คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 15 : คืนสุดท้าย
Chapter 15 : คืนสุดท้าย
“ ไงเพื่อนรักเปลี่ยนสถานะจากโสดเป็นมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายสักที ถึงจะข้ามขั้นตรงแฟนไปบ้างก็เถอะ “ วินด์ยิ้มกวนๆอย่างมีเลศนัยมองไปยังยูตะที่กำลังเดินวนไปมาในห้องรับรองของโรงแรมที่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสละโสด ถึงจะกล่าวแบบนั้นแต่ก็มีเพียง วินด์ ยูตะ และ ปิยะ เพียงสามคนเท่านั้น
“ ไม่น่ารีบเลยวะ “ ยูตะตอบติดตลกด้วยน้ำเสียงหดหู่ก่อนจะเพิ่งนึกเสียดายชีวิตวัยรุ่นที่น่าจะได้ใช้สักอีก 4-5 ปี
“ เฮ้ยดีออกได้มีคนดูแลเลยนะนาย ออกจะสบาย “ ปิยะแซวไปบ้างแต่ก็ทำให้ยูตะสีหน้าหงอกว่าเดิมอีกเพราะดูแลในที่นี้มันหมายถึงในหลายๆความหมาย
“ ไปซะละเพื่อนเรา “ วินด์พูดจบก็หัวเราะก๊ากออกมาไม่สนเพื่อนรักที่กำลังนั่งหน้าหงอเป็นสุนัขถูกเจ้านายโกรธซะงั้น
“ หย่าเลยดีไหมวะ “ ยูตะถามติดตลกก่อนจะโดนเพื่อนรักทั้งสองเพ่งกะบาลแยกไปคนละทีจนหน้าแทบทิ่มตกจากเก้าอี้
“ แล้วคุณมิเนอร์ว่าเขาไม่ดีตรงไหน การศึกษา ฐานะ มารยาท ความสามารถ ยิ่งหน้าตาไม่ต้องพูดถึง แกออกจะโชคดีพวกฉันยังอึ้งด้วยซ้ำไปทำอีท่าไหนถึงได้รักกัน “ วินด์พูดพร่ำสรรพคุณของเจ้าสาวในคืนนี้ให้เพื่อนรักเพิ่งแต่งงานที่คิดกำลังจะหย่าเสียอย่างนั้น
“ ท่าที่แกให้ฉันไปตามล่าตัวสุนัขทรยศถึงอังกฤษไงละปิยะ “ ว่าแล้วก็ส่งลูกยังไปปิยะต่อตอนนี้ไม่มีอารมณ์เถียงกับเจ้าตัวแสบผมดำข้างๆนี่หรอก
“ ใช่ที่ขอยืมอลิซไปรึเปล่า หว่า “ วินด์ยักคิ้วถามเพื่อนอีกคนที่น่าจะส่งลูกมาให้เขาต่อ
“ งานนั้นนั่นละ เลิกแกล้งเจ้ายูได้แล้วมันเสียดายชีวิตสุดๆละตอนนี้ “ ปิยะพูดพลางลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักที่กำลังปรับทุกข์ถึงหลักการใช้ชีวิตวัยรุ่นที่ผิดพลาดของตน อย่างน้อยก็น่าจะคบๆไปก่อนแล้วค่อยแต่งก็ได้
“ เท่านี้ 1 ใน 3 แห่งตรีศุลย์ก็สละโสดไปซะละ “ เจ้าตัวแสบคนเดียวยังคงพูดเอ่ยขำๆต่อไม่สนเพื่อนที่มีท่าจะร้องไห้อย่างเดียว
“ นั่นซิ แล้วฉันกับนายละวินด์ “ ปิยะถามไปยังเพื่อนรักที่เพิ่งโดนหักอกมาหมาดๆ ถึงภายนอกจะแสดงออกมาแบบนี้แต่ไม่รู้ว่าภายในเตลิดเปิดเปิงไปไหนแล้วบ้างก็ไม่รู้
“ โห้ย ชิวๆ สิวๆ โนพรอเบลม “ วินด์กล่าวออกมาสบายๆไม่ว่าชีวิตหน้าฉากเขาจะเป็นเช่นไรขอแค่ได้อยู่กับเพื่อนรักทั้งสองนี้ จะปล่อยตัวเช่นไรก็ไม่มีใครมาตำหนิติเตียนเขาหรอก
สุรามากมายถูกนำมาปรนเปรอชายหนุ่มทั้งสามจนในที่สุดก็ถึงเวลาส่งเพื่อนรักคนนี้เข้าห้องหอ
“ แย่หน่อยวะ ข้างหน้าโน่นประตู “ วินด์พูดพร้อมกับออกแรงส่งเบาๆด้วยปลายเท้าไปที่หลังของเพื่อนรักจนพุ่งไปข้างหน้าตามแรงที่กระทำมา
“ ทำกันได้เสื้อแพงนะโว้ย “ ยูตะโวยเบาๆแล้วมองไปยังประตูสีขาวของโรงแรมแห่งนี้ ห้องสวีทรูมชั้นบนสุดที่เพื่อนรักทั้งสองลัดคิวจองมาให้
“ เงินฉันอยู่ดี “ วินด์ตอบขำๆตามด้วยการส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในตัวคนข้างๆที่ยิ้มระรื่นเมื่อได้แกล้งเพื่อนรัก
