นี่แหละ...ความเสียใจ - นี่แหละ...ความเสียใจ นิยาย นี่แหละ...ความเสียใจ : Dek-D.com - Writer

    นี่แหละ...ความเสียใจ

    ถ้าคนสองคนไม่เชื่อใจกัน ใครคนใดคนหนึ่งจะต้องเสียใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    275

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    275

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ส.ค. 51 / 13:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นี่แหละความเสียใจ

       

                  แอม ผมว่าเราคงไปกันไม่ได้หรอก เราเลิกกันเถอะ

                  กายฉันร้องไห้แล้วซุกหน้าที่แผ่นหลังของเขา

                  ปล่อยผมเถอะ ไปหาคนคนนั้นเถอะเขาค่อยๆแกะมือฉันออก แล้วเดินจากฉันไป

                  ฉันเสียใจ น้ำตาฉันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ฉันรู้สึกเหมือนคนไม่มีแรง แล้วทรุดตัวนั่งลงที่ม้านั่งตรงนั้น ประโยคแรกที่กายพูดกับฉันในวันนี้มันทำให้ฉันนึกย้อนไปเมื่อ 1 ปีก่อน

       

                  ขอโทษค่ะฉันนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลย ขอโทษนะคะ

                  ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เดินไม่ได้มองทางผู้ชายหน้าตาคมเข้มพูด ขอโทษนะครับ

                  ฉันยืนมองตามแผ่นหลังเขาไปจนเขาเดินไปถึงโต๊ะของเพื่อนๆเขา เพื่อนเขามองฉันแล้วฉันก็เดินจากตรงนั้นไป

                  นั่นคือครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ฉันยังจำได้ดี ตอนนั้นเราทั้งคู่เรียนอยู่ ม.6 ฉันเรียนสายวิทย์ ส่วนเขาเรียนสายศิลป์ และครั้งที่สองที่ได้เจอกันมันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นักหรอก

                  นี่ยัยเฉิ่ม เดินดูทางบ้างสิ ไม่เห็นรึไงว่าฉันเดินมาทางนี้ยัยฟางคู่อริฉันมาต่อว่าปาวๆ

                  ทำไม? ฉันก็จะเดินทางนี้เหมือนกัน มีอะไรไหม? เดินชนฉันแล้วยังไม่ขอโทษอีกฉันมันก็ไม่ใช่พวกยอมคนเท่าไหร่หรอกนะ

                  นี่อีแอมแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แกกล้าเถียงฉันหรอ

                  ก็แล้วจะทำไม มากกว่านี้ฉันก็พูดได้ ทำไมฉันต้องกลัวเธอด้วยล่ะ

                  พวกเธอมีเรื่องอะไรกันผู้ชายคนนั้น คนที่เดินชนกับฉันในห้องสมุดเดินเข้ามาห้ามฉันกับฟาง

                  ก็ผู้หญิงคนนี้เดินมาชนฟางแล้วไม่ยอมขอโทษ แถมยังมาต่อว่าฟางอีกยัยฟางเข้าไปออดอ้อนกาย

                  เธอต่างหากที่เดินมาชนฉันก่อน จะให้ใครเป็นพยานก็ได้

                  ไม่ต้องหรอก ฉันเองก็เห็นว่าใครเดินชนใครก่อนผู้ชายคนนั้นพูด ทำให้ยัยฟางเชิดหน้าใส่ฉันด้วยความผยอง ฟางขอโทษผู้หญิงคนนี้ซะพอเขาพูดประโยคนี้จบทำให้ฟางเปลี่ยนสีหน้าไปทันที

                  กาย!ฟางแสดงท่าทีไม่พอใจ แล้วหันมามองหน้าฉัน ขอโทษยัยฟางพูดห้วนๆแล้วเดินจากตรงนั้นไปทันที

                  ขอบคุณที่เข้ามาห้ามเรื่องนะ ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องกันยาวฉันพูดขอบใจเขา

                  อืม ไม่เป็นไรหรอก มีอะไรช่วยกันได้ก็ต้องช่วย

                  นายชื่อ กายใช่รึป่าว

                  ใช่ แล้วเธอชื่อ แอมใช่ไหม?”

                  ฉันพยักหน้า แล้วยิ้มให้เขา พอฉันนึกขึ้นได้ ว่าเพื่อนฉันรออยู่ที่โรงอาหารฉันก็รีบลาเขาทันที

                  ฉันต้องไปก่อนนะ เพื่อนฉันรออยู่ที่โรงอาหาร ขืนไปช้าโดนยัยพวกนั้นรุมแน่ๆเลย ไปนะฉันรีบวิ่งไปที่โรงอาหารทันที

                  แอม พวกเราขอนั่งด้วยได้ไหม?” กายเดินมาถามขณะที่ฉันกับเพื่อนๆนั่งกินข้าวกันอยู่ ฉันสบตากับเพื่อนของฉัน และแล้วก็ได้คำตอบ

                  ได้สิ

                  ขอบคุณครับกายพูดพลางวางกระเป๋า แล้วเดินไปซื้อข้าวกับพวกเพื่อนๆ

                  ร้ายนะยัยแอมเมเพื่อนฉันแซว

                  อะไรเม ฉันแค่รู้จักกันเฉยๆ

                  แล้วไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยใหม่ยิงคำถามใส่ฉัน

                  ก็รู้จักกันเมื่อกี้เอง ฉันมีเรื่องกับยัยฟาง แล้วเขามาห้ามเรื่องไว้

                  หล่อดีนะแอม ไม่สนใจเขาบ้างเหรอยัยเมก็ยังไม่ยอยจบ สองคนนี้แซวฉันจนกายเดินมาถึงจะหยุด

                 

                  ติ๊ด ครืดๆๆๆ (เสียงโทรศัพท์แปลกเนอะ แบบว่าเสียงติ๊ด แล้วโทรศัพท์ก็สั่นน่ะ)

                  ฮาโหลฉันรับโทรศัพท์ตามปกติ

                  ขอสายแอมครับ

                  นั่นใครอะ

                  กายเองครับ

                  ไปได้เบอร์ฉันมาจากไหนเนี่ย?”

