ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าเขายังสำคัญ" #newjiew

    ลำดับตอนที่ #6 : chapter 5 goodnight

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 57


    “ตกลงให้พี่จริงๆนะจิวเวอรี่ ไม่เก็บไว้กอดไว้หอมสักคืนก่อนหรอ พรุ่งนี้พี่ค่อยมาเอาก็ได้นะ

     

    เจนรบยืนตีคิ้วขมวด ในมือเขามีช่อกุหลาบเจ้าปัญหาที่ยังคงส่งกลิ่นหอมไม่จางแววตาอ่อนอกอ่อนใจจ้องมองน้องสาวคนสนิท เสียงเข้มส่งคำถามที่ไม่ว่าจะถูกถามออกไปกี่ครั้ง จิ๋วก็ยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธและไม่มีวี่แววว่าจะเปลี่ยนใจ

     

    ทันทีที่สามชีวิตยัดร่างตัวเองขึ้นรถยนต์ส่วนตัวได้ จิ๋วก็ทำพิธีส่งมอบเครื่องหมายแทนความรักจากใจพี่เบลให้พี่เจนทันทีอย่างไม่ต้องคิดจิ๋วรู้ว่าพี่เจนชอบดอกไม้ รู้ว่ากุหลาบช่อนี้เธอเก็บไว้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร และรู้ด้วยว่า หากเธอยังจะกล้าเก็บมันเอาไว้ในบ้าน คงจะต้องมีใครแถวนี้เอามาทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ

     

    ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมคงดีกว่า…. ทุกฝ่ายได้ประโยชน์นะ

    ยกเว้นพี่เบล

     

     

    “เถอะน่ะค่ะพี่เจน เอากลับไปเถอะ จะให้จิ๋วเก็บไว้ทำไมล่ะ”

    จิ๋วปฏิเสธเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมรอยยิ้มประจำตัวที่มีความหมายว่าให้ยุติการเซ้าซี้อันแสนน่ารำคาญนี้ลงเสียที

     

    รอยยิ้มที่ทำเอาคนเซ้าซี้คอตก พี่เจนพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน โบกมืออำลาน้องสาวหัวแข็งที่โน้มน้าวยังไงก็ได้เท่านั้นเอง

     

    “กลับบ้านดีดีนะพี่เจนนนนนน”

    จิ๋วเขย่งเก็งกอยพร้อมป้องปากตะโกนไล่หลังพี่เจนที่ออกรถไปแล้ว ก่อนแขนเรียวจะเหนี่ยวประตูบ้านให้ปิดสนิทแล้วลงมือล็อคกลอนลงเพื่อความปลอดภัย สองขาก้าวพาร่างบอบบางเข้าเขตตัวบ้าน นาฬิกาที่ฝาผนังบอกเวลาตีสองครึ่ง

     

    เฮ้อ กว่าจะล้างเนื้อล้างตัว เก็บข้าวของ ก็คงได้นอนเอาเกือบเช้าพอดี

     

     

    คนตัวเล็กหยิบหมอนอิงที่วางกระจัดกระจายด้วยฝีมือของตัวเองเมื่อเช้า เหนื่อยจนอยากจะวางร่างลงไปบนโซฟาแล้วหลับตายาวๆเสียจริง นานๆทีเธอจะขี้เกียจอาบน้ำ และวันนี้มันขี้เกียจซะจนอยากจะหลับตานอนเต็มที

     

    ดูโอ้คนสวยของเธอพุ่งขึ้นห้องแบบไม่สนใจใครตั้งแต่วินาทีแรกที่เท้าแตะบ้าน นั่นก็เป็นเรื่องที่นานๆทีจะเกิดขึ้นเช่นกัน เธอออกจะเคยชินกับการเป็นคนกระตือรือร้นอาบน้ำ ส่งเสียงโวยวายยามดึกดื่น คอยวุ่นวายถูลู่ถูกังลากดูโอ้จอมขี้เกียจให้กลับไปสลบสไลที่ห้องแทนที่จะมานอนเน่าอยู่ที่โซฟา แต่ในเมื่อวันนี้ไม่มีนิวให้ต้องคะยั้นคะยอพาไปอาบน้ำ ความวุ่นวายที่เคยดูน่าเบื่อก็ทำให้เธอแอบใจหาย

     

    จิ๋วตัดใจลากตัวเองขึ้นข้างบนเพียงลำพัง แต่ละก้าวบันไดรู้สึกเหมือนต้องใช้เรี่ยวแรงมากกว่าปกติอย่างไม่น่าเชื่อ และพอถึงหน้าห้องนิว ร่างกายมันก็แกล้งหมดแรงเอาเสียดื้อดื้อ

     

    จิ๋วหยุดยืนมองประตูห้องนั้นตาละห้อย รู้สึกโหยหาคนในห้องอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ก็เพิ่งจะห่างกันไม่นานเท่าไร ป่านนี้นิวคงอาบน้ำนอนไปแล้ว ก็เห็นกันอยู่ว่าวันนี้นิวดูจะเหนื่อยมากกว่าปกติไปตั้งหลายเท่า

     

    เฮ้อ

     

    เสียงถอนหายใจบางๆดังขึ้น ยังดีที่มันได้ทุเลาความหนักหน่วงในหัวใจลงไปได้บ้าง

     

