คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Special Chapter : วันสบายๆของยูตะ
Special Chapter : สายลมแห่งใบไม้ผลิ
ลมเย็นๆพัดมาเอื่อยเฉื่อยตามฤดูกาลที่แปรผันจากฤดูหนาวสู่เดือนแห่งวสันต์ฤดู แล้วใครจะรู้กันเล่าว่าวายุนี้จะนำพาสิ่งใดมาสู่ชีวิตนักศึกษาต่างชาติที่มาเพื่อทำบางสิ่งนอกเหนือจากการเรียนรู้ในรั้วมหาลัยแห่งนี้
เรือนผมสีน้ำตาลยาวจนถึงต้นคอลู่ไปตามแรงลม นัยน์ตาสีฟ้ามองไปยังเบื้องหน้าเหมือนมีเป้าหมายใบหน้าที่ยามปกติจะแฝงไปด้วยแววสนุกสนานยามนี้มีเพียงทำงานที่รับมอบมาให้ครบถ้วน การย้ายมาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนชั่วคราวเพียงฉากบังหน้า สายข่าวจากเพื่อนรักพบว่ามีการหนีมากบดานของผู้ก่อการร้ายของประเทศตนเอง
“ ที่ไหนไม่ไปดันมามหาลัยอันดับหนึ่งของโลกเนี่ยนะ “ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลบ่นอุบก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งโปรแกรมมากมายเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือการสแกนใบหน้าผ่านแว่นกรอบเหลี่ยมที่สวมใส่อยู่
‘ ระบบเริ่มทำการสแกนแล้ว ช่วยกวาดตามองให้ทั่วๆด้วยคะ ‘ เสียง AI อัจฉริยะที่ขอยืมจากเพื่อนรักดังออกมาจากหูฟังสีขาวยี่ห้อชื่อดัง
ขณะกำลังเดินไปเรื่อยเพื่อกวาดตามองหาเป้าหมายที่หลบซ่อนอยู่ในฝูงชน สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเริ่มพัดผ่านโชคชะตาให้หมุนเดินอีกครั้งหนึ่ง หมวกปีกใหญ่สีขาวถูกสายลมพัดผ่านมาตามด้วยเสียงของหญิงสาวผมดำสนิทด้านหน้า
‘ ของเธอละมั้ง ‘ มือซ้ายที่ว่างเปล่ากระโดดคว้าเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักแล้วส่งคืนให้หญิงสาวที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของ
ก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดขอบคุณเสียงแจ้งเตือนจากโอเปอร์เรเตอร์ดังขึ้นทำให้เขาต้องวิ่งผ่านไปอย่างน่าเสียดายในการพบพานครั้งนี้
‘ พบเป้าหมายแล้วคะ ด้านหน้าสามนาฬิกาบนดาดฟ้าตึก ‘ น่าจะเป็นเพราะตอนที่มองหมวกใบใหญ่นั้นปลิวมากับลมทำให้ระบบตรวจจับเจอเข้า แต่ทว่าดูเหมือนศัตรูของเขาจะรู้ตัวเสียแล้ว
เมื่อหลบเข้าตรอกหอพักด้านข้างเสร็จร่างที่สูงเกือบ 2 เมตรจึงเริ่มปีนกำแพงขึ้นไปทันที เพราะการจะรอลิฟต์หรือวิ่งขึ้นบันไดอีกฝ่ายคงหนีไปเสียก่อนเพราะฉะนั้นที่ง่ายที่สุดคือการขึ้นด้วยวิธีอื่นนอกจากนั้น
‘ 5 4 3 2 1... ‘ หลังจบการนับถอยหลังร่างสูงวิ่งเข้าหากำแพงก่อนจะยกขาซ้ายถีบแบบเต็มแรงพลิกตัวกลับไปอีกด้านพร้อมกับขาขวาที่ดันออกเพื่อตีลังกากลับมาด้านซ้ายจนในที่สุดก็ขึ้นมาถึงด้านบน
