คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 American Share
"ผมพยายามจะคุยกับเขาแล้วนะ แต่คุณก็น่าจะรู้ว่านทไม่อยากคุยกับผม"
"แปลว่าคุณพยายามไม่พอใช่ไหมตูมตาม !"
ตูมตามอยากจะเป็นผู้ชายที่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเหลือเกิน ... ยากจริงกับการพยายามทำให้ผู้หญิงพออกพอใจ
เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด ไม่รู้ว่าทำอะไรน้อยกว่าที่อีกฝ่ายร้องขอ ก็ในเมื่อบอกแค่ว่าให้เขาพยายามจะคุยกับนทให้รู้เรื่อง เขาก็ทำแล้วอย่างสุดความสามารถ ... ซึ่งผลมันก็ออกมาอย่างที่ทุกคนทราบดี แม้กระทั่งหน้าเขานทยังไม่ยอมมองด้วยซ้ำ ... ดีเท่าไรที่นทยังยอมนั่งร่วมโต๊ะกับเขาอยู่ร่วมชั่วโมง แต่มันก็ไม่ได้อยู่ลำพังและเป็นส่วนตัวพอที่จะอธิบายเรื่องราวใดใดได้
ตูมตามกรอกตาไปอย่างเซ็งสุดเมื่อไล่อ่านแต่ละคำต่อว่าที่อีกคนส่งผ่านมาทางบีบีเมสเซนเจอร์นั้นจบ ยิ่งอ่านยิ่งงิ่ด จนตูมตามอยากจะเขวี้ยงมันทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด ...
นิ้วโป้งสองข้างของเขากดไปตามคีย์บอร์ดคิวเวอตี้เล็กๆนั่นเพื่อโต้ตอบอีกคน ด้วยความจริงที่เขาอยากจะอธิบายให้กวางเข้าใจ
"กวาง ผมเข้าใจนะว่าคุณห่วงน้อง แต่คุณก็ต้องเข้าใจด้วย"
"สำหรับผม ถ้าผมต้องทำใจเลิกกับใครสักคน สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือเวลา ... เวลารักษาแผลใจน่ะคุณเคยได้ยินไหม ?"
"ผมไม่อยากจะทำอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของนท และผมก็เชื่อว่าไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าปล่อยเรื่องราวให้เป็นไปตามวิถีของมัน เถอะนะ ... หวังว่าคุณจะเข้าใจ"
ทันทีที่ข้อความนั้นจบ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเจ้าของปัญหา ก็ดังขึ้นสนั่นจนคนรอบข้างต่างเทความสนใจพุ่งมาที่เธอกันใหญ่...
กวางคว่ำเจ้าเครื่องมือสื่อสารขนาดพอเหมาะนั่นลงกับโต๊ะไม้ใกล้มือ ร่างระหงยืดเหยียดขึ้นเต็มความสูง แล้วสั่งการให้สองขาลากพาเธอไปให้ไกลจากตรงนี้ให้ไวที่สุด ... เธออยากจะกรี๊ด อยากจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมันจะโล่งใจ แต่เธอก็รู้ว่าภาษาเดียวที่เธอถนัดคือภาษาไทย เสียงกรี๊ดภาษาอังกฤษมันบรรยายความอัดอั้นไม่ได้
หรือที่จริง เสียงกรี๊ดมันไม่เคยทำให้หายอึดอัดได้
กวางคิดแล้ว พยายามคิดอย่างล้ำลึกเพื่อเสาะหาวิธีทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม ... ความรู้สึกในใจเธอฟ้องดังว่านับวัน ผู้ชายคนนั้นยิ่งคืบคลานเข้ายึดครองพื้นที่หัวใจเธอเข้าทุกที และยิ่งนานเท่าไร โอกาสที่จะถอนตัวถอนใจก็ยากขึ้นเท่าทวีคูณ
ทั้งๆที่มันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆแค่นั้นเอง ...
