ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Short fiction} Unconditional love #grandappnote'

    ลำดับตอนที่ #11 : UNCONDITIONAL LOVE - 9 -

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 54


    - 9 -



    ไอ้นท พี่ไปตลาดนะ จะเอาอะไรเปล่า ?”

    เอาแลมโบกินี่คัน ไอโฟนเครื่อง เงินสดสักล้านก็พอพี่... !

     

     

    นิ้วที่ควงกุญแจรถถึงกับชะงักกึก พร้อมกับเจ้าของคำถามที่ถึงยืนนิ่งทำหน้าไม่ถูก ... จูเนียร์ขมวดคิ้วบางๆเข้าหากันจนแทบจะแนบชิ้นเป็นชิ้นเดียว ดูเหมือนเขาได้รับคำตอบที่ดูจะกวนอวัยวะเบื้องต่ำแต่เช้า ?

     

    กูไปแค่ตลาดสดไม่นาน ถ้าจะเอาของขนาดนั้นไปเอากับพ่อมึงแล้วกันนท

    จูเนียร์คิดในใจ

     

    เอ้าๆ อย่าด่านทในใจ ... แต่นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้วนะ แน่ใจป่ะว่าตลาดมันยังไม่วายนทใส่ดินสอดำลงในกล่องเปเปอร์มาเช่ทำมือขนาดพอเหมาะ แล้วหันหน้าจากกระดานวาดรูปแผ่นใหญ่ไปบอกพี่ชายคนสนิทยิ้มๆ นึกขำในหน้าตาป่วนใจของพี่จูเนียร์จนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

     

    ไม่แน่ใจ ถ้าตลาดวายแล้วเดี๋ยวไปแวะร้านอาหารตามสั่งที่ปากทาง จะกินอะไรล่ะ ?” จูเนียร์ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เก่าๆที่ใช้ขี่ร่อนไปมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กประถม แล้วเอ่ยปากถามน้องสาวคนสนิทอีกครั้ง ถามดีดี ... แต่ถ้าคราวนี้ไม่ได้คำตอบที่เหมาะที่ควรอีกล่ะก็ คงต้องมีการล้างปากคนกวนเสียหน่อย !

     

    เหมือนเดิมตอบสั้นๆก่อนจะคว้าดินสอแท่งเดิมขึ้นมาต่อเติมรูปวาดขาวดำบนกระดาษปรู๊ฟสีน้ำตาลต่อ เมนูเหมือนเดิม ... ที่นทต้องทานเป็นอาหารเช้าทุกวัน ก็คือกระเพราะไก่ไข่ดาว อาหารจานเดิมๆ ที่นทรู้สึกว่ามันช่างติดอกติดใจยิ่งนัก

     

    ผลงานชิ้นใหม่ที่นทกำลังริเริ่ม คือการส่งผลงานเข้าร่วมประกวดโลโก้ของน้ำหอมฝีมือคนไทยแบรนด์หนึ่ง โปรเจคท์นี้เป็นการแข่งขันสนามเล็กๆที่มีค่าตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ คอนเซปต์การอนุรักษ์บ้านเกิดง่ายๆ ที่นทสามารถใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมทำได้โดยไม่ต้องลำบากอะไรนัก

     

    นทตั้งใจจะไต่เต้าไปเรื่อยๆ ในสายงานที่ตนเองหลงรัก ... ศิลปะ เป็นทั้งความสุข และอาชีพของนท ทุกวันนี้ นทกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอทำงานส่งตัวเองเรียนโดยแท้จริง แม้เงินส่วนใหญ่จะไม่ได้มาจากการทำงานศิลปะ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เงินที่เธอต้องแบมือขอใคร

     

    แม้ใครคนนั้นจะเป็นคนในครอบครัวที่รักและปารถนาดีต่อเธอเหลือเกินก็ตาม...

