ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Super Junior] Full Love...เติมรักเต็มหัวใจ [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #14 : Begin in Love 1 >> Kangteuk (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 51




    Begin in Love 1 >> [ kangteuk ]

    By: The Aof Ap

    +++++++++++++++++++++++++++++++

                เฮ้อ เสียงถอนหายใจอย่างไม่หยุดหย่อนของหนุ่มหน้าสวยนามว่า ลีทึก ดังขึ้นเรื่อยๆ


                นี่ทึกกี้ แกจะถอนหายใจกันให้ตายไปข้างเลยใช่มั้ย ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ฮีชอลที่นั่งมองการกระทำของเพื่อนอยู่นานก็เริ่มรำคาญ


                เฮ้อ ลีทึกยังคงถอนหายใจต่อไปต่อ


                เออดี...ถอนหายใจเข้าไป แล้ววันนี้ฉันจะรู้เรื่องมั้ย แกมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังไหม ฮีชอลวางหนังสือเล่มหนาลง แล้วหันมาประจันหน้ากับคนที่นั่งถอนหายใจอย่างไม่หยุดหย่อน


                ฉันรู้สึกว่า...


                รู้สึกอะไร ฮีชอลที่ตั้งใจฟังเริ่มรำคาญ วันนี้จะไปรู้เรื่องกับมันไหม


                ฉันกำลังมีความรัก ลีทึกพูดเบาๆ ใบหน้าเหม่อลอยเหมือนคนเพ้อฝัน ตอนนี้นางฟ้าผู้งดงามก็ได้กลายเป็นนางฟ้าปัญญาอ่อนเรียบร้อย


                ...


                ฉันจะทำอย่างไงดีล่ะ ลีทึกที่ยังคงเหม่อถามเพื่อนรักของตน


                ...


                ฉันไม่รู้จะทำอย่างไง แกคิดว่าไงฮีชอล


                ...


                ฮีชอล ลีทึกหันไปหาคู่สนทนาที่ตอนแรกเหมือนจะตั้งใจฟังซะเหลือเกิน


                “5555555+ ก๊ากกกกกกกกก แกจะบอกว่า แกมีความรักหรอทึกกี้ ฮีชอลนั่งหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย น้ำตาไหลพราก...นี่เพื่อนเขามีความรัก


               

                เขิน


                โมโห


                สองความรู้สึกตีกันมั่วไปหมด แต่ตอนนี้ลีทึกแค่รู้สึกว่า


                อยากฆ่า...ไอ้เพื่อนบ้านี่ซะจริงๆ


                หยุดหัวเราะฉันเดี๋ยวนี้นะ ลีทึกร้องเสียงเขียว เริ่มไม่พอใจอย่างแรง


                “O.k. หยุดก็หยุด ฮีชอลพยายามกลั้นหัวเราะ


                ...


                เออ...เล่ามาซิว่าคนคนนั้นคือใคร ฮีชอลถามพร้อมๆกับกลั้นหัวเราะ


                ฉัน...ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร ลีทึกตอบเสียงอ่อย


                ...


                ...


                “555+ นี่แกไม่รู้แม้แต่ชื่อเลยหรอ ฮ่าๆๆๆ เงียบไปซักพัก ฮีชอลก็ทนไม่ไหว


                นายกำลังจะบอกฉันว่า เป็นรักแรกพบ ป๊อบปี้เลิฟ...โอ๊ยทึกกี้เด็กน้อย มือเรียวกุมท้องตัวเอง รู้สึกท้องเริ่มแข็ง แต่ฮีชอลก็ยังไม่อยู่หัวเราะ


                ผิดกับคนที่นั่งตรงข้าม ตอนนี้ลีทึกพร้อมจะระเบิดตลอดเวลา ลีทึกจ้องฮีชอลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ไอ้เพื่อนบ้าไม่ช่วยแล้วจะยังมาหัวเราะเขาอีก มือบางลงประทับบนหัวทุยๆของเพื่อนที่นั่งจัดทรงมาตลอด 2 ชั่วโมงอย่างแรง


