คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทเพลงแรกเริ่ม
ฟู่ววว~ ฟู่ววว~
ฮึมมม~ ฮือออ~
ไคโตะยืนทอดไข่อยู่หน้าเตาแก๊ส พร้อมกับฮัมเพลง KAITO ga UNINSTALL
ตึกๆ ตึกๆ
เด็กผู้หญิงวัยสิบหกปีวิ่งลงบันไดมาด้วยความเร็วจนผมทวินเทลสีฟ้าน้ำทะเลสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหวของเธอ
"มิคุ อย่าวิ่งสิ" ไคโตะหันไปปราม
"ก็มันสายแล้วนี่" มิคุใส่รองเท้าสีน้ำตาลอยู่หน้าประตูตอบเขาโดยไม่คิดที่จะหันมาด้วยซ้ำ
"แต่มิคุ..." ไคโตะพูดไม่ทันจบมิคุก็วิ่งออกไปซะแล้ว
"เฮ้อ~ เปิดเทอมวันพรุ่งนี้ต่างหาก" ไคโตะถอนหายใจ
มิคุเป็นอย่างนี้เสมอแหละ มักจะนอนตื่นสายและมองปฏิทินผิดเป็นประจำ แต่เธอก็เป็นคนน่ารักนะ แค่ซุ่มซ่ามไปนิดเดียวเอง
"เอะอะอะไรกันน่ะ" เสียงห้าวเอ่ยขึ้น
"ลูกะ" ไคโตะเรียกเจ้าของเสียงเบาๆ
"ฉันจะออกไปข้าวนอก จะเอาไอติมรสอะไรมั้ย"
"อืม... รสมิ้นท์ รสสตรอเบอรี่ รสมะพร้าว เอ่อ... อะไรอีกดีน้า" ไคโตะร่ายยาว ก็ไอศกรีมเป็นของโปรดเขานิ!
"พอเลยๆ ของเก่าฉันยังเห็นอยู่เต็มตู้เย็นอยู่เลยนะ จะกินอะไรเยอะแยะ เดี๋ยวก็ท้องเสียอีกหรอก" ลูกะโบกมือห้ามไม่ให้ไคโตะพูดรสไอศกรีมไปมากกว่านั้น
"อ่า... แหะๆ" ไคโตะยิ้มแหยๆ พร้อมกับกลับไข่ในกระทะ "จะกลับมากินข้าวเช้ามั้ย หรือจะไปกินที่บ้านกาคุโปะ" ไคโตะถามเมื่อรู้ว่าสาวเจ้าจะออกไปที่ไหน และกับใคร
ลูกะหน้าแดงทันทีเมื่อเอ่ยถึงกาคุโปะ หนุ่มข้างบ้านจอมเพี้ยนคนรักของเธอ และยังเป็นเพื่อนสนิทของไคโตะอีกด้วย
ปัง!
เธอไม่พูดอะไรก็รีบออกจากบ้านไปทันทีโดยไม่ตอบคำถามของเขา
ไคโตะเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะทั้งหมด 1… 2… 3… 4… 5… 6… 6 ชุด หลังจากนั้นเขาก็เปิดตู้เย็นชั้นบนเพื่อหยิบไอศกรีมมากินระหว่างรอคนอื่นๆ (สองคนออกไปข้างนอก สามคนนอนอยู่ที่ห้อง) ลงมาทานข้าว ไคโตะแลซ้ายแลขาวเลือกรสไอศกรีมอยู่นาน ในที่สุดก็เลือกได้รสมะเขือม่วง (?)