                  อย่าสนใจเลย เรามีเรื่องอยากจะบอกเธอว่า...

                  แล้วบอกที่โรงเรียนไม่ได้หรอฉันตัดบท

                  ผมไม่กล้าพูดหรอก กว่าจะได้เบอร์แอมมาเราหาเป็นเดือนๆเลยนะ

                  กายมีความพยายามสูงจริงๆ นี่เราก็รู้จักกันมา 3 เดือนแล้ว และวันนี้กายก็โทรมาหาฉันเป็นครั้งแรก ฉันก็รู้สึกแปลกใจแล้วก็ตื่นเต้นยังไงไม่รู้

                  คือ เราชอ...

                  แล้วทำไมต้องมาแบตหมดตอนนี้ด้วยนะ!?

                  วันนี้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะเมื่อคืนฉันนอนเร็วกว่าปกติ ฉันก็นั่งรถเมล์ไปโรงเรียนเป็นปกติ ชีวิตฉันก็ปกติทุกอย่างแหละ จนมาถึงที่โรงเรียน ก็ทำให้ฉันเจอกับเรื่องที่ไม่ปกติ -_-’’

                  แอม เจ๊ฟางมีเรื่องจะคุยด้วยยัยจูนกับพวกอีกสองคนเดินมาขวางฉัน

                  แล้วทำไมเจ๊พวกเธอไม่มาตามฉันเองล่ะ พวกเธอเป็นเบ้ยัยฟางกันรึไง

                  เจ๊ให้พวกเรามาตามหล่อน อย่าพูดมาก ไปหาเจ๊ที่หลังอาคาร เกษตร 2 ด้วย

                  ก็ได้ แล้วฉันจะตามไปฉันรู้เลยว่าเหตุการณ์นี้ไม่ปกติแน่นอน ต้องเล่นสงครามประสาทกับยัยฟางเท่านั้น ถึงจะได้ผล แล้วฉันก็เดินไปที่หลังอาคารเกษตร 2 ซึ่งมันเป็นที่ลับตาอาจารย์ที่สุด

                  มาแล้วหรอแอมยัยฟางทำเป็นพูดดีกับฉัน เรื่องวันนั้นที่ฉันเดินชนเธอน่ะ ฉันขอโทษนะฟางเน้นเสียง

                  มีอะไรก็พูดมาตรงๆดีว่า จะอ้อมค้อมไปถึงไหน

                  แกรู้ไหมว่าแกคนเดียวที่ทำให้ฉันเสียใจได้มากมายขนาดนี้ฟางพูดเสียงสั่น

                  ฉันไปทำอะไรให้เธอ

                  ก็แกทำให้กายไม่ชอบฉันน่ะสิ

                  แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหนฉันก็อยู่ในโหมดงง

                  เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยวน้ำตาแห่งความแค้นเริ่มหลั่งริน

                  ถ้าเป็นเรื่องแค่นี้ฉันไม่มาให้เสียเวลาหรอกนะฟาง ไปคิดทบทวนเอาเองเถอะว่าทำไมกายถึงไม่ชอบเธอ กลับบ้านไปส่องกระจกดูบ้างเถอะแล้วฉันก็หันหลัง แล้วกำลังจะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ก็ดันมีมือดีมากระชากผมฉัน

                  แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

                  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะฟางยัยฟางฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ

                  ไม่ปล่อย แกต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่แกทำ จูนมาจับมันไว้ฟางออกคำสั่ง

                  หมาหมู่นี่หว่า ฟางฉันขอตัวต่อตัวกับเธอ กล้าสู้ไหมล่ะ

                  เสียใจย่ะ ฉันชอบเล่นพวกมากกว่า ดูเป็นทีมเวิร์คดีแล้วยัยฟางก็ตบฉันหนึ่งฉาด

                  หยุดเดี๋ยวนี้นะกายเดินเข้ามา นี่เธอทำอะไรน่ะ ปล่อยแอมเดี๋ยวนี้นะฟาง

                  กาย!ฟางตกใจ

                  ฉันขอเอาคืนนะฟางแล้วฉันก็ตบฟางต่อหน้ากาย

                  กายดูมันสิตบฟางต่อหน้ากายเลยนะ

                  แล้วก่อนหน้านั้นฟางทำอะไรแอมไว้บ้างล่ะ

                  ทำไมกายเข้าข้างมันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันกายคงจะชอบฟาง แต่พอมันเข้ามากายก็เปลี่ยนไป ฟางเสียใจกายรู้บ้างไหม กายทำอย่างนี้ทำไม

                  ฟาง กายไม่เคยบอกเลยนะว่ากายชอบฟาง ฟางคิดไปเอง

                  งั้นกายพูดมาสิว่ากายไม่ชอบฟาง

                  ใช่ กายไม่ได้ชอบฟาง กายชอบแอม

                  ฉันถึงกับตกใจกับประโยคที่กายพูดออกมา มันจริงเหรอ? กายชอบฉันจริงๆใช่ไหม กายไม่ได้แค่จะประชดฟาง ฉันจะสมหวังใช่ไหม

