ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าเขายังสำคัญ" #newjiew

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 jewelry

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 57


     

     



    “ปิยนู้ชชชช กินข้าวลูก”

     

    “ค่า… ลงไปแล้วค่า”

     

     

     

    ลงไปแล้วก็แย่น่ะสิ

     

    ทั้งที่ปากก็ตะโกนตอบ แต่สองมือก็ยังปาดครีมบำรุงผิวไม่หยุด ดวงตาคู่สวยมีแววกังวลเจืออยู่มากมาย จิ๋วจ้องตัวเองในกระจกนิ่ง พินิจมองไปทีละจุดอย่างละเอียด ในใจก็นึกตำหนิตัวเองถึงความเลินเล่อที่เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้จัดการเนื้อตัวให้สะอาดเสียก่อน

     

    โพสท์อิทสีเหลืองนวลแปะอยู่ที่กระจกหลังจากถูกย้ายจากการแปะหน้าผากเธอมาตลอดคืน ข้อความสั้นๆในนั้นทำคนตัวเล็กต้องเหลือบตามองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเรียบๆยิ้มปุเลี่ยนๆใส่อย่างฟีลไม่ถูก ทั้งปลื้มใจทั้งหงุดหงิด ลายมือคุ้นตากับข้อความกวนประสาทนั่นไม่ทำให้เธอต้องลำบากเดาเลยว่าเป็นใคร

     

    อรุณสวัสดิ์ คุณจิ๋วสิวเห่อ…’

     

    นิวนั่นแหละ นิวเข้ามาในห้องเธอ เปิดแอร์ ห่มผ้าให้ ก็น่ารักดีอยู่หรอก ถ้าไม่แถมไอ้โพสท์อิทกวนประสาทนี่ไว้กลางหน้าผากเธอแบบนี้

     

    หึ

     

    สุดท้าย จิ๋วก็สรุปกับตัวเองได้สักทีว่าเธอควรจะยิ้ม ไม่ใช่แสยะยิ้มอย่างลำบากลำบนอย่างที่ทำอยู่

     

    ขั้นตอนสุดท้ายของการประทินผิวสิ้นสุดลง คนตัวเล็กได้แต่ภาวนาไม่ให้เธอต้องมีสิวมาตามรังควานแค่เพราะเธอเผลอไปคืนเดียว จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกจากห้อง หน้าใสใสยังเปื้อนรอยยิ้มจางๆ แฝงไปด้วยความขี้เล่นบางอย่างที่ดึงให้เธอไปอยู่หน้าประตูห้องชั้นสองของอีกคน

     

    ยืนอยู่หน้าประตูห้องเพื่อนรัก แอบยิ้ม ยกมือเตรียมเคาะห้องคนน่ารักที่แม้จะแอบกวนประสาท แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี

     

    มือบางเคาะประตูจนเกิดเสียง

     

    ก๊อกก๊อก

     

     

     

    “นิวไม่อยู่แล้วจิ๋ว ออกไปข้างนอกแต่เช้าโน่น”

     

    เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังจนคนตัวเล็กสะดุ้งเก็บมือแทบไม่ทัน รีบปรับสีหน้าซ่อนรอยยิ้มพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างพยายามรวบรวมสติ เจนรบยืนยิ้มคาอยู่ที่บันไดชั้นสุดท้าย ไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับการแอบมาเคาะประตูห้องนิวแบบนี้ เขาเพียงแต่ขึ้นมาตามเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทิ้งให้ยืนรอเฉยๆก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

     

    สองวินาทีให้หลัง คนตัวเล็กก็หันกลับมาทางเจนรบพร้อมยิ้มให้อย่างเก้อๆ ให้เจนรบได้เดินลงข้างล่าง พลางเล่าเหตุการณ์ก่อนคุณนายตื่นสายจะตื่นจากบรรทมให้ฟัง

     

    “นิวออกไปรับเพื่อนที่สุวรรณภูมิแต่เช้าแล้ว นางโทรมาบอกพี่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนจิ๋ว เพราะคงออกไปกับเพื่อนทั้งวัน นางกลัวหนูเหงา พี่ถึงได้มาหาหนูนี่ไง นางสั่งให้พี่ซื้อของโปรดหนูเข้ามาด้วยนะ นู่นค่ะท่านหญิงจิวเวลรี่ เครื่องบรรณาการเต็มโต๊ะ

     

    เจนรบบุ้ยปากไปทางโต๊ะกินข้าวที่มีถุงใส่ข้าวของอยู่เต็มโต๊ะ จิ๋วชะโงกหน้ามองตาม รอยยิ้มเก้อๆยังเหลืออยู่บ้าง ใบหน้ายังแสดงอาการงุนงงอยู่นิดหน่อย ความรู้สึกคล้ายๆจะระแวดระวังก่อตัวขึ้นในใจ แต่ปากก็หนักเกินกว่าจะเอ่ยถามออกไปตรงๆ