เราจะปล่อยให้ไคโตะกินไปก่อน ระหว่างนั้นกล้องจะซูมไปที่ชั้นสองของบ้าน ณ ห้องของริน
"ดอกไม้แห่งมารร้าย เบ่งบานขึ้นอย่างงดงาม~ (Aku no Musume)" รินร้องเพลงขณะเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก
"สายแล้วนะริ... (สายแล้วนะริน)"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด"
เลนที่เปิดประตูเข้ามายังไม่ทันพูดจบก็เจอรินกรี๊ดใส่ ไม่พอเขายังเจอโคมไปบิน หวีลอย หมีเหาะอีกด้วย
"ข ขอโทษ" เลนรีบปิดประตูทันที
เขาเห็นรินนุ่งผ้าเช็ดตัว! เขาเห็นรินนุ่งผ้าเช็ดตัว!!! ถึงตอนเด็กๆ เขาจะเห็นประจำก็เถอะ แต่นี่พวกเขาก็อายุ 14 กันแล้วนะ รินก็โตแล้วถึงจะไม่ค่อยมี เอ่อ... หน้าอกก็เถอะนะ
แกร็ก
รินเปิดประตูออกมาหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเลี่ยงที่จะมองหน้าเลนตรงๆ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อครู่
"ล... ลงไปกินข้าวกัน" เลนเอ่ยปากชวน
"อ... อืม" รินขานรับก่อนที่ทั้งคู่จะลงไปหาไคโตะพร้อมกัน
เมื่อทั้งสองลงมาก็เจอกับเมย์โกะที่นอนฟุบหน้าลงบนโตะ กลิ่นเหล้านั้นคละคลุ้งรอบกายเธอจนรินต้องปิดจมูกแล้วโบกมือปัดไปมา เลนมองสอดส่องซ้ายขวาไม่เห็นลูกะกับมิคุก็นึกแปลกใจ ลูกะนั้นไม่เท่าไหร่ แต่มิคุนี่สิ
"พี่ไคโตะ พี่มิคุล่ะครับ"
"แหะๆ เขาคิดว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนน่ะ เลยรีบออกไปแต่เช้าแล้ว ยังไม่กลับมาเลย" ไคโตะยิ้มแหยๆ
"งั้นกินกันก่อนได้มั้ย" รินเอ่ยถาม
"กินๆ กันไปเหอะ ฉันเองก็ขี้เกียจรอแล้ว" เสียงดังมาจากเมย์โกะที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมสวาปามข้าวตรงหน้า
"เฮ้อ" ทุกคนเอ่ยพร้อมกัน "จะทานแล้วนะคะ / จะทานแล้วนะครับ"
ตัดไปที่หนูทวินเทลสีฟ้าน้ำทะเลกันมั่ง โอ๊ะ! นั่นไง! อยู่ตรงนั้น อ้าว! หน้ามุ่ยมาเลย แสดงว่าไปโรงเรียนมาแล้วสิ
"โธ่เอ๊ยๆๆ ทำไมพี่ไคโตะถึงไม่บอกกันก่อนนะ" มิคุเดินกลับบ้านพร้อมบ่นกระปอดกระแปด
เธอเดินไปบ่นไปเสียงดังทำให้คนรอบข้างต่างพากันมองมาด้วยความสนใจ แต่เธอก็ก้มหน้างุด ด่าพื้นดินไปจึงไม่ทันเห็นสภาพรอบด้านทำให้เธอเดินชนกับเด็บผู้หญิงผมเขียวคนหนึ่งเข้า
"โอ๊ย!" ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน
"ข... ขอโทษนะ ฉันเดินไม่ระวังเองน่ะ" มิคุรีบขอโทษขอโพย
"ไม่เป็นไรหรอกๆ ฉันก็แต่อ่านแผนที่น่ะ" เด็กหญิงหัวเขียวตอบ
"แผนที่เหรอ? เธอพึ่งเคยมาที่เมืองนี้ใช่ไหม?" มิคุถาม
"ก็ไม่เชิงหรอก ฉันเคยมาตอนเด็กๆ น่ะ แต่จำทางไม่ได้แล้ว"
"ฉันจะนำทางให้เอง ว่าแต่... เธอจะไปที่ไหนเหรอ" มิคุยืนขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้สาวน้อยอีกคน
"บ้านพี่ชายน่ะ นี่ไง เขาเขียนแผนที่ให้ด้วย" เธอจับมือมิคุพร้อมยันตัวขึ้น หลังจากนั้นเธอก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ "ฉันกุมิ เธอล่ะ"
