ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าเขายังสำคัญ" #newjiew

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 explode

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 57


     

    “โอ้ยยย ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้นะ”

    เสียงระโหยของผู้จัดการหนุ่มร่างใหญ่ไม่ได้สร้างความรู้สึกใดให้น้องสาวในการดูแลมากไปกว่าหมั่นไส้ เจนรบทิ้งตัวลงบนโซฟากลางบ้าน บิดเนื้อบิดตัวไปมาไม่ยอมหยุด โดยมีเจ้าของคนหนึ่งยืนยิ้มมองอย่างนึกขำ ส่วนเจ้าของอีกคนหน้าง้ำเพราะรู้สึกว่าพี่เจนกำลังกวนประสาทกันอยู่

     

    เธอรู้ทันพี่เจน เห็นแววตาร้ายๆคู่นั้นก็รู้แล้วว่าคงไม่สงบสุขดีแน่ๆคืนนี้...

     

    แล้วก็จริงอย่างที่นิวคิด

    “แบรนด์นิวจิวเวลรี่ คืนนี้เจซีขอนอนด้วยคนนะคะ”

     

    “ไม่เอาพี่เจนนน ตัวเองก็กลับไปนอนบ้านตัวเองสิ อย่าอย่างนี้”

    ไม่ทันสิ้นคำ เจ้าของชื่อแรกที่หลุดจากปากเจนรบก็ร้องโวยวายขึ้นมาอย่างขัดอกขัดใจ ใบหน้าสวยบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นชัดว่าอีกคนจงใจแกล้งกันจริงๆ และภาพในสายตานั้นก็ทำคนตัวเล็กแอบอมยิ้ม ไม่นึกโกรธพี่เจนมากมายอย่างที่นิวเป็น ออกจะขำความไม่เก็บอาการของนิวมากกว่า

     

    “พี่จะนอนที่นี่... เหนื่อย ไม่อยากขับรถ”

    ตอบสั้นๆกำปั้นทุบดิน ก่อนจะหลับตาหนีความวุ่นวายจากไอ้น้องตัวแสบไปอย่างกวนประสาท ถูกทั้งดึงทั้งลากทั้งนั่งทับแต่เจนรบก็ยังไม่ยอมลุกออกจากโซฟา ให้นิวได้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคั่งแค้นไปกันใหญ่

     

    “จิ๋ว คืนนี้พี่นอนห้องจิ๋วนะ”

    ส่งรีเควสไปยังเจ้าห้องชั้นสาม แผนแกล้งขั้นเด็ดขาดที่รู้ดีว่าเมื่อพูดไปแม่นภัสสรได้ร้อนเป็นไฟแน่นอน

    “ฮื้ออ พี่เจนนนนนนน”

    แล้วก็ได้ผลน่ะ เห็นไหมล่ะ

     

    เจนรบเหลือบตามองจิ๋ว สองคนประสานสายตาแล้วแอบหัวเราะเบาๆกับท่าทางเอาเรื่องของนิวที่ดูน่าตลกมากกว่าเอาจริงเอาจัง ทั้งๆที่นิวน่ะ จริงจังมากแท้ๆ

     

    “ได้สิคะ งั้นเดี๋ยวจิ๋วขึ้นไปจัดที่นอนให้นะ”

    นิวอ้าปากเหรอหรา ให้คนตัวเล็กยิ่งต้องเพิ่มความพยายามในการสะกดรอยยิ้มไม่ให้กว้างไปกว่านี้ รับคำพี่เจนทั้งยังแอบหยอกอีกคนเล่นๆด้วยการตรงขึ้นห้องไปจัดการเรื่องที่นอนให้พี่เจนอย่างไม่อิดออด

     

    “ฮึ้ย พี่เจนนะพี่เจน!

    นิวหันมาเอาเรื่องกะเจนรบที่ยังนอนยิ้มเผล่กวนประสาท ขัดอกขัดใจจนอยากจะทุบร่างหนาๆนั่นเข้าสักอั้ก เธอน่ะ มีเรื่องอยากจะพูดกับคุณจิ๋วตั้งหลายเรื่อง อยากจะคุยให้เข้าใจ อยากจะจัดการเรื่องของเราให้ชัดจนเสียที แต่พี่ชายที่เสนอตัวว่าจะช่วยดันมากลับลำกลั่นแกล้งกันเสียได้

     

    ตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อบ่าย ก็แทบไม่มีเวลาให้เธอได้คุยกับจิ๋วมากไปกว่าการสนทนากันบนเวทีต่อหน้าแฟนคลับ ถึงจะมีเวลาบ้าง แต่คนที่อยากคุยด้วยกลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้ได้เอ่ยอะไรสักเท่าไร แม้ตอนนั่งรถกลับบ้าน จะอ้าปากพูดอะไรก็มีอันต้องโดนพี่เจนขัดขวางอยู่เรื่อย เธอฝืนข่มเก็บกลั้นความในใจมาจนถึงบ้าน หมายมั่นปั้นมือว่ายังไงก็ต้องเป็นคืนนี้ที่ได้เผด็จศึก แต่คุณผู้จัดการก็ยังจะแกล้งกันต่อด้วยการขอนอนเอาเสียดื้อๆ แถมจิ๋วก็ยังไม่ปฏิเสธ ซ้ำยังเต็มอกเต็มใจจัดที่หลับที่นอนให้เสียอีก

     

    ถ้าพี่เจนนอนห้องเธอเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด ก็พอจะแอบแว่บไปหาคุณจิ๋วตอนดึกๆได้อย่างไม่ลำบากอะไรนัก แต่นี่พี่เจนนอนห้องคุณจิ๋ว วิธีเดียวที่จะได้มีเวลาอยู่กับคุณจิ๋วสองต่อสอง ก็คงเหลือแต่ไปแอบอุ้มออกมาจากห้องในตอนดึกซะล่ะมั้ง

     

    หรือไม่ก็... เหลืออีกวิธีนึง...