                โอ๊ย...ไอ้นางฟ้าเอ๋อ อยากตายใช่มั้ย ฮีชอลที่โดนตบจนหน้าคว่ำ เงยหน้ามาแว้ดทันที แต่ลีทึกกับไม่สนใจนั่งเหม่อของเขาต่อ


                ก็แกอยากหัวเราะฉันทำไมล่ะ ถ้าช่วยไม่ได้ก็เชิญอ่านหนังสือของแกต่อไปเลย ชิส์


                ก็ได้ๆ...งั้นแกลองบอกลักษณะท่าทางอะไรของเขาหน่อยดิ เผื่อฉันจะพอนึกออก ฮีชอลเขาโหมดจริงจัง


                ก็สูงๆ ตัวใหญ่ๆ รู้สึกว่าจะเป็นนักฟุตบอลทีมที่แกเป็นผู้จัดการอยู่น่ะแหละ ลีทึกเริ่มอธิบาย


                นักฟุตบอล อย่าบอกนะว่านายแอบชอบซีวอนของฉันน่ะ...โอ้วไม่นะถึงว่าทำไมช่วงนี้นายชอบฟังเพลงแฟนเพื่อน ฉันก็อุตส่าห์ไว้ใจแก ฮีชอลพร่ำไปเรื่อย


                จะบ้าหรอ ฉันไม่สนซีวอนของแกหรอก เชิญตามสบายเถอะ


                เอ๋อ...เหอๆ


                คนที่ฉันชอบ เหมือนจะชื่อ คังมิน คิมอิน คิงคอง โอ๊ย...อะไรไม่รู้ลีทึกเริ่มสติแตก เรื่องอย่างนี้จำไม่เคยได้ แต่ทีเรื่องเรียนจำได้อย่างกับไอน์สไตน์


                อย่าบอกนะว่า...นายชอบคังอิน ฮีชอลร้องอย่างตกใจ Oh…My god!!!


    ++++++++++++++++++++++ 20% +++++++++++++++++++++++

    นี่ฮีชอลแน่ใจหรอว่ามันเป็นความคิดที่ดีน่ะ ลีทึกยืนเกาะประตูแน่น เริ่มลังเลที่จะเดินเข้าไปภายในสนามกีฬา หลังจากที่โดนฮีชอลเกลี้ยกล่อมอยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจเดินเกาะหลังเพื่อนไปแบบติดๆ


                ซิน เสียงแรกจากร่างสูงทำให้ฮีชอลต้องพลักออกจากลีทึก


                ฮีชอลแกจะไปไหน ลีทึกเริ่มโวยวาย เห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนงั้นหรอ


                น่า แป๊บเดียว ฮีชอลเริ่มแก้ตัว ก่อนจะวิ่งไปทางกลุ่มนักกีฬาที่มีซีวอนนั่งรออยู่ก่อน



                ตอนนี้ลีทึกที่โดนฮีชอลปล่อยให้ยืนคนเดียว เริ่มหันซ้ายหันขวา...ทุกสายตาเริ่มจับจ้องมาทางเขาเหมือนตัวประหลาด


                มัวทำอะไรกัน ไปซ้อมกันได้แล้ว เสียงดังประกาศิตทำให้เหล่านักบอลที่ตอนแรกต่างนั่งมองร่างบางของลีทึกถึงกับสะดุ้ง และแยกย้ายพากันไปซ้อมตามตำแหน่ง


                ลีทึกหันไปตามต้นเสียงแล้วอาการชะงักก็ตามมา...นั่นมันคังอิน


                รุ่นพี่ มาที่นี่ทำไมหรือครับ คังอินกล่าวถามอย่างสุภาพ


                เออ...อาคือฉัน ลีทึกตะกุกตะกัก มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก หัวใจแทบจะเด้งออกมากองอยู่บนพื้น