"มิคุ" มิคุตอบพร้อมกับมองกระดาษในมือที่เขียนเป็นตัวอักษรงดงามแต่อ่านยาก
'โอ้ ยามใดที่เจ้าได้มาถึง จงข้ามบึง มาเรื่อยแล้วเลี้ยวขวา
เจ้าจะเจอกับหินรูปคุณหมา ช่วยแลหาเส้นทางให้เจ้าเอง
เดินตามทางแสนยาวสุดมากมาย มีร้านขายเสื้อผ้า และกางเกง
เจ้าจงเลี้ยวที่ร้านลวกราเมง ต้นส้มเช้งรอเจ้าอยู่ที่อีกเลี้ยว
โอ๊ะ ที่สุดเจ้าก็มาได้ครึ่งทาง กลิ่นหอมจางมาจากร้านขายเกี๊ยว
จงถามทางไปหาซุปเต้าเจี้ยว ระวังเขี้ยวฉลามข้างบ้านพี่
ถึงไหนนะ? ร้านซุปแล้วหันหลัง เห็นหรือยังผ้าม่านลายทอฟฟี่
เจ้ารีบเดินตรงมาอย่างเร็วรี่ นั่นบ้านที่สองเราได้ครอบครอง'
มิคุแทบจะปากระดาษทิ้งแล้วจากไปให้ไกล แต่ในเมื่อเธอรับปากกุมิไว้ก็ควรช่วยเธอสักหน่อย
"มิคุจัง? อ่านเข้าใจหรือเปล่า" กุมิถามมิคุที่รีบสะบัดหัวอย่างแรงที่ได้ยินคำถามนั้น
"งั้นเหรอ? อืม... ฉันว่าเราน่าจะทำตามที่กลอนเขียนไว้" กุมิมองดูกระดาษแผ่นนั้นพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่ง " 'โอ้ ยามใดที่เจ้าได้มาถึง จงข้ามบึง มาเรื่อยแล้วเลี้ยวขวา' ฉันว่าท่อนนี้น่าจะหมายถึงข้ามสะพานนะ มิคุจัง ที่นี่มีสะพานที่ไหนบ้างเหรอ"
"เอ่อ... ตรงถนน *ตี๊ด* แล้วก็ *ตี๊ด* น่ะ มีอยู่สองที่"
"ที่ใกล้ที่สุดล่ะ"
"ที่ *ตี๊ด* น่ะ ฉันจะพาไปเอง" มิคุอาสา
ทั้งสองเดินมาจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำที่ถนน *ตี๊ด* พร้อมเดินข้ามสะพานไปแล้วเลี้ยวขวา ตรงกับกลอนที่พี่ชายของกุมิเขียนไว้
"ต่อไปก็ 'เจ้าจะเจอกับหินรูปคุณหมา ช่วยแลหาเส้นทางให้เจ้าเอง' เราก็ต้องหาหินรูปหมาสินะ..." กุมิจ้องกระดาษอย่างแน่วแน่น
"หินรูปหมา... หินรูปหมา... อืม... อ๋อ! มาอยู่ที่สวนสาธารณะน่ะ ตามฉันมาเร็วกุมิจัง" มิคุวิ่งนำกุมิไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้ารูปปั้นหมาขนาดใหญ่กลางสวนสาธารณะ
"ช่วยแลหาเส้นทางให้เรางั้นเหรอ? จริงสิ! เราลองไปตามทางที่หมาหันหน้าไปกัน" กุมิมองมิคุอย่างตื่นเต้น
"แต่ทางนั้นมัน..." มิคุหันไปมองทางก็นึกถึงลางร้าย ทางทางนั้นเต็มไปด้วยต้นสูงเยอะแยะมากมาย หญ้าขึ้นรกชันสูงถึงหัวเข่า จะมีอะไรแย่กว่านี้ไหมเนี่ย เฮ้อ~ มิคุหันไปมองกุมิอีกครั้งก็พบว่าเธอไม่อยู่ที่ตำแหน่งเดิมแล้ว
"มิคุจัง~ เร็วเข้าสิ" เธอยืนโบกมือป้องปากเรียกมิคุอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูง คนที่สวนต่างพากันหันมามองมิคุด้วยความสนใจ ทำให้เธออายจนต้องรีบวิ่งไปสมทบกับกุมิ
" 'เดินตามทางแสนยาวสุดมากมาย มีร้านขายเสื้อผ้า และกางเกง
"อ๊ะ! นั่นไงร้านขายเสื้อ ดูร้านข้างๆ สิ ร้านขายราเมงนี่นา" กุมิชี้มือชี้ไม้อย่างดีใจ แล้วรีบวิ่งไปทันที
...มันมาถึงนี่ได้ยังไงกัน!!!
มิคุนึกในใจแล้วหันหลังไปมองทางที่ผ่านมา พวกเธอออกมาจากซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งซึ่งเชื่อมกับป่าแห่งนั้นพอดี!