     

    นิวยิ้มเผล่ หมื่นทางตันยังมีทางนึงให้ออกเสมอ...

     

    “ฮั่นแหนะ ไอ้เจ้าแสบ จะไปไหนน่ะ”

    แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาเจนรบไปได้หรอก เสียงเข้มออกปากรั้งน้องสาวตัวแสบทันทีที่นิวทำท่าจะพุ่งตามจิ๋วขึ้นไปบนห้อง... เสียงเข้มนั้นทำนิวชะงักกึก รอยยิ้มที่สดใสวูบลงกะทันหัน หันมองพี่เจนขวับ หน้ายู่ยับ แหวใส่เสียงดังอย่างงอแงเต็มที

     

    “อย่ามาห้ามนิวว จะไปหาจิ๋วว ฮือออ พี่เจนอย่าแกล้งงง”

     

    ท่าทางสะบัดเนื้อสะบัดตัวแบบเด็กน้อยเอาแต่ใจให้เจนรบได้หัวเราะร่า... สะใจจริงๆที่ได้แกล้ง...

     

    และเมื่อแกล้งจนพอใจแล้ว ก็ถึงคราวเข้าเรื่องจริงจังสักที... เจนรบผุดลุกขึ้นนั่งบนโซฟาตัวเดิมด้วยท่าทางมั่นคง ส่งเสียงไปขัดจังหวะการงอแงของน้องสาวด้วยประเด็นจริงจัง

     

    “ฮ่าๆ ไม่ได้แกล้ง แต่ไม่ให้ไป มาเลย มานั่งคุยกันก่อน เราน่ะ มีเรื่องคุยกันเยอะนภัสสร”

     

    ท้ายเสียงเรียบๆที่ทำคนงอแงยอมหยุด นิวหันไปสบตาพี่เจน ถึงได้เห็นว่าในแววตาคู่นั้นมีเรื่องจริงจังซ่อนอยู่จริงๆ...

     

    ยอมเดินไปนั่งหมดอาลัยตายอยากบนโซหาอย่างว่าง่าย ทั้งที่คอตก เหลือบมองคนข้างบนตาละห้อย

     

    “มีอะไรก็ว่ามาสิพี่เจน...”

    เสียงเอยๆแบบเบื่อหน่ายดังให้อีกคนเปิดประเด็น... และเจนรบก็ยิ้มเจิดจ้าส่งมาแทน

     

    “เรื่องเธอกับจิ๋ว... เล่ามาให้พี่ฟัง เดี๋ยวนี้เลย”

     

    ก็นะ เขาก็อยากรู้เรื่องในเชิงลึกบ้าง แต่จะให้ไปคั้นเอาจากปากจิ๋วก็คงชาติหน้าสายๆโน่นล่ะถึงจะได้ความ หากจะเค้นโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก ก็คงต้องหันมาทางเจ้านิวนี่แหละ ง่ายสุดๆ

     

    ตัวแสบยิ้มเขิน... ก้มหน้างุด เป็นสัญญาณดีดีที่บอกให้รู้ว่านิวไม่ปฏิเสธคำขอของเขา...

     

    เจนรบเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายๆ เตรียมตั้งอกตั้งใจฟัง...

     

    แล้วเรื่องราวแสนหวานก็หลุดออกจากปากนิวมายืดยาว... เนิ่นนาน พร้อมกับรอยยิ้มละไมที่เจืออยู่บนใบหน้าสวยแทบจะตลอดเวลา...

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

    ฟูกหนาขนาดสามฟุตครึ่ง คลุมด้วยผ้าปูที่นอนสีชมพูหวานแหวว วางเรียบร้อยพร้อมหมอนและผ้าห่มข้างเตียงเจ้าของห้อง จิ๋วยังคงเก็บนู่นเก็บนี่วางในที่ที่ควร จัดการห้องให้เรียบร้อยก่อนคุณพี่ชายจะเข้ามาอาศัยนอน

     

    เรียบร้อยก็นั่งเอนหลังลงบนเตียงตัวเองอย่างผ่อนคลาย เอื้อมมือไปคว้าไอแพดที่คว่ำนิ่งอยู่ตลอดวันมากดเช็คข่าวคราวตามประสาคนดัง เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมงที่ไม่ได้เช็คอินสตาแกรม เหล่าแฟนคลับก็แท็กรูปจากงานล่าสุดกันมาให้พรึ่บ เล่นเอาคนตัวเล็กไล่ตามกดไลค์แทบไม่ทัน

     

    หน้า photos of you เรียงรายไปด้วยรอยยิ้มของเธอและเพื่อนรักจนต้องเผลอยิ้มตาม เหล่าแฟนคลับของเธอถ่ายรูปดีจนควรยึดการถ่ายรูปเป็นอาชีพ ภาพเหล่านั้นสื่ออารมณ์ในรอยยิ้มออกมาอย่างชัดเจน ยิ้มที่สดใส ยิ้มที่จริงใจ ยิ้มที่มีความสุข

     

    รูปคู่นิวจากงานเมื่อเย็นที่เธอเพิ่งลงไปได้รับความสนใจมากมายเป็นพิเศษ คอมเม้นหลายร้อยกำลังทำเธอยิ้มไม่หุบ ปกติ เธอไม่ค่อยสนใจที่จะไล่อ่านคอมเม้นจำนวนมากมายเหล่านั้นนัก แต่วันนี้อะไรดลใจเป็นพิเศษ ให้เธอไล่สายตามองพร้อมกับรอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ยังฉายชัดเจน