“ ให้เป็นของขวัญแต่งงานก็ไม่เกี่ยวสิว๊า “ ยูตะพูแล้วเปิดประตูเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังรอเขาอยู่ เธออาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ผมสีฟ้าถูกปล่อยให้สยายไปบนหลังดวงหน้าที่แม้จะไม่มีเครื่องแต่งเติมอะไรในเวลานี้กลับงดงามยิ่งกว่าที่เห็นเมื่อกลางวัน ร่างกายภายนอกที่เห็นยามปกติดูสวยและงดงามประหนึ่งภาพวาดของนางฟ้า ยามนี้กลับน่ารักและพิศมัย
“ ยูตะ … “ เธอเอื่อยเรียกเขาเบาๆก่อนจะเดินไปถอดเสื้อนอกของเขาออกแล้วพับวางไว้ให้ที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างปราณีตแล้วปล่อยให้ค่ำคืนนี้เป็นไปตามบรรยากาศของมัน
....
“ เจ้านั่นเมื่อกี้ทำยังกับญาติเสีย ตอนนี้เดินเข้าไปเป็นแมวเชื่องๆเชียว “ ปิยะบ่นเมื่อเดินแยกออกมายังลิฟต์ของโรงแรมเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน
“ พรุ่งนี้เช้าสินะของนายน่ะ แต่ฉันกับหมอนั่นไปส่งไม่ได้หรอกนะ “ ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อนึกได้ว่าวินด์เองก็มีเรื่องต้องทำเหมือนกันในวันพรุ่งนี้และคงไม่อยู่ที่นี่อีกนานเลยเชียวละ
“ งั้นรับไว้แต่น้ำใจแล้วกัน “ วินด์ถอดเสื้อนอกออกพาดไว้กับแขนก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกมาตามด้วยเอริซ่าที่พุ่งเข้ามากอดเขาเหมือนทุกที
“ กลับบ้านกันเถอะครับ “ เขาว่าพลางยืนเสื้อนอกส่งให้กับเฟิร์นที่ยืนรออยู่แล้ว
“ หรือนี่เป็นเหตุผลที่นายยังอยู่ดีสบายดีกันแน่นะ ใครกันแน่ที่ถูกช่วยกัน “ ปิยะพูดจาวกวนก่อนจะเดินจากไปแต่วินด์ที่ได้ยินนั้นเข้าใจในความหมายของมันดี อาจจะถูกอย่างที่ปิยะว่าที่เขายังอยู่สบายๆโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรถึงแม้ริณจะปฏิเสธคงเป็นเพราะเด็กน้อยคนนี้คอยเอาใจใส่ตัวเขาตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นยามใดก็ตาม
โรสลอยสีขาวแล่นผ่านถนนยามค่ำคืนกลับสู่ตัวคฤหาสน์อัครเมธีที่ Area-A เขต 3 โดยมีเอริซ่าที่เหนื่อยจากการติดตามเขาออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้านอนอยู่บนตัก
“ จะพาคุณหนูเอริซ่าไปด้วยหรือเปล่าครับ “ เฟิร์นเอ่ยถามขณะกำลังขับรถอยู่ทำลายความเงียบของค่ำคืนนี้
“ ไม่ละมันน่าจะลำบากเกินไปสำหรับเด็กตัวเล็กๆแบบเธอ “ วินด์พูดออกมาขณะที่ลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยที่ยังคงหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องราวบนตักของเขา
“ คืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อนเธอแล้วกันฝากเตรียมห้องด้วย “ วินด์พูดออกมาพร้อมกับอลิซที่จัดแจงส่งเรื่องไปยังแม่บ้านของคฤหาสน์ให้เตรียมห้องนอนไว้ก่อนที่เจ้านายเธอจะกลับไปถึง
และแล้วค่ำคืนที่สุดแสนจะสั้นก็ได้ผ่านไปพบกับวันใหม่เรื่องราวมากมายได้ผ่านเข้ามาและจากไปการพบพานลาจากหรืออื่นๆอีกมากมายก่อนจะเริ่มต้นใหม่ในวันนี้
....
