ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Ts7} ปาดับปา.วับวาว' #noteapp :)

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11 Tc for me :)

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 55


      

     

     

    "อะไรของเธอ ยัยหน้าขาว เธอให้ฉันไปรับเธอที่ม. ที่หน้าตึกคณะเลยอ่ะนะ !"

     

    "มากไปม้างงงง ...!!!"

     

     

    บนถนนสายสุขุมวิทที่นทไม่เคยอยากจะย่างกรายเข้ามาใกล้สักนิด เธอข้ามฝั่งมุมเมืองมาเพื่อตามบัญชาของยัยเด็กหน้าขาวบางคน ปากนทส่งเสียงเข้มไปผ่านสปีกเกอร์โฟน ถ้อยคำที่ดูคล้ายจะปฏิเสธจนคนถามสิ้นหวัง ... แต่ใครเล่าจะรู้ แท้ที่จริงแล้ว คนขี้เก๊กคนนี้กำลังพยายามอย่างมากทีเดียวที่จะผ่าคลื่นรถยนต์มหาศาลนี่ไปถึงมหาลัยของอีกคนให้ทันก่อนเวลานัดให้ได้ .. แม้ปากจะยังต่อว่าอีกฝ่ายไม่หยุดก็เถอะ

     

    แอปเปิ้ลโทรมาหาเธอด้วยน้ำเสียงรนๆ ร้องขอความช่วยเหลือกันด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าสงสาร แอปเปิ้ลปวดท้องมาก ... ตอนนี้นอนฟุบอยู่ในห้องปฏิบัตินาฏศิลป์และอยากกลับบ้านแบบสุดๆ

     

     

    นทแทบจะเหาะออกจากบ้านทันทีที่วางสาย จนพี่หมอที่นั่งดูบาสเอ็นบีเอแมตซ์สำคัญอยู่ด้วยกันแปลกใจ เหตุด่วนเหตุร้ายที่พุ่งเข้ามาในเวลานี้ทำให้เธอต้องยกเลิกนัดกินนัดเที่ยวตามประสาพี่น้องไปโดยปริยาย พี่หมออาจสงสับ ... แต่นทไม่มีเวลามากพอที่จะแถลงไขข้อสงสัยนั้น เธอรีบคว้ากุญแจรถแล้วเหยียบมิดออกมา จนใกล้ถึงจุดหมายแล้วในตอนนี้ ...

     

    เธอพยายามบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆกว่านี้

    พยายามที่จะปลอบตัวเองว่าคนมีมนุษยธรรมที่ไหนเค้าก็ห่วงใยเพื่อนร่วมโลกกันแบบนี้ทั้งนั้น

     

     

    แม้ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ...

    แม้ปกติ นอกจากคนในครอบครัวก็ไม่มีใครสามารถดึงความเป็นห่วงจากใจนทออกมาได้

     

     

     

     

     

    หรือบางที ... เธออาจจะติดนิสัยใจดีนี้มาจากพี่หมอก็ได้กระมัง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "แอปกลับไงเนี่ย ? ให้แป้งไปส่งไหม ?"

     

    เสียงเพื่อนๆที่รู้จักกันในคณะ สะกิดถามแอปเปิ้ลที่นั่งพิงฝาห้องเบาๆ ... คำถามจากความเป็นห่วงเป็นใยที่ปลุกให้แอปเปิ้ลตื่นมาลืมตาปรือๆมองหน้าเพื่อนอย่างคนที่ไม่ค่อยจะสบายเนื้อตัวเท่าไรนัก หลังจากวางสายพี่นท เธอก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มการประชุมของรุ่นแล้วมานั่งข่มความทรมาณอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง ... แอปเปิ้ลยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา บ่ายโมงแล้ว เลิกประชุมแล้วสินะ

     

    "เดี๋ยวมีคนมารับจ๊ะ"

    ส่งยิ้มขอบคุณให้เพื่อนที่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยกัน ... สิ้นคำ มือหนานุ่มของเพื่อนสาวประเภทสองในคณะ ก็ยื่นมาประคับประคองเธอ ให้ได้ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำใจที่เต็มปรี่ และแม้เธอจะยันตัวขึ้นยืนได้แล้ว การพยุงอย่างห่วงใยนั้นก็ไม่สิ้นสุดลง ตรงกันข้าม ในสายตาเหล่านั้นดูมีแววกังวลเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

