัวจะเศร้า ... ห่วงจนเอาตัวเธอไปฝากไว้กับงานในตอนกลางวัน และตอนกลางคืน ก็ยังฝากเธอไว้กับสาวสวยข้างห้อง ที่ทุกวันนี้เธอต้องคอยดูแลจนไม่แน่ใจว่าใครฝากใคร

     

     

     

    "นท... ออกไปหาไรทานกันเถอะ กว่าทีมคอมจะมาก็อีกชั่วโมงเลย"

     

    พี่กวางคนสวยพรวดพราดมาจากทิศที่นทระบุไม่ถูก และเปิดประตูกระจกน้อยๆ ใช้พื้นที่เพียงแค่สอดหน้ามาสอดเสียงใสส่งออกมาชัดถึงจุดประสงค์ที่ว่าจะไม่มีวันปล่อยเธอให้รอดเงื้อมมือไป ... เสียงนั้นทำความคิดนทลอยกระจาย ... และคำชักชวนกึ่งบังคับนั้นทำเอานทนิ่งไปอึดใจ

     

    ตากลมโตจ้องมองเธอตาปริบๆ.. รอคำตอบ เนิ่นนานตลอดสิบวิ สิบห้าวิ ... ยี่สิบวินาที

     

    ไม่อยากไปอ่ะ ...

     

     

    "ค่ะ..."

     

    แต่จำต้องตกลง พร้อมยิ้มแหยๆคืนให้อย่างอนาถหัวใจ ... เธอซวยสุดๆที่ต้องเอาตัวเองมาผูกไว้กับงานที่มีพี่กวางชักใยอยู่แบบนี้ ... แก้อะไรไม่ได้ คนแบบไอ้นทต้องยอมซวยต่อไป

     

    คนตัวเล็กลุกขึ้นอย่างอืดอาดจากเก้าอี้สำนักงานตัวนั้น สองขาเอื่อยๆลากไปจนถึงประตูและมันก้ถูกเปิดออกให้นทได้ก้าวออกไป ... อดทนอีกนิดนะเว้ยนท ทนอีกนิด สักวันมันจะผ่านไป

     

     

     

     

    หารู้ไม่ว่า ... ที่ระยะเวลาชั่วโมงกว่าทีมคอมอะไรนั่นจะมานั้น ... อยู่ดีๆมันร่วงหายไปไหน ?

    ไม่ใช่เพราะสาวสวยรวยมารยา ขับไล่พวกเขาให้ออกไปพักผ่อนหย่อนใจหรอกหรือ ...

     

    กวางยิ้มพรายไล่หลังนทที่เดินเอื่อยๆอย่างพึงพอใจ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    นทเชื่อเหลือเกิน ว่าหากวินาทีนี้มีใครคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ เนื้อนุ่มนิ่มของเธอคงไม่ได้อยู่เป็นปกติแน่ บทลงโทษแห่งการไม่มีมารยาทคือการโดนบิดจนเนื้อเขียว และนั่นคือสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะหลบยังไง แต่คนใจร้ายก็ยังจดยังจำเอามาจัดการกันในที่สุด ...

     

    แต่ตอนนี้พี่แกรนด์ไม่อยู่ ... ปากนทเลยตรงกับใจ มารยาทเลยเป็นสิ่งที่ไม่ต้องมานั่งแคร์

     

     

    "บ๊ายบายค่ะ กลับบ้านดีดี..."