     

    “ฝันดีนะนิว

     

    จิ๋วส่งยิ้มบางๆให้ประตูบานนั้นราวกับนั่นคือเพื่อนรักของเธอ ทั้งที่มันก็ไม่อาจใช่เลย พักหลังมานี้ นิวสร้างนิสัยไม่ดีให้เธอหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการต้องบอกฝันดีกันทุกคืน จนเธอแทบจะข่มตานอนไม่ลงหากไม่ได้ยินเสียงหวานๆนั่นสั่งให้เธอหลับฝันดี

     

    คืนนี้ เธอคงต้องใช้ความพยายามนอนหลับมากกว่าคืนก่อนๆอีกสักหน่อย

     

     

     

     

     

     

    คนตัวเล็กยังใช้เวลาอีกสักพัก นับลมหายใจเข้าออกอยู่หน้าห้องอีกคนต่อไปเรื่อยๆ แอบมีความหวังลึกๆว่าคนในห้องอาจจะโผล่ออกมาให้เธอได้เห็นหน้าบ้าง ได้ออกมาบอกฝันดีให้เธอเหมือนทุกๆคืน

     

    แต่ก็รู้ว่าหวังนั้นลมแล้งเกินไป ความจริงก็คือนิวหลับไปแล้วโดยไม่ได้ต้องการคำว่าฝันดีจากเธอสักนิด

     

    อ่า

    ทำไมนะ แค่อีกคนรีบวิ่งไปนอนโดยไม่บอกกันก่อน เธอถึงเอาคิดฟุ้งซ่านจนน้อยใจได้ขนาดนี้

     

    ไม่ไหวแล้วมั้งเนี่ย ปิยนุช

     

     

    จิ๋วสะบัดหน้าไล่ความคิดในหัวให้แตกกระจายไปคนละทิศละทาง ก่อนจากเท้าเดินจากขึ้นห้องตัวเองไปอย่างอืดเอื่อย เมื่อมันสมควรแก่เวลาเต็มที

     

     

    เพลียแฮะ

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ก๊อกก๊อก

     

    เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำคนตัวเล็กที่กำลังเริ่มต้นชั่วโมงประทินผิวถึงกับชะงัก คิ้วคมตีขมวดเข้าหากันอย่างประหลาดใจ ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาครึ่งชั่วโมงให้หลังจากเมื่อสักครู่เธอไปยืนรีๆรอๆหน้าประตูห้องนิว จนค่อนข้างจะแน่ใจว่าหลับไปแล้ว แล้วนี่ใครนะ ที่มาเคาะประตูห้องเธอเอาเสียป่านนี้

     

    จิ๋วยักไหล่กับตัวเองอย่างไม่มีคำตอบ สองมือละจากการทาครีมมากระชับชายชุดคลุมอาบน้ำให้มิดชิดกับตัวอีกสักหน่อย อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องต้องเดาว่าใครจะมาหาเธอตอนนี้ นิวอยู่แล้วนั่นแหละ ที่เธอสงสัยคือนิวมาทำอะไรต่างหาก

     

    ทั้งที่ยังไม่รู้จุดประสงค์ ยังไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ทำให้เธอแอบยิ้มกับตัวเองได้ไม่ยาก

     

    จิ๋วเปิดประตูห้องออก พร้อมกับปรับสีหน้าให้นิ่งสนิท แถมยังตีคิ้วให้ขมวดใส่อีกคนที่ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าประตูห้องนั้น

     

     

    นิวยังไม่ได้สลัดอะไรออกจากร่างสักอย่าง กลับมายังไงก็อยู่ไปอย่างนั้น หน้าใสใสก็ยังเต็มแน่นไปด้วยเครื่องสำอางค์หลายชั้นจนให้ความรู้สึกไม่สมควรแก่เวลาขึ้นมา

     

     

    “นิว นึกว่าหลับแล้วเสียอีก”

     

    เสียงทักทายนั้นดูเรียบเฉยเสียจนนิวแอบฝ่อ จิ๋วจ้องตาอีกคนนิ่งๆ เก็บซ่อนความรู้สึกดีใจไว้ได้อย่างแนบเนียน

     

    “อ้าว แล้วไม่อาบน้ำหรือไง

     

    คำถามจากความใส่ใจที่คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆให้คนถามขมวดคิ้วอย่างฉุนๆ จิ๋วยังคงบ่นเรื่อยเปื่อยอยู่อีกสองสามคำ ในแววตากรุ่นร่องรอยความหงุดหงิดอยู่เจือจาง ก่อนเสียงกระเง้ากระงอดจะสะบัดถามคนหน้าห้อง ราวกับไม่อยากจะพูดด้วย

     

    ทั้งที่มันออกจะตรงข้ามกับใจ

     

     

    “มีอะไรล่ะ มาซะป่านนี้ จิ๋วง่วงนะ”

     

    ส่งคำถามที่เรียกรอยยิ้มจากหน้าเซียวๆของนิวได้เต็มสีหน้า รอยยิ้มที่มาพร้อมกับความขัดเขินเพราะบางอย่าง

     

    ดวงตาใสแจ๋วจับจ้องอีกคนราวกับจะพูดอะไรสักคำ หากแต่ก็ยังถูกเก็บงำเอาไว้

     