“ เดินทางปลอดภัยนะครับ ผมต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่สามารถติดตามไปด้วยได้เพราะต้องดูแลทางฝั่งนี้ “ เฟิร์นพูดขอโทษเสียยาวเหยียดที่ปฏิบัติหน้าที่พ่อบ้านประจำตัวได้ไม่ทันไรเจ้านายของตนดันจะเดินทางออกสู่ท้องฟ้านั้นเสียแล้ว
“ พี่วินด์กลับมาไวๆนะคะ “ เด็กน้อยตัวเล็กในชุดคลุมยาวสวมฮู้ดหูแมวร้องไห้ป้อยๆกอดขาเขาเหมือนจะไม่อยากให้จากไปไหน
“ คะ แล้วพี่จะรีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับมานะ “ วินด์ลูบหัวเด็กสาวที่ยังกอดขาของเขาไม่ยอมปล่อย หลังจากโลกฟื้นฟูตัวเองจากความบอบช้ำได้เทคโนโลยีทั้งหมดถูกนำมาเรียนรู้ปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากับโลกอย่างมากที่สุดโดยไม่ทำร้ายธรรมชาติมากจนเกินไป
และหนึ่งในเทคโนโลยีที่มนุษยชาติเลือกนำมาปรับปรุงแก้ไขเร่งด่วนอย่างแรกคือ < Space Technology > จนในที่สุดการเดินทางสู่อวกาศก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาดวงดาวต่างๆเริ่มถูกมนุษย์เข้าไปปักหลักยึดเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งในปัจจุบันก็ได้ไปไกลถึงดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส ยูโรป้า
“ อีก 30 นาทีเครื่องจะออกแล้วครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ “ เฟิร์นกล่าวกับเจ้านายตนก่อนจะโค้งให้เป็นการจากลาครั้งหนึ่งผิดกับเอริซ่าที่ยังคงยืนสะอื้นกอดขาเขาเงียบๆ
“ แล้วเอริซ่าละ “ วินด์ถามเด็กน้อยที่ไม่มีท่าทีจะแสดงออกอะไรเลย หากจากกันทั้งอย่างนี้อาจจะติดค้างเสียเปล่าๆ
เด็กน้อยดึงชายเสื้อวินด์เบาๆทำให้เขาต้องโค้งลงมาเพื่อฟังในสิ่งที่เด็กสาวจะสื่อ แต่ตรงข้ามไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากน้อยๆนั้น จะมีก็เพียงแต่ประทับสัมผัสแผ่วเบาที่ดวงแก้มของเขา ริมฝีปากเล็กสีชมพูได้ประทับตราสัญญาไว้
“ กลับมาไวๆนะคะ “ เธอยังคงย้ำประโยคเดิมที่พูดกับเขาเมื่อครู่ หางตาของเธอบัดนี้เหือดแห้งไปไม่รู้ว่าเพราะไม่มีน้ำตาแล้วหรือยอมรับได้แล้วกันแน่
“ คะ แล้วพี่จะกลับมา “ วินด์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม เขาเองก็ไม่อยากไปไหนไกลหรอกเพราะความสุขที่สุดของเขาคือการได้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเพียงแต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ เหตุผลหนึ่งก็เพราะเด็กสาวตรงหน้าเขาด้วยนั่นละ
และแล้วในที่สุดเวลาก็มาถึงยานลำเลียงขนส่งระหว่างดาวค่อยๆทะยานออกจากสถานีปล่อยยาน คลื่นความร้อนมากมายแผ่ออกมาจนแม้แต่ห้องที่ได้รับการออกแบบป้องกันอย่างดียังรู้สึกได้
....