จุดเล็กๆ ในเช้าวันหนึ่งที่เธอเดินเข้าไปในโรงเรียนสอนดนตรีนั่น เมื่อสมัยยังเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สามของคณะดุริยางคศาสตร์ ที่เดียวกับ ใครบางคน ...
ป้ายรับสมัครใหญ่โตโออ่า ของสถาบันดนตรีแห่งหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่บนถนนเส้นงามวงศ์วาน ทางผ่านที่เธอชินตา ... ทุกวันที่เห็น มันก็เกิดความสะดุดใจทุกครั้ง หลายครั้งที่เธอย้อนมองดูระดับความสามารถของตัวเอง แล้วก็อยากจะไขว่คว้าเงินก้อนนึงเพื่อเป็นทุนรอนในการผ่อนรถหรูราคาแพงนี่เสียเหลือเกิน
และเช้าวันนั้นก็มาถึง วันที่เธอตัดสินใจจอดรถเพื่อทำตามคำที่หัวใจเรียกร้อง ...
ประตูกระจกเปิดออก แอร์เย็นฉ่ำ พร้อมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ก็ลอยฟุ้งมาปะหน้าเธอเข้าเต็มรัก
เสียงเปียโนพริ้วแผ่ว ... บ่งบอกถึงความอ่อนหวานในทุกท่วงทำนอง ที่สอดคล้องกับบรรยากาศอย่างยิ่ง
ถูกใจ ... พูดได้คำเดียวว่าถูกใจ
"ป๊า ! ผมไปนะ !"
เพลิดเพลินได้ไม่ทันหนำใจ เสียงเปียโนนั้นก็หยุดลง พร้อมกับเสียงแห้งๆของใครสักคนที่ดังฉีกบรรยากาศออกมา ... เป็นผลให้ดวงตากลมโตที่พริ้มหลับเพื่อสดับรับฟังเสียงสวรรค์นั้น เปิดขึ้นมาในฉับพลัน ! อารมณ์สะดุดกึก ... เด็กที่ไหนกันนะ มาร้องหาพ่อแถวนี้
แล้วเสียงกึงกึง ... จากชั้นที่สอง ก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงแห้งที่กึ่งวิ่งกึ่งกระโดดลงมาเรื่อย อย่างกับวินาทีจ้องผลลูกโทษในฟุตบอลแมทช์สำคัญ ... กวางเผลอจ้องไปที่บันไดนั้นอย่างไม่รู้ตัว สายตาแลเห็นรองเท้าหนังสีดำสนิทราคาแพงนั้นเป็นสิ่งแรก ก่อนที่เธอจะค่อยๆไล่ระดับสายตาสูงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
กางเกงสแลคสีเดียวกับรองเท้า แนบสนิทกับเรียวขาจนเรียกว่ากางเกงขาเดฟได้สบายๆ ... เสื้อเชิ๊ตที่ปล่อยลอยชาย เนคไทสีเขียวเวอร์ริเดียนที่ใส่ลวกๆหลุดลุ่ย ไม่มีแม้กระทั่งเครื่องหมายคณะ กระดุมที่ติดไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก บวกกับทรงผมที่ตัดสั้นๆ ฟูฟ่อง บ่งบอกว่ามันคงไม่เคยผ่านหวีมาเป็นแน่... และ เมื่อสายตาวกกลับเข้ามาที่เข็มขัดสีขุ่นนั่นอีกที ...
นักศึกษารุ่นพี่เจ้าระเบียบเฮี๊ยบสุดกู่เธอ ! ถึงกับตาลุกวาววาบ ...
"น้อง ! ช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไปเรียนที ! พี่ขอ !!!"