    นทฉีกยิ้มกว้างพลางโบกมือเร็วๆรัวๆ ราวกับจะเร่งให้ใครบางคนในรถคันหรูได้เคลื่อนตัวออกไปเสียที ... ทั้งๆที่หนังสือมารยาทเล่มโตก็พร่ำบอกกันให้รู้ว่าเมื่อแขกมาถึงบ้าน สิ่งที่ควรทำคือลากเข้าบ้านแล้วขนน้ำท่ามาเสิร์ฟให้ไว ... นทรู้ว่ามันเป็นค่อนข้างจำเป็น แต่วันนี้เธอขอเว้นไว้คน ... พี่สาวคนนี้อันตรายเกินกว่าจะเอาเข้าใกล้ ... ร้ายกาจเกินกว่าจะยอมให้ไปเดินเพ่นพ่านในห้องซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอได้

     

    พี่กวางพยายามหาจังหวะแทรกจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นทไม่พร้อมฟังอะไรสักอย่าง ... คนไม่พูดไม่ค่อยเก่งเลยต้องใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อหาคำไล่ที่สุดแสนจะประนีประนอมให้อีกคนเลือกจะไป ... เธอจะไม่ละความพยายามหรอก ยังไงวันนี้ก็จะปิดกั้นโอกาสการเข้าถึงตัวของพี่กวางให้ได้...

     

    "สวัสดีค่ะ"

    คำลาสุดท้ายพร้อมกระพุ่มมือสวยระดับอก ... นทมอบให้พี่กวางเป็นไม้ตายจริงๆ ... สาวสุดเซอร์จึงได้เลื่อนตัวเองออกห่างรถสุดหรูแล้วโบกมือสองสามที ... เป็นครั้งสุดท้าย ... ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่คิดจะอยู่รอส่งหรือเสียเวลาอีกแม้แต่วินาทีเดียว

     

    วันนี้เธอเสียเวลามามากพอแล้วนี่นา...

     

     

     

     

    นทลากเท้าเดินสโลสเลขึ้นห้องอย่างหมดพลังงาน ... อะไรก็ไม่เหนื่อยเท่าต้องคอยระวังตัวจากการจู่โจมของพี่สาวคนสวยที่มาจากทุกทิศทุกทาง ... เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวโอบไหล่ เดี๋ยวยื่นเข้ามาใกล้ และอีกเดี๋ยวก็หยอดคำหวาน ... เธอต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่อีกคนก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในกิริยาเดิมไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด ... มันน่าเหนื่อยใจ

     

     

     

    ทางเดินแคบๆเส้นเดิม ... พื้นที่มืดๆอันเดิม ...นทเดินผ่านมันไปราวกับคนที่กำลังจะหลับเต็มที อยากจะไขกุญแจห้องแล้วไปนอนสลบอยู่ที่โซฟา ... แต่ก็ยังมีงานคั่งค้างอีกมากมายที่ยังไม่สำเร็จ

     

    ที่สำคัญ ... วันนี้คนดังข้างห้องของเธอออกปากชวนไปทานมื้อเย็นเป็นเพื่อนกันในห้อง ... แถมยังบอกว่าจะลงมือเอง ... ประโยคนั้นทำนทอยากจะหัวเราะเยาะ เพราะไม่รู้ว่าจะทานได้ไหม ? เห็นแอปเปิ้ลเคยพูดว่าฝีมือในการทำกับข้าวของตัวเองน่ะมันติดลบ จนสุนัขยังเมินกันได้...

     

    แต่เห็นอีกคนตั้งใจ เธอเลยไม่อยากจะขัด...

     

     

     

     

    หางตานทเหลือบมองประตูห้องตรงข้ามกันที่ตอนนี้เงียบสนิท ... เป็นปกติในวันที่ไม่มีงาน แอปเปิ้ลจะขลุกตัวอยู่ในห้องทั้งนั้นอย่างเงียบเชียบ ... ไม่มีสุ้มเสียง ไม่ออกไปไหน ... จนนทรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างใช้ห้องชุดราคาแปดหลักนี้ได้อย่างคุ้มค่าเหลือเกิน ... เธอเองที่เหมือนจะว่างทั้งวันทั้งคืน ยังใช้ไม่คุ้มเท่านั้นเลย

     

    อยากจะเคาะห้องขอมื้อเย็นทานเลยอ่ะนะ แต่เธอก็เหนียวตัวเกินจะทำอย่างนั้น...