     

    “แล้ว งานเย็นนี้ล่ะคะพี่เจน” ถามเสียงหวั่นไหวรู้สึกโหวงบอกไม่ถูก เธอหวั่นใจอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

    เจนรบยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ เห็นสีหน้าแววตาก็รู้ดีว่าจิ๋วกำลังไม่ค่อยโอเคนักกับวันนี้ อาจเพราะเพิ่งตื่น คนตัวเล็กถึงเก็บอาการได้ไม่ดีนัก แต่จิ๋วก็ยังเป็นจิ๋ว ยังปากแข็งและรักษามาตรฐานการเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้ดีเช่นเคย

     

    คิ้วคมขมวดบางๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบสนิทภายในไม่กี่วินาที

     

    “นิวบอกจะตามไปเจอกันที่งานนู่นเลย คงจะอยู่เล่นกับเพื่อนรักเขานั่นแหละ เห็นว่าหวินมันเพิ่งกลับมาจากฮ่องกงไม่ใช่เหรอ คงหิ้วของมาฝากกันบาน แต่ช่างหัวไอ้เจ้านิวมันเถอะ กินข้าวลูก พี่หิวละ”

     

    สองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวที่พี่ชายเตรียมไว้ให้เรียบร้อยทุกอย่าง จิ๋วค่อยๆละเลียดกินพลางคิดอะไรในหัวไปเพลินๆ พอรู้ว่าเป็นหวินก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่าไปกับนนท์

     

    มื้ออาหารเช้าในตอนสายดำเนินไปน่าเบื่อในความรู้สึกคนตัวเล็กจิ๋วคงไม่รู้ ไอ้อาการเขี่ยข้าวไปมา ถอนหายใจเบาๆ รวมถึงกินข้าวด้วยปลายช้อนแบบนั้น ตกอยู่ในสายตาของเจนรบทั้งหมดแล้ว สายตาเฉียบคมจับจ้องน้องสาวอยู่แทบจะตลอดเวลา ในหัวเขามีคำพูดมากมาย และหนึ่งในร้อยคำพูดนั่น ก็เป็นประโยคหนึ่งจากปากไอ้น้องตัวแสบที่สั่งให้เขามานั่งกินข้าวอยู่กับแม่ตัวเล็กนี่แหละ

     

    “นิวรู้ว่าพี่รู้ทั้งหมดแล้ว มันเป็นปัญหาจริงพี่ และนิวกำลังจะจบมัน พี่ช่วยนิวหน่อยนะ”

     

    ใช่เลยล่ะ ไอ้ตัวแสบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

     

     

    “เฮ้อ

    จิ๋วเผลอถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของวัน จมอยู่กับความคิดตัวเองจนแทบจะลืมด้วยซ้ำว่ามีพี่เจนอยู่ตรงหน้าทั้งคน

     

     

    เจนรบรวบช้อน สูดหายใจเข้าปอดจนลึก พยายามรวบรวมสติทำในสิ่งที่เหมาะสม จังหวะนี้นั่นล่ะ ดีที่สุดที่จะพูดทุกอย่าง เขาควรทำในสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ

     

    ดวงตาเฉียบคมยังจับจ้องที่ใบหน้านั้นอย่างมีความหมาย คิ้วเข้มของคุณผู้จัดการขมวดลงน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม เปิดประเด็นด้วยความมั่นใจ

     

    “จิ๋ว เรามาคุย เรื่องหนูกับเจ้านิวกันเถอะ”

     

     

     

     

     

     

     

     




     

     

    .

    .

     

    “ผมชักไม่แน่ใจแล้วนะ ว่านิวไม่ชอบไอ้ที่กินอยู่ หรือไม่ชอบกินข้าวกับผมกันแน่ ทำไมมากินข้าวกับผมทีไรทำหน้าแบบนี้ทุกทีเลย ยิ้มหน่อยสิคุณนภัสสร”

    เสียงหยอกล้อจากชายหนุ่มตรงข้ามดังขึ้นให้นิวได้ฝืนยิ้มขึ้นมานิดหน่อย รสชาติอาหารที่ละเลียดชิมในปากไม่ได้ทำให้เธอรับรู้รสชาติ หรืออันที่จริง เธอไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ

     

    เธอตื่นเช้า ไปรับไอ้หวินนั่งคุยกับมันจนได้ความชัดเจนให้กับความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงมาแสนนาน ทิ้งมันไว้ที่ร้าน โทรนัดนนท์ออกมาเคลียร์ให้เข้าใจ เราพบกัน และจากนั้น เวลาก็ดำเนินต่อไปโดยที่เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจแม้สักอย่าง

     

