ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าเขายังสำคัญ" #newjiew

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 on fire

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 57


     

     

    “นิว ทำไมทำหน้าเซ็งขนาดนั้น ไอติมไม่อร่อยหรอ

    คำถามจากคนตรงข้ามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เรียกยิ้มฝืนๆจากนิวได้เพียงชั่ววินาทีเท่านั้น ก่อนสาวผมสั้นจะนั่งเขี่ยไอติมในถ้วยพร้อมกับสีหน้าเซ็งสนิทเหมือนเดิม


     

    บรรยากาศบนโต๊ะไม่ค่อยสู้ดีนัก ความเงียบลอยฟุ้งระหว่างคนสองคนจนมันน่าอึดอัดใจ นนท์เม้มปากแน่น ช้อนสายตาอบอุ่นจับสังเกตสีหน้าของอีกคนอย่างเป็นกังวล เขาก็พอจะจับความรู้สึกอะไรแปลกๆในตัวนิวได้บ้างก็พอจะเห็นว่าอีกคนมีอะไรบางอย่างในใจที่เขายังเข้าไม่ถึง และนิวในวันนี้ก็ดูจะมีระยะห่างระหว่างกันจนสังเกตได้ไม่ยาก


     

    นิวเขี่ยไอติมอีกนานจนมันเริ่มจะละลาย นนท์เองก็หมดอารมณ์ละเลียดรสชาติหอมหวานนั่นไปเสียแล้ว เขาวางช้อนลงอย่างไม่ใส่ใจ กอดอกแล้วเหม่อมองไปนอกร้านอย่างหมดอารมณ์ดีดี


     

    วันนี้เธออารมณ์บูด การมาพบนนท์ในครั้งนี้แทบไม่กระตุ้นความตื่นเต้นอะไรในใจ แต่ก็ต้องออกมารับโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ลืมเอาไว้คืน ทั้งที่รถยนต์สุดหวงก็ถูกนำเข้าคาร์แคร์โดยฝีมือพี่เจนไปตั้งแต่เมื่อคืน ยอมขี่จักรยานพับเหลืองอ๋อยออกมาจอดหน้าหมู่บ้านแล้วโบกแท็กซี่มาถึงนี่ทั้งที่ไม่เคยทำมันมาก่อนในชีวิต


     

    “เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจกับตัวเองรอบที่ร้อย ก่อนจะ

     

     

    เกร๊ง 

    เสียงช้อนกระทบถ้วยไอติม ไม่ดังเท่าไร แต่ก็เรียกความสนใจจากนิวให้เงยหน้ามองนนท์ได้หลายวินาที

     

     
     

    เห็นเขาทำท่าทางแบบนั้น คนที่อยู่รู้ใจกันมานานก็รู้ดีว่าหนุ่มหล่อคนนี้กำลังอารมณ์บูดเสียแล้ว ไม่น้อยเสียด้วยล่ะสิ

     

    โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เธอส่งยิ้มให้เขา เลือกที่จะกอบกู้สถานการณ์ตรงหน้าขึ้นมา เพราะในใจลึกๆ มันคือความเคยชินที่เธอต้องทุกข์ร้อนกับความไม่เป็นสุขของคนตรงหน้านี้เสมอ


     

    “ไม่กินแล้วหรอวัยรุ่น หน้าบูดเลย อิ่มล่ะสิ ป้านิวบอกน้องนนท์แล้วไงว่าให้พอๆ ป้านี่อิ่มมาตั้งแต่บุฟเฟต์แล้วนะ ดูสิเนี่ย พุงออกเลย”

     

    มือเรียวลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ ส่งเสียงล้อเลียนให้คนหน้าขรึมได้ยิ้มออกมาน้อยๆอย่างกลั้นไม่ไหว เสียงหัวเราะเบาๆของนนท์ดังขึ้นให้นิวพอได้ใจชื้น ครู่เดียวเท่านั้น คนสองคนก็เริ่มบทสนทนาที่เงียบหายไปนานขึ้นมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่ปิดเผยออกมาอย่างจริงใจ เรื่องราวที่แลกเปลี่ยนระหว่างกันยังเป็นหัวข้อสนทนาที่นิวและนนท์ชอบมาตลอด จนวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น