     

    นทจึงต้องเข้าห้องตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะเริ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปพบกับเรื่องเซอร์ไพรส์ระดับชาติด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆเบ่งบานในหัวใจ ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

    "อร่อยดีนะเนี่ย โหย ไม่น่าเชื่อเลยว่าฝีมือแอป..."

     

    "Ahh ! why you say like that !!!?"

     

    สำเนียงและสีหน้าของสาวสวย ดังสวนประโยคปรามาสของนทได้ทันควันจนคนพูดต้องหลุดขำดังพรืด ...บรรยากาศเงียบเหงาในโต๊ะอาหารเล็กๆเหมือนที่เป็นทุกเย็น ดูจะครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนทยังรู้สึกจี้ใจกับสีหน้าแบบนั้นไม่หยุด ... จนวินาทีนี้ นักแสดงชื่อดังที่เพิ่งแปลงร่างเป็นแม่ครัวคนเก่ง ก็ยังขมวดคิ้วจ้องมองเธออย่างตำหนิติเตียนอยู่เลย

     

    "ไม่ได้จะว่า ... แค่บอกว่านี่มันเซอร์ไพรส์มากๆ อร่อย delicious !!!"

     

    นทรีบอธิบายเจตนาตัวเองทั้งที่ยังหยุดหัวเราะสีหน้านั้นไม่ได้ รีบยกนิ้วโป้งย้ำกับคำภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงตัวอย่างเอาอกเอาใจ... แต่ก็ดูเอาสิ ใครจะไปเชื่อว่าแอปเปิ้ลจะทำอาหารได้ดีสมกับที่กล้ารับอาสาจริงๆ ... มันอร่อยมากเสียจนคนหิวและโหยอย่างนทแทบจะลืมเรื่องที่เผชิญมาทั้งวัน ... จิตใจจดจ่อกับมื้อดีดีตรงหน้าอย่างไม่ยอมเสียเวลาสักวินาทีเพื่อจะละเลียดรสชาติกลมกล่อมนั้น

     

    "แอปอ่านบทละครเรื่องใหม่จบไปเมื่อกี้... เขาบอกว่าผู้หญิงสมัยนี้ สวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเก่ง ต้องกล้าด้วย"

    หญิงสาวที่เพิ่งจะหน้ามู่ทู่เมื่อสักครู่ ... จู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าตัวเองเป็นยิ้มน้อยๆเมื่อในหัวเริ่มนึกถึงบทละครเรื่องใหม่ที่เพิ่งผ่านเข้าสมองแล้วตรึกตราอยู่ในนั้นไม่ยอมจาง ... มันเป็นบทไม่สำคัญที่เธอต้องพูดกับเพื่อนสาวในเรื่อง ผู้ที่มีตัวตนจริงในแผ่นกระดาษแต่ยังไร้ตัวตนในวันนี้ ... แต่มันเป็นประโยคน่าสนใจ แอปเปิ้ลชอบและเห็นว่ามันใช่และจริงอย่างถึงที่สุด

     

    และเมื่อเห็นอีกคนเปลี่ยนเรื่องไปกะทันหัน คนที่เพิ่งจะหยุดหัวเราะไปได้แค่เศษเสี้ยววินาที ก็ต้องเป็นนฝ่ายขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างตามไม่ค่อยจะทันเท่าไร

     

    "ไม่งั้นจะไปแย่งเพอร์เฟกต์กายจากเฟอร์เฟคท์กายได้ไง..."

    แอปเปิ้ลว่าแล้วยิ้ม กับตัวบทที่ดูจะประชดประชันผู้ชายน่ารักๆที่หลงรักกันเองไปทั้งประเทศ ... จิกกัดเบาๆแสบๆคันๆ น่าตลกดี ... แต่ก็แปลกดีที่พี่นทไม่ยักจะขำ ...