    เธอทำได้แค่มองหน้าเขา คิดจะพูด แต่ก็ไม่กล้าสักที

     

     

    นนท์ยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า ท่าทางของเขาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขกับของเล่นชิ้นใหม่

     

     

     

    อยากรู้ ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ

    อยากถาม ว่าเราเป็นกันอะไรอยู่ในตอนนี้

    อยากบอก ว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่พร้อมจะรอเขาอย่างที่เคยพูดไว้อีกต่อไปแล้ว

     

     

    นิวจ้องมองคนตรงหน้าเนิ่นนาน แววตาซ่อนความหมายไว้มากมาย เธออยากจะจบมันลง อยากจะพูดตรงๆให้เขาเข้าใจ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ใครต้องเจ็บปวดใจไปอีกคน

     

    ถึงที่ผ่านมาเธอจะต้องเสียน้ำตาเพราะเขามากมายสักแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขายังมีความหมายกับเธออยู่ดี


     

    เขายังเป็นคนที่เธออยากให้ยืนอยู่ในชีวิต ยังอยากถนอมสายใยของเราเอาไว้ อยากจะสบายใจว่าเธอไม่ได้ทำให้เขาหันมามองเธอในวันที่เธอกำลังจะจากไป



     

    “นิว เครียดอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

     

    แต่เมื่อได้สบตาคู่นั้น เธอก็รู้แล้ว ว่ามันไม่ทัน

     

    แววตาที่เคยมองกันอย่างคลุมเครือ วันนี้มันกลับเจือด้วยกลิ่นอายความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าเคย  ถ้อยคำที่เอ่ย เสียงที่ทอดนุ่มนวลชวนฝันกริยาเอาใจใส่มากกว่าทุกครั้ง มันแปลความหมายได้ไม่ยากเลย

     

    หากเธอยังเป็นนิวที่รอแต่นนท์ การรอคอยของเธอ มันคงสิ้นสุดลงแล้ว ในวันนี้

    แต่เธอไม่ใช่

     

    .

     

    นิวเม้มปากแน่น ยิ่งเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยยิ่งรู้สึกกดดันจนน้ำตาเอ่อ รอยยิ้มแสนดีนั้นยังคงเคลือบฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา จะให้พูดได้อย่างไรว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา เธอ พูดไม่ออกจริงๆ

     

     

    “เอ้อ เรื่องทริปถ่ายรูปที่ญี่ปุ่น ตกลงนิวไปกับผมใช่ไหม ? นิวว่าง15วัน งั้นเราไปกันสัก6-7วันก็ได้ ยาวๆเลย ช่วงนั้นผมว่างพอดี”

     

    “ผมแพลนที่เที่ยวไว้คร่าวๆแล้วนะ เดี๋ยวไลน์ไปให้นิวดู”

     

    พูดจบ นนท์ก็จัดการทันทีด้วยการก้มลงยุกยิกกับเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ใกล้ตัว ให้นิวได้ยิ่งกดดัน ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจเขาเลย ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกผิด

     

    แต่เธอก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจคนที่เธอรักที่อีกต่อไปแล้ว

     

    นิวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมความกล้า กลั้นใจเอ่ยคำที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พูดกับคนตรงหน้า

     

    ทั้งน้ำใสใสที่คลอหน่วยสองนัยน์ตา


     

    “นนท์ นิวว่าเราพอแค่นี้เถอะนะ”

     

    คำพูดที่ทำคนกระตือรือร้นลมหายใจสะดุด หัวใจดิ่งวูบ สองมือหยุดนิ่ง นนท์เงยหน้ามองเจ้าของเสียงเข้มด้วยสีหน้างงงันรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่บีบรัดให้เขารู้สึกเจ็บแปลบอยู่ลึกๆ

     

    “อะไรนะนิว ?

     

    นิวเม้มปากแน่น กดดันกับตัวเองมากขึ้นทุกที

    แต่เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้สุดทาง

     

    ขอโทษนะนนท์ แต่


     

    เราจบกันแค่นี้เถอะ

     

     

     

     

     

     

     




     

     



    .

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างอึดอัดในความรู้สึกคนตัวเล็ก บ้านทั้งบ้านไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจของคนสองคนที่นั่งประจันหน้ากันด้วยความรู้สึกแตกต่าง แววตาพี่เจนที่จ้องมองเธอมันช่างบีบคั้นและกดดันจนแทบหายใจไม่ออก จิ๋วหลุบตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาพี่เจนอีกต่อไปแล้ว กลัวความลับในใจที่ใกล้ปริแตกจะทะลักทะลายไร้การควบคุม เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าความในใจเธอมักมากมายแค่ไหน

     

    เจนรบสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ไม่ได้แปลกใจอะไรนักกับท่าทางอึดอัดของน้องสาวคนสนิทที่เป็น ริมฝีปากที่ปิดสนิทนั่นก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย รู้อยู่แล้วว่าจิ๋วเป็นแบบนี้ ไม่มีทางที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ

     

    เหมือนที่เขาก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆเหมือนกัน

     

     

    “พี่ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเธอหรอกนะจิ๋ว แต่ถ้าเธอยังปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ สักวันมันต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าเธอเป็นแค่ปิยนุชคนธรรมดา มันก็เป็นแค่เรื่องของเธอ แต่นี่เธอเป็นจิ๋ว เป็นนิวจิ๋ว มันเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ แฟนคลับของเธอ แฟนเพลงของเธอ นักข่าวที่มองเธออยู่ เธอสองคนเป็นคนของประชาชน เธออยู่ในสปอตไลท์ เธอจะเก็บชีวิตของเธอเป็นส่วนตัวทั้งหมดน่ะ มันเป็นไปไม่ได้”

     

    เจนรบพูดยาว อารมณ์ผลักดันน้ำเสียงเป็นไปด้วยความเข้มข้นมากขึ้นทุกที ทั้งหมดนั่นประโยคยาวเหยียดล้วนเสียดแทงใจคนฟังจนกระอัก จุกเจ็บไปทั้งใจ คนตัวเล็กรู้ดีว่าทีนี้เธอไม่อาจหลบหนีความจริงได้อีกแล้วไม่ว่าด้วยวิธีใด แต่กลับไม่มีคำใดหลุดออกจากปากสักคำ สีหน้าเรียบเฉยยังคงอยู่อย่างที่เป็น ไม่มีการยอมรับ ไม่มีคำปฏิเสธ แววตายังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง

     

    มิหนำซ้ำ สองมือยังตักข้าวในจานเข้าปากต่อราวกับเรื่องที่เจนรบพูดไม่ได้สลักสำคัญ

     

    รวบรวมสติได้จนคงที่ คนตัวเล็กก็ทำใจกล้าฝืนยิ้มตอบเจนรบ โต้ตอบประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเบาสบายราวกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงจังอะไร

     

    “เรื่องนิวกับจิ๋ว มันไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เจน เราเป็นเพื่อนกัน ถึงอยู่กันมานาน แต่ก็ยังต้องมีบางมุมที่ต้องปรับกันบ้าง อย่าห่วงเลยค่ะ จิ๋วดูแลเรื่องนี้ได้ เหมือนอย่างที่พี่เจนเห็นมาตลอดนั่นล่ะ

     

    ปิดประโยคด้วยยิ้มสวย ที่ทำเจนรบต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นทุกที เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ชักเคืองขึ้นมาจริงจัง ผู้ร้ายปากแข็ง เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับความจริงทั้งที่ทุกอย่างมันประจักษ์กับตาอยู่แล้วในตอนนี้

     
     

    แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองหน้าน้องสาวคนสนิท ถามตรงๆไม่ได้ผล ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้เรื่องนี้มันคลุมเครือต่อไป

     

    อยู่กันมานานพอดู เขารู้ใจผู้หญิงคนนี้ดี

     
     

    “จิ๋ว เธอไม่ไว้ใจพี่เลยใช่ไหม”

    เสียงตัดพ้อถาม กับสายตาที่ทำเอาคนโดนมองใจไหววูบ สีหน้านิ่งสนิทของจิ๋วเปลี่ยนเป็นเครียดเข้มขึ้นมาอย่างลำบากใจ ความอึดอัดรัดแน่น จนสุดท้ายต้องผ่อนลมหายใจออกมาระบายความเครียดที่ขมวดเข้ามาจนสุด เจนรบไม่ยอมถอยเลย ยังคงพุ่งชนต่อเนื่อง ขู่เข็ญจะเอาคำตอบจากปากเธอให้ได้

     
     

    ถึงกับใช้ไม้ตาย ตัดพ้อต่อว่ากันให้ต้องใจอ่อน 

    “ไม่ใช่นะพี่เจน ไม่ใช่จิ๋วไม่ไว้ใจ แต่เรื่องนิวกับจิ๋ว มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”

     
     

    “ไม่มีอะไรหรอจิ๋ว เธอพูดว่าไม่มีอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้หรอ เธอคิดว่าฉันหูหนวกตาบอดหรือไง ถึงได้ไม่เห็นว่าเธอทำอะไรกัน เพื่อนกันที่ไหนเขาจะมาหึงมาหวงกันแบบนี้ เพื่อนกันที่ไหนเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวออดอ้อนกันขนาดนี้” 

    เจนรบสวนทันควันอย่างอดไม่ไหว ดวงตาที่เคยมองตัดพ้อเปลี่ยนเป็นแววแห่งความอ่อนอกอ่อนใจและผิดหวังมากมาย ประโยคยาวอีกครั้งที่ทำจิ๋วใจร้อนวาบ เหมือนมีไฟขุมเล็กๆลุกไหม้ไปทั่วทั้งใจ พี่เจนพูดออกมาแบบนี้ พี่เจนไปเห็นอะไรมา