    อารมณ์ที่บูดสนิทค่อยๆดีขึ้นตามลำดับเมื่อนิววางเรื่องน่าหงุดหงิดในใจลง พอได้เริ่มโฟกัสกับนนท์ขึ้นมาจริงๆอีกครั้ง เธอก็รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอเกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้
     

    นิวยิ้มได้เต็มสีหน้า ความถูกอกถูกใจซึ่งกันและกันทำให้บทสนทนานั้นไม่ขาดตอน ซ้ำยังดูสนุกสนานขึ้นทุกวินาที

     

    เสน่ห์ของนนท์แฝงอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่นนท์เป็น ยิ้มของเขายังอบอุ่นและตรึงใจเธอไว้ได้เสมอ ยิ่งเห็นเขาอินเลิฟกับการถ่ายรูปเช่นกัน หัวใจนักผจญภัยที่ซ่อนลึกอยู่ในตัวนิวก็หลุดออกมากรี๊ดกร๊าดช่างภาพสุดหล่อเป็นการใหญ่





     

    “ผมว่าจะไปญี่ปุ่นอีกเดือนหน้าถ้าไม่ติดอะไร คราวนี้กะจะไปฝังตัวอยู่นิกโก เกียวโต เอาให้ฉ่ำปอดแล้วค่อยกลับ เอาให้คุ้มค่าเลนส์ที่จ่ายไปหน่อย


     

    ใบหน้าหล่อเหลาดูมีความสุขเมื่อพูดถึงประเทศสุดโปรดและแผนในอนาคต รอยยิ้มแสนอบอุ่นของเขายิ่งทำให้คนนั่งมองต้องจ้องตาเคลิ้มอย่างชื่นชมไม่น้อย สิ่งใดที่หลุดออกมาจากปากนนท์ ก็ดูจะเป็นสิ่งสวยงามไปเสียหมด อะไรกันนะที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ตรงใจเธอไปเสียหมดทุกอย่าง


     

    จะแววตาคู่หวานนั่นหรือเปล่า ที่ล่อลวงเธอเอาไว้ให้หลงวนเวียนอยู่กับเขาไม่ไหน

    หรือจะเป็นเสียงนุ่มๆนั่น ที่ส่งคำถามให้กันอย่างเป็นกันเอง


     

    “นิวว่างไหมล่ะ ไปด้วยกันไหม

     

    “จริงหรอ นิวไปด้วยได้จริงๆหรอ”

    ยังไม่ทันจบประโยคชักชวน นิวก็ส่งเสียงถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ในใจมีคำตอบตกลงไปอยู่แล้วโดยไม่ต้องคิดมาก เธอชอบญี่ปุ่น ตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น มีความรู้ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้จนแทบจะหลงลืมมันจนหมด


     

    เคยบ้างที่ได้ไปกับจิ๋ว แต่ก็มีเพียงทริปตระเวนกินทั่วโตเกียว ยังไม่เคยได้ไปดื่มด่ำกับบรรยากาศญี่ปุ๊นญี่ปุ่นจริงๆจังๆสักที จิ๋วไม่ค่อยอินกับเดินกินลมชมวิวเฉยๆสักเท่าไร คุณนายเขาว่าเสียเวลาเปล่า

     

    บางทีเราก็ต่างกันเกินไปจนเธอคิดถึงจุดเริ่มต้นของเราไม่ออก พอพอกับที่มองอนาคตของเราไม่เห็น


     

    “ได้สิ ถ้าคุณนภัสสรสุดฮอตไม่ติดงานเสียก่อน

    เพิ่งมารู้ตัวว่าคิดอะไรเพลินไปนาน ก็ตอนที่นนท์ส่งยิ้มหวานละลายใจคืนกลับมาพร้อมคำตอบหลังชิมไอติมคำโต นิวยิ้มพลางยกไหล่ห่อตัวอย่างขัดเขินไม่น้อย คุณนภัสสรสุดฮอต คำนี้จากปากนนท์กำลังทำเธอเขินเป็นบ้า

     

     

