ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Door 2 ประตู...ระทึกขวัญ

    ลำดับตอนที่ #1 : บางบทจาก The Door:Begin of the end

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 49


    แสงอาทิตย์ยามเช้าของวันใหม่สาดส่องลงมาทั่วผืนดิน หลังจากฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป อากาศสุดแสนบริสุทธิ์นี้คือสวรรค์โดยแท้ ไม่มีใครคาดฝันมาก่อน นับจากเหตุการณ์อาเพศนั้นเกิดขึ้น จะมีวันที่โลกสดใสอีก

                ท่าเรือใหญ่บัดนี้ ได้กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ไปเพียงชั่วข้ามคืน เป็นหลุมฝังศพของผู้คนกว่าหมื่นคน ซากศพและวัตถุต่างๆกองพะเนินอยู่รวมกันจนล้นท่าเรือ เพลิงไฟมอดลงแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มควันจางๆลอยคละคลุ้งอยู่โดยรอบ น้ำทะเลเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ก็คือชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆของมนุษย์ ตั้งแต่แขน ขา ลำตัว และศีรษะ หรือชิ้นส่วนอื่นๆอีกที่ระบุแน่ชัดไม่ได้ แยกออกเป็นชิ้นๆ กระจัดกระจายไปทั่ว

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏให้เห็น ล้วนเป็นภาพที่ชวนหดหู่และสยดสยอง

    มองไปทางไหนมีเพียงแต่ซากศพ และโศกนาฏกรรมอันน่าสะเทือนใจ

                แต่ภาพเบื้องบน กลับแตกต่างจากภาพที่อยู่เบื้องล่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าสีครามเต็มไปด้วยปุยเมฆสีขาว อากาศอันบริสุทธิ์ แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านก้อนเมฆลงมาให้ความอบอุ่น พายุร้ายได้เคลื่อนผ่านไปแล้ว และเช้าวันใหม่ก็มาเยือน

                บาร์บาร่าลืมตาขึ้น รู้สึกเหมือนเพิ่งฟื้นตื่นจากความตายที่สุดแสนเจ็บปวด

    ประสาทค่อยๆปรับตัว  รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งตัว เธอกัดริมฝีปากทนความเจ็บปวดนั้น มองดูรอบตัวอย่างยากเย็น ร่างกายของเธอนอนแผ่อยู่บนร่างร่างหนึ่ง และบนร่างของเธอมีศพของชายสามคนคว่ำทับอยู่ หนักและส่งกลิ่นเหม็น ทั้งกลิ่นคราบเลือด กลิ่นตัวของพวกปีศาจ กลิ่นของเสียที่ออกมาจากร่างกาย และกลิ่นอื่นๆ ผสมผเสกันจนเกิดกลิ่นเน่าเหม็นที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

                เธอขยับตัวออกมาทีละนิด ยื่นมือทั้งสองที่เต็มไปด้วยบาดแผล ผลักร่างที่ทับตัวเธออยู่ออกไปอย่างยากลำบาก ชายที่อยู่บนสุดหล่นผลั่กลงไป  ทีนี้ก็เหลือสอง เธอรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ยันร่างทั้งสองนั้นออกไปข้างๆ จากนั้นก็พยุงตัวลุกขึ้นยืน แหงนหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องแสงลงมากระทบลงบนเรือนร่าง

    มองดูเหมือนวีรสตรีหญิงผู้ฝ่าฟันภยันตรายจนสติแตก ยืนอยู่บนกองซากศพ นับพันนับหมื่นของมวลมนุษยชาติ ที่ต้องมาจบชีวิตในสมรภูมิรบครั้งยิ่งใหญ่

                สภาพของบาร์บาร่าดูย่ำแย่มาก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ฟูพองเหมือนแผงคอของสิงโตผู้เกรี้ยวกราด  ใบหน้าเปื้อนเลือดทั้งของตนเองและของคนอื่นสาดกระเซ็นเข้าใส่จนแห้งกรัง เกาะติดอยู่บนใบหน้าที่เคยสะอาดสะอ้าน ยังไม่นับรวมกับคราบดิน เหงื่อ และน้ำตา เธอกลายเป็นยัยตัวเหม็นจอมบ้าคลั่งแห่งกรุงปารีส เสื้อผ้าฉีกขาดรุ่งริ่ง รองเท้าหายไปข้างหนึ่ง ดูน่าเกลียดน่ากลัวใช้ได้เลยทีเดียว