     

    จิ๋วสบตาพี่เจน แววตาสื่อความหมายถึงคำถามมากมาย คำถามที่ทำคนเป็นพี่ได้แต่ยิ้มเยาะ นึกย้อนเหตุการณ์นั้นแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ เฉลยตอกหน้าคนปากแข็งจนหน้าเสียไปแว่บหนึ่ง

     
     

    “วันคอนเสิร์ตที่เธอขึ้นเวทีกับเบลนั่นไง ฉันไม่ได้ปิดประตูหรอกนะ เพราะฉันถือของไปเยอะมาก ไอ้เสียงประตูที่ดังขึ้นก่อนฉันจะเข้ามาน่ะ มันเป็นเสียงเตือนให้พวกเธอต่างหาก”


     

    ใช่ วันนั้นเค้าเห็น ยืนอยู่หน้าห้องตั้งแต่ที่นิวพุ่งไปกอดคนปากแข็งเอาไว้ ได้ยินทุกอย่าง ทั้งเสียงออดอ้อนและคำคลุมเครือที่เปี่ยมไปด้วยความหมายมากมายทั้งยังต้องคอยระแวดระวังไม่ให้ใครเข้ามาเห็นให้เป็นเรื่องใหญ่ และรู้ว่าสถานการณ์มันช่างมืดมน ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง ที่แกล้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด ก็เพราะอยากให้น้องสาวทั้งสองสบายใจ

     

    เพราะอยากรอให้นิวและจิ๋วพร้อมที่จะบอกเขาเอง แต่เขาคิดผิด

    จิ๋วปากแข็งกว่านั้น และนิวก็สับสนมากเกินกว่าจะจัดการมันได้ด้วยตัวเอง

     

     
     

    “เธอจะปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้ทุกอย่าง ทุกๆอย่าง ฉันเข้าใจ และยอมรับเรื่องนี้ได้ มากกว่าเธอสองคนเสียอีก”

     


    จิ๋วหลบตาเจนรบวูบ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกต้อนให้จนมุมจนไม่มีทางออกมากขึ้นทุกที

     

    เสียงคาดคั้นเหล่านั้นยังไม่หยุด พี่เจนยังไม่ยอม สายตารุกไล่เท่าทันกดดันจนแทบทนไม่ไหว

     


     

     

    ที่จริง มันเป็นเธอคนเดียวด้วยซ้ำที่ยังไม่ยอมรับ คนอย่างเจ้านิวยังรู้ ว่าเธอกับมันแทบไม่เหลือความเป็นเพื่อนให้กันแล้ว”

     

     


    พี่เจนไม่เข้าใจ

    ถึงเธอไว้ใจพี่เจน แต่เรื่องนี้มันก็เป็นส่วนตัวเกินกว่าจะบอกให้ใครล่วงรู้ได้

     

    แม้แต่เธอและนิวยังไม่รู้ซึ้งถึงมันดีพอ พี่เจนจะมารู้มันได้ยังไง

     

     

    ได้ยังไง

     

     

      

    เจนรบมองคนตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนอกอ่อนใจและมากไปกว่านั้น เขาเห็นใจกับสิ่งที่จิ๋วต้องเผชิญมากกว่าใคร

     

    เพราะรู้ ว่าคนตัวเล็กซับซ้อนเกินกว่าที่จะยอมรับได้โดยง่าย

     

    จิ๋วมีกฎ มีกำแพง มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนเหลือเกินกับความสัมพันธ์ อะไรในมือจิ๋ว มันต้องเป็นไปอย่างคมชัด เถรตรง ไม่อ้อมค้อม ขาวคือขาว ดำคือดำ ไม่มีสีเทา มันเป็นแบบนั้นมาตลอด จึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนคลุมเครือถึงเป็นของแสลงสำหรับคนตัวเล็กที่แสนจะชัดเจนคนนี้

     

    ต่างกับนิว ผู้หญิงที่ปล่อยให้อารมณ์นำพา และทิ้งเหตุผลรวมทั้งข้อเท็จจริงไว้เบื้องหลังโดยไม่คิดหันกลับมามอง

     

    ต่างคนต่างมีปัญหา แต่นิวไม่ใช่คนปากแข็งใจแข็ง ต่างกับคนตัวเล็กคนนี้ ที่แม้วินาทีสุดท้าย ดวงตาคู่นั้นก็ยังแข็งกร้าวยากที่จะสัมผัสถึงความอ่อนแอภายในได้

     

    คงเพราะเป็นเพื่อนกันมานานเกินไป คงเพราะยังติดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ที่รั้งดึงเอาไว้ ความรู้สึกถึงยังถูกเหตุผลกักกันไม่ให้ทำตามใจสักที