                อ้าวคังอิน นายมาก็ดีแล้วซีวอนตามหาตัวอยู่น่ะ ฮีชอลเข้ามาขัดจังหวะก่อนที่คังอินจะได้ซักไซร้อะไรต่อ ไม่งี้นมีหวังลีทึกคงชักตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ


                เฮ้อ ลีทึกถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อคังอินวิ่งเข้าไปสมทบกับนักบอลที่เหลือ


                ฮ่าๆ ฮีชอลหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนรัก หน้าตาแบบนี้มันแสดงออกมาซะหมด


                แกหัวเราะอะไรฉันอีกล่ะ ทิ้งฉันไว้แบบนี้ฉันมีสิทธ์ตายได้เลยนะ ลีทึกเอามือทาบหน้าอก ได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นเร็วผิดจังหวะอย่างชัดเจน


                ล้อเล่นๆ เมื่อกี้ฉันไปคุยกับซีวอนมาเขาบอกว่าให้ฉันหาผู้ช่วย ฉันก็เลยคิดว่ามันหน้าจะเหมาะถ้าให้แกมาช่วยฉันซะเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฮีชอลอธิบาย


                ก็แล้วแต่นาย ลีทึกตอบ ยังไงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ขอแค่ได้เห็นหน้าคังอินทุกวันก็พอแล้ว


     

               

                นี่เป็นอาทิตย์ที่สองของการทำงานเป็นผู้จัดการของเหล่าสมาชิกนักกีฬาของทีม แต่ดูเหมือนก็ไม่มีอะไรที่จะคืบหน้าในความสัมพันธ์ของลีทึกและคังอิน


                น้ำมาแล้ว ลีทึกหิ้วกระบอกน้ำมาแจกจ่ายให้แก่นักกีฬาแต่ละคนอย่างทุลักทุเล วันนี้ฮีชอลต้องไปจัดการเรื่องอุปกรณ์เข้าเลยต้องแบกมาคนเดียว


                แต่ตะกร้าที่เขาหิ้วก็เบาขึ้นไปเมื่อคังอินแย่งของในมือไปถือเอง


                ทำไมไม่ให้คนไปช่วยล่ะครับ หนักจะตาย คังอินถามเสียงเรียบเหมือนทุกครั้งที่เคยคุยกัน


                ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายมาก


                ทีหลังถ้ามีอะไรก็เรียกผมนะ ไม่ต้องยกมาคนเดียวตัวพี่ยิ่งเล็กๆอยู่ น้ำเสียงราบเรียบเหมือนเคย หลายครั้งที่คังอินทำเหมือนจะเป็นห่วงเขาเสอม แต่บางครั้งก็คิดว่าอาจจะเพราะเขาก็ตัวเล็กจริงๆอย่างที่คังอินบอกก็เลยกลัวเกิดอุบัติเหตุถ้ามาทำอะไรที่เกินกว่าตัว


                อือ...ก็ได้ ลีทึกกล่าวตอบไป


                เดี๋ยวผมไปซ้อมก่อนนะ คังอินหันมาบอกลีทึกแต่ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไป คังอินก็เอื้อมมือปัดยักไย่ที่ติดอยู่บนหัวของลีทึกเบา ก่อนที่จะวิ่งออกไป


                การกระทำของร่างสูงทำเอาหัวใจลีทึกเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ทำไมคังอินถึงชอบทำอะไรให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่คอยเป็นห่วง การกระทำที่ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจ และอะไรอีกหลายต่อหลายอย่าง ที่มันทำให้ลีทึกเริ่มคิดเข้าข้างตัวเอง


     

                วันนี้เป็นวันเกิดของเขา แน่นอนว่าไม่ค่อยมีใครรู้นอกจากครอบครัวและเพื่อนสนิทอย่างฮีชอล วันนี้ลีทึกก็เข้าไปในชมรมอย่างปกติทุกอย่างยังเหมือนเดิม...คงไม่มีใครรู้เรื่องวันเกิดเขา