    นนท์อมยิ้มมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู มองก็รู้ ดูก็เห็นว่านิวปลาบปลื้มเขามากแค่ไหน ความสามารถในการเก็บอาการของนิวต่ำตั้งแต่แรกพบ และบอกกันตามตรง เขาเองก็เคยชินกับสายตาชื่นชมแบบนั้น ผู้หญิงมากหน้าหลายตาขุดเอามารยาหลากเล่มเกวียนมาล่อเขาให้ติดกับ ความสัมพันธ์ฉาบฉวยพวกนั้นทำให้เขาไม่เคยคิดจริงจังกับใคร จนกระทั่งมาเจอนิว ผู้หญิงที่ไม่เคยบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของเขาเกินควร มีแต่ความจริงใจในแววตาที่ส่งถึงกันเสมอ


     

    ในใจลึกๆ เขาดอกจันท์ตัวโตไว้ที่ชื่อของผู้หญิงคนนี้แล้วตั้งแต่วันที่นิวยอมเปิดปากว่าความรู้สึกในใจนั้นเป็นอย่างไร เพียงแต่เขาเอง ไม่พร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อจริงจังกับใครในตอนนั้น ไม่ใช่ไม่รู้สึกดี เพียงไม่อยากทำลายความรู้สึกผู้หญิงที่แสนดีอย่างนิวเขาจึงรักษาระดับความสัมพันธ์นั้นมาเสมอ ไม่เคยปล่อยมือจากเธอ แต่ก็ไม่เคยให้สิทธิในการล้ำเข้ามาในหัวใจ นิวพิเศษสำหรับเขา เป็นผู้หญิงรอบตัวคนเดียวที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย ไม่แม้แต่จับมือเดินด้วยกัน


     

    นิวก็คงเห็นสิ่งที่เขาพยายามมาตลอด เพียงแต่มันก็มีในสิ่งที่นิวมองไม่เห็น และนั่นเป็นความตั้งใจของเขาเสมอ หากวันใดที่เขาพร้อม นิวจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขายินยอมพร้อมมอบให้ทั้งหัวใจ


     

    และในใจลึกๆ ผ่านมาหลายปีแล้วกับความสัมพันธ์ที่แสนคลุมเครือ นนท์คิดว่าวันนี้ เขาพร้อม


     

    พร้อมที่จะหยุดทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง เพื่อเป็นคนใหม่ที่มีหัวใจไว้ใช้รักผู้หญิงคนนี้ทั้งชีวิตที่เหลือ


     

     

     

     

    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง


     

    เสียงโทรศัพท์ดังสนั่น พาให้คนสองคนที่นั่งมองตากันยิ้มๆต้องสะดุ้งอย่างห้ามไม่ได้ สมาร์ทโฟนเครื่องบางสั่นสะเทือนอยู่ข้างถ้วยไอศกรีม เรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นเจ้าของเต็มที่ ยิ่งปล่อยไว้นานเสียงมันก็ยิ่งดังจนน่าอายขึ้นทุกที พลันนิวต้องรีบคว้าหมับเข้ามาไว้ในมือพร้อมกับส่งยิ้มแหยหาคนตรงข้ามอย่างเขินๆ

     

    นนท์หัวเราะเบาๆในลำคอ ส่งเสียงนุ่มเอ่ยแซว

    “เสียงโทรศัพท์นิวหรอเนี่ย ผมนึกว่าของคุณป้าที่ไหน

     

    ให้เจ้าของเสียงโทรศัพท์ต้องหน้าง้ำค้อนควั่ก ส่งเสียงเถียงอธิบายทั้งที่เสียงกริ๊งงง ก็ยังดังสนั่นฟ้องความป้าไม่หยุดหย่อน


     

    “นิวไม่ได้ตั้งเองนะนนท์ ก็พี่เจนกะจิ๋วอ่ะหาว่านิวไม่ชอบรับโทรศัพท์ เลยตั้งเสียงนี้ นิวจะได้ได้ยินชัดไง โธ่ เค้าไม่ได้เป็นป้าสักหน่อย”

     

    ประโยคหลังนิวอุบอิบพูดกับตัวเองเบาๆ รู้สึกเสียเซลฟ์ไม่น้อยเลย เสียงหัวเราะนุ่มๆดังสอดประสานกับเสียงโทรศัพท์ ก่อนที่นนท์จะออกปากเร่งให้นิวกดรับสักทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะลืมๆไปแล้วว่าที่ไอ้เสียงเรียกเข้าป้าๆนั่นมันดังขึ้นมาเพราะอะไร

     