                  กาย...ฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่ในใจมันก็อยากจะพูดไปเหมือนกันว่าฉันก็ชอบกายนะ

                  แอมเราไปกันเถอะ เจ็บตรงไหนบ้างไหม เดี๋ยวเราพาไปห้องพยาบาลนะ

                  แล้วเราทั้งคู่ก็เดินออกจากตรงนั้น ทิ้งไว้แต่ฟาง กับพวกของฟางที่คอยปลอบใจฟางอยู่ตรงนั้น เราทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปยังห้องพยาบาล แล้วกายก็ทายาให้ฉัน

                  ยัยฟางมือหนักดีนะ ตบฉันซะปากแตกเลยฉันพูดเพื่อทำลายความเงียบ

                  ยังมาพูดเล่นอีก เจ็บไหมนั่นกายพูดพลางเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลให้ฉัน

                  แล้วเรื่องที่กายพูดนั่น...เฮ้ย! หลุดปากถามไปแล้วนั่น

                  มันเป็นเรื่องจริง เราชอบเธอนะ

                  ชอบ กับ รัก มันแตกต่างกันนะรู้รึเปล่า

                  มันก็จริงอยู่ แต่ว่าเรายังไม่กล้าบอกว่ารักแอมอย่างเต็มปากหรอก เรายังไม่กล้าพอ

                  แล้วทำไมกายชอบเราล่ะ

                  ไม่รู้สิ ตอนเห็นครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจเลย ว่าแต่...แอมชอบผมรึเปล่า

                  โดนยิงคำถามกลับฉันก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูกเลย แล้วตอนนี้หน้ากายกับฉันก็ห่างกันแค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น

                  อืมฉันตอบแล้วหันหน้าหนี กายก็ถอยตัวออกห่างฉันไป

                  ขะ...ขอโทษทีนะ ผมทำอะไรก็ไม่รู้ อืม...ว่าแต่เราจะคบกันได้ไหม?” หน้าของกายแดงระเรื่อ

                  เราขอดูก่อนนะ เราขอเวลา 1 เดือน ที่จะศึกษาดูนิสัยของกันและกัน

                  ได้สิไม่มีปัญหา กายยิ้มด้วยความดีใจ ซึ่งฉันเองก็ชอบรอยยิ้มของกายนะ มันทำให้โลกทั้งโลกดูสดใสขึ้นเยอะเลย อยู่ใกล้คนๆนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้

                 

       

                  6 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ฉันคบกับกายได้ราวๆ 7 เดือนเห็นจะได้ ฉันกับกายก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่ก็นิดๆหน่อยๆ มันยิ่งทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น แต่อยู่ดีๆเราก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

                  กายทำไมไม่รับโทรศัพท์เลยล่ะ ฉันถามทันทีเมื่อกายรับสาย

                  ขับรถอยู่น่ะ แอมมีธุระอะไรหรอ กายถามน้ำเสียงปกติ

                  ไม่มีธุระโทร.มาไม่ได้รึไง ฉันก็ถามกวนๆไป

                  พี่กาย หนูยังไม่อยากกลับเลย ไปขับรถเล่นกันดีกว่านะคะๆๆๆ มีเสียงผู้หญิงเล็ดลอดออกมาจากสายโทรศัพท์ กำลังออดอ้อนกันได้ที่เลย มันเป็นใครกัน!

      อยู่กับใครน่ะ

      อ๋อ...น้องสาวน่ะ กายยังคงรักษาระดับเสียงเป็นปกติ

      แน่ใจนะว่าน้อง ไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามีน้องกับเขาด้วย

      อย่าเซ้าซี้มากได้ไหมแอม กายบอกว่าน้องก็น้องสิ แล้วระดับเสียงของกายก็เปลี่ยนไป กายตวาดใส่โทรศัพท์

      นี่มันจะมากไปแล้วนะ ฉันไว้ในกายนะ แต่กับผู้หญิงที่มากับกายน่ะฉันไม่ไว้ใจ ชิ!!!ใครจะอยากให้แฟนตัวเองไปอยู่กับหญิงอื่นสองต่อสอง ฉันมันก็มีหัวใจมีความรู้สึกนะ มันหึงนี่!!!

      งั้นแค่นี้นะ ไม่อยากรบกวนความสุขของกาย แล้วฉันก็ตัดสายทิ้งโดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของฝ่ายนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

      ฉันอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นจริงๆเลย พี่กายคะ พี่กายขา ชิหมั่นไส้!!! คอยดูนะอย่าให้เจอแล้วกัน ถ้าเจอละก็ฉันจะ...(ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไร) ช่างมันเถอะ

      ติ๊ด ครืดๆๆๆ (โทรศัพท์สั่นอีกแล้ว งานเข้าแน่ๆ)

      แค่นี้ต้องตัดสายทิ้งหรอ

      มือถือแอมไร้สาย ไม่ได้ใช้โทรศัพท์บ้านโทร (กล้าเล่นเนอะ)

      แอมเชื่อใจกายหน่อยสินะ

      แอมผิดเองแหละที่ไม่เชื่อใจกาย ขอโทษด้วยแล้วกัน

      หึงหรอ ฮั่นแน่

      ไม่ตลกฉันเริ่มเดือดปุดๆ

      นี่แอม ถ้าไม่เชื่อคุยกับน้องผมได้

                  สวัสดีคะ พี่ชื่อแอมใช่ไหมค่ะ หนูชื่อจอยค่ะ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่กาย พอดีเพิ่งกลับจากกรุงเทพเลยให้พี่กายพามาขับรถเล่นหน่อยน่ะค่ะ ไม่ว่ากันนะคะ