                ซีวอน...แล้วฮีชอลหายไปไหน ลีทึกเริ่มถามหาเพื่อนสนิท ปกติเขาจะไปไหนด้วยกันเสอมยกเว้นครั้งนี้ที่ฮีชอลขอตัวมาชมรมก่อน


                อ้าว...ไม่ได้มาพร้อมรุ่นพี่หรอกหรอครับ ผมยังไม่เห็นซินเลย ซีวอนกล่าวตอบ


                ช่างเหอะ ไม่เป็นไรหรอก สงสัยซินคงติดธุระน่ะ งั้นเดี๋ยวฉันกลับคนเดียวก็ได้ แต่ถ้านายเจอซินฝากบอกด้วยละกันว่าฉันกลับแล้วนะ


                ได้ครับรุ่นพี่ เดี๋ยวเจอซิน ผมบอกเค้าให้


                งั้นฉันไปละนะ ลีทึกกล่าวลาพร้อมทั้งออกเดินเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ ปกติเค้ามักเดินกลับบ้านเพราะบ้านเขาอยู่ห่างโรงเรียนไปแค่สองป้ายรถเมล์ แต่นั่นก็คือต้องมีฮีชอลเดินไปด้วย วันนี้เขากลับคนเดียวจึงเลือกที่จะขึ้นรถเมล์กลับดีกว่า


                ระหว่างอยู่บนรถเมล์

                เฮ้อ จะผิดมั๊ยน้าถ้าเราจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า คังอินก็ชอบเราเหมือนกันนะ

                แต่เค้าไม่เคยแสดงท่าทางเกินเลย มากกว่าความเป็นห่วงซึ่งอาจจะแบบรุ่นพี่รุ่นน้องก็ได้นะ

                นั่นสินะ เราคงแค่เข้าข้างตัวเองจริงๆ


     

                เฮ้ย จอดด้วยครับ จอดด้วยครับ เป็นเพราะลีทึกมัวแต่เหม่อคิดเรื่องของคังอินจนทำให้เลยป้ายรถเมล์ที่จะลงไปถึงสองป้าย


                เซ็งเลยเรา กะว่าวันนี้คงไม่ต้องเสียเหงื่อแล้วแท้ๆ ลีทึกบ่นกับตัวเองเบาๆหลังจากลงมาจากรถเมล์และเริ่มออกเดินเพื่อกลับบ้าน


     

                ในที่สุดลีทึกก็กลับถึงบ้าน แต่เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบหนึ่งทุ่ม เนื่องจากวันนี้เค้าเลิกเรียนช้า แถมต้องทำเวร แล้วยังนั่งรถเมล์เลยป้ายอีก มันไม่แปลกเลยที่จะกลับบ้านซะเกือบค่ำ แต่เมื่อลีทึกกลับมาถึงบ้าน เขาก็พบบ้านที่ปิดเงียบ


                สงสัยจะยังไม่กลับกัน ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดเราแท้ๆลีทึกคิดอย่างน้อยใจ


    ++++++++++++++++++++++ 40% +++++++++++++++++++++++

    อาจจะไม่ได้มาอัพส์อีกค่อนข้างนาน อย่าโกรธกันนะ

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ตุบ


                ร่างบางโยนกระเป๋าทิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก เขามักจะชินชาเรื่องแบบนี้แล้ว คนในครอบครัวเขาไม่ค่อยมีเวลามีใส่ใจเรื่องอะไรแบบนี้ซักเท่าไร


                ก๊อก เก๊ก


                เสียงดังบางอย่างเรียกความสนใจให้ร่างบางรีบหันไปมา ลีทึกเดินไปทางห้องครัวทันทีที่เริ่มจับหาต้นเสียงได้


                ใครน่ะ ลีทึกถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ


                ...


                ฉันถามว่าใคร ออกมาเดี๋ยวนะนะ ลีทึกเริ่มควานหาของใกล้ตัวเพื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว


                พรึบ...