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่สานสัมพันธ์ยืนยาวของเธอและเขามาจนถึงทุกวันนี้ ... ไม่รู้ว่าอีตาตูมตามนั่นติดใจอะไรเธอนักหนา จึงได้เพียรติดสอยห้อยตามไม่เลิกรา ทั้งๆที่เธอก็เอาอาวุโสข่มไปทุกครั้ง
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา... แต่แล้วคดีก็พลิก เมื่อข่าวลือบางอย่างจากกลุ่มเพื่อสนิท ได้ลอยมาเข้าหูเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ เจ้านท น้องสาวสุดที่รัก รุ่นน้องร่วมคณะ เกิดแอบปลื้มความเก่งฉกาจโอเวอร์ของตูมตาม และเมื่อนั่นบวกรวมกับความรำคาญที่เขาตื๊อ เธอไม่เลิก มันก็บีบให้เธอทำในสิ่งที่ไม่สมควรเสีย
"ดูแลนทจนฉันพอใจ !"
นั่นคือสิ่งที่เธอสั่งเขาไปในวันนั้น ...
และมาจนถึงวันนี้ เธออยากจะดึงคำพูดพล่อยๆที่ไม่เคยคิดให้ดีก่อนพูดไป คืนกลับมาเป็นแค่ความคิดไม่จริงจังในใจเหมือนเดิมเหลือเกิน...
"พี่คะ ... เก็บตังค์"
นทยกมือเรียกพี่พนักงานเสิร์ฟ ที่ดูท่าจะอ่อนวัยกว่าเธอมาก ให้มาเก็บค่าข้าวหน้าเป็ดทั้งหมดนั่นเสีย ... เธอก้มลงหยิบกระเป๋าสตางค์ก่อนจะหยิบธนบัตรสีแดงสองใบออกมาวางไว้บนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันที่เนื้อกระดาษจะได้สัมผัสผิวไม้นั่น ผู้ร่วมโต๊ะอาหารอีกคนก็รีบยกมือมาห้ามปรามกันไว้เต็มที่ พร้อมส่งเสียงแหวๆลั่นเข้ามาจนเธอชะงัก...
"ไม่ๆพี่นท อเมริกันแชร์ ..."
พูดจบ ยัยผลไม้หน้าขาวก็ก้มลงหยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง ... พฤติกรรมที่ประจักษ์ชัดในสายตาทำเอาสาวรุ่นพี่ต้องส่ายหน้าด้วยความรู้สึกที่ติดจะหมั่นไส้นิดๆ และแทบจะในทันทีที่พนักงานเสิร์ฟหน้าตาขมุกขมอมมาถึง นทก็ยื่นธนบัตรสีแดงทั้งสองใบนั่นให้แล้วรีบโบกมือไล่โดยประสงค์ไม่รับเงินทอน เธอลุกออกจากเก้าอี้ตั้งแต่แอปเปิ้ลยังหยิบเงินไม่เสร็จด้วยซ้ำ
"อ้าวพี่นท !"
และเมื่อแอปเปิ้ลเงยหน้าขึ้นมา เธอก็ไม่พบอะไรอย่างที่สมควรจะต้องพบเลย พี่นทในชุดนักศึกษาเดินห่างออกไปจวนจะถึงรถอยู่แล้ว ... ทิ้งเธอให้นั่งหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง แอปเปิ้ลละล้าละลังทั้งจะนั่งและอยากลุก แต่สดท้ายก็เลือกข้อหลัง ใช้ประโยชน์จากช่วงขาเรียวยาววิ่งตามพี่นทไปด้วยความเร็วจี๋ ...
"นี่ ทำไมไม่แชร์กันเล่าพี่นท ..."