     

    เสียงออดแอดของลิฟท์ตัวเก่าที่กำลังเปิดออก เหมือนเสียงเร่งให้ทุกคนรีบเดินไปยังจุดหมาย แว่บหนึ่งที่ทุกคนแทบลืมเธอไปหมด แต่ก็เพียงแว่บเดียวเท่านั้น เมื่อเพื่อนสาวประเภทสองคนหนึ่งในกลุ่มยังหันกลับมาประคองเธอเมื่อนึกขึ้นได้ ...

     

    ก็ปกติ เธอเป็นคนแรกที่วิ่งออกจากห้องปฏิบัติเพื่อกดลิฟท์ตัวเก่านี้

     

    คงไม่ชินกับแอปป่วยสินะ ...

     

     

     

     

     

     

     

    "งั้นกลับก่อนนะแอป"

     

    "จ้า..."

     

    เมื่อประตูลิฟท์ตัวเก่าเปิดออกในชั้นหนึ่ง เพื่อนๆก็โบกมือร่ำลาเธอ ในสายตาคนส่วนใหญ่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่น่าซาบซึ้งใจ ... แอปเปิ้ลขานรับ โดยไม่ลืมสางยิ้มซีดเซียวเพื่อแทนคำขอบคุณเพื่อนที่ดีทั้งหลาย ยกแขนขึ้นโบกมืออำลาให้ จนเพื่อนทยอยแยกย้ายกันไปยังพาหนะส่วนตัวแล้วดำเนินชีวิตไปตามเส้นทาง

     

    แอปเปิ้ลเดินสโลสเลออกมาจากตัวตึก ... สามชั่วโมงแห่งความทรมาณได้หมดลงแล้ว มือน้อยกุมหน้าท้องที่แสบไปหมด แสบจนไม่รู้สึกหิวโหยอีกต่อไปแล้ว... หนังสือเรียนในมือก็ร่ำจะตก แอปเปิ้ลหมดเรี่ยวแรงแม้จะจับมันให้แน่น แค่จะเดินยังลำบาก จนต้องทรุดนั่งลงบนโต๊ะไม้ตัวเก่าหน้าคณะในที่สุด

     

     

     

     

     

     

    ปวดชะมัด ...

    นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปเป็นเมื่อเช้าได้จะกินทุกอย่างให้เรียบเลย !

     

    ใบหน้าขาวเนียนฟุบทับแขนลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง...

     

     

     

     

     

    กลุ่มรุ่นพี่ในคณะ เดินคุยส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันมากลุ่มเบ้อเร่อ ...  ทั้งหมดคือนักศึกษาชั้นปีที่สามในคณะเดียวกันกับแอปเปิ้ล ที่ทำการนัดประชุมปีหนึ่งสดๆร้อนๆ เพื่อวางรูปแบบการทำละครคณะที่มีเป็นประจำในทุกปี นักศึกษานับสิบคนที่มีทั้งชายไม่จริงและหญิงแท้คละเคล้ากันไป เดินใกล้โต๊ะตัวเก่าที่แอปเปิ้ลฟุบอยู่เข้าเรื่อย ... เสียงคุยเจี๊ยวจ๊าว ทำเอาแอปเปิ้ลต้องขยับตัวหนีเสียงเหล่านั้นด้วยความรำคาญขั้นสุด

     

     

    "น้องฮะ..."

     

    แล้วเสียงนุ่มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในจังหวะนั้น แอปเปิ้ลที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงจำต้องพลิกศีรษะกลับมาอย่างมึนๆ ... ใครกันนะมาเรียกเธอแบบนี้ ไม่เห็นหรือไง คนเค้าปวดท้องจะตายอยู่แล้ว

     

    "คะ"

     

    แอปเปิ้ลขานรับสั้นๆ เมื่อนศ.รุ่นพี่ทั้งหมด ยกกลุ่มกันมาล้อมรอบโต๊ะเธอจนกลายเป็นจุดมืดๆน่ากลัว สายตาอ่อนๆกวาดมองไปมาอย่างงงๆ ... เธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว มีปัญหาจะมาอะไรกันวันนี้นะ !