                  ฉันยังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร ยัยน้องจอยก็สาธยายมาจนหมดข้อสงสัยแล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องใช้ ATP ในการหายใจระหว่างพูดมากเกินไป และเอนไซม์อะไมเลสยังคงอยู่ในปากฉันครบ

                  พี่แค่โกรธที่กายไม่รับโทรศัพท์เฉยๆ ถ้ากายรับแล้วบอกว่าพาน้องไปเที่ยวพี่จะไม่ว่าสักคำ แต่นี่อะไร ปล่อยให้โทรอยู่ได้ คนเขาเป็นห่วงแท้ๆ นึกว่าเป็นอะไร ไม่รับโทรศัพท์ ไอเราก็แก้ตัวไปนั่น

                  เข้าใจกันแล้วใช่มั้ย งั้นหนูให้พี่กายไปส่งหนูที่บ้านก่อนนะดึกแล้ว

                  จ้า แค่นี้นะจ๊ะ แล้วฉันก็วางหูทันที เฮ้อ...โล่งอก นึกว่ากายจะมีกิ๊กซะแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ เรารักกันก็ต้องเชื่อใจกันสิ มันถึงจะถูกต้อง!!!

       

                  1 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่ก็เดือนพฤศจิกายนแล้ว ช่วงนี้ก็มีงานประจำปีด้วย และที่น่าสนุกกว่านั้นคือ มันจะตรงกับช่วงวันลอยกระทงด้วย และฉันก็จะชวนกายไปลอยกระทงด้วยกัน ว้าว! สุดยอดไปเลย

                  นี่กาย 26 พฤศจิกานี้ ว่างมั้ย?” ฉันถามเขาขณะนั่งกินข้าวกันอยู่

                  อืม...ว่างสิมีอะไรหรอ

                  ไปเจอกันที่สะพานเกวียนนะ มีของขวัญจะให้ ฉันยิ้มแล้วลุกจากโต๊ะทันที ท่ามกลางความงงของกาย

                  กี่โมงอะ กายถาม

                  หนึ่งทุ่มตรง ฉันส่งยิ้มหวานให้กาย

                  วันนี้ฉันมีความสุขจริงๆเลย มันบอกไม่ถูกเลยล่ะ ฉันจะได้มีความทรงจำดีๆกับคนที่ฉันรัก มันช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจที่สุด อ๊ะ! ฉันจะต้องไปหาชุดสวยๆมาใส่ไปเที่ยวกับกายซะแล้ว ว่าแล้วพอเลิกเรียนฉันก็รีบไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้าทันที

       

                  แล้วแล้ววันลอยกระทงก็มาถึง ตื่นเต้นจังเลย กายจะรู้สึกยังไงน้า ยังไม่ถึง 6 โมงครึ่งเลย ฉันก็รีบมารอกายซะแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้มาคนเดียว ฉันก็ลากเพื่อนรักของฉันมาด้วย

                  นี่ยัยแอม นัดกายไว้ตอนหนึ่งทุ่ม แล้วทำไมมาซะเร็วเลยล่ะ ยัยเมถาม

                  เอ้า! ก็ฉันเป็นคนนัดเขานี่นา ฉันก็ต้องมาก่อนสิ

                  แล้วจะรีบลากพวกเรามาด้วยทำไมล่ะ ใหม่ก็ยังถามอีก

                  ก็อยู่คนเดียวมันเหงาน่ะสิ

                  ถ้ากายมาเมื่อไหร่เราค่อยแยกกันนะ ฉันจะไปหาคู่ของฉันบ้าง 555+” ยัยเมทำหน้าหื่นขึ้นมาทันที

                  น้อยๆหน่อยยัยเม ใหม่ทำสีหน้ากลุ้มใจกับความหื่นของเพื่อนตัวเอง

                  นี่ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว กายยังไม่มาอีกหรอฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ใหม่เริ่มบ่น

                  ไม่เป็นไรหรอก งั้นเธอสองคนไปกันเถอะอีกแปปนึงกายคงจะมาแล้วล่ะ ถ้าจะกลับเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะโทร.หาแล้วกันนะ

                  งั้นเอาตามนี้นะ พวกเราไปก่อนล่ะ พอยัยเมพูดจบก็ลากยัยใหม่ไปหน้าพระร่วงทันทีเลย

                  ฉันจะปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวไม่ได้ที่รอกายนาน ก็ฉันรีบมาก่อนเวลานัดตั้งเกือบชั่วโมง สมควรแล้วล่ะ เดี๋ยวก่อนลอยกระทงชวนกายไปหาอะไรกินที่หน้าองค์พระฯก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้ท้องฉันมันร้องแล้วอะ

       

                  มาถึงก่อนกายได้ไงเนี่ย?” กายถามทันทีเมื่อมาถึง

                  อ๋อ...คือ...เราเป็นคนนัดไงเราก็ต้องมาก่อนสิ จะให้กายมารอมันก็น่าเกลียด

                  แต่เราว่า ถ้าเรามาทีหลังมันก็น่าเกลียดนะ เราเป็นผู้ชายแต่ให้ผู้หญิงมารอเนี่ย

                  ไม่เป็นไร แอมรอได้ อย่าคิดมากเลยนะ อืม...เราไปกินข้าวกันดีกว่านะ

                  ดีเลยกายก็หิวพอดี กายพูดยิ้มๆแล้วจับมือฉัน ไปกินข้าวกัน

                  แล้วเราก็เดินจับมือกันไปกินข้าว ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของกาย เวลาอยู่ใกล้ๆเขาฉันรู้สึกมีความสุข แล้วก็รู้สึกปลอดภัย และตอนนี้ฉันเองก็รักกายมาก

       

                  แปปเดียวก็จะสองทุ่มแล้ว เร็วจังเลย กายพูดพลางนั่งลูบท้องตัวเอง

                  แหม! ทำเป็นพูดไป กินราดหน้าไปตั้ง 3 ชาม ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวทำได้ไง?”