     

    และไม่ใช่เพียงผ่านตาไปเฉยๆ หนึ่งในร้อย ยังมีข้อความที่สะดุดใจ

     

    ดีใจนะคะ ที่ได้เห็นพี่ยิ้มให้กันแบบนี้อีกครั้ง ดูแลรักกันไปนานๆนะคะ

     

    จังหวะหัวใจไหวสั่นราวกับมีคนจับมันเขย่าๆย้ำๆซ้ำๆอย่างไม่ปราณี คนตัวเล็กหน้าแดงฉ่า นิ้วเรียวเลื่อนกลับไปดูรูปอีกครั้ง เห็นรอยยิ้มของเราก็ยิ่งให้ใจสั่นไปกันใหญ่ ความขัดเขินพุ่งโจมตีไปหมดต้องเสหลบสายตาจากรูปที่เป็นตัวการให้เธอเป็นหนักขนาดนี้

     

    น้องแฟนคลับนั่นก็ร้ายกาจ ข้อความสุดจิ้นนั่นอาจเคยทำให้เธอเป็นกังวล แต่ในวันนี้มันกลับให้เธอยิ้มได้ไม่หุบ แม้ไม่รู้ว่าตื้นลึกหนาบางแค่ไหนที่ใครมองเห็น สายตาใครมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

     

    รูปคู่อัดกรอบขนาดยักษ์ของเราสองคนตั้งแต่สมัยเมื่อ6-7ปีก่อน แขวนเด่นหราอยู่ข้างชั้นวางทีวีปลายเตียง จิ๋วส่ายหน้ากับตัวเองอย่างยอมแพ้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เธอก็หนีความเป็นเราไม่พ้นจริงๆ

     

    รูปนั้น

     

    มันเป็นของขวัญวันรับปริญญาจากเพื่อนรักที่ยืนเคียงข้างเธออยู่ในรูป ทริปนั้นเป็นทริปฉลองใบปริญญาที่นิวแอบซื้อแพคเกจมาเซอร์ไพรส์กันหลังจากที่เธอทุ่มเทกับคอนเสิร์ตจบการศึกษาอย่างหนักแทบไม่ได้พักผ่อน ทะเลแถบภาคตะวันออก ตามกำลังที่จะจ่ายไหวในตอนนั้น สามวันสองคืนที่แสนมีความสุข นิวให้การพักผ่อนที่แสนสบายเป็นของขวัญ ให้วันเวลาดีดีเป็นความสุขสำรองอยู่ในใจจวบจนวันนี้

     

    การพักผ่อนของเธอคือนอนอยู่บ้านเฉยๆ ต่างกับนิวที่ไม่เคยเห็นการพักผ่อนใดดีมากไปกว่าการนอนฟังเสียงทะเล ตลอดทริปนั้น หลังจากที่นิวตามใจตัวเองโดยการลากเธอไปนอนริมหาด นิวก็ตามใจเธอด้วยการบริการขนมนมเนยไม่ขาด ปล่อยให้เธอได้นอนเฉยๆเป็นคุณนายทั้งวันโดยไม่ให้เธอต้องขยับตัวทำอะไรแม้เพียงนิด

     

    รูปที่ย้ำเตือนความทรงจำกันอยู่ ก็ถูกไหว้วานโดยนักท่องเที่ยวแถวนั้นให้ช่วยกดชัตเตอร์ให้ ผู้หญิงสองคนกอดคอแนบชิดส่งรอยยิ้มสดใส ใบหน้าอ่อนเยาว์กับเนื้อตัวผอมบางยืนอยู่เบื้องหน้าทะเลที่ไกลแสนไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามกับดวงตะวันที่แสนสดใส

     

    ทะเล

    ทะเล

     

     

    การพักผ่อน

     

    ทะเล

     

     

    “ทะเล!

    คนตัวเล็กตาลุกวาว ทะเล การพักผ่อน วันว่างจากรีเควสพักงานสองอาทิตย์

     

     

    มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เธอจะได้ทำอะไร เซอร์ไพรส์ ให้ เพื่อนรัก สักที

    หลังจากที่โดนเซอร์ไพรส์จากเพื่อนรักมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วในระยะเวลาความสัมพันธ์ที่แสนยาวนาน

     

     

    มือเรียวรีบกดเข้าเว็บเสิร์ชเอ็นจิ้น เสิร์ชหาทะเลที่น่าสนใจอย่างตื่นเต้น ภาพทะเลในประเทศไทยนับร้อยๆที่เรียงรายให้เลือกสรร ต่างก็สวยงามตามแบบฉบับของตัวเองจนเลือกไม่ถูก

     

    คนตัวเล็กวางแพลนในหัวไปมาไม่หยุด.. ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มไม่จาง

     

    กวาดสายตามองอย่างพิจารณา

     

    ที่ไหนกันนะ ที่ที่เหมาะสมมากพอจะให้คุณนภัสสรได้จดจำว่าช่วงเวลาเหล่านั้นจะเป็นคืนและวันที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา

     

    อ่า สวยทุกที่เลยแฮะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    “นิวจะชวนคุณจิ๋วไปญี่ปุ่น พี่เจนอยากไปด้วยกันไหม”

     

    เจ้าน้องสาวตัวแสบหันมาชวนกันด้วยสีหน้ายิ้มๆเมื่อแข็งใจข่มความเขินเล่าเรื่องราวทุกอย่างจนจบ ใบหน้าของคนอินเลิฟยังอิ่มละไม ให้คนเป็นพี่ได้หมั่นไส้แล้วหมั่นไส้อีกจนอยากจะผลักหัวกลมๆนั่นให้ทิ่มไปสักที