                แสงไฟให้ห้องครัวดับลงทันทีที่ลีทึกเดินผ่านเข้าประตู ยิ่งทวีคูณความหวาดระแวงให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว มือบางที่จับไม้กวาดเป็นอาวุธเริ่มมีเหงื่อออก


                ตึก ตึก ตึก


                เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ลีทึกหันไปทางต้นเสียงกำลังจะฟาดไปยังเป้าหมายแต่ก็ต้องชะงัก


                “Happy Birth Day to You… Happy Birth Day to You… Happy Birth Day to You…” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากเหล่าสมาชิก ที่ตอนนี้มายืนออกันเต็มห้องครัว



                ลีทึกที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนยิ้มนิ่งๆ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงหนักขึ้นเมื่อเห็นร่างหนาที่กำลังถือเค้กเดินเข้ามาพร้อมๆกับพ่อและแม่ของเขา...



                “Happy…..Birth…..day…..to…….You เฮ! เสียงทุกคนร้องท่อนลงท้ายอย่างพร้อมเพรียง



                อธิษฐานสิจ๊ะลูก เสียงของแม่ลีทึกกล่าว


                ลีทึกหลับตาพริ้มอธิษฐานว่า......(คงเดากันได้นะว่าเรื่องอะไร โฮะๆ) และเป่าเทียนให้ดับ แล้วไฟก็สว่างขึ้น งานเลี้ยงก็เริ่มต้น...



                ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกกับงานวันเกิดของลีทึก ทั้งดื่ม กินและแดนซ์กระจาย



                รุ่นพี่ช่วยออกไปคุยกับผมข้างนอกหน่อยสิครับ คังอินมาชวนลีทึกออกไปข้างนอก ลีทึกตกลงอย่างแปลกใจปนเขินๆ ที่อยู่ๆคังอินก็มาชวนเขา


     

                เอ่อ วันนี้ดาวสวยดีนะครับ คังอินพูดขึ้น ลีทึกเงยหน้ามองฟ้าตาม ใช่สวย สวยมาก ถึงวันนี้จะเป็นคืนเดือนหงาย แต่พอมีคังอินอยู่ใกล้แบบนี้ดาวในคืนเดือนหงายก็สวยได้



                เอ่อ.... คังอินเกรินขึ้นแต่ก็ไม่พูดอะไร ลีทึกจึงหันหน้าไปยิ้มให้ ทั้งๆที่ตอนนี้เขาก็เขินจะแย่อยู่แล้ว


                เอ่อ....เอ่อ....ลีทึกไม้รู้ว่าเขาจะคิดเข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่าแต่ ถ้าเขามองไม่ผิด ตอนนี้หน้าของคังอินเริ่มแดงๆแล้ว


    เอ่อ...รอบที่สามที่คังอินทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา


    คังอิน มีอะไรรึเปล่าลีทึกจึงตัดสินใจพูดขึ้น พร้อมกับชะโงกหน้ามามองคังอินอย่างน่ารัก โดยไม่รู้ตัวว่าการกระทำของตน ทำให้คนข้างๆเขินหนักเข้าไปอีก



    ถ้าผมจะขอถามเรื่องส่วนตัวรุ่นพี่ได้รึเปล่าครับ คังอินเริ่มต้น



    อืม ได้สิ ฉันก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายอยู่แล้ว


    เอ่อ...ตอนนี้รุ่นพี่คบกับใครบ้างรึเปล่าครับ คังอินถามอย่างติดๆขัดๆ


    ถามอย่างนี้ เหมือนจะขอคบฉันเลยนะ ฮ่าๆ ลีทึกแซวกลับแบบขำๆ ทั้งที่ตัวเองก็หน้าเริ่มขึ้นสีนิดๆ


                ....


