คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่11
ในคืนหนึ่งสิก้าก็ได้ละเมอชื่อผู้ชายคนหนึ่งออกมา เธอมักจะละเมออยู่เสมอแต่พอรุ่งเช้าเธอกลับจำเรื่องราวดังกล่าวไม่เคยได้
“ยูล ยูล คุณอยู่ไหน”
“สิก้า คุณคงจะคิดถึงเขามาสินะ ฉันก็ไม่รู้จะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ถ้าฉันรู้ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟฉันก็จะพาเขามาพบคุณให้ได้สิก้า นี่ถ้าคุณไม่เป็นแบบนี้คนที่อยู่ข้างๆคุณคงไม่ใข่ฉันสินะ” ยูริพูดกับสิก้าที่กำลังละเมออยู่ การละเมอของสิก้าในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่คอยตอกย้ำว่าเฑอไม่ใช่คนที่อยู่ในใจของสิก้า
‘เธอมันตัวปลอมยูริ’ ‘ฉันรู้ว่าไม่ใช่จะทำยังไงก็ยังไม่ใช่’ ยูริคิดน้อยใจในโชคชะตาที่ให้ได้มาพบกับคนที่รักในวันที่สายไป
.
.
.
“ยูริ สิก้าตื่นแล้ว เอ๋..ยูริไปทำงานแล้วเหรอเนี่ย”
“นั่นอะไรน่ะ นี่มันของยูรินี่ คงจะลืมสินะ อืม..เดี๋ยวสิก้าเอาไปให้ยูริดีกว่า ถ้ายูริเห็นสิก้าต้องตกใจมากแน่ๆ เอ..หรือว่าเราจะโดนดุที่แอบออกไปข้างนอกอีกนะ ช่างเถอะน่ายูริต้องดีใจมากกว่าสิ”
.
.
.
ด้านยูริที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง
“ท่านประธานคะ คุณทิฟฟานี่มาขอพบค่ะ”
‘มาแล้วเหรอแม่ตัวดี เดี๋ยวเถอะ’ ยูรินึกในใจ “เชิญเข้ามาได้”
“สวัสดีค่ะพี่ยูริ วันนี้ฟานี่ว่างเราไปทานข้าวกลางวันกันไหมคะ” ฟานี่พูดอย่างน่ารักแล้วเดินตรงมายังยูริ แต่ยูริเอ่ยขึ้นว่า
“หยุดเลย นั่งลงฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“จะคุยเรื่องแต่งงานเหรอคะ”
“เธอพูดไม่รู้เรื่องเหรอฟานี่ เธอไปพบเจสสิก้าทำไม”
“พี่เจสสิก้าไม่ได้บอกเหรอคะว่าบังเอิญน่ะ”
“ฉันไม่ได้กินหญ้าแทนข้าวนะฟานี่ ต่อจากนี่เธอจะไม่สามารถเดินเข้ามาที่บริษัทฉันได้อีก และถ้าเธอยังไม่หยุดบริษัทของเธอได้มีปัญหาใหญ่แน่”
ฟานี่ทำท่าทางไม่พอใจ ก่อนจะอ้าปากเถียง แต่ยูริก็พูดขึ้นอีกว่า “ฉันไม่ได้ขู่นะ ฉันทำจริง แล้วตอนนี้เธอแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆที่ฉันเผลอก่อไว้ให้ได้แล้วเหรอถึงวิ่งโล่มาหาฉันที่นี่น่ะ”
“นี่เป็นพี่เหรอ ฟานี่ไม่คิดเลยว่าพี่ยูริจะทำกับฟานี่แบบนี้ พี่ยูริที่รักของฟานี่หายไปไหน ฟานี่เสียใจ” ฟานี่พูดตัดพ้อทั้งน้ำตา ‘ฮึยังไงพี่ยูริก็ต้องแพ้น้ำตาของฟานี่อยู่ดีนั่นแหละ’ ฟานี่คิด
“ฟานี่ อย่าร้องนะ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพราะฟานี่พูดไม่รู้เรื่องไง”
“งั้นถ้าฟานี่ไม่ดื้ออีกพี่ยูริจะไม่ไล่ฟานี่ใช่ไหมคะ” ฟานี่ทำตาโตเพื่ออ้อนยูริ
“ใช่” ยูริพูด ‘ถึงยังไงเราก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่ทำให้ฟานี่เป็นแบบนี้’
“งั้นถ้าพี่ยูริจูบฟานี่ ฟานี่ยอมถอยให้พี่สิก้าก็ได้” ฟานี่ได้ทีจึงยื่นข้อเสนอ
‘หา!!! ตายละหว่ายูริเอาไงดีวะเนี่ย’ ยูรินิ่งเงียบสักครู่แสดงถึงการใช้ความคิดอย่างหนัก
“พี่ก็น่าจะรู้ว่าฟานี่ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่ออะไร ถ้ามันจะพังลงฟานี่ก็ไม่แคร์ อีกอย่างพ่อของพี่ก็ปลื้มฟานี่มากด้วย ฟานี่ไม่รับประกันนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ได้ แต่ต้องรักษาสัญญานะฟานี่ ครั้งนี่พี่ยอมให้ฟานี่ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
“ค่ะ”
.
.
.
ทันใดนั้นสิก้าก็เปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี ภาพตรงหน้าทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“เอ่อ ยูริคะสิก้าเอาของมาให้น่ะ”
เมื่อสิก้าพูดขึ้นยูริผลักฟานี่ออกทันที “สิก้า มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ยูริรีบแก้ตัวทันที
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ ขอตัวนะคะ” เธอพูดโดยไม่ยอมสบตากับยูริแล้วเธอก็เดินออกไป
ยูริจึงรีบคว้าเธอมากอด “สิก้าฟังนะมันไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรจริงๆนะ..”