     

    “เค้าให้คุณจิ๋วนะ ให้คุณจิ๋วเก็บไว้ เก็บไว้ให้ดีดี เค้าไม่ได้จะให้ใครบ่อยๆ ทุกคนไม่ได้มี”

     

    กระดาษแผ่นนึงในมือถูกยื่นให้คนตรงหน้า พร้อมกับคำกำชับกำชาที่นิวอยากจะบอกให้อีกคนรู้ถึงความพิเศษของมันนิวหน้าแดงระเรื่อ มือไม้แอบสั่นทั้งที่เธอก็ให้อะไรๆกับจิ๋วออกจะบ่อย

     

    เพียงแต่ของเหล่านั้น เธอเคยให้ในวันพิเศษ แต่นี่มันเป็นเพียงวันธรรมดา ที่เธออยากจะให้อะไรสักอย่างกับเพื่อนรักของเธอ

     

     

     

    จิ๋วเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างฉงน คิ้วคมขมวดเข้าหากันน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆคลายเมื่อเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของอีกคนที่ขึ้นสีจัดขึ้นทุกที รับกระดาษแผ่นนั้นมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ฉาบขึ้นเพราะความน่ารักของอีกคนที่ดูจะรุนแรงขึ้นจนน่ารักน่าหยิก

     

    ในกระดาษแผ่นนั้น

    มีดอกไม้

     

     

    “ดอกไม้ของเค้านะคุณจิ๋ว”

    น้ำเสียงขัดเขินเอ่ยบอกในสิ่งที่จิ๋วเพิ่งมันกับตา เพียงแต่ยังไม่รู้และเข้าใจ

     

    คนมอบให้ยังหน้าแดงไม่หาย คำพูดยืดยาวที่ตระเตรียมเอาไว้ค่อยๆเลือนหายไป

    เหลือแต่ความรู้สึกจากใจจริง

     

     

    “ไม่ต้องดูแล ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะตาย ไม่ต้องรอให้มันโต มันโตเต็มที่แล้ว มันงอกงามที่สุดแล้ว

     

    สรรพคุณของดอกไม้ช่อนั้นมันยืดยาว และจิ๋วก็อดปลื้มกับมันไม่ได้เลย คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำเหล่านั้นอย่างยินดี เธอรู้ว่าที่นิวมอบช่อดอกไม้นี่ให้กัน ส่วนนึงก็เป็นเพราะดอกกุหลาบจากพี่เบลที่ทำเอาเด็กตัวน้อยของเธองอแงอยู่นานสองนาน

     

    ดวงตาเปี่ยมความหมายจ้องมองกัน ก่อนสองมืออบอุ่นจะสอดประสานเข้ากุมกันแนบแน่น อุ่นวาบถึงหัวใจที่เต็มไปด้วยรัก

     

    นิวกำลังหลอมละลายเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจริงจัง ความหมายในประโยคที่บีบคั้นหัวใจ

     

    “วันไหนที่คุณจิ๋วรู้สึกเหนื่อยที่จะรอเค้า วันไหนที่คุณจิ๋วไม่อยากรอ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าเค้าก็กำลังพยายามทำให้ทุกๆวันนี้ดีที่สุด ถ้าเค้าจะพูดอะไรออกไป เค้าต้องดีพอที่จะรับผิดชอบมันได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มี เค้ามีคำนั้นอยู่เต็มหัวใจเค้านะ”

     

    “และมันจะไม่มากมายไปกว่านี้แล้ว มันงอกงามที่สุดแล้วล่ะ”

     

    คำอธิบายยาวๆ พร้อมรอยยิ้มจากหัวใจ กำลังทำให้จิ๋วรู้สึกเหมือนร่างกายหมดเรี่ยวแรงไปกับความอ่อนหวานที่แสนจะงดงาม

     

     

     

    รอยยิ้มของนิวประดับอยู่ข้างแก้ม ตรงนั้น

    และประทับอยู่ในหัวใจ ตรงนี้

     

     

    “ฝันดีนะคะคุณจิ๋ว

     

     

    มือเรียวเลื่อนมาเกลี่ยเส้นผมที่ร่วงลงมาคลอเคลียใบหน้า ก่อนความอบอุ่นจะเข้าครอบครองแก้มนวล ปลายนิ้วชี้เกลี่ยเนื้อนุ่มไปมาอย่างหลงใหลดวงตาสองคู่สานสบด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่รอวันเปิดเผย คนตัวเล็กน่ารักใจแทบขาด น่ารักจนเธออยากฝังกอดให้ความบอบบางนี้จมหายไปในตัวเธอ เธอเพียงคนเดียว

     

    “ฝันดีนะนิว

    เสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบ ดังถึงหัวใจ ให้คนได้รับฟังคำนั้น ได้แต่ยิ้มและพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับและบอกลาค่ำคืนนี้ เพื่อมีวันพรุ่งนี้ไปด้วยกัน

     

     

     

     

     

    นิวใช้เวลาไม่นานนักกับการทำให้เธอหัวใจเต้นแรง ต้นเหตุจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษปอนด์แผ่นเล็กที่มีค่ามากกว่าสิ่งไหน

     