     

     

    “เธอจะดื้อดึงไปทำไมปิยนุช จะทำให้เรื่องมันยากไปทำไม เธอไม่อยากพูดกับพี่ ไม่อยากพูดให้คนอื่นรู้ เธอก็ไม่ต้องพูดก็ได้ แต่ช่วยยอมรับกับตัวอย่างสักทีเถอะ ว่าเธอกับนิวน่ะ มันไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว”

     

     

     

    จิ๋วรวบช้อนกินข้าว รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมาเฉย ยิ่งทบทวนยิ่งเห็นว่าหมดแล้วซึ่งหนทางที่จะปิดบังกันต่อไป

     

     

    “ยอมรับมาเถอะ ว่าเธอรักนิว รักที่ไม่ใช่แบบเพื่อนอีกต่อไปแล้ว”

     

    จิ๋วเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายคนสนิท แววตาเศร้าสร้อยสิ้นหวังมีน้ำใสใสเอ่อคลอ เพียงแต่มันยังไม่รินไหล

     

    เจนรบไม่เคยรู้เรื่องราว เธอไม่เคยปล่อยคำใดหลุดจากปากแต่เขากลับพูดราวกับมานั่งอยู่กลางใจ

     

    มวลความรู้สึกมากมายหลากวนจนใจสะเทือน มันมากกว่าความเสียใจ มันเป็นความพ่ายแพ้ เป็นความอ่อนแอที่ซ่อนลึกอยู่ในใจมาแสนนาน

     

    คนตัวเล็กที่เคยดูแข็งแกร่งมาตลอด กลับถึงคราวต้องวาดแขนโอบรอบตัวเองแล้วปล่อยหยดน้ำตาให้รินไหล หัวใจสั่นสะเทือนจนแทบระเบิด เจ็บปวดทุกข์ทนกับความรู้สึกลึกซึ้งมากมาย วงแขนเล็กโอบกอดตัวเองแน่น ไม่คาดหวังจะให้ใครมาปลอบใจ มากกว่านั้น เธอกำลังร้องไห้อย่างไม่อายใคร

     

    มันคือน้ำตา น้ำตาแห่งการยอมรับทั้งหมด กำแพงที่แสนแข็งแรงได้ทลายลงมาแล้ว

    ความจริงที่หลบซ่อนเนิ่นนานถึงคราวเปิดเผย ความรักที่เป็นความลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป

     

    เสียงสะอื้นดังแทนคำตอบทุกอย่าง

    เธอรักนิว รัก รักมากจริงๆ

     

     

     

     

    “รักมันมากใช่ไหมล่ะ

    เจนรบถามคนอ่อนแอตรงหน้า และนี่เป็นครั้งแรก ที่ได้รับคำตอบ คำตอบที่มาพร้อมหยดน้ำตาที่เขาไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นมัน

     

    จิ๋วพยักหน้าซ้ำๆ ราวกับตอกย้ำตัวเอง

    หยดน้ำตายังคงรินไหลเป็นสาย อ้อมกอดเล็กๆนั้นยังประคองกอดตัวเอง ดูก็รู้ว่าจิ๋วไม่ได้ต้องการคำปลอบใจ ไม่ได้ต้องการอ้อมกอดจากใคร หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้ต้องการมันจากเขา

     

    อาจเป็นนิวมากกว่าที่จะทำหน้าที่นั้น อาจเป็นอ้อมแขนเล็กๆของเพื่อนรัก ที่จะทำให้หัวใจทั้งสองดวงอบอุ่นไปพร้อมกัน

     

     

    เจนรบมองน้องสาวสุดรักด้วยความโล่งใจ ได้เห็นคนตัวเล็กยอมรับมันสักที เขาก็มีความสุขแล้ว แม้จะได้รับคอมโบสะอึกสะอื้นและหยดน้ำตาจำนวนมหาศาลมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการก็ตาม

     

    จิ๋วเป็นคนตัวเล็กที่สุดจะเข้มแข็งเข้มแข็งที่สุดกว่าใครที่เขาเคยรู้จักมาด้วยซ้ำ

     

    เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เห็นจิ๋วร้องไห้มากมายขนาดนี้

     

     

    หากเป็นความผิด เขาจะโทษว่าเป็นเพราะความรัก หากเป็นความชอบ เขาก็จะยกมันทั้งหมดให้กับความรัก

     

    เป็นเพราะความรักจริงๆ ที่ทำให้คนเราทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้

    เพราะรัก จริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     






    .