    นิวยิ้มแหย รับสายโดยไม่ต้องมอง คงไม่พ้นพี่เจนแน่ๆสายนี้ เพราะอีกคนที่เป็นเบอร์ประจำในการโทรเข้าคงจะเลิกโทรหากันไปพักใหญ่ทีเดียว


     

    จนกว่าจะหายงี่เง่านั่นแหละ


     

    “ฮัลโหลพี่เจนนนน” กรอกเสียงสดใสพร้อมยิ้มหวานราวกับพี่ชายหัวใจสาวคนสนิทมายืนอยู่ตรงหน้า ก่อนคิ้วคมๆที่ถูกปล่อยสบายจะค่อยๆขมวดเข้าเรื่อย เมื่อฟังปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนเพราะธุระด่วนจี๋ที่แทรกเข้ามา

     

    นนท์มองนิวฟังปลายสายพูดยาวเหยียดอย่างเงียบเชียบ อ่า ท่าทางจะไม่ค่อยดีแฮะ คิ้วผูกเป็นปมเชียว


     

    “ได้ๆพี่ นิวไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” นิวกดวางสายพร้อมกับคว้ากระเป๋าเงินในกระเป๋าถือใบเล็ก หยิบแบงค์ร้อยออกมาวางไว้แล้วทับด้วยถ้วยไอศครีม ทำทุกอย่างรวดเร็วสมกับเป็นความว่องไวเป็นนิสัย พลางอธิบายกับคนตรงข้ามสั้นๆอย่างรีบๆ


     

    “นิวมีงานด่วนอ่ะนนท์ ต้องรีบไปแต่งตัวที่ตึก ไปก่อนนะ

    จบประโยคคนสวยก็ก้าวขายาวออกจากบริเวณร้าน ทิ้งนนท์ให้เหวอไปหลายวินาที ก่อนจะควักเงินในกระเป๋าออกมาวางไว้ในลักษณะเดียวกัน แล้ววิ่งพุ่งออกจากร้านตามหญิงสาวไปติดๆ


     

    เห็นอีกคนกำลังจะโบกแท็กซี่ นนท์ก็ยิ่งรีบพุ่งไปคว้าแขนเอาไว้ได้ทันท่วงที ก่อนแขนเรียวจะยื่นยาวออกไปกวักเจ้าคันสีเหลืองเขียวที่ใกล้เข้ามา

     

    “ไม่ต้องแท็กซี่ เดี๋ยวผมไปส่ง”

     

     

     

     




     

     

     

     

     

     

    .
    .

     

     

    “จิ๋ว ถ้าเบื่อขนาดนี้ก็กลับบ้านเถอะ ผมไปส่งก็ได้นะ

     

    ด้วยน้ำเสียงที่ถาม ด้วยคำถามที่เอ่ย รู้เลยว่าคนถามใส่ใจกันมากแค่ไหน

     

    จังหวะการเดินของคนตัวเล็กชะลอลงไปจนแทบเรียกได้ว่าหยุดเดิน คำถามจากพี่เบลกำลังวาดรอยยิ้มเยาะตัวเองให้คนมองต้องตีคิ้วขมวดอย่างเดาอาการไม่ถูก อาการของคนตัวเล็กมีความหมาย แต่ไม่มีคำพูดใดจากปากออกมาเพื่ออธิบาย

     
     

    สายตาเป็นห่วงเป็นใยยังจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองรู้สึกอบอุ่นมากทุกที

    และที่ตีตื้นขึ้นมามากกว่าเดิม จิ๋วกลับรู้สึกว่าเธอช่างเห็นแก่ตัวที่เธอเลือกจะรับนัดเขาเพื่อมาฟังเธอถอนหายใจ อมยิ้ม และปล่อยให้ทุกอย่างเงียบงันไร้จุดหมายแบบนี้

     

    ในตอนที่นิวกำลังไปพบกับนนท์ เจ้าของหัวใจตัวจริง เธอทนความเหงาไม่ได้


     

    “จะให้จิ๋วไปนั่งหง่าวอยู่บ้านคนเดียวจริงๆเหรอ ไม่เอาอ่ะ เหงา”

    จิ๋วปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเหงาออกมาอย่างชัดเจน ในแววตาเศร้าๆพยายามฝืนยิ้มให้คนข้างตัว เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอขี้เหงาขนาดนี้ เหงาขนาดที่เธอพร้อมจะร้องไห้ทันทีเมื่อบ้านทั้งบ้านเงียบเสียงเพื่อนรักลงไป