    จิ๋วคลี่กระดาษแผ่นนั้น มองแล้วมองอีกอย่างหลงรัก ก่อนจะยกมันขึ้นแนบอกอย่างปลื้มใจ

     

     

    สุดท้าย

    คืนนี้เธอก็หลับฝันดี ยิ่งกว่าทุกๆคืน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

    “พี่เจนจะตามมาไหมล่ะ มาเถอะ บอกตรงๆ นิวอยากดริ๊งค์ว่ะ แต่จิ๋วไม่ยอม ไม่มีคนขับรถกลับ

     

     

    “โธ่ พี่เจน พี่จะปล่อยให้น้องโดนแม่จิ๋วคุมพฤติกรรมแบบนี้น่ะหรอทั้งๆที่เพื่อนทุกคนมาสนุกกัน แต่นิวห้ามกินสักหยด น่าสงสารจะตาย”

     

     

    ออดอ้อนแต่คนในสายไม่พอ นิวยังเผื่อแผ่ความออดอ้อนมาหาเธอที่นั่งอยู่ข้างกัน ผ่านทั้งสายตา และสัมผัสอ่อนโยนที่หลังมือ

     

    จิ๋วเสหลบตาไปทางอื่น กระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างรู้ทันไม่แคล้วคืนนี้ นิวต้องได้เมาแอ๋กลับบ้านแน่ เธอกับพี่เจน ต้องมีใครคนใดคนนึงใจอ่อน

     

     

    “พี่เจนอ่าใจร้าย ทำกับน้องรักได้ลงคอ

     

    อ่า พี่เจนท่าจะไม่อ่อนแฮะ

     

    จิ๋วเม้มปากแน่นอย่างตัดสินใจ เห็นแววตาผิดหวังของนภัสสรแล้วจิตใจที่เคยเข้มแข็งก็อ่อนฮวบฮาบอย่างน่ากลัว สัมผัสแผ่วเบาที่หลังมือเริ่มกดหนักขึ้นตามระดับการร้องขอ ปลายนิ้วชี้เกลี่ยวนซ้ำไปมาชวนให้จั๊กจี้กว่าเก่า

     

    ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสอดมือทั้งมือมาเกาะกุมกันไว้แน่น กระพริบตามองกันปริบๆทั้งที่ยังไม่ได้วางสายจากพี่เจน

    อีกคนยิ่งเพิ่มระดับความออดอ้อนจนเธอใจเต้นรัว

     

    เอ่อ นิวทำอย่างนี้ แล้วเธอจะทำอะไรได้เล่า

     

     

    “หา ตกลงมาหรอพี่เจน !!!

    แต่เพียงแค่คำตอบจากปลายสายดูจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อีกคนก็หูตาแวววาวราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน นิวยิ้มกว้างจนแก้มนั่นแทบแตก คราบเด็กหญิงหงอๆขี้อ้อนหายไปปลิดทิ้ง

     

    นิวทำว่าดีใจเสียจนจิ๋วอดหัวเราะกับท่าทางโอเว่อร์นั่นไม่ได้ แต่กระนั้นก็เถอะ แม้พี่เจนดูว่าจะตอบตกลงแล้ว แต่มือเธอที่ถูกคนขี้อ้อนเกาะกุม ก็ใช่ว่าจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

     

    มันยังอบอุ่นอยู่ในอุ้งมือของอีกคนแบบนั้น

     

    “ค่า รีบมานะพี่เจ๊นนน เยิ๊ฟยูนะ จุ๊ฟ มั๊วะๆ

     

     

    สายสำคัญนั้นถูกตัดไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความสมหวังของนิวเท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

    และเพียงห้าวินาทีให้หลัง

     

     

    “นิวววว ชนแก้วววว เฮ้

     

    เพื่อนรักของเธอก็กลายเป็นปาร์ตี้เกิร์ลอย่างสมบูรณ์แบบ มีที่เกาะกุมกันไว้คลายออกจากกันเพื่อไปรับเอาเครื่องดื่มแอลกฮอลล์จากเพื่อนกลุ่มใหญ่มากระดกเข้าปากไม่ยั้ง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังสนั่น เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ บรรยากาศที่ว่าสนุกสนานอยู่แล้วกลับยิ่งคึกคักกว่าที่เคย

     

    แสงไฟวูบวาบวิบวับทำให้เห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก แต่รอยยิ้มของนิวปรากฎชัดเจน

     

    จิ๋วยังคงนั่งอยู่ข้างนิวเหมือนเดิม มองอีกคนมีความสุขขนาดนั้นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้เพื่อนๆที่มาวันนี้ก็เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้มีใครใหม่ๆให้ต้องฝืนเกร็งอะไร นิวจึงเป็นตัวเองได้เต็มที่ และเธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางกว่าสิบชีวิตที่มีแก้วเหล้าอยู่ในมือ

     

     

    เพียงแต่เธอสนุกไม่ออก

     

    ทั้งที่รู้ดี เข้าใจทุกอย่าง อยากสนุกเฮฮาเหมือนที่อีกคนทำ

    แต่กลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกในวินาทีที่อีกคนปล่อยมือออกจากกัน

     

     