                นั่นเธอเหรอ บาร์บาร่า เสียงหนึ่งดังขึ้น

                บาร์บาร่าสะดุ้งโหยง หันขวับไปมอง แล้วก็สะดุ้งอีกครั้ง

                มิเชลล์นั่นเอง เขาดูเหมือนว่าจะมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าเธอเสียอีก มิเชลล์เป็นชายผิวคล้ำ คมสัน แต่ตอนนี้ยิ่งคล้ำหนักขึ้นไปอีก ผมสีดำแห้งกรัง ดวงตาสีฟ้ากะพริบสู้แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาแยงตาเขา เสื้อขาดเหลือครึ่งตัว กางเกงยีนส์ลีวายส์สีน้ำเงินฉีกออกเป็นเส้นๆเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดใหญ่พิเศษ

                มิเชลล์เหรอบาร์บาร่าถามอย่างไม่แน่ใจนัก ขอโทษนะ แต่เธอดูเหมือนลิงบาบูนตัวเหม็นหึ่งเลยล่ะ

                ขอบใจสำหรับคำชมมิเชลล์ยักไหล่อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก และก้าวข้ามซากศพเหล่านั้นขึ้นมาหาเธอ

    โชคดีที่รอดมาได้ ฉันตามหาเธอแทบแย่ นึกว่าเธอตายแล้วซะอีกเขาบอก แล้วเธอเห็นฌองปิแอร์บ้างไหม

                ไม่ ฉันไม่เห็นบาร์บาร่าตอบ พลางเหลียวมองดูรอบตัว มีแต่ศพ ศพเต็มไปหมด

                มิเชลล์ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างเธอ ยิ่งดูย่ำแย่เข้าไปอีก ว้าว เราสองคนดูเหมือนซอมบี้เดินได้เลยแฮะเขาว่า และยิ้มด้วยใบหน้าที่บูดบวม ฟกช้ำ

                ไม่มีใครรอดชีวิตเลยเหรอบาร์บาร่าถามเสียงหดหู่ แทบจะร้องไห้ออกมา

                คิดว่าไม่นะมิเชลล์ตอบ มีแค่เราสองคน

                เหลือเชื่อจริงๆเรารอดมาได้ยังไงบาร์บาร่าพึมพำ

                นั่นไม่สำคัญหรอกมิเชลล์พูด แต่เธอเหยียบอะไรเข้าให้น่ะ

                บาร์บาร่าก้มลงมอง เห็นเท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนใบหน้าของศพหญิงชราคนหนึ่ง ส้นเท้ากดลึกลงไปในเบ้าตา ทำให้ลูกตานั้นแตกทะลักออกมาเป็นเนื้อเยื่อสีเทาปนเลือดน่าขยะแขยง

                ว้ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

            เธอรีบสะบัดเท้าออกโดยฉับพลัน และเต้นไปรอบๆอย่างขวัญเสีย พลางสบถออกมาดังลั่น

                มิเชลล์หัวเราะร่า

                มันไม่ตลกเลยนะ! บาร์บาร่าตวาด และเช็ดเท้าเปลือยเปล่าข้างนั้นกับเสื้อของศพชายคนหนึ่ง

    เรามาช่วยกันหาเถอะว่ามีใครรอดชีวิตบ้างไหมมิเชลล์บอก แล้วก็เดินลงไปจากกองภูเขาซากศพเหล่านั้น

    เขาก้าวข้ามซากศพแต่ละร่างไปอย่างหวั่นๆ ไม่อยากจะก้มหน้าลงมอง มันทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ อยากจะอาเจียน

    เขาเดินไปเรื่อยๆ บาร์บาร่าไม่ได้ตามเขามา เฮ้! บาร์บาร่า เธอพบคนรอดชีวิตบ้างไหมเขาตะโกนถาม รอคำตอบ

    เงียบ

    ไปเหยียบเบ้าตาใครเขาอีกล่ะเขาตะโกนอีกครั้ง พลางหัวเราะดังๆ พอให้เธอได้ยิน

    เงียบแล้วก็

    กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    บาร์บาร่า!!มิเชลล์รีบวิ่งข้ามซากศพจนสะดุดหกล้มหน้าคะมำแล้วตะเกียกตะกายไต่ขึ้นไปบนกองซากศพสูงเก้าฟุตอย่างรวดเร็วที่สุด เขาปีนขึ้นมาจนถึงยอด กวาดสายตามองหา และนั่น เธออยู่นั่น!