     

    เจนรบเพียงแต่ยิ้ม ยังไม่ยอมตอบเป็นคำ เอนแผ่นหลังราบลงกับโซฟา คว้าเอาหมอนอิงมากอดซุกก่อนจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

     

    ก่อนปากพึมพำคำตอบปฏิเสธ พร้อมแนบเหตุผลว่าไม่อยากไปขัดคอใคร สีหน้าดูโล่งใจที่เห็นวี่แววว่าเรื่องร้ายๆจะยุติลงเสียที

     

    ให้คิ้วเข้มของนิวขมวดลงน้อยๆส่งเสียงเซ้าซี้พี่ชายที่ดูทำท่าจะปิดการรับรู้ทั้งหมดไปในวินาทีนี้

     

    “ไปด้วยกันสิพี่เจน ไม่ต้องกลัวไปเป็นกขค.หรอก เพราะจริงๆทริปนี้ นนท์ไปด้วย…..

     

    “ฮะ!

     

    เท่านั้นแหละ แผ่นหลังที่เคยเอนราบในท่าสบายก็เด้งขึ้นมาจนหน้าแทบพุ่งสีหน้าท่าทางน้ำเสียงตกอกตกใจมาครบเซตจนนิวผงะ คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของพี่เจนมารวดเร็วรุนแรงขนาดนี้ แววตาของพี่ชายมีแต่คำถาม

     

    ร้อนถึงเธอต้องระล่ำระลักอธิบายเพราะกลัวเจนรบจะเข้าใจผิดไป

     

    “ไม่ๆ อย่าทำหน้างั้นใส่นิว คือตอนแรกเนี่ย นนท์เค้าชวนนิวไปญี่ปุ่น ไปทริปถ่ายรูปกัน นิวตกลงกะเค้าไปแล้วอ่า ถึงเคลียร์กันแล้ว ไม่ได้คิดอะไร มันก็ยังต้องไปนี่นา”

     

    สีหน้าหวาดๆและคำอธิบายของนิวไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยในความรู้สึกเขา เจนรบส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ในแววตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความยุ่งยากลำบากใจมากมาย

     

    ถึงจิ๋วจะกล้ายอมรับในความรู้สึกของตัวเอง แต่นนท์ก็ยังไม่ใช่บุคคลที่จะเอามายุ่มย่ามในความสัมพันธ์วันนี้อยู่ดี

     

     

    “อีกอย่าง เคลียร์กันเข้าใจแล้ว นิวบริสุทธิ์ใจนะ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยจริงๆ

     

     

    “นิว พี่ไม่เห็นด้วย ถ้ามีใครเห็นเธอไปกับนนท์ หน้าหนึ่งแน่!

    เจนรบพูดคำที่ทำเอาน้องไหล่ตก ปัญหาใหญ่จริงจังมากกว่าเรื่องของจิ๋วเสียอีก นิวชะงัก ลืมนึกถึงปัญหานี้ไปสนิทใจ ความบริสุทธิ์ของเธอไม่มีทางเถียงชนะเสียงเม้าธ์ของคนทั้งประเทศแน่ๆ แต่พอได้ยินแต่เสียงใจที่อยากไปมันร่ำร้องอยู่ข้างใน ก็แทบจะอยากเร่งวันเร่งคืนให้ถึงด้วยซ้ำ

     

    แต่ก็ยังไม่วายตะแง้วพี่ชายอีกครั้ง หวังให้ใจอ่อน

     

    “ไม่ได้ไปกับนนท์สองคนนี่นา ก็นิวจะชวนจิ๋วไปด้วยไง แล้วพี่เจนก็ไปอีกคน เป็นสี่คนไง นะคะพี่เจน”

    นิวอ้อนเสียงอ่อย ก้มลงมองมืออย่างไม่กล้าสบตาเพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดไม่รู้เรื่อง ทำตัวเป็นเด็กๆอีกครั้ง

     

     
     

    ไม่ทันได้เห็นเลยว่าแววตาพี่ชายที่เคยมองกันอย่างยุ่งยากใจ ได้เปลี่ยนมุมมองสายตาเลยเธอไปด้านหลังตั้งนานเท่าไรแล้ว เจนรบหน้าซีด กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก คนที่ไม่อยากให้อยู่ตรงนี้ที่สุด ยืนกอดอกนิ่งฟังเรื่องทั้งหมดอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างหลังนิวนี่เอง

     

    เขานั่งหันไปทางบันได จึงเห็นจิ๋วพร้อมกระดาษในมือแอบย่องลงมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นก่อน ส่วนนิวที่นั่งหันหลังให้บันได แถมยังมัวแต่นั่งพร่ำเรื่องญี่ปุ่นจอมปัญหา ถึงได้ไม่รู้ว่ามัจจุราชกำลังมาเยือน

     

    แววตาเข้มแข็งสั่นระริก ไม่ยากเลยที่จะรับรู้ว่าอารมณ์ภายในใจของคนตัวเล็กไม่ได้เป็นปกตินัก


     

    จิ๋วเม้มปากแน่น ฟังนิวพูดทั้งหมดอย่างสะเทือนใจ เธอมาไม่นาน ได้ยินไม่ทั้งหมด ซึ่งนั่นอาจจะดีอยู่แล้วกับสุขภาพหัวใจของเธอ แต่ก็พอจับใจความได้ว่านิวจะไปญี่ปุ่นกับนนท์

     

    นั่นหมายความว่า ทริปทะเลของเธอก็เป็นอันต้องถูกพับไปทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ

    กระดาษในมือถูกขยำยับโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเพียงแต่กำมือแน่นไปเท่านั้นเอง


     

    “นิวอยากไปทริปกับนนท์จริงๆนะพี่เจน อยากไปถ่ายรูป อยากไปเห็นในมุมอื่นๆบ้าง ไม่ได้แค่อยากไปช็อปปิ้งเหมือนเวลาพวกเราไปกัน ถ้าพี่เจนไปด้วย พี่จะได้เป็นเพื่อนพาจิ๋วเที่ยว นิวจะได้ไปกับนนท์อย่างไม่ลำบากใจ นะพี่เจนนะ นานๆทีนิวจะได้หยุดนี่นา

     

     

    ด้วยเพราะเจ็บ ปวดใจจริงๆ

     



     

    “ก็ไปกับนนท์สินิว ไปกันสองคน เพราะยังไงจิ๋วก็คงไม่ไปอยู่แล้ว คิดว่าตัวเองมีแพลนอยู่แค่คนเดียวหรือไง

     

    เสียงเย็นแทรกขึ้นมาเมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไป ให้คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนั่งนิ่งตัวแข็ง ชาวาบไปทั้งใจ ประโยคทั้งหมดที่พูดไป ใจความมันชวนให้เข้าใจผิดมากกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนโดนมีดแหลมจี้อยู่หลังคอ พร้อมตายได้ทุกเมื่อ

     

    นิวส่งสายตาขอความช่วยเหลือเร่งด่วนจากพี่เจนที่เอาแต่ส่ายหน้าไปมา นาทีนี้แค่จะหันไปมองจิ๋วยังไม่กล้า

     

    “จิ๋วก็มีแพลนเที่ยวเหมือนกัน ไมว่างไปกับนิวหรอกนะ พี่เจนไปด้วยกันไหมคะ

    คนตัวเล็กเดินอ้อมมาพิงโซฟาตัวใหญ่ของพี่เจน ฉาบรอยยิ้มขึ้นเต็มสีหน้าเพื่อบดบังร่องรอยความเจ็บปวดผิดหวัง แทบไม่เหลืออะไรในสายตาคู่นั้นให้นิวได้มองเห็นหรือรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริง เจนรบสูดลมหายใจเข้าปอดลึก คิ้วสองข้างขมวดรัดแน่นด้วยรู้ว่าสิ่งที่เขาเคยคิดว่าดี จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว นับแต่วินาทีนี้

     

    แววตาร้ายกาจของน้องสาวตัวเล็กที่ทำไม่บ่อยนัก ริมผีปากบางเหยียดยิ้มมองเขาอย่างไม่เป็นปกติ เจนรบได้แต่ยิ้มแกนๆตอบรับ นิวเก่งเหลือเกินที่ปลุกด้านนี้ในตัวจิ๋วออกมาได้ เป็นคนเดียวที่ทำได้ เปลี่ยนคนนิ่งขรึมเย็นชาให้เป็นผู้หญิงหยิ่งผยองร้ายกาจ แววตาร้อนแรงลึกล้ำ ตัวตนลึกๆที่คนตัวเล็กไม่ได้หยิบมาใช้อยู่หลายปี นับแต่ที่เห็นนิวและจิ๋วทะเลาะกันครั้งที่แล้ว

     

    ก็เกือบสี่ปี

     

     

    “จิ๋ว จะไปไหน”

    นิวถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ใจโหวงบอกไม่ถูก ไม่ได้คิดว่าอีกคนจะไม่ว่างพอไปเที่ยวด้วยกัน เพราะก็ยังไม่เห็นคนตัวเล็กเตรียมตัวอะไร ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากชวน ยิ่งเห็นแววตาไม่คุ้นกับใจแบบนั้น ก็ยิ่งหวั่นไหวจนกลายเป็นหวาดกลัว

     

    หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้อีกแล้ว

     

    “ไปภูเก็ต

    คนตัวเล็กตอบสั้นๆ ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม ปล่อยให้นิวเป็นฝ่ายต้องกลั้นใจรออย่างหวั่นไหวไม่น้อย ความเป็นห่วงแล่นจับใจ

     

    “ไกลจัง

    ควานในใจหลุดออกมาเป็นคำๆ ที่ทำเจ้าของทริปภูเก็ตต้องแค่นหัวเราะหึอย่างร้าวราน

     

    “ใกล้กว่าญี่ปุ่นนะ”

    มันคือคำประชดประชันที่ทำคนฟังสะอึก แต่ยังก่อน มันยังไม่ใช่ที่สุด

     

    เจนรบผ่อนลมหายใจยาว รอระเบิดเวลาที่ใกล้จะปะทุในอีกไม่ช้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าที่จิ๋วยังยืนอยู่ตรงนี้เพราะยังต้องการอะไร อะไรที่อาจจะทำให้เรื่องราวมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะแก้ไข

     

    “อ้ะๆ แล้วไม่ต้องถามจิ๋วนะว่าไปกับใคร นิวไม่อยากรู้หรอก”



     

    “ใคร ?