     

    “อีกสิบห้านาทีนิวก็ถึงละค่ะ นิวแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อย เหลือผมอย่างเดียวค่ะ”

     

    “ค่าขับระวังอยู่แล้วล่ะ แล้วเจอกันนะพี่เจน”

     

    สิ้นสุดเสียงแห่งความห่วงใย นิวก็กดวางสายพร้อมกับจดจ่อยังเส้นทางตรงหน้าเช่นเดิมพร้อมรอยยิ้มจางๆที่ติดแต้มตั้งแต่แยกจากนนท์มา เธอโล่งใจ โล่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเหมือนออกซิเจนวันนี้ตอนนี้มันบริสุทธิ์มากกว่าทุกครั้ง มีความสุขลึกๆอย่างบอกไม่ถูก

     

    เรื่องของเธอและนนท์ จบลงแล้ว

     

    จบด้วยความเข้าใจ

     

    ภาพเหตุการณ์ยังติดตา รอยยิ้มของเขายังตรึงอยู่ในหัวใจ น้ำเสียงของเขายังดังก้องอยู่ในหัว จนวินาทีนี้

     

     

     

    “นิวกับคุณจิ๋ว ผม ฮ่ะๆ ที่คิด ไม่ผิดเลย”

     

    เสียงหัวเราะขมขื่นของชายหนุ่มตรงหน้าทำหัวใจนิวหมองเศร้าตามไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ แววตาที่แสนรวดร้าวของเขาทำเธอรู้สึกผิดแทบตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ได้เพียงแค่ส่งสายตาห่วงหาอาทร แตะหลังมือปลอบใจเขา ผู้ชายสมบูรณ์แบบที่ดูเปราะบางราวกับว่าการสัมผัสรุนแรงจะทำให้เขาแตกสลายไปกับตา

     

    เหมือนจะเข้าใจนนท์พยักหน้าซ้ำๆกับตัวเอง ตอกย้ำให้เข้าใจ

    ปิดเปลือกตาแน่น กดเก็บน้ำตาร้อนๆที่พร้อมจะรินไหล หัวใจเขากำลังถูกแผดเผาเพราะความจริง

     

    ความจริงที่เขาเองก็ทำเป็นไม่เห็น ความจริงที่เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มาตลอด เพราะยังเห็นว่านิวยังคงใส่ใจกันอยู่มากมาย

     

    พยายามเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่กับตา พยายามหลงลืมความรู้สึกว่างเปล่าลึกๆที่ใจสัมผัสได้มาตลอด

    แต่ความเชื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง

     

    มันเจ็บปวดมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้ นาทีนี้ เขาได้ปล่อยหัวใจให้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงตรงหน้าไปแล้ว เขาพ่ายแพ้ให้กับทุกอย่างที่นิวเป็น ทุกอย่างที่นิวเคยเป็น

     

    เขารักนิวจนหมดใจ ในวันที่นิว ไม่คิดที่จะรอเขาอีกต่อไป

     

     

    นิวมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บปวด เขาเงียบไปนานเหลือเกิน กลัว กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ กลัวจะเสียเพื่อนที่แสนดีอย่างเขาไป ริมผีปากไหวสั่นระล่ำระลักอธิบาย อยากให้นนท์เข้าใจเธอมากกว่านี้

     

    “นิวขอโทษ ขอโทษที่ทำให้นนท์ต้องเจ็บ นิวไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ นิวก็แค่ นิวคิดมาตลอดว่านิวจะรัก

     

    “พอเถอะนิว อย่าเลย อย่าพยายามอธิบาย”

    เขาไม่พร้อมฟังมันจนจบด้วยซ้ำ เจ็บปวดเกินไปหากต้องได้ยินว่าที่ผ่านมาคือความเข้าใจผิดของผู้หญิงที่เขาหลงรัก

     

    ความพยายามสูงที่สุด ใช้เพื่อสะกดกลั้นความในใจ

     

    เขาเป็นลูกผู้ชาย เจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องยอมรับให้ได้

    หากมันคือความจริง

     

    “นนท์ นิวขอโทษ”

    เสียงขอโทษนั้นเจือดความรู้สึกผิดรุนแรงมากขึ้นทุกทีแววตาเจ็บร้าวช้อนมองใบหน้าสวยจัดที่ยังตรึงใจเขาอยู่เสมอ เห็นแววตาเจ็บปวดไม่ต่างกัน ก็ยิ่งทำให้ใจของเขาเต้นอ่อนแรงอย่างร้าวราน

     

    แต่เอาเถอะ อย่างน้อย นิวก็ยังอยากมีเขาเป็นเพื่อน ยังอยากรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ต่อไป

     

    นนท์สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก มันเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ตัดสินใจเผชิญหน้ากับความจริง

     

    เดินหน้าต่อไป

     

    รอยยิ้มบางเบาฉาบขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาแม้จะยากเย็น แต่เขาก็ยังคงยิ้มได้

     

    “ไม่ต้องขอโทษนนท์หรอก เพื่อนกัน ทำไมจะอภัยให้กันไม่ได้”