                  ก็นั่งตรงข้ามคนน่ารักนี่น่า มันก็เจริญหู เจริญตา รวมไปถึงเจริญอาหารด้วย อิอิ

                  จ้าๆ เหตุผลดีก็ต้องยอมกันไป งั้นเราไปเดินย่อยกันดีกว่านะ

                  พี่ครับเก็บตังค์ด้วยครับ กายเรียกพนักงาน

                  พอจ่ายตังค์เรียบร้อยแล้วฉันกับกายก็เดินงานองค์พระฯด้วยกัน 2 รอบ แต่คนมันเยอะมากๆเลย ฉันกับกายต้องเดินจับมือกันตลอด ถ้ามือหลุดก็มีโอกาสหลงกันเลยที่เดียว เห็นมั้ยบอกแล้วว่าจับมือกายที่ไรก็รู้สึกปลอดภัยทุกที อิอิ

                  กาย...แอมว่านะเราไปลอยกระทงกันดีกว่า นี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว

                  จริงอะ จะเที่ยงคืนแล้วหรอ กายดูตกใจ และลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล รีบไปกันเถอะ

                  รีบไปไหนอะ กายลากฉันไปจากตรงนั้นทันที

                  แอมไปซื้อกระทงก่อนนะเดี๋ยวกายมา ต้องได้ก่อนเที่ยงคืนนะ กายบอกฉันแล้วเขาก็เดินหายไปไหนไม่รู้

                  อีกตั้งครึ่งชั่วโมง ฉันบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเอง

                  ร้านกระทงมีตั้งร้อยกว่าร้านแน่ะ (เว่อร์ไปนิด) ฉันก็หากระทงที่สวยที่สุด เพราะจะลอยกระทงกับแฟนทั้งที ก็ต้องหาที่มันสวยเริ่ดกันไปเลย จริงมะ (^.^) ก็คนมันรักนี่เนอะ

                  แอม เสียงมันคุ้นๆหูฉันนะ

                  บะ...เบล ฉันตกใจเล็กน้อยที่เจอกับคนรักเก่า

                  แอมมากับใครน่ะ

                  มากับแฟน ฉันตอบไปอย่างมั่นใจ

                  อะ..อะไรนะ เบลเริ่มอ้ำอึ้ง แอมมีแฟนใหม่แล้วหรอ

                  ก็ใช่น่ะสิ ผู้ชายดีๆมันยังมีอีกเยอะยังไงล่ะ ฉันพูดเน้นประโยคนี้สุดๆ

                  ผมขอโทษนะแอม เบลดึงฉันไปกอด

                  ปล่อยนะเบล ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันพยายามผลักเบลออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

                  ไม่ปล่อย ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้ จนกว่าคุณจะให้โอกาสผมกลับมาคบกับคุณอีก

                  ฉันมีแฟนแล้ว!” ฉันพูดเสียงดัง

                  มีแล้วก็เลิกได้นี่

                  เห็นแก่ตัวที่สุด!” ฉันผลักเบลออกแล้วตบหน้าเขาอย่างแรง นายทำอะไรไว้กับฉันบ้าง ลองๆไปนึกดูแล้วกัน ว่ามันสมควรจะได้รับโอกาสจากฉันมั้ย แล้วตอนนี้เอายัยดาไปไว้ที่ไหนแล้วล่ะ เบลได้แต่ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

                  แล้วฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้น หา! (o¬O) แย่แล้วอีก 10 นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว ฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปที่จุดนัดพบทันที เพราะเบลแท้ๆทำให้ฉันต้องมาช้า ถ้ากายโกรธฉันนะ ฉันจะไปตบยัยดาให้ปางตายเลย (แล้วยัยดามาทำอะไรให้ล่ะ จาก นู๋แว่น) (หมั่นไส้ส่วนตัวย่ะ จาก แอม)

                  อ้าว...ยังไม่มาหรอกเหรอ แต่...นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ กายไปไหนเนี่ย ฉันเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาทันที แล้วจิ้มโทรศัพท์หากาย

                  โทร.มาทำไม?” กายถามทันทีเมื่อรับสาย

                  ทำไมพูดงี้ล่ะกาย นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ มาเร็วๆสิ

                  ฉันกลับบ้านแล้ว ง่วงนอน แค่นี้นะ

                  นี่คุ...อ๊าย ตัดสายทิ้งเหรอ ทำไมกายทำอย่างนี้ล่ะ แล้วฉันก็โทร.หากายอีก แต่เขาปิดเครื่องไปแล้ว

                  ทำไมนะ วันนี้มันจะต้องเป็นวันดีของฉันสิ แล้วทำไมมันต้องวุ่นวายขนาดนี้ด้วยนะ ฮือๆ แล้วน้ำใสๆมันก็ไหลออกจากตาฉันจนได้ ทำไมกายทำกับฉันแบบนี้ ทำไมต้องเจอผู้ชายที่มีนิสัยส่วนตัวเหมือนกันนะ ทำไมผู้ชายชอบทิ้งผู้หญิงไป ทำไม!