     

    แม่คุณคว้าแก้วน้ำมาดื่ม ทำท่าทางเหมือนมีบางอย่างติดคอ สองมือรีบโบกไปมาปฏิเสธความคิดและความเชื่อของเธอได้อย่างน่าอมยิ้มที่สุด

     

    "โนๆๆ... ไม่จำเป็นเลย ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเติมเต็มด้วยเพอร์เฟคท์กาย... เราอยู่ได้ กับตัวเอง"

     

    "อย่าพูดเลย... พี่นทไม่ได้อยู่คนเดียว พี่นทมี 'คนที่แส๊นนนนดี' ขนาดนั้นอยู่ข้างตัว .. she's more than perfect !"

     

     

    "ในกรณีของพี่กับพี่แกรนด์ เราเป็นคนคนเดียวกัน..."

     

    "Yuck !"

     

     

    และสุ้มเสียงที่เถียงไปมาก็เป็นอันต้องหยุดลงที่เสียงอ้วกของแอปเปิ้ล ... เสียงที่ไม่เหมาะกับโต๊ะอาหารที่สุดแต่เธอก็ทำไปแล้ว ... ทำเพื่อล้อเลียนพี่นทที่กำลังอมยิ้มแก้มตุ่ยเมื่อได้พูดถึง  'คนที่แส๊นนนนดี' ที่ตอนนี้อยู่ไกลและไม่รู้พิกัดว่าแห่งหนไหน...

     

    นทหัวเราะกับตัวเองเบาๆ กับประโยคเชิงหยอกล้อที่ดูจะหวานเลี่ยนจนเกินไป ... เสียงอ้วกกกก ของแอปเปิ้ลเตือนสติเธอได้เป็นอย่างดี

    แต่ก็ใช่ว่านั้นจะผิดจากความจริงเสียเมื่อไร ?

     

     

    "หรือถ้าจะไม่ได้อยู่กับพี่แกรนด์ ... พี่อยู่กับแอปก็ได้ เราเป็นไม่กี่คนบนโลกที่ต่อปากต่อคำกับพี่ได้ทันๆกัน"

    นทเอ่ยชมแอปเปิ้ลอย่างจริงใจและชอบใจ ... ชอบทุกครั้งที่ได้ต่อปากต่อคำยืดยาว ชอบทุกครั้งที่ได้เห็นอีกคนทำตัวทะเล้นแบบที่เป็นคนละภาคกับในจอทีวี ... แอปเปิ้ลหัวเราะเบาๆอย่างนึกขำในคำนั้น คำชมที่ทำเอาคนโดนชมต้องส่งเสียงออกไปลับฝีปากกันอีกครั้ง ...

     

    พูดไปแล้ว ... ออกไปแล้ว ... แต่เธอลืมคิด ...

     

     

     

     

    "แล้วถ้าพี่นทอยู่กับพี่แกรนด์ ... แอปก็อยู่กับพี่นทไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ?"

     

     

     

     

     

     

     

     

    เพียงเสียงล้อเล่นนั้น ... กลับทำเอาทุกสิ่งทุกอย่างเงียบลงไปทันตา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้อยคำยาวๆ.. สะกิดใจนทเบาๆจนต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ...

     

    ต่างฝ่ายต่างอึ้ง... แอปเปิ้ลเองก็อึ้งที่เธอถามอะไรน่าตลกออกไป...

     

     

     

     

     

     

     

    นทเองก็นึกไม่ถึงว่าอีกคนจะพูดอะไรออกมาแบบนี้ ...