“ ไปแล้วสินะ ผมจะได้ทำงานสะดวกๆโดยไม่ต้องพะวงอะไรสักที “ ชายหนุ่มผมขาวราวหิมะบ่นกับตัวเองบนเก้าอี้บุหนังอย่างดีเหมือนคนแก่ขณะที่กำลังหลับตาเพื่อพักสายตาที่ใช้งานอย่างหนักมาทั้งวัน
“ จริงหรอคะ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอกหรอ “ หญิงสาวเรือนผมสีแดงที่วันนี้ปล่อยเป็นแพสยายอยู่บนแผ่นหลังตอบกลับขณะที่กำลังพิมพ์งานอยู่แล้วหันมามองยังเจ้านายของตน
“ นั่นสินะ “ เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆแล้วลืมตาขึ้นเพื่อรับเอกสารชุดใหม่มาอ่านและเซ็นชื่อกำกับ
....
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบๆ 3 ชั่วโมงในที่สุดคณะเดินทางของยานขนส่งระหว่างดาวก็มีถึงจุดแรกของการเดินทางในอวกาศ สถานที่แรกที่มนุษย์ขึ้นมาตั้งรกรากปักฐานได้จีแลชทาวน์
ถึงกล่าวว่าเป็นเมืองที่มันเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่หลายตารางกิโลเมตรบนพื้นผิวดวงจันทร์ อีกทั้งยังต้องใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูงในการสร้างเกราะป้องกันวัตถุอวกาศ ไปจนถึงสร้างแรงดึงดูดให้เกิดขึ้น
“ ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักนี่นา แค่เพียงเวียนหัวนิดหน่อยเท่านั้น “ วินด์พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อได้ก้าวขาออกจากยานขนส่ง เขาไม่เคยออกนอกโลกแม้แต่ครั้งเดียวหากแต่มีเพื่อนนักวิทยาศาสตร์และโปรแกรมเมอร์หลายคนที่นี่ จากการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายออนไลน์ช่วยในการทำงานวิจัยและปรึกษาปัญหาต่างๆ
จะขอเกริ่นนำก่อนเลยว่าที่นายวินด์ต้องดั้นด้นขึ้นมาถึงนี่มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมายนัก อย่างแรกเขาเป็นประธานโครงการในการสร้างสิ่งต่อไปนี้ สองเขาเพียงอยากเห็นการทำงานของผู้อาวุโสทั้งหลายในแวดวงวิทยาศาสตร์และโปรแกรมเมอร์ และยังมีอีกอย่างแต่ขอปิดไว้ก่อน
< Anti – Gravity > เป็นผลงานแรกๆที่เขาคิดค้นขึ้น ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มันทำได้เพียงแค่การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งที่ตั้งฉากกับพื้นโลกในขอบเขตที่กำหนดเท่านั้น หากว่าแรงที่กระทำกับเราเกิดจากความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกแล้ว เราก็เพียงแค่หาแรงอื่นมากกระทำให้ขนาดของมันมากกว่า ถ้าจะพูดในระดับแนวคิดให้เข้าใจง่ายๆก็คงแบบนั้น
และครั้งนี้เจ้าเหตุและผลที่ว่านั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการตั้งสถานีอวกาศขนาดใหญ่นั้นต้องใช้หลักการนี้ในเรื่องของแรงดึงดูดระหว่างมวลให้สถานีที่ว่าตั้งอยู่ได้โดยโคจรรอบโลกไม่ให้ไปกระทบกับวัตถุใดๆเข้าในอวกาศหรือดิ่งเข้าหาโลกนั่นเอง
“ ยินดีต้อนรับนะครับคุณวินด์ “ ชายหนุ่มใบหน้าเรียวที่ดูคลับคล้ายคลับคลาสตรีโดยเฉพาะผมยาวหางม้าที่เป็นเอกลักษณ์นั้น
“ สวัสดีครับ “ วินด์จับมือทักทายตามมารยาทก่อนที่อีกฝ่ายจะผายมือออกเป็นการเชิญให้เดินตามไปยังห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้แล้ว