    จิ๋วรู้จุดอ่อนนิวดี การทำให้นิวเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพียงแค่ใช้ถ้อยคำสะกิดใจไม่กี่ครั้ง อารมณ์พลุ่งพล่านที่นิวมีก็จะทำร้ายตัวนิวเองโดยที่เธอไม่ต้องออกแรงทำอะไรสักอย่าง

     

    แค่ตอบ ในสิ่งที่ถาม

    ในสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว ว่านิวจะไม่อยากรู้แน่ๆ ไม่อยากรับรู้มันแน่ๆ

    หากหัวใจดวงนั้นยังแคร์กันอยู่จริงๆ

     

     

     

    คนตัวเล็กจิกตามองใบหน้าสวยคมนิ่ง ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจชัดเจน

    นิวเองก็จ้องกลับอย่างไม่นึกกลัว อารมณ์หวงกรุ่นในอกเมื่อพอจะเดาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไร

     

     

    เจนรบเบือนหน้าหนีสถานการณ์ที่น่าอึดอัด ได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์เลวร้ายนี้ยุติลงเสียที

     

    แต่คำภาวนาของเขา ไม่อาจเป็นผล

     

     

     

    “พี่เบล

    ชื่อนั้นหลุดออกจากปาก เรียบนิ่ง แจ่มชัด

     

    เปรียบเสมือนเสียงระเบิดลั่นทันทีที่สิ้นคำ

     



    เจนรบลุกหนีสถานการณ์นั้นอย่างไม่คิดสนใจ มือหนาคว้าเอากุญแจรถตัวเองพร้อมกับกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากตัวบ้านไปอย่างไม่ร่ำลา ไม่มีแม้เสียงรั้งใดจากคนในบ้าน เสี้ยววินาทีให้หลัง รถยนต์คันเก๋ก็พุ่งออกจากบ้านที่ระอุอุ่นไปด้วยทิฐิ ห่างออกไปเพราะมันอึดอัดเกินกว่าที่คนนอกอย่างเขาจะรับไหว

     

    มันพัง ทุกอย่างที่เขาเพียรพยายาม พังลงมากับตา

     

    เมื่อนิวและจิ๋วต่างก็ไม่พยายามจะประสานรอยร้าว แต่กลับเหยียบซ้ำให้มันแยกจากกันอยู่ทุกวัน

    แผลนี้มันอาจสาหัสสากรรจ์เกินกว่าจะเยียวยา

     

    เฮือกแล้วเฮือกเล่าที่เจนรบถอนหายใจกับตัวเอง มือหนาทุบเข้ากับพวงมาลัยระบายอารมณ์ที่คุกกรุ่น มันเป็นมากกว่าความเหนื่อยใจ

     

    สุดท้าย มันคือการปลงตก บางทีฟ้าอาจกำหนดมาแล้วบางทีทุกอย่างอาจต้องจบลง

    เจนรบได้แต่ปลอบตัวเอง อย่าได้เสียใจ เขาทำสุดกำลัง สุดความสามารถที่จะทำ ทำทั้งหมดแล้ว

     

    เขาคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

    ไม่แล้วจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

    “จิ๋ว ! จิ๋วหยุดนะ หยุดเดินหนีนิวเดี๋ยวนี้นะ !

    คนพูดหน้าแดงก่ำ ทั้งเหนื่อยหอบทั้งโมโห แต่ยิ่งพูดเท่าไรก็เหมือนจะเป็นคำสั่งให้คนตัวเล็กยิ่งจ้ำหนีกันอย่างไม่ยอมแพ้

     

    แขนเรียวเหนี่ยวบันไดให้เป็นแรงฉุดพาเธอขึ้นไปให้ถึงห้องให้เร็วที่สุด สูดลมหายใจเข้าปอดลึก อีกนิดเดียวก็จะถึงประตูห้องแล้ว เธอจะมาโดนนิวลากไปคุยตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด นิวตอนโมโหรับมือยากเกินไป และเธอก็ทั้งเหนื่อยและเสียใจเกินกว่าจะต้องมานั่งฟังคนใจร้ายโวยวายใส่กัน

     

    และนิวคงไม่โมโหขนาดนี้ ถ้าเธอเพียงแต่จะยั้งปากเอาไว้บ้าง..

     

     

    “จิ๋ว!

    เสียงตวาดเป็นชื่ออีกคนที่ยังจ้ำหนีกันดังลั่น หัวใจเต้นแรงถี่จนแทบทะลุออกจากอก มันมากกว่าความโมโห มันคือความหึง เธอหึงคนตัวเล็กแทบขาดใจ และยิ่งหึงเมื่อรู้ว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้เลย หากคนตัวเล็กยังคงดื้อดึงหนีกันอยู่แบบนี้

     

    เพราะทันทีที่พี่เจนออกจากบ้าน เพื่อนรักก็หลุดประโยคที่ทำความอดทนอันน้อยนิดของเธอสิ้นสุดลง


     

    “พี่เจนปฏิเสธ งั้นก็เหลือแค่สองคนสินะ ก็โอเค้

     

    จบก็เดินจากกันมา ทิ้งเธอให้ยืนโกรธหน้าดำหน้าแดงจนแทบจะระเบิดอยู่ตรงนั้น สำนึกได้อีกทีคนตัวเล็กก็หนีมาไกลจนต้องวิ่งตามมาตรงนี้แล้ว

     

    ตรงนี้ หน้าห้องนอนส่วนตัวชั้นสามของคุณจิ๋ว

     


    “จิ๋ว! หยุด อย่าปิดประตูนะ!

     

     

    ไม่ทันขาดคำ ไอ้ประตูบ้านั่นก็ปิดฉับลงอย่างไม่ลังเล นิวพุ่งสุดแรงเกิด รู้ดีว่าหากปล่อยโอกาสสุดท้ายนี้ให้หลุดลอยไปก็คงจะไม่ได้เคลียร์ใจกันเป็นแน่มือขวายื่นผลักประตูที่ไกลปิดเต็มทีให้เปิดออก พร้อมกับเบี่ยงตัวลอดเข้าประตูแล้วยื่นแขนซ้ายไปคว้าข้อมือคนตัวเล็กสุดแรง

    จับได้แล้ว

     

    “ปล่อยนะนิว!