     

     

     

    สายตาสบสายตา ... นทเชื่อเหลือเกินว่าอีกคนรู้ ว่าในใจมันมีสายใยบางอย่าง ที่มัดเราเอาไว้หลวมๆ แต่ก็ยากจะคลายออก ... มันเป็นพันธะที่ไม่มีสาเหตุ มีเพียงแต่ความอบอุ่นอ่อนโยนที่รายล้อมเอาไว้ในทุกครั้งที่ร่วมใช้อากาศหายใจ ... มันเป็นความผูกพันชั้นดี ที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครใคร่จะหาคำตอบว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร

     

    ทุกครั้งที่เจอกัน ... ความสุขเกิดขึ้นแล้วในหัวใจ

    ทุกครั้งที่พูดกัน ... คำธรรมดาๆก็ดูจะมีความหมาย

     

    ทุกครั้งที่เห็นอีกคนยิ้ม ... โลกทั้งใบก็เหมือนจะสดใสไม่มีสาเหตุ

     

     

     

    นททบทวนเรื่องราวเหล่านี้เงียบๆ ... คำถามเล่นๆที่ไม่จริงจัง ... จากอีกคนที่ยังใช้สายตาอ่านยากแบบนั้น ... มองเธอนิ่งและเนิ่นนาน จ้องเหมือนจะรอคอยอะไรอย่างที่เธอกำลังตัดสินใจ

     

    อะไรที่ถ้าเธอพูดไปอย่างที่คิด ... มันคงไม่ได้ดีเท่าไร

     

     

     

    "เราก็รีบหาแฟนสิ สวยๆแบบนี้... หาไม่ยากหรอกเนอะ"

     

     

     

    บิดเบือนคำตอบที่น่าขำ คำตอบที่เธอคิดไว้ลึกๆ ... ว่าไม่ว่าวันข้างหน้าจะมีเรื่องราวอะไร มันคงยากที่เธอจะปล่อยให้เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเดินจากไป...

     

    นทยิ้ม แอปเปิ้ลยิ้ม ... บรรยากาศไม่ดีขึ้น แต่ไม่เลวร้ายลงสักเท่าไร

     

    "แอปจะอยู่คนเดียวจนเจอเพอร์เฟคท์กาย..."

     

     

     

    หรือไม่ก็อยู่คนเดียวตลอดไป ... จนกว่าจะเจอใครที่เข้ากันได้จริงๆ










    เรื่องราวน่าสนใจลอยเข้ามาในหัวมากมาย แต่ไม่อยากเร่งให้มันเสียเรื่อง ...
    อย่าเพิ่งเบื่อในความเรื่อยเปื่อยของฉันนะเออออ

    ทุกวันนี้ ลูกไม้เป็นเด็กกกากที่อ่านหนังสือแทบทุกวัน
    การบ้านก็เยอะ เรื่องก็เยอะ ... มันยากที่จะเอาเวลามาทำอะไรอย่างที่ชอบ อย่างที่เคยทำ
    มีเวลาลูกไม้ก็ต้องอ่านหนังสือ ถ้าไม่อ่าน ก็รู้สึกไม่ดี...

    ทุกคนอย่าถืออย่าสาถ้า tbc ตอนนี้จะงงๆอึนๆไปบ้าง
    เพราะลูกไม้ใช้เวลาเขียนตอนนี้ตั้งแต่วันที่อัพตอนที่7ไป สะสมมาเรื่อยทุกวัน
    ฟีลมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ... และตอนนี้ก็ง่วงจนตาจะปิด

    ทุกคนเอาใจช่วยลูกไม้ด้วยนะ เย้เย ~
    ไอเลิฟยูมอร์แดนไอแคนเซย์
    xoxo

    ปล. tbc = to be continued = โปรดติดตามตอนต่อไป ค่ะ
    -สำหรับผู้ที่สงสัย-
    ปล2. ในบรรดาฟิคลูกไม้ทั้งหมด เลิฟฮิวจ์เป็นลูกรักที่สุด 555555.
    -ลำเอียง-
    ปล3. ถึงพี่ไรท์โดยเฉพาะ หึหึหึหึหึหึ !
    ลูกไม้รอ แสนรัก-เฟิร์สเรนนิ่งอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าใจร้ายไม่อัพให้จะตามไปกัดคอถึงม.
    จุ้บๆ >3<


    ปล3. ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×