คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter I First love
ในซอยเล็กๆข้างถนนของเมืองท่าการท่องเที่ยวชื่อดัง ทะเลอันแสนสงบที่พักพิงหัวใจของนักท่องเที่ยวมากมาย แต่ตอนนี้วัยรุ่นชายตัวโตสองคนกำลังขู่รีดไถเด็กชายต่างถิ่น ที่มีเพียงกระเป๋าเป้สะพายหลังหนึ่งใบและกล้องถ่ายรูปดิจิตอลคู่ใจในมือ
“นี่ไอ้บ้า! เอาเงินมาแค่สี่พันวอนแค่นี้ไม่ได้รึไง ไอ้ลูกหมา ” หนึ่งในอันธพาลตบหัวว่าพรางเคี้ยวหมากฝรั่งในปากดั่งเฉาะแฉะ
“ก็บอกว่าไม่มีก็ไม่มีไงเล่า!” เด็กชายเถียงมองคนตรงหน้าอย่างดุดัน ความจริงแล้วเขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับทั้งสองคนนี้แต่เพราะเขาตัวเล็กกว่าสองคนนี้มากจึงทำได้แต่ส่งสายตาข่มขู่
“เอ๊ะไอ้นี่! พูดไม่รู้เรื่อง!” อันธพาลอีกคนกำลังยกมือขึ้นตบหัวเขาอีก แต่ว่า---
“ป้าบ!!” หนังสือเล่มโตฟาดลงบนหัวเขาอย่างจัง
“ถอยสิไอ้ลูกหมา” เสียงใสของเด็กผู้หญิงว่าอย่างมีอำนาจ
“หัวหน้า ฮเยยอง.....” อันธพาลทั้งสองครวญครางเบาๆขณะหลีกทางให้เจ้าของเสียงใส ภาพที่ปรากฏคือ เด็กหญิงและเด็กชายม.ต้นสองคนที่ยังใส่เครื่องแบบนักเรียนอยู่ทั้งคู่
“ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้พี่ใหญ่ทราบว่า ลูกน้องปลายแถวอย่างพวกแกกำลังทำเรื่องเสื่อมเสียกับนักท่องเที่ยว”เด็กสาวพูดห้วนๆให้กับสองอันธพาล ก่อนจะเบือนหน้ามามองเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังยืนค้างกับการกระทำของคนกลุ่มนี้อย่างแปลกใจ
“เธอคงตกใจสินะ...” เธอพูดกับเขาเหมือนเขาเป็นเด็กพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างใจดี ตาโตหยีเล็กลง เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเลยนอกจากจะรู้ว่า หัวใจของเขาเต้นโครมครามกับรอยยิ้มของเธอและจ้องหน้าใสไม่วางตา
“ฉันพาไปส่งนะ...” เด็กหญิงว่าแล้วคว้ามือเขามาจับจูง เธอกระตุกเขาเบาๆให้เขยิบมาเดินข้างเธอ สัมผัสจากมืออ่อนนุ่มอย่างน่าหลงใหล เด็กที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมอย่างเธอตัวสูงจนน่าตกใจยิ่งทำให้เขาประจักว่าตัวเองตัวเล็กมาก เพราะสูงถึงแค่ใบหูของเธอเท่านั้น ทั้งที่เธอไม่น่าจะสูงถึงร้อยหกสิบเซนติเมตร ให้ตายเถอะ! เธอคงมองเขาเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่ถ้าโชคร้ายกว่านั้น เธอคงมองเขาเป็นเด็กประถมเป็นแน่
“อ้อ..จริงสิ เธอพักที่ไหนจ๊ะ” ให้ตายเถอะ! ทำไมรอยยิ้มของเธอถึงน่ารักขนาดนี้ ยิ่งมองยิ่งใจเต้นรัว
“เฮ้.....!นายพักที่หนายยยยย”เด็กชายที่มากับเธอพูดยานคางปลุกเขาออกจากภวังค์
“อะ...เอ่อ...ลาเวนเดอร์ แกรนด์” เด็กหนุ่มตะกุกตะกักตอบ
“อ้อ...งั้นไปกัน ให้ฉันไปส่งน่ะ” เด็กหญิงว่าแล้วลากเขาเดินต่อ ถึงเขาจะรู้สึกเคืองๆที่เธอเห็นเขาเป็นแค่เด็ก แต่เขาก็ชอบที่จะเดินตามเธอแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสัมผัสจากมือเรียวเล็กของเธอถึงทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด ความอบอุ่นที่ฮันยูโซผู้นี้แสวงหาไม่ได้ง่ายๆกับสังคมและชีวิตที่เขาเพิ่งหลีกหนีมา ไม่รู้ว่าจะหนีได้นานเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีมือนี้อยู่เขาจะต้องมีความสุขแน่ นี่แหละที่เขาคิด รู้สึกสุขใจเหลือเกิน........