     

    สิ้นประโยค หญิงสาวที่เขาหลงรักก็เปลี่ยนสีหน้ารวดร้าวเป็นรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ทำให้เขาชื่นหัวใจ

     

    นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้ได้ในฐานะผู้ชายที่รักนิวจนหมดหัวใจ

     

    และคงเป็นสิ่งแรกที่เขาทำให้ได้

    ในฐานะเพื่อนคนนึง

     

     

     

    เธอสารภาพ อธิบาย ทำทุกอย่าง ใจที่หวาดหวั่นร้องเตือนกันทุกวินาทีว่ามันอาจจะทำให้ต้องเสียเพื่อนอย่างเขาไป แต่สุดท้าย ผลมันก็ไม่ได้เลวร้าย นนท์เข้าใจ ยอมเข้าใจ นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีที่สุดสำหรับเธอ

     

    ด้วยหัวใจที่เปิดโล่ง ทว่าเต็มแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง นิวยิ้มกับตัวเองแทบไม่หุบ

     

     

    รถมินิคู่ใจจอดสนิทในช่องจอดรถวีไอพี คนสวยที่ฉาบรอยยิ้มเก๋ไก๋บนใบหน้า คว้าแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม เรียวขางามก้าวลงจากรถช้าๆ ก้าวเดินเข้าตัวอาคารไปอย่างมั่นใจ

     

    เธอกำลังเดินทางไปหาผู้หญิงที่เธอรัก

     

     

    “นิวถึงแล้วพี่เจน อะฮะ เดี๋ยวนิวเดินไปค่ะ ค่ะ”

     

    จุดมุ่งหมายอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวทีเธอคุ้นเคยกับที่นี่ดี นั่นเป็นเหตุผลให้การเดินทางไม่ใช้เวลามากมายเท่าไรนัก

     

    พื้นที่กั้นไว้ขนาดไม่ใหญ่นัก มีพี่ชายคนสนิทออกมายืนรอรับด้วยรอยยิ้มไม่ธรรมดา นิวเองก็ไม่ต่าง คิ้วเข้มยักทักอีกคนที่นึกหมั่นไส้น้องสาวคนสนิทไม่น้อย คงจะเคลียร์ใจจนโล่งแล้วสิท่า ถึงได้หน้าบานมาขนาดนี้

     

    “พี่เจนคุยกะจิ๋วหรือยัง

    แอบเอียงหน้ากระซิบเสียงเบาเมื่อเจนรบพาเดินมาถึงด้านใน กวาดสายตาเห็นคนตัวเล็กนั่งหันหน้าเข้าหากระจก ก็เอ่ยถามนำ สายตาจับจ้องแผ่นหลังบอบบางนั้นอย่างมีความหมาย ก่อนจะได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ

     

    “เรียบร้อย ล้วงออกมายันไส้ขดสุดท้าย

     

    รอยยิ้มที่มีเลยยิ่งกว้างกว่าเดิม ดวงตาที่เรียวอยู่แล้วยิ่งปิดสนิทจนแทบมองไม่เห็นไปกันใหญ่

    ยิ้มที่กว้างแสนกว้าง ความสุขที่มากมาย

     

    หัวใจนิวเต้นตึกตัก เมื่อถูกเจนรบจับให้นั่งบนเก้าอี้ประจำตัว ข้างๆคุณจิ๋ว ที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าถูกจ้องมองด้วยแววตาแห่งความรักเพียงใด

     

     

    เจนรบมองน้องรักสองคนยิ้มๆ หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ แต่ความเอ็นดูกลับแซงเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

    และก็ยิ่งเอ็นดู เมื่อเห็นคนตัวเล็กหันไปเห็นเพื่อนรัก ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กลับมีรอยยิ้มฉาบขึ้นมาง่ายดาย

     

     

    นิวส่งยิ้มให้คนตัวเล็ก ยิ้มหวานหยดย้อย ด้วยหัวใจที่โปร่งโล่งสบาย ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม

     

    และไม่ต่างกัน

    หัวใจที่แสนหนักอึ้งได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว คนตัวเล็กส่งยิ้มให้เพื่อนรักด้วยความในใจที่ไร้สิ่งใดคอยซ่อนบัง

     

     

    มันเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ รอยยิ้มแห่งความรักความจริงใจ ยิ้มที่ไม่ได้มอบให้กันมานานแสนนาน

     

    และมันเป็นรอยยิ้มแห่งการเริ่มต้นใหม่

     

    เหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงนิวและเด็กหญิงจิ๋ว กลับไปเริ่มต้นความรู้สึกดีดีหมือนครั้งแรกที่พบกัน

    อีกครั้ง

     

     

    ด้วยความรู้สึกที่ไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่ใช่แค่เพื่อนกันอย่างที่เคย 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×