     

     

     

    "พี่อยากให้น้องเป็นนางเอก ยังไงพรุ่งนี้ไปแคสด้วยเนอะ..."

    รุ่นพี่หนุ่มหน้าใสกิ๊ก ยิ้มบอกแอปเปิ้ลอย่างเป็นกันเอง แววตาอ่อนโยนทอดมองเธออย่างชื่นชมไม่ปิดบัง จนแอปเปิ้ลต้องกระพริบตาถี่ๆแล้วมองวนไปรอบๆอย่างประหลาดใจ และพบเข้ากับสายตาทุกคู่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของทุกคนทำแอปเปิ้ลต้องยันตัวขึ้นนั่งหลังตรงอย่างฝืนมึนไม่ไหว ... ใบหน้าสวยๆที่ทุกคนชื่นชอบกันเริ่มเปลี่ยนเป็นเหวอๆเอ๋อๆอย่างน่าเสียดาย ... บ้าน่า พี่พี่จะให้เธอไปเป็นนางเอกละครเวทีคณะ ข้ามหน้าข้ามตาข้ามรุ่นแบบนี้ ทั้งๆที่เธอเป็นแค่นศ.หน้าจืดๆธรรมดาๆคนนึงเนี่ยนะ !

     

     

    "ไม่ต้องตกใจ ... พี่ชอบเพราะเราสวยดี" เสียงนุ่มของพี่คนเดิม ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่จัดขึ้นอีกหน่อย ... ยิ่งขับเสน่ห์ลึกๆของพี่เขาออกมาได้จนกลายเป็นหนุ่มน่าสนใจที่สุดคนหนึ่ง แอปเปิ้ลจ้องหน้าพี่เขานิ่ง.. ในภาพจำที่เลือนราง แอปเปิ้ลนึกรู้ได้แน่นอนแล้วว่าพี่เขาเป็นพระเอกละครเวทีเรื่องนี้แน่ๆ ... แต่อะไรบางอย่างในตัวพี่เขา ใบหน้าแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ สุ้มเสียงและวิธีการพูดคุยอันนุ่มนวลแบบนี้... มันนึกคุ้นจนแอปเปิ้ลต้องใช้งานสมองเพื่อคิดค้นลิ้นชักความทรงจำอย่างหนักหน่วง

     

     

    ในระหว่างที่เธอคิด ดวงตาเรียวเล็กของเขาเหมือนจะยิ่งพินิจเธอยิ่งขึ้น จนแอปเปิ้ลต้องหลบตาวูบด้วยความรู้สึกขัดเขินบอกไม่ถูก

     

    "เอาเป็นว่าตกลง พรุ่งนี้เที่ยง เจอกันห้องปฏิบัติชั้นห้าเน้าะ ..."

    เมื่อรุ่นพี่คนนั้นจ้องมองเธอจนพอใจ เขาก็หันไปพยักเพยิดกับเพื่อนเขาด้วยความหมายที่เธอไม่สามารถเข้าใจด้วยได้ ... ใบหน้าทุกคนดูจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ดูจะน่าประหวั่นบอกไม่ถูก และเหตุการณ์น่ากลัวเหล่านี้ก็จบลง เมื่อรุ่นพี่หน้าตาดีคนนั้นรวบรัดเอาคำตกลงไปจากเธอโดยไม่ทันได้เตรียมใจ

     

    "พี่ชื่อเซน ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นทยกมือขึ้นดันแว่นกันแดดให้พ้นสายตา ... คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันอัตโนมัติโดยไม่ได้นัดหมาย แม้จะต้องเพ่งสายตาผ่านฟิล์มทึบของกระจกรถ แต่เธอก็มั่นใจว่าตาไม่ฝาด เธอเห็นแอปเปิ้ลนั่งยิ้มระรื่นคุยกับใครบางคนอยู่ไกลๆ แถมใครบางคนนั้น เป็นผู้ชาย ...