    เสียงประท้วงของคนตัวเล็กพร้อมแรงสะบัดแทบจะในทันทีที่เนื้อตัวสัมผัสกัน แววตาฉุนเฉียวไม่สบอารมณ์อย่างร้ายแรงจ้องอย่างเอาเรื่อง

     

    ปกติ จิ๋วไม่ต้องมองกันถึงขนาดนี้เธอก็พร้อมยอมทุกอย่าง แต่วันนี้ไม่ใช่ นิวส่ายหน้าเพียงช้าๆ แทนคำปฏิเสธชัดเจน ดวงตาวาวโรจน์พร้อมมีเรื่องจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว ใช้แขนขวาผลักบานประตูที่คนตัวเล็กพยายามปิดแล้วแต่ไม่สำเร็จ ให้ปิดล็อคเธอไว้ภายในห้องนี้ ให้สมอย่างที่ใจจิ๋วต้องการ

     

    ดวงตาสองคู่จ้องประสานกันนิ่ง นิวไม่รีรออะไรอีกแล้ว ริมฝีปากที่สั่นระริกเพราะแรงโกรธพ่นคำสั่งอย่างไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง

     

    “นิวไม่ให้จิ๋วไปกับเขา

     

    สั้นๆตรงๆ เข้าใจง่ายๆ เธอไม่อ้อมค้อม เพราะไม่เห็นประโยชน์จะต้องปิดบังอะไรอีกแล้วและยิ่งอารมณ์ที่พลุ่งพล่านมากขนาดนี้ เธอไม่มีสติแม้แต่จะรวบรวมลมหายใจให้เป็นจังหวะสงบด้วยซ้ำ

     

    ในขณะที่คนตัวเล็กยังเลือกที่จะทิ้งจังหวะหนึ่งรวบรวมสติและวางแผนในใจ เธอไม่เคยปล่อยอะไรให้เป็นไปตามอารมณ์ ยกเว้นสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ อย่างที่เธอหลุดปากไปเป็นชื่อพี่เบลเมื่อครู่ ไม่ควร ไม่ควรทำจริงๆ เธอไม่ควรทำร้ายใครด้วยเรื่องไม่จริง

     
     

    แต่ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว

    หากนิวจะสังเกตเห็น คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ละครฉากใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น เพื่อปกป้องหัวใจดวงนี้จากความเจ็บปวดที่ดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสาย

     

    เธอจะยังเจ็บ แต่จะไม่เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว

     

    “หึ

     

    เสียงหัวเราะหึในลำคอดังขึ้นเป็นสัญญาณ

     

    รอยยิ้มไม่แยแสถูกฉาบขึ้นบนใบหน้า พร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ดูสงบนิ่งจนคนที่ร้อนเป็นไฟต้องเผลอกลั้นหายใจอย่างนึกหวั่น

     

    “ไม่ให้จิ๋วไปกับเขา?...

    ถามกลับยียวน ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามกลับแม้เจตนาจะไม่ได้จะเอาคำตอบ

     

    นิวพ่นลมหายใจแรงๆ พยายามจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเพราะเริ่มรู้แล้วว่ายิ่งเธอดึงดันจะโมโหไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่กระนั้น เสียงเข้มแข็งก็ยังคงยืนยันความตั้งใจ

     

    “ใช่ นิวไม่ให้จิ๋วไปกับพี่เบล”

    เสียงยืนยันที่ได้รอยยิ้มเยาะกลับมาเป็นคำตอบ

     

    ยียวน ยั่วเย้า ร้ายกาจ

     

    คนตัวเล็กละสายตาจากแววตาร้อนแรงคู่นั้น พร้อมกับร่างบอบบางที่เดินเรี่ยข้างเตียงไปอย่างเชื่องช้า รอยยิ้มยั่วอารมณ์ยังฉาบเคลือบอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา ริมฝีปากพึมพำประโยคร้ายกาจออกมาให้คนฟังตีคิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์

     

    ที่จริง ก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ถ้าไม่บอก ก็กลัวเธอจะไม่รู้

     

    หย่อนตัวลงนั่งปลายเตียง เหวี่ยงขาซ้ายเป็นท่าไขว่ห้าง ช้อนสายตามองคนโมโหอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด

     

    เว้นวรรคหนึ่งจังหวะ พร้อมกับส่งยิ้มที่ทำให้คนมองแทบร้อนเป็นไฟ

     

     

    “สิทธิที่นิวจะมาหวงจิ๋วน่ะ สิทธิอะไรหรอ

     

     

     

     

     

    “จิ๋ว!

    ฟังจบ คนที่ถูกยั่วให้โมโหแทบตลอดเวลาก็แผดเสียงเป็นชื่ออีกคนอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ หัวใจเต้นระรัวจนแทบทะลุออกมาอก เนื้อตัวสั่นเพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายใน และยิ่งมากมายขึ้นทุกที เมื่อเห็นคนตัวเล็กยังคงนั่งยิ้มเฉยเหมือนไม่สะทกสะท้านกับอะไรที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

     

    เสียงแข็งกระชากตอบ ได้ สิทธิอะไรใช่ไหมที่เธอจะหวง สิทธินั้น เธอมีแน่

     

    “หึ ขอโทษทีเถอะจิ๋ว เรื่องคืนนั้นน่ะ

     

    สิทธิที่ทำให้คนนั่งยิ้มเย็นชาเปลี่ยนสีหน้าเป็นขมวดเข้มแทบจะในทันที


     

    “นิว อย่านะ จิ๋วบอกให้ลืมมันไปไง

     