     

    อันที่จริง ก่อนหน้านี้บ้านที่ไม่มีนิวก็ไม่ได้เงียบเหงาขนาดนั้น แต่ปัญหาระหว่างกันมันทำให้ความเงียบงันกลายเป็นเชื้อเพลิงความฟุ้งซ่านชั้นดี อาจเพราะเธอไม่ใช่คนกล้ายอมรับความจริง ไม่กล้ามองปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ต่างกับนิวที่พยายามจะแก้มันให้อย่างตรงจุดอยู่เสมอ เธอเลือกจะหลบหนีความจริงมาตลอด ความจริงที่ว่า ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเราสองคนในคืนนั้น มันเป็นปมอันใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างควรจะพูดให้ตรงกับใจเสียที ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดจากอะไร

     

    ก็นั่นแหละ อยู่คนเดียวเธอก็เผลอคิดถึงมันทุกที แต่พอยิ่งคิดก็กลัวคำตอบของตัวเอง เธอก็พอรู้ว่าความรู้สึกเธอที่มีต่อเพื่อนรักมันไม่ได้จะธรรมดาเหมือนเพื่อนทั่วๆไป แต่ก็ขลาดกลัวเกินจะยอมรับเต็มปากว่าเธอรักนิวในแบบที่ไม่ใช่เพื่อน เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางจะเป็นไปได้

     

    ที่เธอทำได้ดีที่สุด คือเก็บค่ำคืนนั้นไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม เก็บซ่อนความรู้สึกตัวเองเอาไว้ให้ลึก ตัดความหึงหวงและห่วงจนเกินจำเป็นออกไปให้เด็ดขาด เพื่อความสัมพันธ์ที่ควรจะเจริญงอกงามต่อไป ในฐานะ เพื่อนคนนึง


     

    และมากกว่ากลัวความเหงา เหตุผลที่เธอรับนัดของพี่เบล อาจเป็นเพราะเธออยากแน่ใจ ว่าการมีพี่เบลเข้ามาจะไม่ทำให้นิวรู้สึกอะไรจริงๆ ถึงจะไม่คาดหวังอะไรในตัวเพื่อน แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าที่กำลังตัดสินใจจะทำอยู่นั้น เธอจะไม่เสียใจในภายหลังหากมันจะมีโอกาสสักนิดที่จะเราจะรักกันเธอก็อยากจะรักษาโอกาสนั้นเอาไว้

     

    ก็นะ ใจเธอก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ อีกสักสิบนาที เธออาจจะกลับไปเด็ดเดี่ยวเป็นจิ๋วเพื่อนนิวแล้วก็ได้ แต่หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง หากมีอะไรมาสะกิดใจ เธอก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นจิ๋วเพื่อนที่รักนิวจนมากเกินไปได้อีกเหมือนกัน

     

    และพี่เบล ช่วยได้เยอะกับการมารับรู้ถึงความเอาใจใส่ที่มีให้กัน เธอมีเรื่องต้องขอบคุณเขามากไปหมด

     

     


     

    กริ๊งงงงงงงงงง

     

    “หือ เสียงโทรศัพท์ป้าที่ไหนเนี่ย

    ดังพร้อมเสียงโทรศัพท์ เบลพูดยิ้มๆพลางสอดส่ายสายตาไปมาหาเจ้าของเสียงโทรศัพท์มือถือที่เขาสันนิษฐานอายุไว้มากกว่าสามสิบ โดยไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามันดังใกล้หูเขาขนาดไหน



    แต่เจ้าของโทรศัพท์สะดุ้งเฮือก คำว่าป้ากระแทกหูอย่างรุนแรงจนอยากจะขย้ำหัวคนพูดแรงๆสักที... 