    โอ้! พระเจ้า ให้ตายเถอะ! เขาสบถอย่างตื่นกลัว จ้องเขม็ง ตาไม่กะพริบ

    บาร์บาร่าอยู่ห่างออกไปประมาณสิบฟุต ถูกล้อมรอบด้วยซากศพ ศพฟื้นคืนชีพ! พวกมันกรีดร้องโหยหวน เสียงทุ้มลึกน่ากลัว พวกมันฟื้นขึ้น และลุกขึ้นเดินเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง จากสิบตนเพิ่มเป็นห้าสิบตน จากห้าสิบตนเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยตน ค่อยๆฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนโรคติดต่อ อีกแค่สามนาที ทั้งสองคงจะถูกศพเดินได้กว่าหมื่นตนล้อมรอบเป็นแน่!

    ผีดิบ! ซอมบี้!

    มิเชลล์! บาร์บาร่ากรีดร้อง ส่งสายตาอ้อนวอนมายังเขา

    มิเชลล์มองดูรอบตัว และเจอมีดเล่มหนึ่ง เขาคว้ามันมา แล้วกระโดดพรวดเดียวลงจากกองซากศพที่มีชีวิตนั้น เขาวิ่งไปข้างหน้า ผลักซอมบี้ตนหนึ่งล้มลงอย่างง่ายดายพลางกวัดแกว่งมีดยาวหนึ่งฟุต ฟันฉับลงบนแขนซอมบี้อีกตน ตวัดมีดขึ้นตัดหัวซอมบี้อีกตนขาด เลือดพุ่งกระฉูด เหมือนอย่างที่คุณเคยเห็นในหนังสยองขวัญทั่วไป แต่น่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่า

    เขาก้าวเข้ามาถึงตัวบาร์บาร่าแล้ว และศพอีกยี่สิบร่างก็ฟื้นขึ้น

    นี่แหละ ที่เขาเรียกว่านรกขุมที่สอง! เขาคำราม

    เราจะทำยังไงกันดี! บาร์บาร่ากรีดร้อง

    วิ่งสิ! วิ่ง! มิเชลล์ว่า แล้วทั้งสองก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า เริ่มต้นวิ่งด้วยพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด พลางผลัก เตะ ต่อย ทุบ ตี ทุกอิริยาบถถาโถมเข้าใส่กองทัพผีดิบที่ขวางหน้า พวกมันล้มลงแล้วลุกขึ้นอีก และก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

    นั่น! ทางนั้น ไปทางนั้น! เร็ว!

    มิเชลล์วิ่งหักโค้งไปทางซ้าย ฝ่าฝูงซอมบี้ที่ห้อมล้อมเข้ามาทุกขณะ ประตูท่าเรืออยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร ดูเหมือนใกล้แต่ไกลยิ่งนัก ซากศพผุดลุกขึ้นมามากขึ้นๆ จนไม่อาจต้านทานได้ไหว ทางออกถูกปิดตายแล้ว พวกมันพรั่งพรูกันเข้าไปออกันอยู่ที่ประตู ปิดล้อมไว้ทุกด้าน!

    มิเชลล์! บาร์บาร่ากรีดเสียงดังลั่น

    มิเชลล์หันขวับไปมอง ตกตะลึงสุดขีด เสียววาบไปทั่วทั้งตัว หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม สิ่งเดียวที่เขาคิดคือ ตาย

    ซอมบี้ตนหนึ่งก้าวเข้ามา มันมีขนาดใหญ่โตมาก ใหญ่ยิ่งกว่านักมวยปล้ำสามคนรวมกันเสียอีก