                  เม ฉันกลับแล้วนะ เมกับใหม่เที่ยวต่อเถอะ ฉันโทร.ไปหาเมก่อนกลับบ้าน

                  เดี๋ยวก่อนฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟังด้วยล่ะ เมเองก็น้ำเสียงเครียดๆ

                  เอาไว้วันจันทร์แล้วกันนะ แล้วฉันก็ตัดสายทิ้งทันที

                 

                  และแล้วเช้าวันจันทร์อันหมองหม่นของฉันก็มาถึง วันนี้ฉันรู้สึกแย่ผิดปกติ ฉันรู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น เพราะตาขวากระตุกมาตลอดทางขณะที่ฉันนั่งรถเมล์มาโรงเรียน พอเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จฉันก็กำลังจะเดินไปเรียน แต่...

                  แอม เสียงชายคนหนึ่งเรียก ฉันค่อยๆหันหลังกลับไปมอง

                  อ้าว! กาย ฉันตกใจเล็กน้อย

                  เย็นนี้ไปเจอฉันที่สะพานเกวียนตอนหนึ่งทุ่มนะ แล้วเขาก็เดินจากไป

                  ฉันก็งงนิดๆ แต่ว่าเขาน่าจะพาฉันไปลอยกระทงย้อนหลังมั้ง ก็นัดสถานที่ และเวลาเดียวกันขนาดเนี้ย ว้าว¬นี่เป็นเรื่องดีใช่มั้ยเนี่ย 555+ ในที่สุดกายก็ต้องขอโทษฉัน ที่หนีกลับบ้านเมื่อคืนวันเสาร์

                 

                  เมื่อฉันเดินเข้าห้องมา ยัยเมและยัยใหม่ก็รีบเดินมุ่งหน้ามาที่โต๊ะของฉันทันที

                  นี่ยัยแอม!” ยัยเมดูอารมณ์ไม่ดียังไงไม่รู้

                  มีอะไร ไปกินรังแตนที่ไหนมาฉันถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

                  เมื่อวันเสาร์เกิดอะไรขึ้น ยัยใหม่ถาม

                  ก็กายหนีกลับบ้านก่อนน่ะสิ... แล้วฉันก็เล่าให้ยัยเพื่อนรักทั้งสองฟัง

                  มันไม่ได้มีแค่นี้น่ะสิ น้ำเสียงยัยเมดูโมโหยังไงไม่รู้

                  หรือว่า... ฉันนึกภาพย้อนไปถึงตอนที่เบลกอดฉัน มันต้องใช่แน่ๆ

                  ใช่แล้วล่ะ ยัยเมพูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่

                  มันเป็นแผนของยัยฟางกับยัยดาไงล่ะ ที่ให้เบลเข้าไปหาเธอแล้วทำแบบนั้น ใหม่อธิบาย

                  หา!” ฉันตกใจมาก และรู้สึกโมโหยัยสองคนนั้นขึ้นมาทันที ฉันจะไปตบมัน ฉันลุกขึ้นกำลังจะเดินไป แต่ยัยสองคนนั้นกดฉันให้นั่งลงเหมือนเดิม

                  นี่! ใจเย็นก่อนสิ แกไปทำมันก่อนไม่ได้ เพราะเราไม่มีหลักฐาน เราก็จะกลายเป็นคนผิดนะ ใหม่ห้ามฉัน

                  ก็เธอสองคนไงหลักฐาน พวกเธอเห็นพวกนั้นไม่ใช่หนอ ฉันพูดอย่าอารมณ์เสีย

                  แล้วใครจะเชื่อ เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทของเธอ มันจะหาว่าพวกเราสุมหัวกันแกล้งมันน่ะสิ เมพูดเหตุผล

                  ฉัน...ขอโทษนะ ฉันใจร้อนไปหน่อย แล้วน้ำใสๆก็ไหลออกมาอีกจนได้

                  ไม่เป็นไรน่า ฉันเข้าใจดี เมปลอบฉัน แล้วฉันก็กอดเมไว้

                  แงๆ ยัยสองคนนั้นจ้องจะเอาคืนฉันตลอดเลย ฉันไม่ยอมแน่ ถ้าฉันตายเป็นผีฉันก็จะมาหักคอพวกแกสองคนก่อนเป็นคู่แรกเลย ยัยฟาง ยัยดา!

       

                  แล้วก็ได้เวลาเลิกเรียนฉันรีบกลับบ้านทันที เพื่อจะได้ไปรอกายที่จุดนัดพบ ฉันก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่าวันนี้กายจะพูดอะไรกับฉัน ฉันเองก็รู้ตัวดีว่าทำใจไม่ได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับความจริงที่โหร้ายนี้ ดีกว่าให้มันค้างคาอยู่ในใจ

                  มาแล้วหรอ กายถามทันทีเมื่อเห็นฉันเดินมาถึง

                  อืม...กายหิวมั้ย ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ฉันชวนกายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนปกติ

                  ไม่หิว กายตอบห้วนๆ

                  อืม...กายนัดมาที่นี่ มีอะไรรึเปล่า หรือจะไถ่โทษเรื่องเมื่อวันเสาร์ ฉันก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม

                  เธอต่างหากที่ต้องไถ่โทษให้ฉัน กายเริ่มเข้าเรื่อง

                  กายกำลังโดนยัยฟางปั่นหัวอยู่นะ ฉันเริ่มเปลี่ยนสีหน้า

                  ใครกันแน่ปั่นหัวฉัน กายเริ่มขึ้นเสียง ซึ่งมันทำมห้ฉันกลัวเขามาก ไปกอดกับผู้ชายกลางถนนแบบนั้นน่ะ ทำได้ยังไง