“ สุนัขของทางการงั้นหรอ “ ดูเหมือนเป้าหมายจะรู้ตัวแล้วว่าถูกใครจ้องเล่นงาน และสัญญาณเตือนในหูฟังยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับแว่นตาที่แสดงข้อมูลของศัตรูตรงหน้าทั้งหมดที่มีทั้งทหารรับจ้างและทหารผ่านศึก
การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีโดยไม่ต้องทักทายอะไรให้มากความ ศัตรูมีเพียง 3 คน เมื่อเห็นแบบนั้นมือขวาที่เคยว่างเปล่ากลับปรากฎดาบญี่ปุ่นยาวเมตรหนึ่งออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เงาของผู้ถูกกล่าวว่าเป็นสุนัขพาดผ่านเหยื่อทั้งสองตรงไปสู่คนตรงกลางที่เป็นดั่งคนคอยบงการพร้อมๆกับหันหลังให้แล้วเก็บดาบ
“ เป็นแค่สุนัขแท้ๆ “ เจ้าตัวหัวหน้าตะโกนออกมาพลางหันหลังวิ่งหนี เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดทั้งสองที่จ้างมาล้มลงไปจมกองเลือดภายในเสี้ยววินาทีแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ชะตากรรม
“ ขอโทษนะครับ ผมไม่ใช่สุนัขของทางการหรอก แต่เป็นหมาล่าเนื้อต่างหาก “ เพียงสิ้นคำกล่าวแขนขวาของทรราชผู้นั้นกระเด็นหลุดออกจากไหล่โดยที่ไม่อาจรู้ตัวได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ที่มันเห็นก็คือแขนข้างนั้นลอยลิ่วไปเบื้องหน้าพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาหาเหมือนฟ้าผ่า
“ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก “ เหยื่อครั้งนี้ได้แต่ร้องอย่างน่าสมเพศพลางดิ้นทุรนทุรายเมื่อทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ผิดกับใบหน้าเย็นยะเยือกของผู้ลงมือ
“ บอสสั่งมาว่าให้แกกลับไปมอบตัวเองเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีครั้งที่สองถ้าอยากใช้ชีวิตต่อก็กลับไปซะ แต่หากจะตายฉันก็จะยำแกให้เละแล้วเตะส่งขึ้นเครื่องบินกลับประเทศเอง “ ยูตะแค่นเสียงออกมาตามที่ได้รับคำสั่งก่อนจะกระโดดลงจากดาดฟ้าตึกสูง 5 ชั้นแล้วหายไปในตรอกข้างๆในที่สุด
....
“ วินด์ฉันทำงานเสร็จแล้วนะแต่จะขอลาพักร้อนอยู่ที่นี่พักหนึ่งน่ะติดใจอะไรนิดหน่อย “ แม้จะเป็นคนเดียวกันกับที่ลงมือบั่นแขนศัตรูของชาติทิ้งไปเมื่อครู่ แต่ใบหน้ายามนี้แตกต่างนักรอยยิ้มที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นปรากฎออกมาอย่างเปิดเผยในร้านกาแฟริมทาง
“ ตามสบายเลยที่ฉันทำเรื่องไปนานๆก็กะแบบนี้อยู่แล้ว “ เสียงปลายสายตอบกลับมาหากแต่ไม่ใช่ของชายที่ชื่อว่าวินด์ แต่เป็นปิยะเพื่อนสนิทอีกคนของเขากำลังนั่งอ่านอะไรสักอย่างบนเก้าอี้หนังอย่างดี