     

    นทมีเงินเก็บจากการเป็นตัวแทนบริษัทประกันภัยก้อนหนึ่งที่ใหญ่พอสำหรับการใช้ชีวิตให้สุขสบายไปได้ในระยะหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็เพียงพอต่อค่าเทอมจนจบระดับมหาวิทยาลัย หรืออาจจะมากพอสำหรับการยื้อท้องไส้ในช่วงหลังจากเรียนจบ มันเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของนท ภูมิใจที่อย่างน้อยตัวเองก็ดูจะเอาถ่านขึ้นมาบ้างในสายตาใครต่อใคร

     

    ภาพดอกไม้เมืองหนาวช่อเล็กๆแซมอยู่ข้างชื่อแบรนด์... โลโก้เรียบง่าย แต่กลับดึงดูสายตาอย่างน่าประหลาด ทั้งสอดแทรกความเป็นไทย และมีความเป็นสากลแอบแฝง ผสมผสานกันได้อย่างแนบเนียน ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ก่อนจะจบลงที่ลายเซ็นยึกยือของนท ลายเซ็นกำกับเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของชิ้นงานที่ยังไม่สมบูรณ์นักชิ้นนี้

     

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นขัดความเงียบที่นทสนิทสนมเบาๆ ... ทำนทต้องเงยหน้าขึ้นมาจากการพินิจรายละเอียดชิ้นงานเพื่อมองนาฬิกา นี่เพิ่งจะเที่ยงกว่า ... เวลาที่ทราบทำนทงง ทำไมวันนี้ไอ้พี่เนียร์มันกลับเร็วกว่าปกติวะ ?

     

    นทยกก้นขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักตัวโปรด ก่อนสาวเท้าสองข้างตรงไปยังประตูหน้าบ้านเพื่อเปิดให้เพื่อนร่วมบ้านได้เข้ามา เสียงเคาะประตูดังให้นทได้ยินอีกครั้งหนึ่ง และเสียงนั้น ทำเอานทอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดจูเนียร์ในใจ

     

    ปกติเห็นเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาประจำ ทีวันนี้จะมาเคาะประตู ผีอะไรเข้าก็ไม่รู้...

    นทส่ายหัวไปมาแล้วยิ้มกับตัวเองบางๆ

     

    แหม ทำตัวพี่มารยาทนะพี่...

     

    พี่นท...

     

    ทันทีที่ได้เห็นเจ้าของเสียงเคาะประตูกึกก้อง ... นทก็ได้คำตอบจากที่ถามถึงมารยาทที่ไม่เคยมีของจูเนียร์ทันที เพียงแต่ว่า ... คำตอบนั้น ทำให้นทหลงลืมคำถามไปโดยปริยาย

     

    หัวใจเต้นดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงเคาะประตูในสายวันจันทร์ที่หนาวเหน็บ !

    คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ คนที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ตรงนี้ คนที่มีกระเป๋าสัมภาระมากมายจนไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถแบกมาได้หมดโดยเธอเพียงคนเดียว ... ผู้หญิงหน้าหวานสวยจัดน่ามอง ข้างแก้มเคลียผมยาวที่ผ่านการดัดเป็นลอนอ่อนๆ สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงและฉีดน้ำหอมกลิ่นฟุ้ง

     

    คุ้นหน้า เหมือนเคยรู้จัก ...

    แต่สิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็นเธอคนใหม่ มันไม่ใช่ที่เธอเคยรู้จัก

     

    นทเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น หัวใจเธอบีบรัดจนเจ็บร้าวไปหมด เพียงได้เห็นหน้าตาคนเคยรู้จักที่หน้าประตู

     

    มาหาใครคะ ?” กว่าจะรวบรวมสติสัมปชัญญะได้ครบครัน กว่าจะปั้นเสียงแข็งกระด้างหูถามผู้มาเยือนได้ นทก็เสียเวลากล่อมประสาทตัวเองไปหลายนาที ลมหนาวเย็นปะทะเข้ามาผ่านทางช่องประตูในวินาทีที่สายตาใสใสนั้นมองเธออย่างไม่เชื่อหู ...

     

    ถ้าจะมีอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ที่เธอรู้จัก ก็คงมีแค่แววตาร้ายเดียงสาคู่นี้เท่านั้น ...

     

    พี่นท ... นี่แอปเองไงคะ ?” นิ้วเรียวที่เผยให้เห็นสีสันจัดๆบนแผ่นเล็บ ชี้เข้าที่ใบหน้าสวยผิดหูผิดตานั่น พร้อมกับน้ำเสียงหวิวๆเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ... จากสิ่งที่ได้ยินและได้ยล มันทำให้นทได้รู้อีกอย่าง ว่านอกเหนือจากดวงตาใสแจ๋ววาววับ ก็ยังมีอีกสิ่งดั้งเดิมที่ยังหลงเหลือโลดแล่นอยู่ในตัวผู้หญิงหน้าตาสะสวยจัดจ้านคนนี้

     