    เบลก็ยังคงสอดส่ายสายตาทั้งหน้าเปื้อนยิ้ม ระบบการรับรู้ของเขามันคงตายด้าน หรือไม่ก็บกพร่องรุนแรง ถึงได้ไม่รู้อะไรเลยขนาดนี้ จิ๋วจะงับหัวเขาอยู่แล้ว
     

    โทรศัพท์เครื่องบางสีขาวสะอาดตา สั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กข้างตัว จิ๋วควานมือลงไปไม่นานก็คว้าขึ้นมาชูใส่หน้าเจ้าของประโยคเด็ด เสียงโทรศัพท์ป้า’ ที่ทำเอาคนเพิ่งจะสามสิบหมาดๆอกสั่นขวัญแขวนไปหมด


    ดวงตาคมหรี่ตามองหน้ามนๆนั่น พร้อมส่งยิ้มมาดหมายคาดโทษกับคำพูดเขาที่หาว่าเธอเป็นป้าโดยไม่รู้ตัว


     

    มันสั่นสะเทือนและกรีดร้องกริ๊งกริ๊งอยู่ในมือบอบบาง เห็นชัดเจนไปเลยว่านี่ของใคร


     

    เบลสะดุ้งโหยง โทรศัพท์จิ๋วนี่นา...
    เขายิ้มแห้งๆเป็นการแก้ตัวระหว่างที่จิ๋วเลือกจะใช้เวลาก่อนรับสายสั้นๆอธิบายที่มาของ
    เสียงโทรศัพท์ป้านั่นให้เขารับรู้

     


     

    “จิ๋วไม่ได้ตั้งเอง นิวบังคับให้จิ๋วตั้งเป็นเพื่อน หึ

     

     

    อ๋อ

    ป้านิวป้าจิ๋ว สองป้านี่เอง

     

    เบลคิดในใจพลางแอบยิ้มอย่างนึกขำ รอดสายตาจากจิ๋วที่หันหน้าไปรับสายอย่างฉิวเฉียด

     

     

    “หือ งานด่วนหรอพี่เจน อะไรเนี่ย ให้จิ๋วแค่สิบห้านาทีจะถึงตึกทันได้ไง จิ๋วไม่ได้อยู่บ้านนะ เดินออกไปเรียกแท็กซี่ก็สิบนาทีแล้ว”

     

    คนตัวเล็กส่งเสียงเข้มใส่ปลายสายยาว เบลได้ยินชัดเจนทุกคำ วิธีรับมือสถานการณ์เร่งด่วนตรงหน้าถูกผลิตออกมาด่วนจี๋ มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงกุมกุญแจรถคันเก่งพร้อมดึงขึ้นมาชูใส่หน้าคนตัวเล็กฉับไว

     

    เบื้องหลังกุญแจที่จ่อใบหน้า มีหน้าแป๊ะยิ้มของเจ้าของรถยิ้มแฉ่งมืออีกข้างที่ว่างชูเป็นเลขสอง ให้ความหมายเป็นยี่สิบนาที จากที่นี่เขาพาไปไหว

     

    คนตัวเล็กมองแล้วหลุดหัวเราะออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้ พยักหน้ารับความช่วยเหลือจากคนใจดี ส่งสายตาขอบคุณที่ทำให้คนออกตัวช่วยเหลือต้องยิ้มตอบอย่างเต็มใจ

     

    เสียงที่เคยเข้มดูเบาสบายขึ้นมากเมื่อถึงประโยคนี้ คนตัวเล็กส่งเสียงบอกปลายสายให้คลายกังวลใจ

    “โอเคค่ะ ยี่สิบนาทีเจอกัน เดี๋ยวจิ๋วให้พี่เบลไปส่ง”

     

     
     

     

     

     

     

     

     


     

    ถึงที่หมาย นิวก็รีบร้อนจนแทบเหาะ นิ้วเรียวกดย้ำๆยังปุ่มลิฟท์ไม่รู้กี่สิบครั้ง จนคนที่เดินตามมาอย่างนนท์ต้องเอื้อมไปคว้ามือนั่นไว้ให้สงบลงเสียทีทอดเสียงนุ่มบอกนิวที่ยังไม่วายยืนกระดิกเท้าเพราะในใจมันรีบร้อนจนเกินกว่าจะยืนรอเฉยๆได้


     

    “ใจเย็นนิว ถึงแล้วเนี่ย คุณไปให้ถึงเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วน่า

    คำปลอบของนนท์ไม่ได้ช่วยอะไรนเวลาเร่งด่วนแบบนี้ แต่นิวก็ยังมีจิตใจส่งยิ้มให้เขาอย่างฝืดเคืองเต็มที พลันประตูลิฟท์เปิด ร่างบอบบางก็พุ่งเข้าไปในตัวลิฟท์อย่างรวดเร็ว กดย้ำชั้นอันเป็นจุดหมายพร้อมเลื่นนิ้วไปกดปุ่มปิดอย่างเร่งด่วนจนประตูแทบจะงับชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาแทบไม่ทัน