ถึงตัว แอปเปิ้ลก็ส่งเสียงแหวๆโวยวายเรียกหาความยุติธรรม ... สองมือยกขึ้นไปทางด้านข้างเพื่อย้ำถึงนัยในการเรียกร้อง กับพี่นทที่เดินอ้อมประตูไปฝั่งคนขับโดยไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว
เจ้าของรถยัดตัวเองเข้าไปนั่งและเปิดแอร์เย็นฉ่ำในเสี้ยววินาที หลังมือยกขึ้นปาดเหงื่อที่เกิดจากอากาศร้อนเกินพิกัดของกรุงเทพมหานคร และเสียงเพลงเพราะๆดังขึ้นเอื่อยๆ ช่วยลดอุณหูภูมิสูงๆภายนอก อย่างที่มันเป็นอยู่ประจำ เมื่อสบายใจขึ้น ... ตาเรียวเล็กก็เหลือบมองไปฝั่งซ้ายมือ ก่อนจะลดกระจกไฟฟ้าฝั่งที่นั่งข้างคนขับลงเพื่อชะโงกหน้าไปเรียกยัยขี้โวยวายนอกรถด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"ขึ้นรถ ... หรือจะกลับเองก็ตามใจ"
และนทก็ใจดีพอที่จะแถมช้อยส์ให้อีกข้อ ... ไม่คิดจะบังคับใจใครอยู่แล้ว
แทบจะในวินาทีเดียวกัน เด็กน้อยผลไม้ที่ยืนหน้าง้ำอยู่ข้างๆรถ ก็ย้ายตัวเองขึ้นมาบนเบาะสักกะหลาดนุ่มๆ ข้างๆพี่นทได้ทันใจ
"พี่นทควรจะหารสองแฟร์ๆนะคะ ..."
แต่ก็ยังไม่วายยื่นฎีกาแบ๊วๆ ให้อีกคนได้หันมาสนใจเธออีกหลายวินาที
"ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ มีอย่างที่ไหนให้เด็กมาแชร์ หัดรู้ซะบ้างนะ"
เสียงเข้มข้นและห้วนจัด ... ดังออกจากปากคนอาวุโสกว่า คิ้วเข้มขมวด สายตาจ้องมองออกไปทางด้านฝั่งขวามือเพื่อเตรียมตัวจะออกจากไหล่ทาง นทปั้นมากขึ้นมาอย่างแข็งแรง ราวกับจะปกปิดอารมณ์ดีดีภายในอกให้มิดชิด ซ่อนเอาไว้ลึกด้วยหน้าตาเย็นชาขั้นแอดวานซ์ ทั้งที่อยากจะอมยิ้มในความน่ารักแบบเด็กๆนั้นใจจะขาด
เด็กอะไร มาร้องตะแง้วขอแชร์ค่าข้าวกับผู้ใหญ่ ติงต๊องจริงเชียว...
"อ้าว แอปไม่ถือนี่นา..."
พอเจอเหตุผลโหดๆของพี่นทเข้าไป คนโดนหาว่าเด็กอย่างแอปเปิ้ลจึงได้แต่ร้องอ้าวอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ... ดวงตาแป๋วๆแอบเหลือบมองคนที่อ้างว่าอาวุโสกว่าอย่างงอนๆ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกอย่างที่เป็น เพราะในใจลึกๆ ก็แอบหวาดกับมาดเข้มขรึมของอีกคนไม่ได้
เธอเลยใช้ภาษากายช่วยแสดงออก ด้วยการยกสองแขนขึ้นมาพันกันเป็นการกอดอกเลิศๆ เชิดหน้า ก่อนจะปรับสายตาให้ขุ่นขึ้นไวไว ...
ปล่อยน้ำเสียงดื้อรั้นออกมาในประโยคถัดไป เป็นวิธีแก้ปัญหาเชิงบังคับ ที่ได้ใจจนอยากจะยิ้มกว้างๆออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
"งั้นคราวหน้าแอปเลี้ยงพี่นทบ้าง !"
สิ้นเสียง ... แอปเปิ้ลก็กลั้นหายใจรอปฏิกิริยาตอบรับอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ก็ได้เพียงแค่ หางตา ...
กับน้ำเสียงโคตรดุ แค่นั้น
"ถ้ามี ..คราวหน้า.. น่ะนะ"
"หืมม ... พี่นทท นี่ถ้ากับข้าวในม.พี่นทอร่อยขนาดนี้แอปคงต้องถ่อมากินทุกวัน..."