     

    ผู้ชายที่ดูดีมากจากข้างหลังอีกต่างหาก

     

     

    อารมณ์ดีดีที่สั่งสมมา ความเป็นห่วงเป็นใยและรีบร้อนที่บีบคั้นตลอดทาง ... มันหลุดหายกระเด็นไปในพริบตา หึ ให้ฉันรีบมา เพื่อมารอเธอนั่งคุยกับ ... ใครก็ไม่รู้เนี่ยอ่ะนะ ยัยเด็กบ้านี่ ! ไหนบอกเจ็บนักเจ็บหนายังไงเล่า ...

     

     

    บริเวณทึบๆที่เงียบสนิทราวกับไร้ผู้คน ตึกน้อยตึกใหญ่ที่เรียงรายกันไปเรื่อยๆ จนสุดแถวอยู่ไกลๆ ในอาณาเขตสถานที่ราชการแบบนี้ ใครก็รู้ การส่งเสียงดัง เป็นเรื่องไม่ควรกระทำที่สุดในโลกกกก แต่นทไม่สน อารมณ์นี้ นทโมโหในบางสิ่งเกินกว่าจะเคารพกฏของใครได้ !

     

    ยิ่งสายตามองตรงไปเห็นรอยยิ้มของแอปเปิ้ลชัดเจนเท่าไร นทยิ่งโมโหจนหน้ามืดมากขึ้นเท่านั้น

    และสองมือน้อยระดมกดไปยั่งปุ่มนูนเล็กๆที่หน้าพวงมาลัยอย่างไม่เกรงใจใคร !!!

     

     

     

    ปรี๊นนนนน ปรี๊นนนนนน ปรี๊นปรี๊นนนนนนนนนน ~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "เมื่อกี๊นั่งคุยกับใครอยู่ ..."

     

    เสียงเงียบและสายเย็นชายาวนานของพี่นท เปรียบเสมือนยาขมระดับแอดวานซ์สำหรับแอปเปิ้ลที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่วินาทีแรกที่แทบจะเหาะมาขึ้นรถจนถึงวินาที ... วินาทีที่พี่นทยอมส่งดสียงขุ่นๆถามกันอย่างน่ากลัว แอปเปิ้ลได้นั่งกดฟันข่มความเจ็บที่พุ่งโจมตีท้องน้อยๆนี่เพิ่มขึ้นทุกที ใครจะกล้าโอดครวญว่าปวดจะตาย ใครจะกล้าโอดครวญว่าอยากกลับบ้านไวไว ถามจริงๆ ใครจะกล้า ...

     

    แล้วยิ่งเจอคำถามและสายตาแบบนี้เข้าไปด้วยแล้ว

     

     

    จ๋อยสนิท ... แอปเปิ้ลได้นั่งกระพริบตาปรุบปริบ และยอมรับผิดไปเต็มตัว ที่โทรไปรบกวนพี่นท จนทำให้คนโดนรบกวนต้องอารมณ์เสียขนาดนี้

    นี่คงมาเห็นเธอนั่งคุยกับพี่เซนสินะ เห็นเธอไม่กระตือรือล้นจะกลับบ้าน เห็นเธอเหมือนจะไม่เจ็บไม่ป่วยทั้งที่ตอนนั้นพยายามกลั้นแทบตาย คงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ... บ้าชะมัด ! อย่างนี้คราวหน้าพี่นทจะยอมมารับได้ยังไงเนี่ยยย ฮืออออ

     

    "พี่ในคณะค่ะ คุยกันเรื่องโปรเจคท์ละครเวทีประจำปี..."

     

    แต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ... แอปเปิ้ลทำได้เพียงตอบเสียงอ่อย แล้วลู่ไหล่ลงอย่างคนที่หมดมาดใดใดทั้งสิ้น ไหนๆวันนี้ก็ซวยแล้ว ยอมยกให้ซวยเต็มๆวันเลยเอ้า ! พี่นทอยากจะดุอยากจะว่าอยากจะทำอะไรก็เชิญเลย แอปเปิ้ลคนนี้จะยอมรับผิด ผิดที่ปวดท้องมากจนกลับบ้านเองไม่ไหว ! ผิดที่ปฏิเสธบทสนทนาจากพี่เซนไม่ได้ ! ผิดที่คิดรบกวนพี่นทคนดีคนนี้ ! คิดว่าเธอผิดอะไร ก็เชิญต่อว่ากันได้ตามสบายเลย ฮึ !