เด็กมาส่งยูโซถึงหน้าโรงแรมก็ขอตัวกลับทั้งที่ไม่ได้ถามชื่อแซ่กันด้วยซ้ำ เขาพูดอะไรไม่ออกบอกได้แต่คำขอบคุณ ภาวนาในใจขอให้ได้พบเธอก่อนที่เขาจะได้กลับ เธอไปแล้วทิ้งไว้แต่สัมผัสของความนุ่มนวลที่ยังติดอยู่กับมือของเขาและหัวใจที่เตลิดไปไกลของเด็กหนุ่มตัวเล็กที่สัญญากับตัวเองว่าจะต้องสูงให้มากกว่านี้แล้วเขาจะกลับมาเธอให้ได้อีกในสักวัน
‘ หัวหน้าฮเยยอง....’ เสียงใครสักคนเรียกชื่อเธอแต่มันจะเป็นชื่อที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือน
ผ่านมาสี่วันแล้วที่หนีออกมาจากบ้านยูโซนึกถึงเหตุผลที่เขาต้องทำอย่างนี้....เขาบังเอิญไปเห็นใบหมอนัดของพ่อเขาบนโต๊ะทำงาน ในนั้นมีข้อมูลบอกว่า พ่อของเขาเป็นมะเร็งระยะร้ายแรง เขาเอาเรื่องนี้ไปถามพ่อขณะที่ท่านประชุมอยู่จึงโดนต่อว่า สิ่งที่เขาทำได้ตอนนั้นคือ ยัดใบหมอนัดใส่มือพรางร้องไห้แล้วหนีออกมา
พ่อจะตายเมื่อไหร่.....? เขากลัวเหลือเกิน
และนี่ก็สี่วันมาแล้วที่เขาได้พบเธอคนนั้น ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ รอยยิ้มสดใสประทับอยู่บนความทรงจำ รอยยิ้มที่ทำให้เขาคลายกังวลไปหมดทุกเรื่อง และความอบอุ่นอย่างน่าประหลาดที่ยังซึมทราบในใจไม่จาง
จะได้เจอเธออีกรึเปล่ากันนะ...?
ขณะที่กำลังจัดโฟกัสของกล้องเพื่อถ่ายตึกสวยหรูของโรงแรมลาเวนเดอร์ แกรนด์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่พ่อของเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกับเพื่อน เด็กหญิงผมยาวสลวยสวมเสื้อยืดสีฟ้ากับกระโปรงยีนส์ก็เดินผ่านไป ยุโซจำได้โดยทันทีว่าเป็นใคร เขาวิ่งตามเธอไปแล้วคว้าข้อมือเล็กของเธอไว้
“จำฉันได้ไหม..?” เขาเอ่ยถาม เด็กหญิงมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา
“จำได้สิ... นี่เธอยังไม่ได้กลับอีกเหรอ” เสียงใสยังคงไพเราะน่าฟัง
“กำลังจะกลับวันนี้แหละ....แต่ว่าให้ได้เจอเธอก่อน....”เด็กหนุ่มว่าอย่างอายๆ
“เอ๋...เจอฉันเหรอ??”