เสียงสดใสแบบเวอร์เกิ๊นของผู้ร่วมมื้ออาหาร ดังขึ้นพร้อมเจ้าของเสียงที่ฉีกรอยยิ้มพิมพ์ใจใส่จานข้าวอยู่ตรงหน้า ... เรียกนทให้ละความสนใจจากจานข้าว แล้วมองรอยยิ้มสวยๆนั่นด้วยความประทับใจ ความประทับใจที่ก่อตัวขึ้นมาเงียบๆโดยที่นทไม่ยักจะรู้ตัว ... ความประทับใจที่ฉีกแก้มนทได้น้อยๆ จนเป็นการยิ้มมุมปากได้ไม่ยาก
เด็กบ๊องเอ๊ย ... ถ้ากับฉัน กินอะไรเธอก็คงอร่อยสิท่า
แต่เมื่อแอปเปิ้ลเงยหน้าขึ้นมา นทก็แทบเก็บรอยยิ้มเล็กๆนั้นไว้ไม่ทัน...
ดวงตาเขียวขุ่นใส่เข้ามาแทนที่ราวกับเรียกได้ และเสียงก็เช่นกัน ... เสียงเข้มๆ นทหยิบมันมาว่างในช่องคอพร้อมกับส่งมันออกมาดุได้ทันท่วงที
"แค่ข้าวไข่ดาว ... ฉันทำยังอร่อยเลย"
พูดไป ก็ส่ายหัวไปในความเป็นเด็กน้อยของอีกคน ราวกับจะตอกย้ำความเอือมระอาที่ไม่มีอยู่จริงให้แอปเปิ้ลได้คิดมากเล่นๆ ... โดยลืมคำนึงถึงการระวังภัยจากการจู่โจมของแอปเปิ้ลไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกที ยัยเด็กตัวแสบก็ช่วงชิงจังหวะ รวบรัดตัดเข้าช่วงเวลาทำคะแนนให้ตัวเองได้อีกครั้งไปแล้ว
"งั้นคราวหน้าพี่นททำมาให้แอปกินนะ"
เห็นสายแบ๊วๆนั่นแล้ว ... นทอดยอมรับกับตัวเองในใจไม่ได้เลยว่าปฏิเสธไม่ลง
ยัยเด็กแสบคนนี้นี่เก่งจริงๆ เรื่องรวบรัดเธอให้ทำอย่างที่ต้องการได้ ... เพียงไม่กี่วันถัดจากนั้น แอปเปิ้ลก็สามารถถ่อมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อลากเธอไปเลี้ยงข้าวได้อย่างที่อยาก แม้จะเป็นแค่แคนทีนเล็กๆในม. แต่นทก็ไม่อยากจะยอมรับว่าแอปเปิ้ลประสบความสำเร็จมากทีเดียว
และคงไม่ยาก ... หากแอปเปิ้ลจะรวบรัด แล้วบังคับให้เธอทอดไข่ดาวได้อย่างใจอีกครั้ง
ก็เล่นใช้ดวงตาใสแบ๊วบังคับกันอย่างนั้น ...
นทอยากจะรู้นัก ! ใครมันจะ ... กล้าปฏิเสธได้ลง
“ถ้ามีโอกาสนะ... ไม่รับปากหรอก”
พูดไปแบบนั้นแล้ว นทก็รู้ว่าคงไม่มีทางรอดแล้วล่ะ
เจอกันครั้งหน้า เธอคงต้องถอดไข่ดาวใส่กล่องมาให้ยัยตัวแสบนี่ ... แน่นอนเลย
แหม ตอนที่แล้วอุตส่าห์ติ่งไว้ไม่ให้บ่นสั้น
ยังจะเจ้าสำบัดสำนวน หาคำมาต่อว่ากันได้อีกนะคะ
5555555555.
"ช่วงนี้ลูกไม้ตั้งใจเรียน เลิกเกรียนเลิกเล่น
แม้เรื่องราวจะแล่นปรื๊ดๆอยู่ในหัวตลอดเวลาก็ตาม"
อดใจรอไม่นาน อดทนได้ไหมแค่ไม่นาน ?
ยังไงขอให้ทุกคนโชคดีในการเรียนนะคะ
มันสำคัญมากชริงๆ ...
ขอให้มีความสุขกับทุกตัวอักษรค่ะ
แล้วเจอกันตอนถัดไป
ความคิดเห็น