     

    "ฉันถามเธอหรือไงว่าคุยอะไร..."

     

     

     

     

    ฮื่อ ! แน่นอนว่าคำตอบที่ออกมาจากปากพี่นท ทำเอาแอปเปิ้ลมึนและช็อค สุ้มเสียงหายเงิบไปโดยปริยาย

     

    "เปล่าค่ะ..."

     

    เพลีย แอปเปิ้ลตอบได้คำเดียวว่าเพลีย ... เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแย่กับการที่ต้องอยู่กับพี่นทเพียงลำพังแบบนี้ เธออยากจะให้พี่นทหยุดตีหน้ายักษ์แบบนั้น อยากจะให้พี่นทหยุดเครียดกับการมองถนนแล้วหันมาสนใจเธอบ้าง วินาทีนี้ เธอหมดแล้วซึ่งเรี่ยวแรงจะฟาดฟันกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของพี่นทที่ดูจะเดายากขึ้นทุกที ขอแค่วินาทีเดียวถ้าพี่นทจะเห็นใจ แค่วินาทีเดียว ที่จะไถ่ถามกันบ้างว่า แอปเจ็บตรงไหน ? ให้พี่พาไปหาหมอไหม ?

     

    แต่เธอก็รู้ ... ว่าคงไม่มีหวัง

     

     

     

     

     

     

    แอปเปิ้ลหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อากาศเย็นๆบนรถเหมือนจะเป็นตัวเร่งให้เธออยากหลับตาแล้วพักผ่อนไปนานๆ หรืออย่างน้อยที่สุด แค่หายเหนื่อยก็พอ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่แว่บนึง แว่บเดียวที่แอปเปิ้ลเกือบจะหลุดหลงวนเข้าไปในห้วงนิทรา ... เธอก็รู้สึกได้ถึงการหยุดที่ไร้สาเหตุของพาหนะที่พุ่งทะยานมาเรื่อยๆ มันหยุดลงนิ่งๆ ลง ณ ข้างทางในถนนสายรองที่ไม่แออัดยัดเยียดเหมือนในถนนเส้นใหญ่ๆ แอปเปิ้ลอยากจะลืมตาขึ้นเพื่อรับรู้ความเป็นไป แต่แล้วสิ่งที่เธอควรทำก็ถูกหยุดไว้ หยุดไว้ด้วยสัมผัสอบอุ่นที่วูบวาบไปถึงหัวใจ เพียงหลังมือที่แตะหน้าผากกันแผ่วเบา...

     

    หัวใจสาวน้อย เต้นระทึกตูมตามจนเกรงว่าจะดังไปเข้าหูใครเข้า ...

    และเมื่อนึกรู้ว่าสัมผัสนี้ควรจะมาจากใคร แอปเปิ้ลก็ตื่นหัวใจจนไม่กล้าลืมตา...

     

    "ขอโทษนะที่มารับช้า ... เจ็บตรงไหน ? มากหรือเปล่า ? ให้ฉันพาไปหาหมอไหมยัยเด็กเอ๋อ..."

     

     

    สุ้มเสียงอ่อนโยนที่แอปเปิ้ลได้ยินเป็นครั้งแรก ... ใจความที่สื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใย เอาใจใส่กัน.. สัมผัสอบอุ่นที่ยังคงเลื่อนขยับไปตามเนื้อเย็นๆบนใบหน้า ... เชื่อเถอะ เพียงแค่นี้ แอปเปิ้ลก็เหมือนแผ่นดินไหวที่หัวใจ เธอตื่นเต้นและซาบซึ้ง จนไม่สามารถจะกลั้นสุ้มเสียงสั่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว

     

    "หายแล้วค่ะ แอป ... แอปหายแล้ว"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    "นท แกเป็นอะไร นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า"

     

    ทันทีที่ว่าที่คุณหมอนุ่มพาเจ้าแลมโบกินี่คันเก่งกลับถึงบ้าน ความเรี่ยราดเละเทะก็บังเกิดขึ้นโดยชายหนุ่มหน้าใสอย่างไม่น่าคาดฝัน เริ่มที่รองเท้าที่ถูกแจะสะบัดกระเด็นไปคนละทาง ถุงเท้าบางๆที่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน กุญแจรถก็ถูกโยนไปบนที่ประจำ พร้อมกับมือที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตจนหลุดลุ่ย ... หลังจากปฏิบัติภารกิจชุ่ยๆเสร็จ สายตาคมกริบของพี่ชาย ก็มองน้องสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟากลางบ้านอย่างสงสัย อะไรกันที่ทำให้ไอ้เจ้านทคนขรึมยิ้มได้ขนาดนี้