    อารมณ์ที่ไม่ได้จะคึกคักอะไรนักหนา จึงกลายเป็นเรียบนิ่งราวกับไม่ได้อยู่ในบรรยากาศปาร์ตี้ จิ๋วขยับแขนมากอดอกตัวเองเอาไว้หลวมๆ เอนตัวพิงเบาะนวมอันใหญ่ ปล่อยสองตาให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล ไม่มีจุดโฟกัสอะไรเลยเธอแค่รู้สึกอยากกลับบ้านขึ้นมา

     

     

    อยากกลับไปอยู่ด้วยกัน แค่สองคน ที่บ้านของเรา

    ความสัมพันธ์ที่ต่างไปจากเดิมของเธอและนิว มันทำให้เธออ่อนไหวมากขึ้นทุกที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แล้วเธอก็กลับมา แล้วเธอก็กลับมา วู้วู้”

     

     

    บรรยากาศปาร์ตี้กำลังคึกคักได้ที่ เข็มนาฬิกาวิ่งไวราวกับมีใครแอบโกงหมุนเข็มมันให้เดินเร็วขึ้น นิวและพรรคพวกคงรู้สึกแบบนั้น ผิดกับเธอ ที่รู้สึกว่ากว่าแต่ละวินาทีผ่านไปมันช่างยาวนานเหลือเกิน

     

    จิ๋วนั่งเท้าคางมองคนบนเวทีตาปริบๆ คิดไม่ออกเลย ว่าหากคืนนี้พี่เจนเบี้ยว เธอจะพาขี้เมาคนนี้กลับบ้านยังไง

     

    นี่ก็เกือบสองชั่วโมงจากที่พี่เจนรับปากว่าจะมา แต่ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นิวที่เคยเป็นที่พึ่งเดียว ก็ได้แปลงสภาพเป็นบุคคลไร้สมรรถภาพทางการพึ่งพาไปเสียแล้ว ตั้งแต่วางสายจากพี่เจน ก็สุมหัวอยู่แต่กับบรรดากลุ่มเพื่อน ซัดแก้วเหล้าเข้าปากโบ้มๆอย่างไม่เกรงใจใครสักนิด เอะอะมะเทิ่งแถมยังโวยวายเสียงดังอีกด้วยซ้ำ

     

    พอโดนยุเข้าหน่อย ดูโอ้คนสวยของเธอคว้าไมค์ขึ้นไปโดดร้องเพลงเย้วๆอยู่บนเวทีเตี้ยๆนั่นอย่างไม่สนใจใคร ออกลีลาลวดลายร้ายกาจเสียจนน่ากลัวว่าจะมีใครมาหลงรัก หากทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่เพื่อนที่คุ้นเคยกันมาก่อน

     

     

     

     

    แล้วเวลานิวเมา มันร้ายกาจน้อยซะที่ไหนล่ะ

    เมาคราวที่แล้วก็

     

     

     

     

    “คุณจิ๋ววววววววววว

     

    เสียงหว๊านหวานดังเรียกกันยืดยาวอยู่ข้างหูให้คนตัวเล็กได้สะดุ้งน้อยๆอย่างตกใจ และในทันทีที่สมองประมวลผลได้ถึงการมาของอีกคน เธอก็ต้องตั้งรับตัวบางที่โถมเข้าหากัน วงแขนเรียวกอดรัดเธอทั้งตัวจนแนบแน่น ฟัดกอดอย่างกับมันเขี้ยวกันอยู่มากมาย

     

    นิวทิ้งน้ำหนักใส่กันเต็มตัว แม้โซฟาตัวกว้างนี่หนานุ่มพอที่จะไม่ทำให้เธอเจ็บปวดอะไรนักเมื่อต้องรับน้ำหนักคนทั้งคน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะดีสักเท่าไร

     

    “นิว !

     

    จิ๋วเอ็ดอีกคนเสียงดัง กับอาการของอีกคนที่ดูจะล่อแหลมเหลือเกิน นิ่วหน้ากับท่าเอนตัวที่ไม่ได้จะสบายเท่าไรนักหัวใจที่เต้นสงบมาสักพักกลับเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างน่าตกใจ

     

    ลมหายใจกรุ่นกลิ่นแอลกฮอลล์รินรดอยู่ใกล้ๆกัน นิวเอนศีรษะซบไหล่บางอย่างสิ้นฤทธิ์ แขนซ้ายวางพาดอยู่กับเอวอีกคนเป็นอ้อมกอดหลวมๆที่ทำคนตัวเล็กตัวสั่นเทิ้มเพราะความขัดเขินที่พุ่งโจมตีจนตั้งตัวไม่ทัน หัวสมองมึนตื้อไปหมด นาทีนี้คนเมาไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากกลิ่นหอมหวานที่ติดกายอีกคน มันหอมเสียจนอยากจะฝังจมูกลงไปสูดกลิ่นนั่นเสียให้ฉ่ำปอด

     

    นิวหลับตาพริ้มอย่างไร้ความกังวลใดใด หลังจากร้องเพลงสุดท้ายจบ เพื่อนๆก็พาเธอมาส่งเอาใกล้ๆ ให้เธอเดินมาหาจิ๋วได้อย่างไม่ลำบากนัก

     

     

     

    “คุณจิ๋วหายไปไหนมาน่ะ คิดถึงจะแย่

     