                อะไรกัน ฉันแซวเล่นหรอกน่า ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก อิอิ ลีทึกพูดติดตลก แต่มันก็ทำให้ฉุกคิดได้ ตอนนี้เค้ากำลังเข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่านะ


                รุ่นพี่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอครับ น้ำเสียงของคังอินกลับจริงจังขึ้นมาแทบจะในทันทีที่พูดถึง

    เรื่องนี้



                ... ลีทึกนิ่งเงียบไม่รู้จะตอบออกไปยังไง เขาอยากจะตอบเหลือเกินว่าอยากให้มันเป็นไปได้จริงๆ


                ผมไม่รู้ว่าตอนนี้รุ่นพี่คบใครอยู่รึเปล่า แต่ถ้าไม่มีใคร พอจะรับผมไว้พิจารณาได้บ้างรึเปล่า ถึงแม่ว่าผมอาจไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพร้อม แต่ผมก็พร้อมจะรักรุ่นพี่ให้ดีที่สุด



                ประโยคหวานๆที่ออกมาจากคังอินทำให้ลีทึกถึงกับอึ้งไป ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายห้วนๆอย่างคังอิน บทจะหวานก็ทำเอาเขาอายซะ...



                ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะดีพอสำหรับนายรึเปล่านะ แต่คำตอบก็มีแค่นี้ อืม ลีทึกพูดพร้อมกับพยักหน้า คังอินที่รอฟังคำตอบก็ดีใจจนลืมตัวคว้าร่างบางเข้ามากอดแบบเต็มที่


                ขอบคุณนะครับรุ่นพี่


                อืม แต่ว่า... ลีทึกเขินมากที่คังอินกอดเขาอยู่แบบนี้


                เอ่อ...คังอินก็เขินไปเหมือนกัน เมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป


                นี่ๆ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ เลิกเรียกฉันว่ารุ่นพี่ได้แล้วนะ เดี๋ยวเค้าหาว่าฉันหลอกเด็ก อิอิ



                งั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ


                เรียกชั้นว่า ทึกกี้ละกัน ชั้นก็จะเรียกนายว่า นายหมีละกัน เพราะนายน่ะหน้าเหมือนหมี

    ชะมัดเลย 555 ”


                ได้เลยครับคุณแฟน


     

     

                ไม่น่าเชื่อว่าเขากับนายหมีจะคบกันมานานได้ถึงขนาดนี้ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่เขาต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้ว แต่ระดับเขาคงไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะมีโควตาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆมาเรียงรอเขาอยู่เป็นสิบ



                ทึกกี้...ตัดสินใจได้หรือยังอ่ะครับว่าจะเข้าที่ไหน เสียงนายหมีดังมาจากครัว


                วันนี้เป็นอยู่สุดสัปดาห์ ลีทึกเลยชวนคังอินมาทำอะไรกินกันที่บ้านเพราะคังอินต้องซ้อมกีฬาหนัก นานๆทีจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน


                อืม ไม่รู้ซิตอนนี้ฉันกำลังสองจิตสองใจอยู่เลยอ่ะ ลีทึกพูดพลางนอนลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง


                เดี๋ยวพอทางมหาวิทยาลัยให้รายงานตัวก็ไม่ทันการพอดีซิครับ คังอินพูดพร้อมกับยกของที่เขาเพิ่งทำเสร็จมาวางตรงหน้าของคนรัก


                เฮ้อ...ไม่รู้ๆไปอาบน้ำดีกว่า ลีทึกรีบลุกออกไป หลายครั้งที่เขาพยายามจะไม่คุยเรื่องมหาวิทยาลัย ตอนนี้เขายังไม่อยากและก็ไม่กล้าที่จะบอกเรื่องบางอย่าง ...ขอ...ขอแค่เวลาอีกซักพัก



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 70% ++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอโทษอย่างมากมายที่ไม่ได้มาอัพส์เลย
    ออฟเพิ่งกลับมาหลังจากไปออกรบ


    คือออฟตั้งไปแข่งบาสที่ปทุม หลังจากนั้นก็ไปตามข่าวคอนต่อ...ไปนั่งทำโปรเจ๊กกับเพื่อน ฯลฯ
    และหลังจากนั้นอีก ก็ตรงดิ่งไปชลบุรี เพราะต้องไปเข้าค่ายอนุรักษ์ปะการัง
    เพิ่งได้กลับมาเมื่อกี้...