"มิคุจัง! ทางนี้ๆ มีทางเลี้ยงจริงๆ ด้วย" กุมิชี้ไปยังทางเลี้ยวที่ติดกับร้านราเมงของลุงหัวล้าน
ทั้งสองเดินไปตามทางก็เจอกับทางสามแยกที่มีต้นไม้อยู่ทั้งสามทาง
"เอ๋!? แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าต้นไหนเป็นต้นส้มเช้ง" มิคุบ่นอย่างหัวเสีย
"อืม ฉันก็ไม่รู้จักด้วยสิ อ๊ะ! คุณยายคะ ต้นส้มเช้งคือต้นไหนเหรอคะ" กุมิหันไปเรียกคุณยายที่เดินออกมาจากซอยกลาง
"ต้นส้มเช้ง? ใช่แล้ว มันเป็นต้นส้มเช้งที่สวยที่สุดในเมืองนี้ สมัยที่ยายยังเป็นเด็กๆ มักจะมารดน้ำให้มันพร้อมกับเพื่อนๆ เสมอ อ่า... คิดถึงจังเลย ตอนนั้นยายมีความสุขมากกับการเฝ้าสังเกตมันเติบโต... (ละข้อความที่เหลือ) นั่นไงล่ะ ต้นทางซ้ายมือนั่นไง"กว่าคุณยายจะพูดจบมิคุกับกุมิก็หลับไปได้หลายตื่นทีเดียว
"ขอบคุณค่ะคุณยาย" มิคุพูดก่อนรีบวิ่งไปทางซ้ายตามด้วยกุมิ
โอ๊ะ ที่สุดเจ้าก็มาได้ครึ่งทาง กลิ่นหอมจางมาจากร้านขายเกี๊ยว
จงถามทางไปหาซุปเต้าเจี้ยว ระวังเขี้ยวฉลามข้างบ้านพี่
นั่นก็คือคำใบ้ต่อไป มิคุกับกุมิรีบทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นของเกี๊ยว ทั้งสองดมไปเดินไปเพื่อไม่ให้เสียเวลา
"ร้านนั้นหรือเปล่า" มิคุชี้ไปที่รถเข็นขายของ
"น่าจะใช่นะ เราต้องไปถามทางไปหาซุปเต้าเจี้ยวสินะ" กุมิเอ่ยเรียบๆ
"ซุปเต้าเจี้ยว? ซุปมิโสะน่ะเหรอ?" มิคุนึกคุ้นกับเส้นทาง และร้านต่างๆ
"อือ" กุมิว่าแล้วก็รีบไปถามทางจากลุงขายเกี๊ยวทันที
กุมิเดินกลับมาหามิคุ "ทางนั้นเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา" กุมิบอก ทั้งสองจึงออกวิ่งอีกครั้ง
มิคุหยุดที่หน้าร้านขายซุปมิโสะอันลือชื่อ เธอหันซ้ายหันขวาไปมาท่าทางกระสับกระส่าย
"มีอะไรเหรอมิคุจัง" กุมิมองมิคุอย่างงง
"ก็แถวนี้ไม่เห็นมีอาควาเลี่ยมเลยนิ แล้วจะมีฉลามไปยังไง ฉันว่าเรามาผิดทางแล้วแหละ" มิคุบอก
"งั้นเหรอ" กุมิทำหน้าสลด
เพล้ง!
ขวดเหล้าถูกปามาจากด้านหน้าของร้านซุป มันแตกออกเป็นเสี่ยงคล้ายฟันฉลาม
"นะ... นั่นล่ะมั้ง ฉลามที่ว่า" กุมิพูดอย่างตะกุกตะกัก
"อะ... อือ" มิคุพยักหน้ารับพร้อมมองไปยังบ้านที่ส่งฉลามออกมาเพ่นพ่าน
บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่มีกางเกงในลายต้นหอมแสนคุ้นตาตากอยู่หน้าบ้าน มิคุนึกฉงนนิดๆ
"งั้นบ้านที่ผ้าม่านลายท็อฟฟี่ก็บ้านของกั๊กคุงน่ะสิ" กุมิร้องอย่างดีใจก่อนจะวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้ามอย่างเร็วรี่
"กั๊กคุง? หรือว่า..." มิคุดูเหมือนจะนึกอะไรได้แล้วก็วิ่งตามกุมิไปให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่ตนคิดเป็นความจริงหรือไม่
"กุมิ!" กาคุโปะสวมกอดน้องสาวทันทีที่เปิดประตูต้อนรับแขก
"กั๊กคุง! คิดถึงกั๊กคุงที่สุดเลย" กุมิยิ้มร่า
งั้นสิ่งที่มิคุคิดก็... ถูกน่ะสิ ในเมื่อบ้านนี้คือบ้านของ คามุอิ กาคุโปะ บ้านข้างๆ ที่มีฉลามกับต้นหอมก็...