    เจ้านี่คงจะหนักสักประมาณพันปอนด์ ใบหน้าปราศจากเนื้อหนัง ดวงตาปูดโปน ศีรษะโล้นและแตก เป็นรอยกว้างขนาดใหญ่ สมองสีเทาไหลย้อยลงมาตกลงบนบ่า กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทุกครั้งที่มันก้าวเท้าลงบนพื้น ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ มันใกล้เข้ามาพลางกวาดแขนขนาดมหึมา กระแทกเข้าใส่ซอมบี้ลูกกระจ้อยตัวอื่นๆที่ขวางทางอย่างไม่ปรานี

    บาร์บาร่าจับแขนมิเชลล์ไว้แน่น บีบอย่างแรงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

    ซอมบี้ตนนั้นอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงสามฟุต มันเงื้อมือขึ้นแล้วหวดลงมาโดยไม่แม้แต่จะกล่าวสวัสดีสักคำ กำปั้นนั้นเฉี่ยวตัวมิเชลล์ไปเพียงหนึ่งฟุต กระแทกลงโดนหัวซอมบี้อีกตนจนแตกกระจุย เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง!

    มันสายตาเอียง! มิเชลล์บอก

    จะสำคัญอะไรล่ะ รีบหนีเร็ว! บาร์บาร่าครวญ แล้วรีบหันกลับไปทางประตู

    ทันใดนั้น ซอมบี้ตนหนึ่งก็จู่โจมเข้าใส่เธอโดยไม่ทันตั้งตัว มันพยายามที่จะกัดคอเธอ แต่พลาด

    ไป- -ให้- -พ้น! เธอกรีดร้อง และถีบซอมบี้ตนนั้นออกไป

    บาร์บาร่าผงะ ล้มลงไปอีกทาง สมองมึนชา ดวงตาพร่าเลือน รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อย และหมดกำลัง

    มิเชลล์กำลังฟาดฟันกันกับเจ้าอภิมหาซอมบี้ยักษ์นั่นอย่างดุเดือด เขากวัดแกว่งมีดใส่มัน ทั้งป้องกันตัวและต่อสู้ สะบัดมีดไปรอบตัวเหมือนคนบ้าที่พร้อมจะเฉือนใครก็ตามที่เข้ามาใกล้เขา

    เจ้ายักษ์นั่นยื่นมือเข้ามาอย่างโง่ๆ เขาคำรามก้อง ตวัดมีดอย่างสุดแรง เฉือนมือมันจนขาดออกเป็นสองท่อน

    อะดรีนาลินในร่างกายเขาพลุ่งพล่านถึงขีดสุด!

    ผีดิบยักษ์นั่นชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เจ็บปวด ไม่รู้สึก แล้วจึงพุ่งเข้ามาจู่โจมอีกครั้ง 

    มิเชลล์ถอยหลังไป จับด้ามมีดแน่น แล้วขว้างมันขึ้นไป ใบมีดหมุนคว้าง ส่องประกายวิบวับต้องแสงอาทิตย์ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปปักอยู่บนหัวเป้าหมายอย่างแม่นยำ

    มันหยุดนิ่ง แปลกใจ โงนเงนไปมาอย่างขาดสติ ก่อนที่จะล้มตึงลงจนพื้นดินสั่นสะเทือน และฝูงซอมบี้ที่อยู่ในวงรัศมีของแรงสั่นสะเทือนนี้ ต่างพากันทรุดร่างที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วล้มลงบนพื้นกันระเนระนาด

    บาร์บาร่า ไปเถอะ เร็ว! มิเชลล์บอก

    โดยไม่ต้องย้ำอีกครั้ง บาร์บาร่าพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ววิ่งตามมิเชลล์ออกไป

    ทั้งสองเหยียบผ่านร่างอันเน่าเหม็นของพวกผีดิบที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง วิ่งตรงไปที่ประตูทางออกซึ่งสร้างด้วยเหล็ก ดัดเป็นซุ้มโค้งสูง กว้างพอที่รถยนต์สี่คันแล่นเข้ามาพร้อมกันได้

    ในที่สุด ทั้งสองก็สามารถก้าวพ้นออกมาจากสุสานผีดิบนั้นได้สำเร็จ พวกเขาวิ่งออกจากประตูไป วิ่งไปบนถนนที่เต็มไปด้วยซากรถยนต์นับพันคัน วิ่งเข้าไปในตรอกแคบๆ ชื้นแฉะไปด้วยน้ำและเลือด และออกมาสู่ถนนอีกสายหนึ่ง

    ถนนที่จะมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองมีเพียงรถยนต์ไม่กี่คันที่จอดทิ้งไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ ปลอดคน และเงียบสนิท

    เงียบจริงมิเชลล์พึมพำ ไม่มีใครรอดชีวิต ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!