                  นี่! กายคิดว่าแอมเป็นคนอย่างนั้นหรอ ฉันก็ตวาดกายกลับ กายไม่เชื่อใจแอมเลยเสียงฉันเริ่มสั่นๆ

                  กายรู้มะ ยัยฟางมันวางแผนกับคู่อริของแอม ให้ผู้ชายคนนั้นมากอดแอม เพราะมันรู้ว่ากายมองหาแอมอยู่ ฉันอธิบายเรื่องทั้งหมด

                  ยังจะมาโยนความผิดให้คนอื่นอีก แล้วรู้ได้ไงว่าฟางทำ กายถาม

                  ยัยเมกับยัยใหม่เห็นน่ะสิ

                  พวกเธอเป็นเพื่อนกัน ก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว กายยังคงไม่เข้าใจฉันอยู่ดี

                  ก็ได้ ถ้ากายไม่เชื่อใจกันก็ตามใจกาย ฉัน...ฉันร้องไห้แล้ว ฮือๆ

                  แอม ผมว่าเราคงไปกันไม่ได้หรอก เราเลิกกันเถอะ

                  กายฉันร้องไห้แล้วซุกหน้าที่แผ่นหลังของเขา

                  ปล่อยผมเถอะ ไปหาคนคนนั้นเถอะเขาค่อยๆแกะมือฉันออก แล้วเดินจากฉันไป

       

                  ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ของที่ได้มาง่ายๆ ก็เสียไปได้ง่ายๆเหมือนกัน ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อลืมเรื่องของกาย ฉันตั้งใจว่าพอจบ ม.6 ฉันก็จะไปเรียนที่อังกฤษ และวันที่ฉันมารับใบจบการศึกษา ก็เป็นวันเดียวกันที่ฉันขึ้นเครื่องไปอังกฤษ เพื่อนรักของฉันก็ตามไปส่งฉันที่สนามบินด้วย แต่ก็มีคนอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้มา

                  ไปอยู่อังกฤษก็อย่าคิดมากนะ อยู่คนเดียวด้วย ฉันเป็นห่วงเธอนะแอม เมพูดพลางจับมือฉัน

                  ดูแลตัวเองด้วยนะแอม เราสองคนจะคิดถึงแอมนะ ส่งเมลมาหากันบ้างล่ะ ยัยใหม่ล่ำลา

                  ฉันฝากนี่ให้กายด้วยแล้วกันนะ

                  ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนยัยดา กับยัยฟางเราจะตามไปแก้แค้นให้แล้วกัน เมให้สัญญากับฉัน

                  ฉันไปแล้วนะ ฉันโบกมือให้เพื่อนทั้งสองก่อนจะเดินไปขึ้นเครื่อง

       

                  ฉันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ ตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องมาฉันรู้สึกใจไม่ดีเลย เหมือนว่าจะเกิดเหตุอะไรไม่ดีๆขึ้น แต่พอเครื่องขึ้นฉันก็ไม่ได้คิดมากอะไร ฉันก็นอนหลับไปพักหนึ่ง และแล้วก็มีเสียงแอร์โฮสเตสพูดขึ้น

                  กรุณารัดเข็มขัดค่ะ เครื่องบินของเรากำลังประสบปัญหา เครื่องยนต์ขัดข้อง!”

                  ฉันได้ยินอย่างนั้นฉันก็ไม่ตกใจเลย ฉันทำตัวสบายๆ เหมือนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ฉันเตรียมใจล่วงหน้าไว้แล้วว่า ถ้าเครื่องบินตกฉันก็ต้องตาย ตอนนี้ใจฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ฉันแล้ว ใจทั้งใจฉันให้กายแค่คนเดียว ถึงแม้เขาจะเข้าใจผิดก็เถอะ แต่บอกได้เลยว่าฉันรักเขาคนเดียว ฉันรักกาย!

      บึ้ม! เสียงระเบิดดังขึ้น เครื่องบินลำนั้นตก! พระเจ้าช่วย เครื่องบินลำนั้นดิ่งลงมากลางมหาสมุทร สักพักหนึ่งก็มีนักข่าวมาทำข่าวกันทั่ว

       

      กาย...อยู่ไหนอะ เมถามทันทีเมื่อกายรับสาย

      อ๋อ...อยู่บ้านน่ะ เมมีอะไรรึเปล่า

      มีคนเขาฝากของมาให้นายอะ

      แอมหรอ

      ไม่รู้สิ เดี๋ยวฉันเอาไปให่ที่บ้านแล้วกันนะ รอแปปนึง แล้วยัยเมก็วางหู และบึ่งรถไปบ้านกาย พร้อมใหม่ทันที

      แล้วเมก็มาถึงบ้านกาย เมกดออดหน้าบ้านของกาย แล้วเจ้าของบ้านก็ออกมาเปิดประตู และเชื้อเชิญเม และใหม่เข้าไปในบ้าน

      นี่กาย แอมฝากนี่มาให้ล่ะ แล้วเมก็ยื่นจดหมายให้กาย

      อืม...ขอบใจมากนะ กายรับจดหมายพลางเดินไปเปิดทีวี

      ข่าวด่วน! เครื่องบินลำหนึ่งไม่ทราบสายการบิน มุ่งหน้าไปประเทศอังกฤษ ตกกลางมหาสมุทร ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งลำ เสียงผู้ประกาศข่าวอ่านข่าวด้วยสีหน้าสลดใจ