    ความเป็นเด็ก ... เด็กเล็กๆที่พร้อมจะออดอ้อน และงอแงได้ตลอดเวลา

    นททิ้งสายตา ทิ้งความคิดถึงและห่วงหาไว้ทุกๆที่ที่สายตาลากผ่าน เพียงเวลาไม่นาน ทุกส่วนของร่างกายเด็กผู้หญิงคนนี้ค่อยๆเติบโตพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากเพียงแค่สะดุดตาในเวลาที่มองผ่าน กลายเป็นสวยจนต้องเหลียวหลัง และนทปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวสวยจัดตรงหน้านี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจกว่าที่เคยเห็น

     

    แอปเปิ้ลวันนี้ มาพร้อมกับความสวยร้ายกาจแบบที่ไม่เคยเป็น...

    ร้อยเรื่องราว ล้านเยื่อใย กำลังคืบคลานเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่หัวใจของนท พนายางกูร ... นทที่กำลังอ่อนแอกับความสวยกระจ่างตา นทที่กำลังไร้แรงต้านทานต่อเสน่ห์ร้ายกาจนั่น

     

    และในวินาทีที่กำลังจะแพ้

     

    ปัง !

     

    นทก็ปิดประตูใส่หน้าคนคุ้นตานั่นอย่างใจดำ...

     

     

    หันหลังเข้าแนบกับประตูไม้เย็นเฉียบนั่น หมดเรี่ยวหมดแรงราวกับไม่เหลือพลังใดใดไว้เพื่อพยุงตัว ในวันนี้ ... ในวันธรรมดาวันหนึ่งที่นทไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจออะไรแบบที่เป็นอยู่ ไม่มีลางสังหรณ์ ไม่มีสิ่งใดเพื่อบอกเหตุล่วงหน้า มีแต่เธอที่หลบอยู่หลังประตูเพียงลำพัง มีแต่แอปเปิ้ลที่แบกสัมภาระรุงรังยืนอยู่ภายนอก สัมภาระที่ขนมาราวกับจะมาใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปเนิ่นนาน...

     

    ไม่มีแม้แต่จูเนียร์ที่จะเป็นบังเกอร์คอยปกป้องหัวใจเธอหากมันพลั้งเผลอไป...

     

    สองขาถูกสั่งการโดยสมองให้เดินขึ้นชั้นสองของบ้านหลังเล็กๆนี้ เดินขึ้นไป ... ขึ้นไป และขึ้นไป โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง สองมือกระชับเสื้อกันหนาวให้แนบเนื้อตัวขึ้น เย็นไปทั้งกายทั้งใจ นทกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสับสน วนเวียนนึกถึงแต่ใบหน้าใสนิ๊งและดวงตาวาววิบวับ ...

     

    แอปเปิ้ลมาได้ยังไง ...

     

    และการจมจ่อมกับคำถาม การต่อต้านตัวเองจากความรู้สึกลึกซึ้ง ก็ทำให้นทลืมนึกถึงความหนาวเหน็บภายนอกไปโดยปริยาย

     

    การเจอหน้ากันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมันทำให้นทรู้ รู้ว่าหัวใจด้านชาที่นทเคยคิดว่ามันหายดีเป็นปกติแล้ว ... แท้ที่จริง กลับยังเจ็บร้าวอยู่ภายใน ลึกๆแล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย มีก็แต่วันเวลาที่เปลี่ยน วันเวลาเปลี่ยนแต่ไม่เคยเยียวยาหัวใจนทได้...

     

    นทไม่เคยคิดจะเก็บเรื่องราวของแอปเปิ้ลไว้ในสมอง ข้าวของรายทางระหว่างกันนทก็ทำเป็นลืมว่ามันไปทิ้งร้างอยู่ที่ไหน แต่วันนี้สองขากลับพาเธอไปยังที่แห่งนั้นอย่างแม่นยำ กล่องไม้หนักๆถูกซ่อนบังด้วยหนังสือนับสิบเล่มและฝุ่นผง สายตาเหม่อลอยไร้พลัง นทใช้สองมือยกหนังสือออกทีละเล่ม ทีละเล่ม เชื่องช้าราวกับคนไร้ชีวิตจิตใจ

     

    กล่องไม้น้ำหนักกว่าสองกิโลถูกเปิดออก เผยให้เห็นข้าวของภายในมากมาย ข้าวของที่หากใครสักคนมาเปิดดูอาจคิดว่ามันเป็นเพียงเศษขยะ ... ตั๋วหนังเรื่องที่แอปเปิ้ลชอบดู ครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้ดูกับแอปเปิ้ล แต่อีกนับสิบใบที่เหลือ เธอไปดูคนเดียวเพื่อระลึกถึงวันที่เคยนั่งดูอยู่ข้างๆกัน