    เมืองร้างฝรั่งเศสกลายเป็นเมืองร้างไปเพียงชั่วข้ามคืนทำไมถึงไม่มีใครมาช่วยเราเลย! บาร์บาร่าครวญ ฉันกลัว มิเชลล์ ฉันกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวในฝันร้ายนี่

    มิเชลล์ซบหน้าลงบนฝ่ามือ ร้องไห้ ฉันก็กลัวเขาสะอื้น ฉันกลัวจับใจเลยล่ะ

    บาร์บาร่ามองดูรอบตัว เห็นสภาพที่ทรุดโทรมของเมืองที่เธอเกิด และอยู่อาศัยมา กว่าสิบแปดปี

    มันเป็นหายนะที่ไม่อาจลืมเลือน มันคือความเสียหายและการล้มตายของผู้คนทั้งประเทศ บ้านเรือนและอาคารหลายหลังถูกถล่มอย่างย่อยยับ ถนนแตกเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่เสมือนเส้นสายฟ้าฟาด พื้นดินทรุดฮวบอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    สายลมพัดผ่านมาวูบหนึ่ง

    เศษกระดาษที่ตกอยู่บนพื้นปลิวขึ้นในอากาศ บาร์บาร่าคว้ามาได้แผ่นหนึ่ง เป็นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานนี้

     

     

     

    วันล้างโลก (ต่อจากหน้าหนึ่ง)

    เมื่อวันนี้ เวลา 05.46 . กรมตำรวจได้รับรายงานว่ามีผู้พบเห็นสัตว์ประหลาดกว่าสิบตนที่แคว้นเบอร์กันดี เดินเพ่นพ่านอยู่ทั่วถนน และเข่นฆ่าผู้คนอย่างมากมาย

     สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวต่อผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่เมื่อกองกำลังตำรวจไปถึง กลับไม่พบกลุ่มสัตว์ประหลาดที่ว่าแต่อย่างใด มีเพียงผู้บาดเจ็บที่ต่างก็มีบาดแผลเหวอะหวะน่าสยดสยอง

                จากการสำรวจยอดผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 20 คน  เสียชีวิตอีก 2 คน ขณะนี้ ตำรวจก็ได้ออกตามล่าและปิดล้อมเมืองไว้ทุกด้านแล้ว และขอให้ประชาชนกลับเข้าไปในบ้าน อย่าออกมาจนกว่าตำรวจจะแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย

    จากคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้ความว่า สัตว์ประหลาดที่พบเห็นมีประมาณ 12 ตน และแต่ละตนสูงประมาณ 9 –10 ฟุต ปราศจากผิวหนังห่อหุ้มร่างกาย ดวงตาปูดโปน ตัวใหญ่ และใช้เลื่อยเป็นอาวุธ (บางรายอ้างว่าเป็นมีดบ้าง หรือมือเปล่าๆบ้าง) พวกมันโผล่ออกมาจากตรอกแคบๆแห่งหนึ่ง เดินไปตามถนน พลางจับผู้คนที่เดินผ่านไปมาฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่จะหายลับไปในความมืดในเวลาต่อมา

    เมื่อเวลา 06.32 . ก็มีผู้อ้างว่า สัตว์ประหลาดเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับตัวละครในหนังสือการ์ตูนของเขา เขาผู้นั้นคือ เมอร์ซิเออร์เชอโฮล์มล์ นักเขียนการ์ตูนแนววิทยาศาสตร์สยองขวัญ และผู้คิดค้นออกแบบตัวสัตว์ประหลาดต่างๆ

    ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานมาว่า มีกองทัพสัตว์ประหลาดจำนวนมหาศาลได้บุกเข้าไปทำลายล้างประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันตก โดยไม่รู้แน่ชัดถึงที่มา และคาดว่าประเทศจีนจะเป็นเป้าหมายการทำลายล้างต่อไป

    เหตุการณ์แปลกประหลาดและระทึกขวัญนี้ ยังคงดำเนินต่อไปและรวดเร็วมากขึ้นทุกขณะ จากการสันนิษฐานถึงยอดจำนวนผู้เสียชีวิต พบว่าอาจมีมากถึง 29 ล้านคนแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลหรือหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลใดๆ

     

    บาร์บาร่าขยำกระดาษหนังสือพิมพ์แน่นอยู่ในมือ ทรุดร่างลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ท้อใจ และสิ้นหวัง ได้เพียงแต่ร้องไห้และคร่ำครวญถึงสิ่งเลวร้าย ทำไมมันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นด้วย!ทำไม! พระเจ้าทรงไม่ไยดีมนุษย์แล้วหรือไง!