      ฮะ! อะ..อะไรนะ เครื่องบินมุ่งหน้าไปอังกฤษงั้นหรอเมเริ่มใจเสีย

      มีอะไรรึเปล่าเม กายถามอย่างเป็นห่วง

      ก็...ก็เมื่อตอนสายๆเราเพิ่งไปส่งแอมขึ้นเครื่องเดินทางไปอังกฤษ ใหม่เองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน

      ฮือๆ ยัยแอม ไม่นะ ต้องไม่ใช่สิ อาจไม่ใช่ลำเดียวกันก็ได้ ไม่จริงๆ ต้องเป็นคนลำลำกัน เมเริ่มไม่ได้สติ

      ใจเย็นนะเม กายเข้าไปปลอบเม เมก็นั่งร้องไห้คร่ำครวญถึงเพื่อนรักของตัวเอง ใหม่ก็ได้แต่นั่งเงียบคิดอะไรไม่ออก ส่วนกายก็หยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาอ่าน

       

                  ถึง กาย

                      เรื่องเมื่อวันนั้นแอมเข้าใจดี ว่าถ้าใครเห็นแบบนั้นเขาก็ต้องคิดแบบที่กายคิด

              แม้คำพูดต่างๆนานาที่แอมพูดไป มันก็กลายเป็นเหมือนคำแก้ตัว เหมือนกับทำผิด

              แล้วมาสำนึกทีหลัง มันก็สมควรแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้น แอมยอมรับว่ามันเป็นแฟนเก่า

              ของแอมเอง แอมไม่มีอะไรจะบอกกายหรอกนะ เพราะแอมพูดไปแล้วในวันนั้น

                      จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ตอนนี้แอมคงไปจากประเทศไทยแล้วล่ะ ในไม่ช้ากาย

              คงเจอคนดีๆนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ

                                             

                                                                      รักกายเสมอ

                                                                            แอม

       

      ฉันจะไปตบมัน เมพูดแล้วลุกขึ้นพร้อมใหม่

      เดี๋ยวก่อน เธอจะไปตบใคร กายถาม

      ยัยฟาง กับยัยดาไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะยัยสองคนนั้น แอมคงไม่ต้องไปอังกฤษ ถ้าไม่ใช่เพราะแผนของพวกมัน!” เมโมโหสุดขีด

      นี่มันเป็นเรื่องจริงหรอ สีหน้าของกายเริ่มไม่ดี

      ถ้างั้นฉันขอตามไปด้วย เธอสองคนลงไปแล้วพยายามทำให้สองคนนั้นพูดความจริงออกมา ฉันก็อยากจะรู้ว่าใครกำลังปั่นหัวใครกันแน่ กายเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง

       

      แล้วเวลาสำคัญก็มาถึง เม ใหม่ และกาย ขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของผับชื่อดังย่าน ม.ศิลปกร แล้วส่งสายตามองหา ดา กับ ฟาง

      นั่นไง เจอแล้ว กำลังจะเดินเข้าไปข้างในรีบตามเข้าไปเร็ว ยัยเมบอกทุกคนแล้วรีบลงจากรถทันที

      กายเข้าไปทีหลังแล้วกัน เดี๋ยวฉันสองคนจะเดินเข้าไปหามันเลย กายแอบดูอยู่ห่างๆนะ ใหม่บอกแผน แล้วเดินเข้าไปพร้อมเม

      เชิญครับ พนักงานต้อนรับกล่าวเชิญ แล้วเมกับใหม่ก็เดินเข้าไป ทั้งคุ่ก็มองหายัยดากับยัยฟาง และแล้วก็เจอตัวจนได้

      แก!” เมจ้ำอ้าวไปหาสองคนนั้นทันที

      อะไรย่ะ ยัยฟางงงๆ

      แกสองคนใช่มั้ยที่วางแผนให้กายกับแอมเลิกกัน ใหม่เข้าไปถาม

      ใช่ แล้วแกสองคนจะทำไมฉัน ดาเดินเข้ามาข่ม แต่เมกับใหม่ไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กายถึงกับตกใจ และใจเสียทันทีเมื่อได้ยินดาพูดแบบนั้น

      ฉันก็จะตบแกน่ะสิ เพราะแกทำให้แอมต้องตายแล้วเม กับใหม่ก็เข้าไปตบสองคนนั้นทันที ท่ามกลางผู้คนทั้งผับ ไม่มีใครห้ามเลยแม้แต่คนเดียว เมตบยัยฟางจนสภาพยับเยิน ส่วนใหม่เองก็อาจเจ็บตัวบ้าง แต่ยัยดาก็ไม่แพ้กัน

      พวกแกสองคนระวังตัวให้ดีเถอะ ฟางขู่แล้วเดินออกจากผับไป

      ก็เพื่อนแกมันน่าหมั่นไส้ไง เลยต้องโดนแบบนี้ ยัยดาพูดแล้วเดินตามฟางออกไป

       

      หลายวันต่อมา กายก็ซึม เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป วันๆนั่งนึกถึงแต่เรื่องของแอม ไม่เป็นอันทำอะไร หลังจากที่ไปรับศพแอมมาบำเพ็ญกุศลแล้ว กายนั่งเฝ้าแอมทุกวัน จนวันเผา กายถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่เชื่อใจแอม ไม่เหมือนกับที่แอมเชื่อใจเขาเรื่องน้องจอย และแล้วกายเองต้องเป็นคนที่เสียใจไปจนวันตาย...

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×