    ขอโทษอย่างมากมายอีกเรื่องที่อัพส์ตอน Begin ไม่จบซะที
    เพราะต้นฉบับอยู่กับพี่เอ๋ ที่ตอนนี้ไปเชียงใหม่แล้ว...
    ยังไงเดี๋ยวจะอัพส์ตอนต่อไปให้แทนนะ...หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคร๊าบบบ

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

        

    หลายครั้งที่คังอินพยายามจะถามถึงเรื่องในอนาคต แต่ก็จะถูกลีทึกบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นเสมอ ทั้งๆที่ไม่อยากคิดแต่บางครั้งก็มีความรู้สึกเหมือนลีทึกกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเขาอยู่

                อือ คังอินสังเกตเห็นซองสีขาวตกลงอยู่ข้างๆโซฟาที่ลีทึกเพิ่งลุกไป อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิบ

                นี่มันอะไรกัน

     

                สองอาทิตย์เต็มๆที่ลีทึกไม่ได้เจอหน้าคังอินเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่รับ...

                เจ้าหมีนายเป็นอะไรฮะ ลีทึกตะโกนใส่โทรศัพท์ วันนี้เป็นครั้งที่สิบแล้วล่ะมั้งที่ลีทึกพยายามจะติดต่อคังอิน แต่เจ้าหมีอ้วนก็ไม่ยอมเปิดเครื่องซะที

                ใจเย็นๆซิ แกไปหาที่ชมรมหรือยังล่ะ ฮีชอลกล่าวอย่างเป็นห่วง ยิ่งเห็นท่าทางงุ่นง่านเหมือนหมีกินผึ้งยิ่งเป็นห่วงหนัก เพราะปกติลีทึกเป็นคนใจเย็นกว่านี้

                ถ้าฉันไปแล้วเจอ ฉันก็คงไม่นั่งเครียดอยู่อย่างนี้หรอก ไอ้หมีบ้ามันเป็นอะไรก็มันนะวันนั้นก็วิ่งออกจากบ้านไปเฉยๆ โทรติดต่อก็ไม่ได้พอฉันไปหาที่ชมรมก็หลบหน้า นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือป่าวนะ ลีทึกเริ่มบ่นอีกครั้ง

                เอาเป็นว่าตอนนี้นายก็ใจเย็นๆก่อนล่ะกัน เดี๋ยวฉันต้องไปทำเรื่องที่ชมรม ยังไงซะถ้าฉันเจอคังอินจะบอกให้ล่ะกัน อย่าเครียดล่ะฉันเป็นห่วง ฮีชอลว่า ก่อนจะรีบไปทำธุระของตน

                อืม ลีทึกกล่าวรับสั้นๆ

                พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวปัญหาที่ทำให้เขาเครียดแบบนี้เดินมา แต่...เดินมากับใครล่ะ

                ไอ้หมี ลีทึกตะโกนเรียกอย่างสติแตก ที่หายไปเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย

                คังอินแกล้งทำเป็นไม่สนใจ และรีบที่จะเดินไปจากตรงนั้น

                ไอ้หมี...นายกลับมานี่นะ มาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ ลีทึกวิ่งตามคังอินอย่างเร่งรีบ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

                ... คังอินหันมาแต่ก็ไม่มองคนตรงหน้าเลยซักนิด มันยุ่งทำให้ลีทึกยิ่งรู้สึกแย่

                อารมณ์ที่อยู่กักเก็บไว้สองอาทิตย์เต็มถูกปล่อยออกมาทั้งหมด ลีทึกยืนร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใครหลายๆคนเดินผ่านไปมา

                ผมว่าพี่ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ แบบนี้คงคุยกันคงไม่รู้สึก...เฮ้อน่ารำคาญจริงๆ คังอินพูดอย่างไม่ใยดีก่อนที่จะเดินจากไป ปล่อยให้ลีทึกร้องไห้ต่อไปเพียงลำพัง