    มันยังไม่หมดหวังหรอกนะ บาร์บาร่ามิเชลล์พูด อีกไม่นานก็คงจะมีกองกำลังจากประเทศอื่นเข้ามาช่วยเรา พวกเขาอาจจะรู้ข่าวแล้ว และจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้

    กองกำลังงั้นรึบาร์บาร่าพูดอย่างไม่เชื่อหู มิเชลล์ มันไม่มีกองกำลังอีกแล้ว ไม่มีประเทศไหนจะมาช่วยเราหรอก จะไม่มีโลกที่เคยอยู่อาศัยของเรา จะไม่มีมนุษย์คนไหนรอดชีวิตอีกต่อไป!

    หมายความว่ายังไงมิเชลล์ถาม

    อีกไม่นานพวกปีศาจจะยึดครองโลกและกำจัดมนุษย์ทุกคน ทั้งเธอและฉันและทุกคน! บาร์บาร่ากรีดร้อง ทุกคนจะตาย! ตาย! ตาย! และตาย!

    หยุดเถอะบาร์บาร่า พอที ได้โปรด! หยุดพูดได้แล้ว! มิเชลล์ร้อง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูแน่น

    มันไม่มีทางหยุดหรอก มิเชลล์  มันจะฆ่าเราทุกคน! บาร์บาร่าหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ร้องไห้ และขาดสติ  เราจะตายกันทุกคน ตาย! ตาย!

    ฉันบอกให้หยุด! มิเชลล์คำรามเสียงดังลั่น และผลักบาร์บาร่าด้วยแรงโทสะทั้งหมด

    บาร์บาร่ากะพริบตาที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา เริ่มกึ่งได้สติกึ่งสับสน  ริมฝีปากสั่นระริก ฉะฉันขอโทษมิเชลล์ฉันกลัวฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว! เธอร่ำไห้ พลางสั่นศีรษะเบาๆ ทุกคนจากฉันไปฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่คนเดียว

    มิเชลล์ยิ้มน้อยๆอย่างให้กำลังใจ เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเธอจะไม่มีวันโดดเดี่ยว ฉันให้สัญญา

    บาร์บาร่าสบตากับเขา สะอื้นไห้แต่ก็ยิ้มออกมา และโผเข้ากอดเขาทันที ฉันกลัวเหลือเกินมิเชลล์ ฉันกลัวทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ฉันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทำไมทำไม มิเชลล์ ทำไมเรื่องทั้งหมดนี้ถึงต้องเกิดขึ้นด้วย

    ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่สักวันมันก็จะต้องจบลงจบลงด้วยดี   มิเชลล์ปลอบ

    แล้วถ้าไม่ล่ะ บาร์บาร่าถามเสียงสั่น

    มิเชลล์สั่นศีรษะ และมองตาเธออย่างให้ความมั่นใจ เชื่อฉันสิ มันจะต้องยุติลงเขาบอก  จากนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างร่าเริง   ท่าทางจริงจังเหล่านั้นเลือนหายไปจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว อยากจูบฉันไหมล่ะ เผื่อจะมั่นใจมากขึ้นเขาหยอก

    บาร์บาร่ากัดริมฝีปากล่าง และกระซิบบอกว่า “- - -บร้าก่อนที่จะผลักเขาออกไปและพยุงตัวลุกขึ้น

    เรามาหารถสักคันกันเถอะ มีให้เลือกตั้งเยอะแน่ะมิเชลล์ว่า เดินตัดถนนไปที่อีกฟากหนึ่ง เฮ้ บาร์บาร่า ตรงนี้มีรถอยู่คันหนึ่งแน่ะ แต่ฉันไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นรถอะไรกันแน่ ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดูสิ ว้าว สุดยอดแห่งเทคโนโลยี! เขาตะโกนเรียก