“พอเถอะค่ะไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเชื่อคุณค่ะ ขอตัวนะคะ” สิก้าผลักยูริออก
“สิก้า” ยูริยังไม่ยอมให้เธอจากไป เพราะดูจากอาการแล้วน่าเป็นห่วงมาก
“อย่าตามมานะคะ ทำงานต่อเถอะคะ ฉันไม่เป็นอะไร” สิก้าย้ำอีกครั้งก่อนฝืนยิ้มให้ยูริแล้วเดินจากไป
‘เอาไงดีควอนยูริ สิก้าต้องไม่โอเคแหงๆ แต่ถ้าเราตามเธอไปเธอจะโกรธไหมนะก็เธอบอกว่าไม่เป็นไรนี่’
“เฮ้อ ตามไปดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ” เมื่อยูริคิดได้เธอรีบตามลงไปแต่ว่าเธอหาสิก้าไม่พบเลย
.
.
.
“ที่บ้านก็ไม่อยู่ เธอไปไหนกันแน่เนี่ยสิก้า ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ นี่เหรอที่เธอบอกว่าไม่เป็นอะไร”
.
.
.
“สิก้าได้ยินไหม สิก้ารอฉันอยู่ตรงนั้นนะเดี๋ยวฉันไปหา” ยูริตะโกนบอกเมื่อเธอเห็นสิก้าเดินเหม่ออยู่ที่อีกฝั่งของถนน ท่าทางสิก้าจะไม่ได้ยินที่ยูริพูดเลยทำให้ยูริยิ่งเป็นกังวล เธอจึงรีบข้ามถนนตามสิก้าไป
เอี๊ยด~~~ โครม!!! “ว๊ายรถชนคนค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ”
.
.
.
ทางด้านเจสสิก้า เมื่อเธอเดินจนรู้สึกเมื่อยแล้วเธอจึงนั่งลงคิดทบทวนอีกครั้ง
“เธอเป็นอะไรไปเจสสิก้า เธอต้องเชื่อยูริสิ เขาบอกว่ารักเธอนะ
ใช่ฉันต้องเชื่อยูริ แต่ฉันเจ็บเหลือเกิน ดูยังไงเขาสองคนก็เหมือนคนรักกัน
ทิฟฟานี่น่ารักอย่างนั้นยูริจะไม่รักได้ยังไง ถ้าไม่รักแล้วจูบกันหมายความว่ายังไง อ๋อคงจะเป็นอุบัติเหตุสินะ
แต่จูบดูดดื่มขนาดนั้นมันจะเป็นอุบัติเหตุได้ยังไงล่ะ นึกออกแล้วคงจะเป็นแค่จูบลากันเฉยๆมั้ง ทิฟฟานี่คงจะ...ฮือๆๆๆๆๆ นี่ฉันร้องไห้ทำไมเนี่ย เขารักฉัน ยูริรักฉัน ฉันต้องเชื่อยูริสิ ฮือๆๆๆ”
เจสสิก้าครุ่นคิดอย่างหนัก บ่นรำพึงรำพันราวกับคนบ้า เธอกำลังสับสนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี เพราะภาพที่เห็นนั้นมันชัดเจนเหลือเกิน แต่เธอก็อยากจะเชื่อในตัวยูริ ความคิดมากมายรุมเข้ามาในหัวเธอแทบจะระเบิด เธอจึงทำได้เพียงร้องไห้เท่านั้น ร้องไห้จนกว่าจะพอ
.
.
.
“อ้าว ยูริยังไม่กลับบ้านอีกเหรอเนี่ย นี่ก็เย็นมากแล้วเราควรโทรไปถามดีไหมนะ”
ขณะที่สิก้ากำลังจะกดโทรศัพท์นั้น ยูริก็โทรมาพอดี
“ยูริ เมื่อไหร่จะกลับบ้าน สิก้ารอทานข้าวจนไส้จะขาดแล้วนะ” สิก้าถาม
“เอ่อขอโทษครับผมโทรจาก รพ. นะครับ...”
เมื่อสิ้นเสียงดังกล่าวสิก้าก็เป็นลมล้มพับไป
“ควอนยูริ” สิก้าเอ่ยชื่อของยูริเมื่อเธอได้สติกลับคืนมา
.
.
.
“น่าสงสารจังเลยนะเธอ นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วยังไม่มีใครมาเยี่ยมเลยซักคน” พยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น
“นั่นสิ แต่คงจะมีมาเร็วๆนี้แหละ เห็นว่าญาติของเธออยู่อเมริกาโน่นแน่ะ” พยาบาลอีกคนก็พูดตอบ
“เอ่อขอโทษนะคะ คุณควอนยูริอยู่เตียงไหนคะ” หญิงสาวถาม
“ญาติของเธอเหรอคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
.
.
.
“นี่ก็เดือนกว่าแล้วนะคะ แผลอื่นๆก็เริ่มหายดีแล้วแต่ทำไมเธอยังไม่ยอมฟื้นซักทีล่ะคะ”
“ผมและคณะแพทย์ได้ประชุมกันแล้วครับ หากเธอยังไม่ฟื้นภายในสัปดาห์นี้เราจะลงความเห็นว่าเธอเป็นเจ้าหญิงนิทราครับ”
“เจ้าหญิงนิทรา แล้วฉันจะพาตัวเธอไปรักษาต่างประเทศได้ไหมค่ะ”
“เรื่องนี้ก็คงต้องแล้วแต่ญาติหละครับ”
ความคิดเห็น