    “นิวลืมมันไม่ได้หรอกนะ เรื่องสำคัญขนาดนั้น ให้ตายก็ลืมไม่ได้หรอก

     

    เถียงทันควันไม่ต่างกัน พูดมาถึงตรงนี้ ต่างฝ่ายก็ต่างน้ำตาคลอ เพราะความลึกซึ้งในค่ำคืนนั้นมันยังแจ่มชัดเหลือเกิน


     

    คนตัวเล็กเบือนหน้าหนีจากเพื่อนรักอย่างทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนฉ่า และขอบตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสใสที่พร้อมจะรินไหลตลอดเวลา รู้สึกเหมือนความอึดอัดเจ็บปวดในเช้าวันนั้นได้หวนกลับมาอีกครั้งโดยไม่ทันรู้ตัว หัวใจสั่นสะเทือนเตือนให้ยุติเรื่องนี้ลงเสียก่อนที่หัวใจจะรับมันไม่ไหว

     

    มันยังเป็นรอยแผลในหัวใจ มันยังกรีดลึกจนเจ็บปวดอยู่จนวันนี้ มันเป็นเรื่องที่เราต่างทำเป็นลืมมาตลอดเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้

     

    เมื่อตั้งสติได้ คนปากไวก็เผลอหลับตาแน่นอย่างเจ็บปวด แน่นอน เธอเองก็ปวดร้าวไม่แพ้กันกับเรื่องที่เธอเผลอใจ มันเป็นอดีตที่ตอกย้ำความผิดพลาดของเธอทุกวัน ยังรู้สึกผิด ยังเป็นความกังวล ยังเป็นความคิดที่ดังอยู่เสมอว่าเธอทำร้ายอีกคนให้ต้องเจ็บปวดแค่ไหน

     

    น้ำตามากมายในเช้าวันนั้น สถานการณ์ตึงเครียดหลายต่อหลายวัน บอกเธอให้เข้าใจดี

     

    มันเป็นเรื่องที่เราต่างปล่อยให้มันผ่านไป ไม่อยากจะพูดถึง ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น

     

    แต่วันนี้ เธอกลับพูดออกมาอย่างไม่คิด

     

    ทำร้ายจิตใจกันและกันอีกครั้ง


     

    “หึ ความจำนิวมันดีมากใช่ไหมล่ะ มิน่า ถึงลืมนนท์ไม่ได้สักที

    คนตัวเล็กยิ้มเยาะ ถากถางออกมาทั้งน้ำตา

     

     

    ผุดลุกขึ้นยืนประจันหน้า พร้อมเดินประชิดตัวให้เพื่อนรักต้องก้าวถอยอย่างหวาดๆ

     

    นิวสบตาคนตัวเล็กอย่างเจ็บปวดไม่ต่างกัน ก้าวถอยช้าๆ อารมณ์ที่เคยร้อนพลุ่งพล่านเหมือนไฟที่มอดดับ เพียงเพราะน้ำตาที่หยดลงกลางกองไฟ ยิ่งรู้ว่าอีกคนเจ็บปวดเพราะตัวเอง หลายต่อหลายครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกผิด

     

    ยิ่งมีชื่อนนท์เข้ามาเกี่ยวก้อง ยิ่งเพิ่มพูนความผิดมากมายจนเธอไม่กล้าพูดอะไรสักอย่าง

     


    “จิ๋ว

     

    ได้แต่ทอดเสียงอ่อนเป็นชื่ออีกคนอย่างขอความเห็นใจ ไร้เรี่ยวแรง

     

    เอื้อมมือไปกุมมืออีกคนไว้แน่น ส่งสายตาอ่อนหวานมองทั้งน้ำตาคลอเบ้า

     

    “จิ๋ว นิวรักจิ๋วนะ”

     

     

    คำบอกรักจากหัวใจ ที่ทำจังหวะก้าวเดินสะดุด

     

     

    น่าเสียดายที่ไม่มีความซาบซึ้งใดเกิดขึ้นมา

     

     

    มีเพียงรอยยิ้มเยาะจากคนตัวเล็กที่ฉาบขึ้นมาทั้งน้ำตา พร้อมสองมือที่บิดออกการเกาะกุมของกัน

     

     

    ฉันรู้ว่าเธอรักฉัน แน่นอนอยู่แล้วล่ะ เธอต้องรักฉันแน่ๆถ้าเธอมีหัวใจ

     

     

    แววตาที่ดูจะเข้มแข็ง แววตาที่ซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกๆภายใน จ้องนิ่งมอง เนิ่นนาน

     

    คนตัวเล็กเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อนรัก บิดประตูให้เปิดออกช้าๆ

     


    “แต่ฉันคนเดียวหรือเปล่าล่ะที่เธอรัก

     

    คำถามที่คนถูกถามต้องขมวดคิ้วแน่น ริมฝีปากละล่ำละลักจะพูด หากแต่ไม่มีใครให้โอกาสเธออธิบาย

     

     

    “เชิญค่ะ จิ๋วจะนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

     

    เพราะแทบจะในทันทีที่ได้เชือดเฉือนกันสมใจ คนตัวเล็กก็ออกแรงเพียงน้อยนิด ผลักเธอออกจากห้องนั้น พร้อมปิดประตูใส่หน้ากันอย่างไม่ใยดี

     

    ทิ้งเธอให้ยืนหน้าชาอยู่หน้าประตู หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าจะรับไหว

     

    นิวยืนนิ่งค้าง หมดเรี่ยวแรง แม้จะหายใจยังรู้สึกติดขัด

     

    ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินจะเยียวยา

    ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะพบหน้ากันได้อย่างไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×