    บาร์บาร่าเดินตามไป และเห็นรถสีขาวคันหนึ่ง ดูแปลกตาอย่างที่มิเชลล์ว่า

    ตัวรถสูงประมาณสี่ฟุตครึ่ง มีไฟหน้าและหลังอย่างละหกดวง ตรงกระโปรงรถมีรูปหัวกะโหลก เปิดประทุน และแทนที่จะมีล้อรถซึ่งทำด้วยยางเหมือนอย่างรถคันอื่นๆ กลับมีลูกกลมๆอะไรบางอย่างแทนที่ล้อ และที่สำคัญ รถคันนี้ไม่มีพวงมาลัย

    สุดยอดจริงๆ ไม่มีพวงมาลัยรถเธอพูดพลางยักไหล่

    ไม่ ไม่ ไม่ ไม่จำเป็นต้องใช้พวงมาลัยหรอก ดูนั่นสิ แผงควบคุมอัตโนมัติ เยี่ยมไปเลย! มิเชลล์ว่า แล้วฉีกยิ้มอย่างที่เด็กผู้ชายอายุเจ็ดขวบทั่วไปได้หุ่นยนต์หรือรถยนต์บังคับเป็นของขวัญ และบาร์บาร่าก็มีความสุขที่จะทำหน้าที่แดกดันให้เขาประหม่าขึ้นมาทันที

     แล้วเธอรู้รึ ว่ามันควบคุมยังไงบาร์บาร่าถาม พร้อมรอยยิ้มยั่วที่ดูเจ็บแสบมาก

    มิเชลล์ขมวดคิ้ว อึดอัดใจอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตอบว่า ใช่ๆ ฉันควบคุมเป็นน่ะ ง่ายนิดเดียวเอง ก็แค่ใช้นิ้วแตะ แล้วมันก็จะทำตามคำสั่งเราว่าแล้วเขาก็กระโดดเข้าไปในรถทันที โดยไม่เปิดประตู ขึ้นมาเลย!

    เสียใจ ฉันไม่มีวันขึ้นไปนั่งบนรถประหลาดๆนี่หรอกบาร์บาร่าพูด พลางทำหน้าย่น

    ก็ตามใจนะ คุณผู้หญิงมิเชลล์ว่า

    ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันล่ะบาร์บาร่าถาม

    เอ่อไป มิเชลล์นึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งบาร์บาร่ากรีดร้อง พลางชี้นิ้วออกไปที่สุดถนนด้านหนึ่ง

    ดูนั่น!

    ห่างออกไปประมาณสามร้อยหลา มีสิ่งหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางนี้

    พวกมันมีประมาณหกเจ็ดตน เลื้อยไปตามถนน เสาไฟ และกำแพง ท่อนบนของมันเป็นมนุษย์เพศหญิง ผมสีบลอนด์ยาวสยาย ดวงตาสีเทาขุ่นมัว ฟันแยกออกส่งเสียงขู่ฟ่อพลางแลบลิ้นสองแฉกซึ่งยาวกว่าสองฟุตออกมา ส่วนท่อนล่างของพวกมันนั้น คือส่วนหางของงูเหลือมขนาดมหึมา ยาวอย่างน้อยสิบสามฟุต และคงจะหนักเป็นตันๆ ถึงทำให้พื้นถนนที่พวกมันเคลื่อนผ่านมานั้นแตกแยกออกเป็นทาง!

                ว้าว ฉันไม่เคยเห็นปีศาจที่ไหนที่ดูเซ็กซี่และน่าสยดสยองอย่างนี้มาก่อนเลยมิเชลล์พูด ดูเขาสนใจที่จะมองดูท่อนบนของพวกมันมากกว่ามองดูท่อนล่างเสียอีก

                บาร์บาร่ารีบกระโดดเข้าไปในรถทันทีโดยไม่ต้องคิด และร้องบอกว่า โธ่เอ๊ย! มิเชลล์ หนีสิ ไปสิ รีบขับไปเลย! เร็วเข้า!

                ขับยังไงล่ะ

                ไหนเธอบอกว่าเธอขับเป็นยังไงล่ะ!