    นิวพึมพำอยู่กับลาดไหล่เปลือยเปล่าของอีกคน ทั้งที่ดวงตาสองข้างยังปรือกึ่งหลับ เสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากหัวใจ คำไม่กี่คำที่ทำเอาคนฟังแทบละลายติดโซฟา จิ๋วสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก พยายามรวบรวมสติ พลิกตัวน้อยๆ ขยับหนีอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะเอาตัวออกจากกัน

     

     

    “บ้า ตัวเองนั่นแหละไปไหนต่อไหนมา เค้านั่งอยู่ที่เดิมมาครบสองชั่วโมงแล้วหรอก”

     

    จิ๋วเบี่ยงหน้าหลบจมูกคมที่คลอเคลียเข้าใกล้แก้มเนียนใสเข้าทุกที ส่งเสียงอุบอิบแผ่วเบาเถียงคนเมาทั้งที่หน้าแดงก่ำ ตัวสั่นเทิ้ม ใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ อยากจะขยับลุกออกเสียเดี๋ยวนี้ หากไม่ติดความดื้อของอีกคนที่ทับตัวเธอไว้มากกว่าครึ่งตัว ลักษณะการเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนแถมยังชิดใกล้จนเรียกได้ว่าแนบกาย หากมีคนมาเห็นเข้า เธอคงไม่มีหน้าจะมองใครอีกแล้ว

     

     

    แต่ผิดกับคนด้านบน นิวยิ้มแป้น ในความแผ่วเบานั้นมีแววกระเง้ากระงอดซ่อนอยู่ ไม่รู้สิ เธอพอใจที่จะรู้สึกว่าคนตัวเล็กกำลังงอนกัน เพราะนั่นหมายความว่าเธอสำคัญ

     

    อ่า อุ่นจัง

    คุณจิ๋วของเธอ

     

     

    “นิว ลุกเร็ว จิ๋วหนัก”

     

    คนตัวเล็กสะกิดอีกคนยิกๆ ทั้งยังสำทับด้วยคำพูด ให้คนเมาที่กำลังหลงใหลกลิ่นกายอีกคนเต็มกำลัง ต้องโงหัวที่หนักแสนหนักขึ้นมาส่งยิ้มหวานฉ่ำ ทั้งดวงตาก็ฉ่ำหวาน แถมยังสั่นศีรษะซ้ายทีขวาทีเบาๆอย่างดื้อดึง

     

    รอยยิ้มที่สุดจะน่ารักแต่ก็น่าหยิกไปพร้อมกัน ถูกส่งให้กันอย่างต่อเนื่อง

     

     

    “ไม่เอาหรอก ลุกไม่ไหว มึ๊นมึน

    นิวตีรวนอย่างไม่ยอมแพ้ ให้คนใต้ร่างได้ตีหน้ายุ่งใส่ราวกับหงุดหงิดเต็มที จิ๋วขยับตัวยุกยิกใหญ่โต ส่งเสียงจิ๊จ๊ะแสดงความขัดใจ แม้มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรก็ตามที

     

    เห็นก็แต่คนขี้แกล้งที่ดูจะเพลิดเพลินกับการเอนซบตัวเธอมากขึ้นทุกขณะ

     

     

    “นิว ขยับนั่งดีดีเถอะนะ นี่ไม่ใช่ที่บ้าน ใครเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี

     

    พยศจนเหนื่อย จิ๋วเลยได้แต่ให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงอ่อนใจเต็มที ดวงตาคมทอดมองอีกคนที่ยังดูเพลิดเพลินกับการซุกกอดเธอให้สนใจกันบ้าง ตวัดสายตาซ้ายทีขวาที เห็นยังไม่มีใครคิดจะสนใจก็พอให้ได้โล่งใจ แต่นั่นก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ถ้านิวยังดื้อดึงแบบนี้อยู่ อีกเดี๋ยวก็ต้องมีใครสักคนเห็น

     

    นิวเกยคางกับต้นแขนนุ่ม เอียงคอจนแก้มชิดผิวกายเย็นเฉียบพยายามจะสบตา ถามเอาความรู้สึกจริงที่อีกคนมักจะปิดบังไว้เสมอเธออาจจะไม่มีสตินัก แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่ทำไม่ได้เหมาะสมสักเท่าไร หากแต่ความต้องการภายในมันเรียกร้องเหลือเกิน

     

    แต่เมื่อเห็นจิ๋วเริ่มทำหน้าเครียด ก็ให้รู้ตัวว่าคงต้องถอยออกมาแล้วจริงๆ

     

    “คุณจิ๋ว

    เสียงหวานฉ่ำทอดเอ่ยเป็นชื่ออีกคน คนตัวโตกว่าส่งสายตาออดอ้อน นิ้วเรียวเกลี่ยเรียวแขนขาวผ่องแผ่วเบา ความวาบหวามกำลังจู่โจมหัวใจจนยากจะห้ามปราม

     

    เสียงกระซิบชิดหูแสดงความต้องการที่แอบแฝงไปด้วยอารมณ์รักมากมาย

     

    “คืนนี้ ขอเค้าไปนอนกับคุณจิ๋วที่ห้องนะ

    น้ำเสียงผะแผ่วที่ฟังแล้วให้ใจละลาย จิ๋วรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ สติที่เหลือติดตัวน้อยเต็มที เหมือนขาดหายไปเมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นชื้นที่คลอเคลียข้างแก้มไม่ห่างหาย