     

    พวงกุญแจอันเล็กๆ ของฝากจากเกาหลีของแอปเปิ้ลเมื่อราวสี่ปีที่แล้ว ... ตอนนั้นที่เธออยู่ม.6 เปิดเทอมใหม่ แอปเปิ้ลเพิ่งกลับจากเกาหลีและยื่นพวงกุญแจรูปแมวน้ำสีชมพูราคาพันวอนมาให้ บอกเธอว่ามันคือของฝากแทนใจ ของฝากที่ได้รับกันแทบจะทั่วโรงเรียน

     

    เศษกระดาษ ตั๋วรถเมล์ เปลือกหมากฝรั่ง ยางรัดผมสีส้มปี๊ด กล่องโออิชิรสน้ำผึ้งผสมมะนาว แม้กระทั่งแว่นตาเก่าๆอันนึง ... นับสิบสิบอย่างที่กองรวมอยู่ในกล่องไม้นี้ มีแต่ของบ้าบ้า ! บ้าทั้งเพ เธอบ้าที่ยังเก็บมันไว้ ยังจดจำทุกรายละเอียดของมันได้แม้ไม่อยากจดจำ

     

    เท่ากับที่เธอทุ่มเททำ สู้ย้ายเมืองมาเรียนไกลถึงเชียงใหม่ ยอมทิ้งหน้าที่การงานที่กำลังไปได้สวย ... กลับไม่ได้ผลอย่างที่หวังเลย แม้แต่วินาทีนี้ ... วินาทีที่เธอฝืนเก็บความรู้สึกกล้ำกลืนมานานถึงหนึ่งปี แต่เธอก็ยังเหมือนเดิม

     

    ทำไมแค่หัวใจดวงเดียว เธอกลับไม่สามารถสั่งมันได้เลย ...

     

    มันเจ็บ ... เจ็บไปหมดแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

    นท ... ตื่น ! ลงไปกินข้าว

     

     

    เปลือกตาของนทค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หลังจากได้ยินเสียงแหบห้วนคุ้นหู ... ในวินาทีแรก ภาพที่ได้เห็นมันเบลอและพร่าไปหมด นทไม่สามารถจับได้สักอย่างว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่ประสาทสัมผัสอันได้แก่จมูกทำหน้าที่ของมันอย่างฉับไว ในวินาทีที่นทสูดหายใจเข้าปอด เสียงจามก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบ้าน

     

    กว่านาที ... ที่นทจะกระพริบตาถี่ๆจนสามารถมองภาพในระยะใกล้และไกลได้ชัดเจนเหมือนปกติ

     

    ความรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนพุ่งเข้ามาแทนที่ความมึนงง นทค่อยๆขยับศีรษะออกจากจุดที่เจ็บช้าๆ ก่อนจะพบว่าเป็นเธอเองที่เอนศีรษะพิงต้นแขน แล้วปล่อยแขนให้ราบไปกับกองหนังสือ คงนานที่เธอมาหลับใหลอยู่ในนี้ นานจนแขนของเธอร้องประท้วงในที่สุด

     

    และความรู้สึกที่สองที่แทรกเข้ามาหลังจากสมองหายมึนงง...

     

    เมื่อสักครู่ เมื่อสักครู่ใหญ่ๆก่อนหน้านี้ ... เธอพบเข้ากับใครบางคนทำเอาเธอแย่ไปแทบจะทันที

    แล้วเธอก็เดินเข้ามาในห้องนี้ ... ใช่หรือเปล่า ?

     

    หรือนี่เป็นเพียงอาการเหนื่อยล้า หรือนี่เป็นเพียงการฝันกลางวันแสกๆ หรือเพราะโหยหาจนมากเกินไป นทได้แต่ภาวนาให้มันเป็นแค่ฝันจริงๆ แค่ฝันเท่านั้นก็พอ ... อย่างน้อยเธอยังสามารถจัดการกับหัวใจที่ไหวเอนดวงนี้ได้

     

    สองมือเรียวสวยแบบศิลปิน ถูกขยับเป็นตบเบาๆที่ข้างแก้มของเจ้าของมือเอง จนรู้สึกเจ็บ ... นทจึงผุดลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วพุ่งกระโจนออกนอกห้องแคบๆนั่นอย่างร้อนใจ

     

    พี่เนียร์ เมื่อกี๊นทฝันถึงแอปเปิ้ล ! นทฝัน นทแค่ฝันไปใช่ไหมพี่ !!!!!!!