บ้านของเธอเอง!
"ใครมาเหรอกาคุโปะ" ลูกะเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น "กุมิแล้วก็ มิคุ?"
"พี่... ลูกะ" มิคุหันไปมองลูกะ
ที่แท้เธอเดินวนไปวนมาเผื่อกลับมาบ้านตัวเองนี่เอง! ทั้งๆ ที่มีทางที่ใกล้แล้วก็ไปต้องลำบากกว่านี้ก็มี แต่ทำไมเธอถึงต้องทำตัวเป็นทาร์ซานเข้าไปลุยในป่าในเขา ยืนฟังคุณยายเหล่าเรื่องสมัยเด็กสองชั่วโมง! สวรรค์! ใครใช้ให้กาคุโปะเขียนกลอนห่วยๆ นี่มากัน!
"พี่รู้มั้ยว่ากุมิเหนื่อยแต่ไหนกว่าจะมาบ้านพี่ได้ อ๋อ! ใช่ นี่มิคุจัง เขาช่วยบอกทางกุมิน่ะ" กุมิแนะนำมิคุกับกาคุโปะ
"ท่านมิคุ?" กาคุโปะเอ่ยอย่างงงๆ
"เอ๋? รู้จักกันเหรอ" กุมิถาม
"อืม เขาอยู่ข้างบ้านพี่เองน่ะ เด็กที่ชอบต้นหอมมากๆ ที่พี่เคยเหล่าให้ฟังไงล่ะ" กาคุโปะพูดยิ้มๆ
"อ๋อ คนนั้นเอง" กุมินึกออกทันที "มิคุจัง ขอบใจมากนะวันนี้"
"อือ..."
"มิคุกลับบ้านกัน ไคโตะเขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ" ลูกะเดินมาพร้อมพามิคุกลับบ้าน...
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างพี่มิคุนี่จะเรียกอะไรดีนะ ซื่อบื้อรึเปล่า" เลนหัวเราะเสียงดังหลังจากมิคุเล่าเรื่องให้ฟัง
"ไม่ใช่หรอกเลน ฮ่าๆๆๆๆ ต้องเรียกว่าซื่อบื้อมากต่างหาก ฮ่าๆๆๆ" รินแก้คำให้เลน
"อะไรกันอ่ะ ริน เลน ฉันอุตส่าห์เล่าให้ฟังยังจะมาหัวเราะอีก" มิคุงอนแก้มป่อง
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" สองแฝดประสานเสียงหัวเราะกันหนักกว่าเดิม
"พอได้แล้วน่าริน เลน" ลูกะปรามทั้งๆ ที่เธอก็ยังอมยิ้มอยู่
"พี่ลูกะก็ขำเหมือนกันใช่ม้า~" รินถามขำๆ
"อุบ คริๆ" เลนพยายามหยุดหัวเราะแต่ก็ยังมีเสียงเล็ดรอดออกมาอยู่ดี
"โธ่เอ้ย!!! ริน! เลน! แล้วก็พี่ลูกะด้วย! ใจร้ายที่สุดดดดดดดด" มิคุกรีดร้องดังกล้อง
...ถ้ากุมิจังใส่กิโมโนเดินไปเดินมาสักหน่อยฉันก็คงจะพอนึกออกว่านั่นเป็นน้องของพี่กาคุโปะ แต่ดูเธอสิ ต่างกับพี่ชายหลงยุคนั่นลิบลับ!
มิคุนึกอย่างเคืองๆ พร้อมกับลงมือทุบไปที่บางสิ่งที่เธอนั่งทับอยู่
"โอ๊ย! ปล่อยพี่น้า~ มิคุ~" ไคโตะร้องอย่างเจ็บปวดท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนทั้งบ้าน
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ความคิดเห็น