     

    เพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็ดูคล้ายว่าเนิ่นนาน

     

     

     

    เธอเผลอพยักหน้าตอบตกลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้

    รู้สึกอีกที รอยยิ้มกระจ่างตาของอีกคนก็อยู่ไม่ห่างสายตา นิวกำลังยิ้มหวานหยาดเยิ้มแบบที่เธอหลงรักมาตลอด

     

     

    “ขอบคุณนะคะ

     

    ก่อนความอบอุ่นนั้นจะจุมพิตหนักแน่นลงยังพวงแก้มใส ให้หัวใจดวงน้อยได้หลุดลอยหายไป

     

     

     

     

    เสียงขอบคุณนั้น ได้ยินแต่เธอก็จับใจความไม่ได้ รู้เพียงแต่นาทีนี้หัวใจเธอได้ถูกขโมยไปแล้วโดยไม่มีทางจะหวนกลับคืน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นี่ นั่งดีดีนะนภัสสร ไม่งั้นจิ๋วจะกลับเลยนะ

     

    คนตัวเล็กขู่เสียงเข้ม สองมือไล่จับมือปลาหมึกพัลวัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ข้างๆจะหยุดความพยายามโอบกอด นิวนั่งตาเยิ้ม สติแม้จะมีเหลืออยู่ไม่มาก แต่ก็มากพอที่จะเจ้าเล่ห์ใส่คนข้างๆ ศีรษะเอนพิงไหล่บางอย่างเนียนๆ

     

    เธอละมือจากแก้วแอลกฮอลล์มาสักพักแล้ว ได้เข้าห้องน้ำ เอาแอลกฮอลล์ออกจากร่างบ้างก็พอให้สร่างขึ้นมาสักหน่อย เพียงแต่อยากจะออดอ้อนให้คนตรงนี้ดูแล ก็เท่านั้น

     

    ดี จะกลับก็ดี เธอก็อยากกลับบ้านเต็มแก่ อดใจรอวินาทีที่จะได้นอนกอดกันจนเช้าแทบไม่ไหวแล้ว

     

    ส่งยิ้มทะเล้นไปยียวนคนตัวเล็กที่ดูจะหน้ายุ่งจนคิ้วขมวดเป็นปม

     

     

     

    จิ๋วส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ ดวงตาคมหรี่เล็กมองจอมรวนเสียจนเข้มข้น นิ้วชี้คาดตรงยังใบหน้าอีกคนอย่างคาดโทษ

     

     “นิว ถ้าไม่เลิกรุ่มร่าม คืนนี้ก็ไม่ต้องมานอนกับจิ๋วนะ

    เสียงเข้มระดับแม็กซิมั่มจากคนตัวเล็กดูจะได้ผลดี เมื่อคนเมาที่ทำตัวเนียนถึงกับเด้งศีรษะออกจากไหล่บางนั่นฉับไว มือที่เคยพัวพันก็คลายออกมาสงบสเงี่ยม เป็นแค่การคล้องแขนอยู่หลวมๆเท่านั้นนิวยู่หน้าน้อยๆอย่างแหยงๆ แถมยังขยับตัวออกห่างเล็กน้อยพอให้อากาศได้พัดผ่าน สร้างรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าคนตัวเล็กได้อย่างไม่ยากเย็น

     

     

    ค่ำคืนนี้เป็นคืนฉลองวันเกิดของเพื่อนรุ่นพี่ร่วมค่ายที่สนิทสนมกันพอสมควร นิวและจิ๋วถูกเชิญมาเป็นแขกคนสำคัญ แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีทำแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดในอีกเกือบๆสามชั่วโมงข้างหน้า ความต้องการของคนสองคนที่อยากจะกลับบ้านเต็มแก่ จึงถูกชะลอรั้งไว้ด้วยภาระและหน้าที่ ไม่งั้นนิวก็คงจะงอแงกลับบ้านไปนานแล้ว

     

     

    “ไอ้นิวววว ไอ้นิว

     

    เติมไอ้นำหน้านั่นหมายถึงระดับความสนิทสนมกลมเกลียวที่ไม่ธรรมดา แต่นั่นก็ทำเอาคนได้ยินก่อนต้องนิ่วหน้าอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก จิ๋วหันไปมองต้นเสียงด้วยแววตาขุ่น ผิดกับเจ้าของชื่อที่ยังนั่งหลับตาพริ้มฟังเพลงบีทแน่นๆอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     

    เพื่อนที่มาใหม่ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่เต็มสีหน้า เพราะความมืดและแสงที่มีแค่วับแวมจึงทำให้เขาไม่ทันเห็นแววขุ่นในตาของจิ๋ว ปากก็เพื่อนนิวจึงยังตะโกนเรียกชื่อพยางค์เดียวที่มีไอ้นำหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

     

    เป็นหวินนั่นเองที่ยืนส่งเสียงเรียกนิวอยู่ในตอนนี้ หวินเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของนิวที่ยังติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เธอเองก็เคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ่อยแต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรนัก อาจเป็นเพราะเจอกันทีไร หวินก็เอาแต่เฮฮากับนิวอยู่เสมอ เธอกับหวินจึงไม่ได้มีเวลาจะมาเสวนาภาษาคนด้วยกันสักเท่าไร