     

               

                นี่คังอิน นายคิดว่ามันดีแล้วหรอที่จะทำแบบนี้ อาราที่ถูกเพื่อนสนิทอย่างคังอินขอร้องให้แกล้งแสดงเป็นแฟน ถามเป็นครั้งที่สิบของวันนี้

                แน่...ฉันไม่อยากให้ลีทึกลังเล ถ้าเห็นแบบนี้เขาอาจจะเลือกอนาคตแทนฉันก็ได้... คังอินกล่าวหน้าสลด เขาไม่อยากทำร้ายคนที่เขารัก แต่เขาก็ไม่อยากให้คนที่เขารักไม่มีอนาคต

                หลายครั้งที่เขาพยายามพูดเรื่องเรียนต่อ และทุกครั้งลีทึกก็เลี่ยงไปเรื่องอื่น จนสองอาทิตย์ที่แล้วเขาก็ได้รู้เรื่องบางอย่าง ลีทึกสอบติดนักเรียนทุนไปเรียนที่อังกฤษแต่ดูเหมือนลีทึกไม่ตัดสินใจว่าจะไป และมันอาจจะเป็นเพราะเขา หลายครั้งที่ลีทึกชอบพูดถึงเรื่องที่เขาสองคนได้เรียนที่เดียวกันเสมอ

                เฮ้อ...ก็แล้วแต่นาย แต่ฉันว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะ แทนที่นายจะพูดกันตรงๆ ฉันว่านายไม่บ้าก็โง่นะไอ้อ้วน อาราพูดเตือนสติ ก่อนจะเดินเข้าห้องเรียน

                นั่นซินะ...หรือว่าเขาโง่จริงๆ คังอิน

     

                ฮีชอลฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปอังกฤษ ลีทึกกล่าวอย่างตั้งมั่น เพราะเขาคงไม่ต้องห่วงใครอีกแล้ว

                อะไรนะ ฮีชอลกล่าวอย่างตกใจ เท่าที่จำได้เขาก็ถามเรื่องนี้ลีทึกอยู่หลายครั้ง แต่ทำไมอยู่น่าฟ้าเอ๋อถึงได้มาตกลงปลงใจตอนนี้ แต่พอสังเกตเห็นตาบวมๆของเพื่อนรักก็พอจะเดาเรื่องราวได้บ้างแล้ว

                ฉันหวังว่าแกคงคิดถูกนะ ฮีชอลย้ำกับเพื่อนรัก

                ถึงฉันจะคิดผิด ฉันก็ไม่มองกลับไปยังอดีตหรอก ลีทึกกล่าวอย่างมั่นใจ เขาตัดสินใจไปแล้วและเขาก็ไม่คิดที่จะก้าวกลับหลัง

     

                8 ปีต่อมา...

                ทึกกี้ ตื่นได้แล้วทำงานวันแรกน้า เสียงตะโกนของเพื่อนรักตัวแสบดังไปทั่วบ้าน ลีทึกรีบวิ่งไปทางต้นเสียงเพื่อจะไปเก็บตัวการก่อความวุ่นวาย เพราะเขาตื่นแต่งตัวรออยู่นานแล้ว

                เงียบๆไปเลย ฉันรอแกตั้งแต่เจ็ดโมงแล้ว ลีทึกกล่าวเสียงดัง

                ฮะๆ รอฉันหรือว่าอยากไปเจอใครหรือป่าวน้า ฮีชอลล้อ ก่อนจะรีบวื่งไปที่รถเมื่อเห็นสายตาอำมหิตของเพื่อนรัก

                ก็จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไง ก็วันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะได้เข้าสอนในฐานะของศาสตราจารย์ และเป็นวันแรกที่เขาจะได้ไปพบกับใครบางคน...อีกครั้ง

    +++++++++++++++++++++++++++++++++ 100% ++++++++++++++++++++++++++++

    ในที่สุดก็ครบร้อย 555+



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×