“ใช่...คือฉันมีของเล็กๆน้อยอยากตอบแทน” ว่าแล้วก็ควักอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างที่สะพายอยู่สร้างความงุนงงให้อีกฝ่าย ในมือที่ถือออกมาคือ พวงกุญแจรูปใบเมเปิล
“เป็นของขวัญที่ฉันหาให้เธอได้ในตอนนี้น่ะ”
“ความจริงไม่ต้องก็ได้ ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากสักหน่อย”
“ฉันอยากให้รับไว้เถอะน่ะ” ว่าแล้วดึงมือเรียวเล็กของเธอมาวางพวงกุญแจลง
“มันน่าจะแพงน่ะ...ฉันว่า.....สวยมากด้วย ฉันรับไว้ก็ได้เพื่อไม่เป็นการเสียน้ำใจ”เธอยิ้มทะเล้นให้แล้วเก็บพวงกุญแจลงในกระเป๋ากระโปรง
“นั่นแหละที่ฉันอยากได้ยิน...เอ่อ...ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ...”
“อ้อ- ฉันชื่อ ฮเยยอง- -ลี ฮเยยอง แล้วเธอล่ะ....”
“เอ่อ ความจริงฉันอยู่มอปลายแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าพี่น่ะ” เขาบอกอย่างอายๆ
“จริงเหรอ!?....โอ ขอโทษน่ะค่ะ ฉันไม่รู้นี่นา ก็เห็นว่า-...”
“ฉันตัวเล็กกว่าเธอเสียอีก”ยูโซพุดเศร้าๆ
“ฉันผิดต่างหากที่มองคนแค่ภายนอก-.......”
“ ฮเยยอง!!”เสียงหวานเรียกเธอแต่ไกล
“ขอโทษน่ะค่ะ แม่ฉันเรียกแล้ว ต้องไปแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับของขวัญน่ะ”เธอบอกแล้วรีบเดินไป
“เดี๋ยวก่อน!!” ยูโซร้องเรียกไว้ เมื่อเธอหันกลับมา เขาก็กดชัตเตอร์กล้องที่แขวนอยู่บนคอเพื่อเก็บภาพเธอเอาไว้ เธอไม่ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มให้แล้วจากไป
ภาพของวันเก่าๆยังชัดเจนในใจของเขาเรื่อยมา เขากลับมาที่นี่ได้สองเดือนแล้วในฐานะของประธานกรรมการผู้บริหารโรงแรมลาเวนเดอร์ แกรนด์..... ฮัน ยูโซ และก็ยังไม่มีวี่แววของเธอคนนั้นเลย
‘เธอไปอยู่ที่ไหนน่ะ ...หัวหน้า ฮเยยอง’
ยูโซยกหูโทรศัพท์ขึ้นเรียกเลขาเข้ามาในห้องทำงาน พอเธอมาถึงเขาก็ยื่นรูปถ่ายหนึ่งใบให้เธอ แล้วตอบความสงสัยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นเลขากับการสั่งงานพิเศษให้เธอทำ
“ตามหาคนๆนี้ให้ผมหน่อย นี่เป็นรูปเมื่อสิบสามปีที่แล้ว คาดว่าถ้าเอยังอยู่ที่นี่คงรุ่นพี่คุณไม่กี่ปี”
“ค่ะ เจ้านาย....” เลขารับคำ
“ช่วยหน่อยน่ะ...” เสียงทุ้มว่าเรียบๆแล้วให้เธอออกไปได้ แต่นึกขึ้นได้อีกทีจึงเรียกเธอไว้
“ โยมุนไม่เคยเห็นเด็กคนนี้เหรอ....คุณอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ.....?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมีความหวัง
“ถ้านี่เป็นภาพเมื่อสิบสามปีก่อนละก็ โยมุนเองคงไม่เคยเจอเธอหรอกค่ะ โยมุนเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อห้าปีที่แล้วนี่เองค่ะ” เธอว่าอย่างเห็นใจ เพราะเห็นแววตาเศร้าๆในชั่ววูบหนึ่งของเขาและเข้าใจในโดยทันทีว่า เธอผู้นี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับเป็นแน่ เพราะไม่งั้น คนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบกวาปีคงจะลืมเลือนกันไปนานแล้ว
ความคิดเห็น