     

    อดสงสัยไม่ได้ พี่ชายเลยต้องถามออกไปในที่สุด

     

     

     

    "เปล่า นทเปล่า ~"

     

    นทเปล่า ... คำปฏิเสธที่แสนจะน่าสงสัยในความรู้สึกของทุกคนที่ได้ฟัง

     

     

     

    นทรู้อยู่แล้วว่าถึงปฏิเสธไปพี่ชายก็ไม่เชื่อ แต่เธอก็ยังคงยืดอกปฏิเสธไปแบบนั้น เพราะในวินาที ถึงจะเค้นกันให้ตายไปข้าง นทก็ไม่อาจบอกได้อยู่ดีว่าสาเหตุแห่งการยิ้มไม่หุบนี้มันคืออะไร ... มันมัวๆ มันไม่แน่ชัด มันไม่ได้โดดเด่นออกมาจากเหตุการณ์ใดใดเลย แต่ที่แน่ๆ คือมันมีความสุขจนคนแบบนทกลั้นยิ้มไม่ได้

     

    เท่าที่จำได้ เธอก็แค่ ...

     

     

     

    แค่พายัยเด็กเอ๋อไปหาคุณหมอ เพราะยังเห็นยัยป่วนยังแอบทำหน้าตาโอดโอยอยู่เป็นระยะ

    แค่ต้องตกลงใจเลี้ยงข้าวยัยหน้าขาวนี่อีกครั้ง เพราะทนความหิวที่กัดกินกระเพาะไม่ได้

    แค่เธอแสดงความเป็นห่วงในอาการนั่นมากไปหน่อย คงเพราะเธอสงสารที่ยัยหน้าป่วนจะชอบเก็บอาการจนเกินไป

    แค่ยัยเด็กนั่นยิ้มให้ ...

     

     

     

    แค่ยิ้มให้...

     

     

    "แหม นั่งยิ้มเหมือนคนฟอลอินเลิฟฟฟฟ วิทซัมวัน~"

     

     

    และเสียงทะเล้นของพี่หมอ ก็ลอยละลิ่วเข้ามาสะดุดหูน้องสาวเข้าอย่างจัง ... รูปประโยคที่ดูเหมือนรู้ทันทำเอานทสะดุ้ง รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นตีหน้ายักษ์แทบทันใจ นทแหวเสียงลั่น

     

    "บ้า ! ไอ้พี่หมอบ้า"

     

     

    ใครจะไปตกหลุมรัก ... รักยัยหน้าป่วยนั่นกัน ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ยังไม่สนใจเลย ฮึ !

     

     




      

    รูปนี้ขอตั้งชื่อว่า

    “หึหึ พี่นทเสร็จแอปแน่...”

     

    คิคิคิคิคิ ,ตอนนี้ลูกไม้ไม่มีอะไรจะให้

    เราขายความกลวงและความเกือบน่ารัก ฮ่าฮ่าฮ่า*

    อยากเสพมาม่าน้ำตาลต้องไปอ่านมิสอันเดอร์สแตนด์

    หรือถ้าอยากเสพรสชาติใหม่ๆที่น่าตื่นตาตื่นใจต้องไปอ่านด้วยรักและเกลียดชัง >////<

     

    ส่วนวับวาววววว., ไม่มีอะไรจะให้นอกจากหัวใจเพื่อทุกคนค่ะ

    #ฮี๊วววววววววววววววววว

     

    พอเถอะ อย่าเสี่ยวกลบเกลื่อนความกากก ๕๕๕ ๕.

    ไปแล้ว ลูกไม้ไปแล้ว ไปอนส ไปทำการบ้าน ไปทำสิ่งที่ต้องทำหลังจากที่เคลียร์สิ่งที่ควรทำไปหมดแล้ว .

     

    จุ้บบบบ <3

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×