     

    นนท์ยืนอึ้ง ชายแจ๊คเกตด้านหลังของเขาถูกลิฟท์หนีบ นั่นหมายถึงเขารอดจากการโดนเหล็กแข็งนั่นงับมาอย่างเฉียดฉิว

     

    โดยที่ตัวต้นเหตุไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ นิวยืนกอดอกก้มหน้า กระดิกนิ้วชี้ซ้ำๆราวกับว่ามันจะทำให้เวลาเดินไปได้รวดเร็วกว่านี้ ทั้งที่จริงก็ไม่เลย

     

     

     

     

     

     


     

    “นี่จิ๋วรีบแล้วจริงหรอเนี่ย

    เบลสุพลถามขึ้นมาอย่างงงๆ สาบานเลยว่าเขาไม่เห็นคนตัวเล็กมีอาการรีบร้อนลนลานสักนิด แม้กระทั่งตอนนี้ เรียวขาในยีนส์เดฟตัวเก่งก้าวอาดๆอย่างเร็วมากกว่าปกติแต่ก็ไม่ได้มากมายไปกว่านั้น อีกทั้งใบหน้าก็ไม่ได้เครียดขึ้ง เขายังเห็นจิ๋วผ่อนลมหายใจสบายๆทั้งที่เมื่อสิบนาทีที่แล้วยังรับปากกับผู้จัดการว่าจะรีบให้ถึงที่สุด

     

    คนตัวเล็กผินหน้าน้อยๆมามองคนข้างตัว วาดรอยยิ้มบางๆพลางเอื้อมมือกดลิฟท์ รอมันมาถึงอย่างใจเย็น


     

    “รีบสิคะ แต่จะรีบแบบวิ่งลนๆน่ะจิ๋วไม่เอาหรอก เสียลุคส์นะ บอกเลย

    คนตัวเล็กดูสวยสง่าและสงบนิ่งแบบนี้อยู่เสมอ นี่เองเสน่ห์ที่ทำให้เขาถอนใจไปไหนไม่รอดสักทีดวงตาอบอุ่นได้แต่มองร่างเล็กอย่างชื่นชม ก้าวขาเดินตามคนตัวเล็กเข้าไปในลิฟท์อย่างเพ้อๆเมื่อเจ้ากล่องเหล็กนั่นเดินทางมาถึง


     

     

    นิ้วเรียวยื่นไปกดชั้นที่หมายเบาๆหนึ่งครั้ง พร้อมกับประตูลิฟท์ที่ค่อยๆปิด และพุ่งทะยานขึ้นสูง พาคนสองคนให้ไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงที่หมาย นิวก็พุ่งออกจากลิฟท์จนแทบจะลืมคนที่มาด้วยกัน ก้มหน้าก้มตามองทางแทบไม่ได้สนใจลิฟท์อีกตัวที่พาใครอีกคนมาถึงโดยใช้เวลาไม่ต่างกันมากนัก จิ๋วเดินออกมาพร้อมๆกับพี่เบล ด้วยจังหวะการก้าวที่รีบเร่งกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ก็ยังคงความสง่าไว้ได้อย่างเคย


     

    “ไม่ถึงยี่สิบนาทีเลยนะคะเนี่ย พี่เบลเก่งมาก

    คนตัวเล็กหันไปชูนิ้วโป้งให้คนข้างตัวหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและพบว่ามันเพิ่งไปเพียงสิบห้านาที คนได้รับคำชมยิ้มตาแทบปิด อีกแล้ว ยิ้มแบบนี้ทำเขาเขินจนไปไม่เป็นทุกที

     

      

    เสียงคุ้นหูดังลอยมาจากทางด้านหลัง นิวก็พอจะรู้ว่าคนตัวเล็กคงต้องมาถึงในเวลาที่ไม่ต่างกันเท่าไร เพียงแต่นึกว่าจิ๋วคงจะมาถึงก่อน แต่ที่ขัดหูมากกว่าอะไรทั้งหมด คือชื่อของใครบางคนตรงท้ายประโยค ที่นิวไม่อยากจะคาดเดาให้ถูกตัวว่าไอ้พี่เบลนั่นมันอาสามาส่งจิ๋วถึงที่