     

     

     

    แต่ภาพที่เห็นกับตา เห็นกับตาในวินาทีที่พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่ารอยเจ็บที่ใบหน้ายังไม่หายไป ...

     

    แอปเปิ้ลในชุดกันหนาวที่เรียกได้ว่าโอเวอร์โค๊ต นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของพี่จูเนียร์ พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระสองสามใบที่เธอเคยเห็น สีเล็บจัดจ้านน่าเกลียดนั่น เมคอัพที่เคลือบฉาบใบหน้าสวย ... ทำนทเบือนหน้าไปอีกทาง ด้วยสองความรู้สึกที่ประเดประดังจนตั้งตัวไม่ทัน

     

    เจ็บจนยืนไม่ไหว ... คิดถึงจนไม่อาจทนมองหน้าได้

     

     

     

    จูเนียร์เดินถือแก้วน้ำหนึ่งใบ ที่แสดงอุณหภูมิของตัวเองออกมาชัดเจนผ่านควันจางๆที่ลอยฟุ้งอยู่เหนือแก้ว ก่อนจะวางมันลงตรงตำแหน่งหน้าแอปเปิ้ล ... แอปเปิ้ลที่ถูกมือตัวเองไปมา หนาวสั่น ความหนาวทะลุทะลวงจนไม่อาจอยู่เฉยได้

     

    พี่กลับมาก็เจอยืนอยู่หน้าบ้าน น้องบอกมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยง เจอแกแล้วแต่แกไม่ยอมให้เข้าบ้าน นี่มันจะบ่ายสองอยู่แล้วนะนท มันหนาว ! ทำไมใจร้ายแบบนี้

     

    นทปล่อยเสียงโวยวายผ่านหูไปเฉย... สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่เพียงใบหน้าจัดจ้านสวยสะพรั่งของแอปเปิ้ลเพียงเท่านั้น แม้จะทำตัวคล้ายไม่รับฟัง แต่นทก็ไม่ละใจความสำคัญนั้นไปทั้งหมด หัวสมองประมวลผลฉับไวคิดค้นหาคำพูดที่ดูจะใจร้ายใจดำสมดังคำว่าก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

     

    ก็นทถามแล้วว่ามาหาใครไม่ยอมตอบ... นทไม่รู้จักก็ไม่อยากจะรับใครเข้าบ้านสุ่มสี่สุ่มห้า แถมแบกกระเป๋าใบโตมาแบบนี้ ถึงเป็นผู้หญิงก็ไว้ใจไม่ได้ นทอยู่บ้านคนเดียว มันอันตรายเกินไป...

     

    ไอ้นท...ฟังนทจนจบ จูเนียร์ก็ทำได้เพียงครางชื่อรุ่นน้องคนสนิทเบาๆ คำพูดคำจาที่ร้ายกาจเช่นนั้น หากไม่ได้ยินกับหูเขาคงไม่เชื่อแน่ๆว่ามันออกมาจากปากไอ้นทผู้แสนอ่อนโยน...

     

    แม้มันจะยียวนและเย็นชาไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยพูดจาทำร้ายใจใคร นี่เป็นครั้งแรก

     

    ถ้าพี่เนียร์รู้จักก็คุยไป ... แต่ถ้าจะให้นอนที่นี่อย่าหวัง เขาจะไปเมื่อไหร่ช่วยแบกข้าวของเขาไปให้หมดเลย ไปยังไงก็ไปแต่ไม่ใช่รถนท... เคลียร์นะ !

     

    สิ้นคำ นทก็พาสีหน้าฉุนเฉียวของมันขึ้นไปทางเดิมที่ลงมา ...เสียงปังบ่งบอกให้จูเนียร์รู้ว่านทคงเข้าห้องนอนไปแล้ว แล้วก็มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ในบ้าน จูเนียร์เกร็งจนไม่กล้าจะถอนหายใจ

     

    เขาจะพูดอะไรกับแอปเปิ้ลดี...

     

     

     

    แอปเปิ้ลนั่งนิ่ง ชาไปทั้งสรรพางค์กาย ความหนาวเหน็บจากอากาศเทียบไม่ได้กับความเย็นชาที่อีกคนส่งให้ สบตาแต่กลับมีเพียงความห่างเหิน ก่อนจะมองเมินและใช้คำพูดเชือดเฉือนจิตใจ

     

    ไม่เคยคิดว่าการตัดสินใจมาเชียงใหม่ จะทำให้แอปเปิ้ลได้พบพี่นทคนใหม่ที่เปลี่ยนไปมากเช่นนี้ ...