“ เริ่มไปถึงไหนแล้วละครับ “ วินด์ถามขึ้นขณะที่กำลังเดินอยู่โดยรอบเรียกว่าสวยงามก็ไม่ผิดนัก ดวงดาวมากมายที่ล้อมรอบห้องส่งผู้โดยสารบนดวงจันทร์นั้นไม่มีอะไรมาขวางกั้นเพราะวัสดุที่ใช้ทำโปร่งแสง ทำให้เห็นแสงประกายของกลุ่มดาวมากมายที่เคยเห็นในฟากฟ้า
“ สวยสินะครับ “ ชายในชุดกราวน์กล่าวออกมาโดยไม่ตอบคำถามของเขา
“ ก็ดีครับตอนนี้ < Uroboros – Colony > ได้สร้างเสร็จแล้วแต่คงใช้งบประมาณไม่น้อยเลยสินะครับ “ ชายในชุดกราวน์พูดยิ้มขำๆ แต่มันก็ไม่ผิดนักเพียงแต่เจ้าเงินในส่วนที่ว่านั่นได้มาจากการไปบุกลาสเวกัสรอบก่อนนั่นละ
“ ก็มากมายพอดู หลังจากนี้ก็เหลือแต่ให้ผมวางระบบกับทีมงานโปรแกรมเมอร์สินะ แล้วทางนักวิจัยของคุณทำงานที่ผมสั่งไปหรือยังละ “ ชายหนุ่มพูดกับคนที่อายุมากกว่าเหมือนเป็นเพื่อนเล่นเสียอย่างนั้นแต่ก็เป็นเรื่องปกติในวงการนี้ที่คนในระดับสูงอย่างวินด์จะไม่ต้องทำตัวเกรงกลัวแต่ความอาวุโสของใคร มันเป็นกฎที่ไม่ว่าใครต่างก็ยอมรับ เพราะมันเป็นตัวฉุดรั้งโลกไว้ในร้อยกว่าปีก่อนด้วยคำว่า ‘ เกรงกลัวบารมี ‘ จนไม่อาจทำอะไรได้
“ ครับก็ราบรื่นดี เพราะโดยส่วนมากคุณวินด์ก็ได้ทำไว้ก่อนเกือบหมดแล้วนั่นละ “ ชายในชุดกราวน์เดินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงส่วนของที่พักบนสถานีอวกาศแห่งนี้ ถ้าพูดให้ถูกตามทางเดินส่วนมากจะเป็นบันไดเลื่อนอัตโนมัติเสียมากกว่า
“ งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ “ ชายในชุดกราวน์พูดจบก็ยื่นการ์ดสำหรับเข้าออกห้องพักให้กับวินด์และเดินจากไป ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น
ภายในห้องพักเป็นสีขาวแทบทั้งหมด หน้าต่างเปิดออกไปเป็นระเบียงของสถานี มองเห็นดวงดาวมากมายในท้องฟ้าที่แทบจะกลืนกินเมื่อจ้องมาก มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆแต่ก็ไม่ได้เสี้ยวที่เขาใช้ตอนอยู่บนพื้นโลก
“ ห้องน้ำในตัวก็ยังดี “ วินด์บ่นอุบเพราะในสมัยที่เคยไปทำงานในศูนย์วิจัยตามป่าเขาหรือทะเลทรายห้องน้ำดันเป็นแบบใช้รวม ทำให้รู้สึกทำอะไรไม่ค่อยสะดวกพิกล
“ มาสเตอร์คะ “ อลิซโผล่ออกมาจากโฮโลแกรมของคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาของเขา เพราะในห้องนี้ไม่มีเครื่องฉายภาพโฮโลแกรมโดยรอบนั่นละทำให้ต้องปรากฎออกมาในขนาดย่อส่วนแบบนี้
“ มีคำเชิญให้ไปยังศูนย์ปฏิบัติการคะจากคุณพลอยคะ “ อลิซพูดพร้อมกับเปิดเสียงฝากข้อความเพราะเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จเมื่อครู่
“ อ๋องั้นตอบไปว่าอีก 10 นาทีนะครับ “ วินด์ตอบกลับแต่ดูเหมือนอลิซจะรู้ใจเขาอยู่แล้ว
“ ตอบไปนานแล้วคะ “ เธอพูดกลับมาดูเหมือน AI ตนนี้จะเริ่มมีระดับสามัญสำนึกเพิ่มมากขึ้นทุกวันวันก่อนที่ตรวจเช็คระบบดูเหมือนหน่วยความจำจะถูกใช้ไปเยอะมากเลยทีเดียว
“ เดี๋ยวนี้เธอเองก็เปลี่ยนไปนะ “ วินด์พูดขำๆแล้วเดินออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมจะหยิบอุปกรณ์ต่างๆที่พกเป็นประจำติดตัวไปด้วย
ทางเดินในสถานีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายมีการจัดเป็นระบบอย่างดีในแต่ละชั้นจะมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างที่ๆเขาจะไปคือชั้น 9 จากทั้งหมด 10 ชั้น ที่เป็นส่วนของห้องปฏิบัติการสังเกตการณ์และทดลองเกี่ยวกับอวกาศ
“ สวัสดีคะคุณวินด์ “ ทันทีที่บัตรผ่านถูกใช้เปิดออกหญิงสาวที่เป็นดั่งพี่สาวและอาจารย์ก็ทักทายเขาก่อนทันที
“ สวัสดีฮะพี่พลอย “ วินด์ยิ้มรับแล้วยกมือไหว้งามๆครั้งหนึ่งด้วยความเคยชินในการทำความเคารพต่อบุคคลตรงหน้า
“ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คะ งานที่สั่งมาเสร็จเรียบร้อยเกือบทั้งหมดแล้วจะเหลือก็เพียงการวางแผนและออกแบบตัวเกมเท่านั้น “ ใช่สิ่งที่หญิงสาวพูดถึงคือ ‘ เกม ‘ เพียงแต่จะใช้คำจำกัดความที่วัยรุ่นทั่วไปใช้กันไม่ได้ถ้าให้ถูกมันคือ ‘ โลกใบใหม่ ‘ ที่เขาคิดจะสร้างขึ้นจากความสำเร็จในการทดลองเรื่องของริณ ทำให้เขาพบว่ามนุษย์สามารถจำลองตัวเองให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้
“ ก็เริ่มกันเลยสิครับผมเองก็รอจนรากงอกแล้วเหมือนกัน “ วินด์พูดยิ้มๆแล้วนั่งลงกับเก้าอี้สำหรับแขกมองไปยังเหล่าโปรแกรมเมอร์ที่กำลังทำงานกันวุ่นวายพอดู
“ แล้วยังไงต่อละคะ “ หญิงสาววัยทำงานเดินมานั่งข้างๆเขาแล้วถามขึ้น เขารู้ดีว่าเธอต้องการจะทำอะไรแต่มันไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้ตัววินด์ยังไม่พร้อมสำหรับใครหรืออะไรทั้งนั้น
“ ก็ดำเนินตามแผนงานแล้วกัน “ ชายหนุ่มพูดจบก็เปิดคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาเพื่อทำงานในส่วนที่ตนเองควรจะทำ เหลืออีกไม่นานแล้วทั้งอุปกรณ์เซิฟเวอร์ไปจนถึงข้อมูล ทั้งหมดใกล้จะพร้อมหมดแล้วเหลือก็เพียงผลิตเครื่องมือสำหรับใช้งานและส่งมันออกขายยังทั่วโลก
“ เข้าโหมดทำงานแล้วสินะ “ พลอยบ่นอุบกับตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตน เธอเองก็มีส่วนรับผิดชอบในด้านวิจัยคลื่นสมองและหาค่าที่เหมาะสมในการ < Time Drive > สำหรับมนุษย์ปกติเหมือนกัน
....
“ เฮ้อพี่ชายจะเป็นยังไงบ้างนะ “ เอริซ่าบ่นกับตัวเองขณะที่กำลังทำแบบฝึกหัดของผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่ชายทิ้งไว้ให้ ภายในนั้นเนื้อหาก็ยังคงเป็นสิ่งที่เกินวัยสำหรับเด็กน้อยคนนี้เหมือนเดิมตั้งแต่สมการเชิงเส้นหรืออะไรที่ยากกว่า
“ คุณหนูเบื่อหรือครับ “ เฟิร์นพูดยิ้มๆขณะรินน้ำชาให้กับเด็กสาวตัวเล็กที่กำลำทำแบบฝึกหัดอยู่ในสวนด้านหลังของตัวคฤหาสน์ สายลมมากมายพัดเอื่อยๆทำให้อากาศเย็นสบาย
“ ก็พี่วินด์ไม่อยู่นี่นา “ เธอพูดหน้าบึ้งๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัดต่อไปเหมือนกับว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เวลาผ่านไปได้รวดเร็วขึ้น
เฟิร์นจ้องมองเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังทำแบบฝึกหัดอย้างขมักเขม้นจนนึกไปถึงนายน้อยของตนในสมัยเด็กเองก็มีทั้งแววตานิสัยเช่นนี้ ที่ตัวนายน้อยของเขาพิศวาสเด็กสาวคนนี้อาจเป็นเพราะเหมือนกับตัวเองก็เป็นได้ทั้งโดดเดี่ยวเดียวดาย แม้จะมีผู้คนมากมายห้อมล้อมพร้อมซึ่งทุกสิ่งแต่ยังคงเหงาและอ้างว้าง
ถึงเขาไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมดว่านายน้อยของตนคิดอะไรแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องแคลงใจในการกระทำของผู้เป็นนาย ในตอนนี้ที่เขาควรทำคือปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับอย่างดีเยี่ยมเพียงเท่านั้นก็พอ
“ นี่ก็เย็นแล้วนะครับคุณหนู เข้าบ้านกันเถอะ “ เฟิร์นว่าพร้อมกับยื่นถ้วยน้ำชาอังกฤษให้เด็กสาวยกขึ้นจิบ ซึ่งก็ปฏิบัติตามมารยาทที่เคยสอนสั่งได้อย่างดีเยี่ยม ก่อนจะวางลงและลุกขึ้นเดินเข้าสู่ตัวบ้านไปตามทางหินอ่อนที่วางประดับไว้ในสวน
‘ ถ้าถามผมนะครับนายน้อย ถึงจะไม่เหมาะเรื่องความแตกต่างของวัยแต่เด็กสาวผู้นี้ก็น่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนายหญิงเหมือนกันนั่นละ ‘ เฟิร์นคิดในใจก่อนจะเดินตามไปด้านหลังเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเข้านอนของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้
....
“ อีกไม่กี่เดือนแล้วสินะ ที่ท่านพี่จะเปิดโลกใหม่ของมนุษยชาติให้ผู้อื่นได้รับรู้ “ ชายผมสีขาวเอ่ยขึ้นขณะกำลังรับประทานดินเนอร์กับหญิงสาวสีผมดั่งเปลวเพลิง หากแต่ยังคงรักษากริยาบนโต๊ะได้อย่างดีเยี่ยม
“ นั่นสิคะ หมอนั่นมักจะทำอะไรให้คนอื่นตกใจบ่อยๆ “ เธอตอบกลับคำถามนั้นพลางยกไวน์ขึ้นจิบด้วยท่าทีที่ทำให้ชายหนุ่มมากมายหลงไหลได้ง่ายๆ
“ ทำท่าทางแบบนี้กับผมกำลังหวังอะไรอยู่รึไง “ ชายผมขาวพูดต่อก่อนจะนั่งพิงลงไปกับพนักสุดตัวแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาเองก็เป็นเหยื่อมนต์เสน่นี้ของหญิงสาวเหมือนกัน
“ ฉันได้รับมันมาแล้วต่างหาก เพราะฉะนั้นไม่ได้ ‘ หวัง ‘ แต่กำลังรออยู่ “ เธอยังคงพุดเหมือนผู้ถือไพ่เหนือกว่าแล้วรับประทานอาหารค่ำมื้อนี้ต่อไปท่ามกลางแสงไฟสลัวๆในร้านอาหารของโรงแรมที่วันนี้ถูกเหมาทั้งชั้นเพื่อการดินเนอร์ครั้งนี้
“ ไม่เสมอไปหรอกนะครับคุณผู้หญิง “ ฝ่ายชายหนุ่มเองก็ต้องมีไว้เชิงกันบ้างเหมือนกันนั่นละแต่ก็เหมือนเป็นการเอาน้ำสาดลงบนผืนทราย ไม่ได้ทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ที่ว่าเขาและหญิงสาวคิดอะไรต่อกันเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เธอยังคงกำไพ่เหนือกว่าในมืออยู่ดี
______________________________________________________________
ใกล้จะจบแล้วนะครับเนื้อเรื่องเริ่มต้นอยากให้คอมเมนท์กันน่ะครับว่า
- ฟอนต์ที่ใช้เหมาะสมหรือไม่
- ขนาดของฟอนต์เหมาะสมหรือไม่
- สีตัวอักษรอ่านยากหรือเปล่า
- เนื้อเรื่องดำเนินเร็วไปหรือเปล่า
- มีคำผิดเยอะมากไหม
- สุดท้ายอยากขอความเห็นภาพรวมนะครับเพื่อนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขเนื้อเรื่องให้ดียิ่งขึ้น
Arigatou Gozaimasu
______________________________________________________________
ความคิดเห็น