“ แล้วแต่นายละกัน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรจะติดต่อไปอีกทีนะ “ วินด์ตอบกลับมาก่อนจะตัดสายออกไปเป็นคนแรกตามด้วยปิยะที่ทำเพียงโบกมือลาแล้วปิดการสนทนาไปอีกคน
“ คนเมื่อกี้คุ้นๆจังนา “ ยูตะเก็บโทรศัพท์หลังจากนั้นก็ครางในลำคออย่างสงสัย
เสียงระฆังดังบอกเวลาเริ่มชั่วโมงเรียน รอบๆนี้นักศึกษาค่อยๆหายไปจนหมดแล้วเหลือเพียงเขาคนเดียว แต่จากที่นี่ไปถึงอาคารเรียนนั้นก็นานพอดี หากเดินตามทางนั่นละนะ
ยูตะวางเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้านพลางมองหาต้นไม้แล้วปีนขึ้นไปเพื่อกระโดดเข้าทางหน้าต่างด้านหลังอันเป็นระเบียงทางเดินของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งบริเวณนั้นก็คงไม่มีคนอยู่แล้ว
‘ ลัคกี้ ‘ ยูตะยิ้มกริ่มกับการคาดเดาของตนเอง แล้วเปิดประตูเดินเข้าห้องไปพลางเสแสร้งทำท่าทีเหนื่อยหอบจนยากจะจับได้
สายตาที่ยามนี้ซุกซนเหมือนเด็กๆกวาดมองไปทั่วห้องเรียนอย่างจดจ่อจนมากกว่าที่จะสนใจสิ่งที่ดอกเตอร์แก่ๆหัวล้านคนหนึ่งขีดเขียนอยู่บนกระดานดำมากนัก
“ มองหาใครอยู่หรอคะ “ เสียงเรียกใสเหมือนเครื่องดนตรีบรรเลงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“ อ๋อก็คนที่ผมเจอเมื่อกลางวันนั่นละ ใส่หมวกปีกใหญ่สีขาวคุณพอจะเห็นบ้างไหมครับ “ ยูตะยังคงตอบพลางชะเง้อคอมองไปทั่วห้องอีกรอบอย่างเผลอตัว
“ ก็ไม่เห็นที่ไหนนะคะ “ เสียงของสตรีตอบเขามาอีกครั้งหนึ่ง
“ ผมว่าคุ้นๆในคลาสนี้นะครับ “ ยูตะถอนหายใจก่อนจะหันหน้าไปมองยังคู่สนทนาที่กำลังคุยกันอยู่แต่ก็ทำเอาเกือบตกเก้าอี้เมื่อพบว่าคนที่ตนเองพูดถึงคือหญิงสาวที่นั่งคุยกันอยู่ แถมหมวกสีขาวที่ว่ายังวางอยู่ข้างๆคุณเธอซะด้วย
เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาเมื่อเห็นท่าทีตกใจเกือบตกเก้าอี้ของยูตะ ดูเหมือนความประทับใจครั้งแรกจะออกมาดีนั่นละ
การเรียนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมงเสียงกระดิ่งที่บอกเวลาเลิกก็ดังขึ้นในที่สุด จริงๆเขายังเหลือเวลาพักร้อนครั้งนี้อีกนานน่าดู แต่จะให้ใช้เวลาหาความสุขส่วนตัวแบบนี้มันไม่ใช่รูปแบบชีวิตที่เขาชอบนัก
“ ลาก่อนนะครับคุณ …. “ ยูตะพูดพลางพยายามนึกชื่ออีกฝ่ายขณะมองดูหญิงสาวเก็บอุปกรณ์ต่างๆเข้ากระเป๋าสะพายสีเทา
“ มิเนอร์ว่าคะ “ เธอหันหน้ากลับมาตอบก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง
“ ผมยูตะนะครับ “ ชายหนุ่มทำเพียงตะโกนตอบไปแล้วนั่งอยู่อย่างนั้นจนคนอื่นๆออกไปจนหมดในที่สุด
______________________________________________________________
ยูตะ x มิเนอร์ว่า
คู่นี้เป็นไง ?
ความคิดเห็น