     

    หนุ่มตี๋ยืนเขย่งเก็งกอยป้องปากเรียก ข้ามหัวจิ๋วที่ยังนั่งนิ่งไม่สนใจ

     

     

    “ไอ้นิว ไอ้นิวโว้ยยย”

     

    แต่เจ้าของชื่อก็ยังคงนั่งหลับตานิ่งในท่าเดิม พยายามระงับอาการมึนหัวที่ตีขึ้นมาไม่หยุดหย่อน

     

     

    จิ๋วชายตามองคนข้างตัวอย่างไม่ใคร่จะอารมณ์ดีเท่าไรนัก เห็นอีกคนยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ก็ตวัดสายตามองนายหวินอย่างขุ่นมัว ถ้าปล่อยให้เรียกต่อไป ก็คงจะชาติหน้านั่นล่ะที่นิวจะรู้

     

    มือเรียวแตะสัมผัสที่เรียวแขนอีกคนเบาๆ ด้วยรู้ว่านิวคงมึนๆจนอยากจะอยู่นิ่งๆเฉยๆมากกว่า

     

    “นิว เพื่อนเรียกอ่ะ

     

    “หืมม ใครเรียกนิว”

     

    อาจเป็นเพราะสัมผัสนี้ช่างคุ้นเคย นิวถึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างฉับไวแถมยังส่งเสียงถามโดยไม่ใช้เวลาต้องประมวลผลสักนิด คนตัวเล็กบุ้ยหน้าไปทิศที่มีเพื่อนนิวยืนยิ้มคอยอยู่ ให้คนที่มีอาการมึนๆได้โงหัวมองตาม ก่อนคิ้วคมจะผูกกันแน่นเมื่อพบว่าเป็นเพื่อนที่เพิ่งจะแบกเธอกลับมาส่งเมื่อสักครู่

     

    ที่จริง เธอบอกไอ้หวินไปแล้วว่า หากไม่มีอะไรก็อย่ามารบกวนกันสักพักจนกว่าจะถึงเวลาสำคัญ เธอออยากมีเวลาอยู่กับจิ๋วบ้าง หลังจากที่ปล่อยผีจนต้องทิ้งคนตัวเล็กให้นั่งเหงาคนเดียวหลายชั่วโมง

     

     

    “เอ้า ไอ้หวิน ว่าไง มีไร

     

    สิ้นคำถาม รอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ผุดขึ้นบนหน้าตี๋ๆนั่นอย่างมีลับลมคมใน เพื่อนชายคนสนิทพุ่งตัวข้ามจิ๋ว มาคว้าเอาข้อมือเธอฉุดขึ้นสุดแรง ให้คนสติเหลือน้อยได้ยืนโงนๆเงนๆอย่างลำบากลำบน

     

    จิ๋วมองภาพนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นคลั่ก แต่ก็เก็บสีหน้าได้อย่างไม่น่าเกลียดนัก หวินเอียงหน้าเข้าใกล้นิว แถมยังเอามือป้องปากกระซิบกระซาบอะไรกันสองคน

     

    คนตัวเล็กแกล้งเสหน้ามองไปทางอื่น ทั้งที่ความสนใจทั้งหมดจมอยู่ตรงนี้จนไม่อาจมองเห็นอะไร

     

     

    “โอ๊ยหวิน มึงพูดดังดังดิ้ ไม่ได้ยินโว้ย”

    ชั่วอึดใจเดียว คนกำลังมึนก็สะบัดตัวออกจากเพื่อนแล้วโวยวายเสียงดัง ใบหน้าสวยคมยุ่งเหยิงราวกับดูหงุดหงิดเต็มที มีหวินที่ยืนข้างๆคอยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ

     

    “ไหนมึงพูดไรหวิน ไม่ต้องกระซิบดิ๊ พูดเมาเลยมึงเจอใคร ดังๆ”

     

    นิวออกคำสั่งอีกคนเสียงดัง คำสั่งที่ได้ยิ้มกรุ้มกริ่มมาเป็นการตอบแทนอีกครั้ง

    หนุ่มตี๋หรี่ตามองเพื่อนสาวอย่างต้องการความมั่นใจ ก่อนจะส่งเสียงทวนถามอีกรอบ

     

    “แน่ใจนะนภัสสร ว่าชัชวินสามารถพูดเรื่องนี้เสียงดังได้น่ะ

     

    “เออ! บอกว่าได้ก็ได้ดิ”

     

    จิ๋วแทบกลั้นหายใจรอ เมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าจะเปิดปากบอกเรื่องนั้นออกมาเต็มที….

     

     

     

     

    “วันนี้นนท์มาด้วยว่ะ กูเจอเขานั่งชนอยู่กะพี่หมออยู่โต๊ะข้างหน้า

     

     

    ชื่อของบุคคลที่สามทำเอาทั้งนิวทั้งจิ๋วหน้าเปลี่ยนสี

    บรรยากาศที่ดูสนุกสนานกลับเงียบกร่อยไปโดยปริยาย สำหรับจิ๋วที่นั่งกอดอกซึม

     

     

    ตั้งแต่วินาทีนั้น เป็นต้นมา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     
    NONT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×