     

     

    แอปจะเข้าไปนอนเกสท์เฮ้าส์ในเมืองไหม ? พี่ไปส่ง..

     

    จูเนียร์เค้นเสียงถามแอปเปิ้ลอย่างยากลำบาก ... แน่นอน บ้านพักหลังนี้ห่างไกลจากความเจริญมากพอสมควร จากการพูดคุยเล็กน้อยในครึ่งชั่วโมงแรกที่เจอกัน ทำให้จูเนียร์ได้รู้ว่า แอปเปิ้ลคนนี้ใจกล้าบุกไปถึงบ้านหลังงามของพ่อเลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเหนือเพื่อขอพบลูกสาวคนเดียวของบ้านอย่างใจกล้า

     

    แล้วพ่อเลี้ยงที่ใครๆต่างก็ขนานนามถึงความโหดระดับพระกาฬ ก็ออกมาต้อนรับสาวสวยคนนี้ด้วยตัวเองทันทีที่เธอแนะนำตัวผ่านคนสนิทของท่านไปว่าเป็น แฟนพี่นท ... ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมในหัวใจ หากผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของลูกสาวท่านจริง เธอคงดึงสีสันในชีวิตสีเทาของลูกสาวคนเดียวของท่านออกมาได้ไม่ยาก

     

    สอบถามข้อมูลป้องกันการถูกหลอกลวง ... กว่าจะผ่านด่านนี้ได้เล่นเอาแอปเปิ้ลผู้ใจกล้าถึงกับเหงื่อตก เธอเพิ่งรู้ตัวว่าข้อมูลของพี่นทในตัวเธอช่างตื้นเขินนัก เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่นทเลย วันเกิด ... สีที่ชอบ ... หรือแม้กระทั่งความใฝ่ฝันในอนาคต แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้และกล้ายืนยันคือเธอและพี่นท มีหัวใจดวงเดียวกัน

     

    แล้วรถหรูก็พาเธอเข้ามาส่งไว้ในบ้านหลังเล้กๆห่างไกลความเจริญแห่งนี้ ... พ่อเลี้ยงท่านั้น เชื่อเธอจากสายตาที่ฉาบวาวไปด้วยความรักแรงกล้า แอปเปิ้ลพกพาความมั่นใจจากกรุงเทพมาเต็มเปี่ยม และยิ่งมั่นใจขึ้นเมื่อสามารถผ่านด่านว่าที่พ่อตามาได้อย่างง่ายดาย...

     

    เธอคงจะผ่านด่าน ผ่านใจพี่นทได้ไม่ยาก ...

     

     

     

    แต่สิ่งที่ได้มาพบมาเจอในวินาที มันทำให้แอปเปิ้ลได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด ...

    พี่นทลบเธอออกจากความทรงจำไปเสียแล้ว

     

    ไม่ค่ะ ... แอปจะนอนที่นี่

     

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องยอมแพ้ ... ตรงกันข้าม เธอจะต้องสู้ สู้ให้สุดใจเพื่อดึงพี่นทคนเดิมกลับมา นั่นคือความตั้งใจตั้งแต่แรก และมันจะไม่เปลี่ยนไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

     

    แอปรักพี่นทนะ ...

    คำนี้มันนอนค้างเติ่งอยู่ในหัวใจเธอมาเนิ่นนาน และอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอจะต้องป่าวประกาศมันให้คนทั้งโลกได้รับรู้

     

    และแอปจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีพี่นทกลับมายืนข้างๆอีกครั้ง ... ทำทุกอย่าง ทำทุกทาง

     

    แอปสัญญาค่ะ...





    _________________________________________________________________



    ไหนใครรอพี่นทคนใจร้าย !!!!
    สะใจหรือยังคะ 5555555.

    สงสารแอปออก อุตส่าห์บุกดงพ่อเลี้ยง
    อุตส่าห์ผ่านมาได้ แต่กลับมาตายเอาด่านสุดท้าย

    ด่านหัวใจพี่นท...

    สองเพลงสำหรับสองความรู้สึก
    ไม่มีอะไรจะคุย และ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม

    เลือกเอา จะเข้าข้างใคร !
    ^_____________________^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×