                โอเคๆ ฉันขับเป็นก็ได้ แต่มันไม่มีพวงมาลัยนี่

                แผงควบคุมอัตโนมัตินั่นไง! บาร์บาร่าคำราม แล้วโน้มตัวไปที่แผงควบคุมเล็กๆนั้นอย่างยากลำบาก ปุ่มไหนนะ โธ่เอ๊ย! นี่มันภาษาบราซิลนี่!

                ปัญหาใหญ่เชียวล่ะมิเชลล์พูดอย่างทีเล่นทีจริง นั่น ลองกดปุ่มสีแดงดูสิ

                บาร์บาร่ากระแทกนิ้วที่สั่นระริกของเธอลงบนปุ่มสีแดง แล้วไฟหน้าของรถก็สว่างวาบขึ้น ไม่ใช่! ไม่ใช่ปุ่มนี้!

                เร็วเถอะ บาร์บาร่า สาวๆพวกนั้นจะมาหาฉันแล้ว! วู้!!!

                เงียบเถอะน่า!

                บาร์บาร่าขบฟันแน่น แล้วกระแทกกำปั้นลงบนแผงควบคุมอย่างจนปัญญา

                รถยนต์ส่งเสียงคำรามดังกระหึ่ม โยกไปทางซ้ายทีขวาทีเหมือนเครื่องเล่นในสวนสนุก จากนั้นก็หมุนวนเป็นวงกลม แรงขึ้นพร้อมกับพ่นน้ำเหลืองๆออกมา กลิ่นแปลกๆเหมือนเธอไม่มีเวลาคิดแล้ว บาร์บาร่าเอื้อมมือออกไปกดปุ่มหนึ่งบนแผงควบคุม แล้วรถก็หยุดหมุนอย่างทันทีทันใด ทำให้เธอและมิเชลล์พุ่งชนกระแทกเข้าใส่กระจกรถ เจ็บไปตามๆกัน

                แต่ในที่สุด รถก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้นในขณะที่พวกปีศาจเหล่านั้นก็ไล่ตามมาติดๆ พวกมันเลื้อยบ้าง กระโดดบ้าง ไต่ขึ้นไปตามซอกตึกบ้าง ทุกท่าทาง ช่างรวดเร็วและว่องไว

                ทีนี้จะทำยังไงต่อ เราจะควบคุมมันยังไงดีบาร์บาร่าถาม

                ถามฉันรึมิเชลล์ทำหน้าใสซื่อ จนเกือบน่าสงสาร

                รถยนต์แล่นไปตามพื้นถนนขรุขระ เป็นร่องลึกนั้นด้วยความเร็วที่น่าประทับใจ แต่ก็หาความสะดวกสบายไม่ได้เลย มันดูเหมือนว่าจะรับรู้หน้าที่โดยอัตโนมัติ

                รถหักเลี้ยวไปทางขวา แล้วปีศาจงูตนหนึ่งก็กระโจนลงมาจากตึก มันใช้มือทั้งสองข้างยึดขอบรถไว้แน่น พยายามที่จะปีนขึ้นมา ในขณะที่ท่อนล่างของมันก็ถ่วงความเร็วรถไว้ ด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินคาดเดา

                บาร์บาร่าลุกขึ้นยืนบนเบาะนั่ง แล้วเอื้อมมือออกไปกระชากผมของปีศาจตนนั้นขึ้นมาจนใบหน้าเชิดขึ้น ดวงตาสีเทาขุ่นมัวนั้นเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

                เธอเงื้อมือขึ้นแล้วตบหน้ามันอย่างแรง จนคอของมันหมุนไปข้างหลัง พร้อมกับเสียงกระดูกคอหัก

                ฉันชักจะกลัวเธอขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ บาร์บาร่า ดูสิ เธอหักคอสุดที่รักของฉันเพียงแค่เปรี้ยงเดียวมิเชลล์ว่า กึ่งชื่นชมกึ่งระแวง

                ปีศาจอีกหกตนไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ตนหนึ่งดีดตัวพุ่งสูงขึ้นกว่าสิบห้าฟุตแล้วพ่นอะไรบางอย่างออกมา เป็นน้ำใสๆ เหนียวๆ มุ่งเล็งไปที่บาร์บาร่า

                ระวัง บาร์บาร่า มันพ่นพิษ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×