     

    เรียวขาสวยหยุดจังหวะการเดินอันรวดเร็วลงแทบจะทันที นิวหันหลังกลับไปมองพร้อมตวัดสายตาวาวจ้องคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มหวานให้ไอ้ผู้ชายคนนั้นอย่างร้อนรุ่มไปหมด

     

    และด้วยจังหวะที่แสนพอดิบพอดี จิ๋วหันมาพบเพื่อนรักที่ยืนจังก้าหน้าบอกบุญไม่รับขวางทางอยู่ก็ชะงัก รอยยิ้มหวานค้างตายสนิท ใบหน้าซีดเผือดลงราวกับมีความผิดทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไร

     

    ยิ่งเห็นดวงตาวาวโรจน์ของอีกคนจ้องมองผ่านเธอไปที่พี่เบล จิ๋วก็ต้องขยับตัวออกห่างร่างสูงนั่นอีกนิดนึงทั้งที่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม

     

    ความอึดอัดครอบงำไปทั่ว เบลวูบวาบร้อนๆหนาวๆ เอาอีกแล้ว สายตาแบบนี้ของคุณนิวอีกแล้ว


     

    “นิว!

     

    ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นมาด้านหลังให้สามสายตาต้องหันไปมองอย่างห้ามไม่ได้ คนที่ถูกทิ้งไว้ที่ลิฟท์เพียงลำพังวิ่งเหยาะๆตามออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าอยู่น้อยๆ

     

    คราวนี้ คนที่ได้หน้าซีดเผือดแทนกลับเป็นนิว ที่แทบอยากจะเสกนนท์ให้หายไปเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าเธอทำได้

     
     

    จิ๋วตีคิ้วขมวดมองนนท์อย่างไม่พอใจทิ้งการทักทายของนนท์ให้เก้ออย่างเสียมารยาท ก่อนจะตวัดสายตากลับมามองเพื่อนรัก ที่เสหลบสายตาไปหลายวินาทีเพื่อรวบรวมสติ ไม่นานก็ดึงแววตาแข็งกร้าวกลับมามองกันใหม่

     

    คราวนี้ ความผิดที่เสมอกัน ทำให้นิวไม่กลัวที่จะสบตา และจิ๋วไม่เกรงที่จ้องกลับอีกต่อไป

     
     

    เบลกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก เขาตั้งใจถอยหลังออกจากจิ๋วช้าๆอย่างทนความอึดอัดไม่ไหว สายตาร้อนแรงสองคู่สานสบกันจนกลัวว่าจะมีเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา และเบลก็พอจะรู้ได้ว่า ปัญหาของเพื่อนรักสองคนนี้ อาจมีส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะเขา แต่มันไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ในเหตุการณ์อีกแล้ว

     

    มีแต่นนท์เท่านั้นที่ยังยืนยิ้มบางๆ มือข้างซ้ายค้างตั้งแต่ที่ยกขึ้นทักจิ๋วแต่ไม่มีปฏิกริยาใดตอบกลับมา ดวงตาอบอุ่นหันมองทางเพื่อนศิลปินร่วมค่ายข้างๆจิ๋วที่ส่งยิ้มมาให้เขาแหยๆ นนท์มีตัวตนอยู่ตรงนั้นอย่างงงๆ หรืออันที่จริง เขาไม่มีตัวตนในสายตานิวไปแล้วด้วยซ้ำ

     


     

    ความรีบร้อนที่ดึงทั้งคู่ให้มาที่นี่แทบจะพร้อมกันถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ เพื่อนรักสองคนยืนจ้องตากันราวกับจะวิวาทกันด้วยภาษาสายตาโดยที่ยิ่งนานก็ยิ่งไม่เข้าใจ


     

    และมันคงจะเนิ่นนานออกไปเรื่อย หากยังไม่มีใครย้ำเตือนถึงความจำเป็นเร่งด่วนก่อนที่มันจะสาย

     

     

    “เห้ย ไอ้เจ้านิวเจ้าจิ๋ว มาแต่งตัวสิวะ ยืนจ้องตากันอยู่ได้ เร๊ว!





     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×