คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สถาบัน Quartz [เทศกาลประลองเวทย์ รอบสอง]
เทศกาลประลองเวทย์
เรอาเรีย นาซีอัส Vs. เอลแซ็ค ซีสตริงค์
ณ วิหารเซเรนัส (สถานที่แข่งขัน)
ตึก ตัก ตึก ตัก ตุบ...
เรอาเรียหยุดฝีเท้าที่ก้าวเดิน เมื่อสถานที่ที่อยู่เบื้องหน้าเธอในตอนนี้คือภาพวิหารสีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งสลักลวดลายเป็นรูปเทพต่าง ๆ มากมายแล้ว
“สวย...” เด็กสาวหลุดอุทานออกมาเพียงแค่นั้น ดวงตาสีชมพูเปล่งประกายชื่นชมสถาปัตยกรรมตรงหน้า ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันเมื่อนึกได้ว่าเธอต้องใช้ที่นี้แข่งขัน
“แบบนี้... วิหารไม่พังแย่หรอ?” เรอาเรียพึมพำกับตัวเอง ในใจนึกหวั่นค่าเสียหายที่อาจจะตามมาเป็นหลักที่เธอไม่มีเงินจ่าย
ในที่สุดเด็กสาวก็ก้าวเข้ามาในตัววิหารหลังจากเสียเวลาทำใจพักหนึ่ง ภายในนั้นประดับตกแต่งอย่างสวยงามยิ่งกว่าภายนอกจนเธอเผลอยืนตะลึงอีกรอบ บรรยากาศความเงียบสงบที่ไร้ผู้คนทำให้เรอาเรียรู้สึกจิตใจสงบลงอย่างน่าประหลาด
“สวัสดีครับ...” เสียงทักที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาเธอสะดุ้ง เมื่อเด็กสาวจับสัมผัสไม่ได้เลย ร่างบางตัดสินใจหันหลังกลับไปพร้อมรอยยิ้มสู้ ก่อนเอ่ยทักกลับ
“สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม รับรู้ถึงบรรยากาศกดดันบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กสาวตวัดมือขลุ่ยและฟลุตก็ถูกถืออยู่ในมือทั้งสองทันที
“เห แล้วจะบรรเลงยังไงครับนั้น” เอลแซ็คถามด้วยท่าทีสนใจ เขาทำท่าสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อนกลับการต่อสู้ในครั้งนี้แม้แต่น้อย
“นั้นสินะคะ” ร่างบางเอ่ยกลับ รอยยิ้มยังคงถูกยกมาประดับใบหน้าทั้งคู่ ขณะที่ขลุ่ยและฟลุตยังถูกกำในมือนิ่งดังเดิม
“เอ่อ...นั้นเรามาสู้กันเลยละกันครับ” เด็กหนุ่มว่า ใบหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง บรรยากาศกดดันจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลมาตามไรผม
ฉับ!
มีดสั้นตัดผ่านไปปอยผมเธอ ห่างลำคอไปเพียงหนึ่งมิลลิเมตร เรอาเรียเบิกตาโผล่ง มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเอามีดมาจากไหน ร่างบางฉีกยิ้มเครียด หนึ่งขลุ่ยจากมือซ้ายถูกโยนขึ้นฟ้า โดยมีสายลมทำให้มันลอยอยู่ได้ ขณะที่ฟลุตเงินจากมือขวาถูกยกแนบริมฝีปาก
“ผมให้คุณเริ่มบรรเลงไม่ได้หรอกครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู หากคราวนี้เรอาเรียที่ตั้งสติมั่นแล้วย่อตัวหลบฝ่ามือที่กำลังจะฟาดท้ายทอยเธออย่างรวดเร็ว เสียงขลุ่ยเริ่มบรรเลงออกมาเอื่อย ๆ ด้วยท่วงทำนองที่ไร้ความเป็นระเบียบ
ปี๊ด!
เสียงเพี้ยนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อขายาวยังเตะตวัดขาเธอให้ร่างบางล้มลง เรอาเรียเอาขลุ่ยออก ดวงตาคู่กลมจับจ้องมองไปยังร่างสูงที่บัดนี้เรียกธนูของตัวเองออกมาแล้ว
“รีบมาทำให้จบดีกว่าครับ” เอลแซ็คยังเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนตามเดิม ขณะที่เด็กสาวก็ยันกายตัวเองลุกขึ้น แขนข้างหนึ่งที่แอบไพล่ไปข้างหลังขยับนิ้วไปมาดั่งบังคับอะไรบางอย่างอยู่
คันธนูถูกเล็งมาทางเธอ ก่อนลูกธนูสายฟ้าจะพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
“...” เรอาเรียฉีกยิ้มอย่างไม่คิดหลบ นั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกติดใจ ลูกธนูเฉี่ยวหัวไหล่
และขาเธอไป เดาเจตนาได้ชัดว่าไม่ได้ต้องการให้เธอบาดเจ็บ
“ใจดีจัง” เด็กสาวเอ่ย ดวงตาสีชมพูพราวระริก ก่อนเสียงบรรเลงดนตรีจะดังขึ้นทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไร
“ฟลุต!” เอลแซ็คตะโกนออกมาเมื่อคาดการได้ ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบเพื่อมองหาที่มา แต่กระนั้นก็ไม่ปรากฏเครื่องดนตรีที่ว่าตรงไหนเลย
เด็กสาวคลี่ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีนั้น ก่อนเธอจะต้องแปรเปลี่ยนยิ้มตัวเองให้เป็นรอยยิ้มเครียดอีกครั้ง เมื่อเลือดที่ไหลอกมาจากหัวไหล่เธอเป็นสีม่วง!
“อย่าลืมสิครับ... ว่าผมเรียนสาขาอะไร” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทีสงบตามเดิม คล้ายสิ่งที่แสดงออกเมื่อครู่เป็นการเสแสร้ง
เรอาเรียยังคงมีรอยยิ้มประดับหน้า ก่อนเธอจะเอ่ยบ้าง
“นั้นก็อย่าลืมเหมือนกันสิ ว่าเราเรียนสาขาอะไร” ร่างบางจางหายไปดั่งหมกควันทันทีที่เอ่ยเสร็จ นั้นทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างเริ่มเครียดจริง ๆ ดวงตาตวัดมองไปทั่วเมื่อหาร่างบาง หากเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่ก็ช่างรบกวนประสาทเขาจริง
“ถ้าอย่างนั้น... ผมคงต้องทดสอบกับตัวเอง ว่านี้คือของจริงของปลอม” เอลแซ็คว่าด้วยรอยยิ้มนุ่ม มีดสั้นสลักลายวิจิตรถูกยกขึ้นกรีดข้อมือตัวเองบาง ๆ ทันที
เพล้ง!
เสียงของตกแตกดังขึ้นพร้อมแสงสว่างสีขาวที่เรียกให้เด็กหนุ่มหรี่ตา ก่อนภาพที่เห็นเบื้องหน้าอีกครั้งจะเป็นร่างของเรอาเรียที่ลืมตาบรรเลงฟลุตอยู่อย่างไม่ชอบใจนัก
“เพราแบบนี้ไง... ถึงไม่อยากสู้กับสาขาพวกนี้” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง เธอตวัดมือเรียกฟลุตให้หายไป แบบนี้ใช้กลลวงเดิม ๆ ไปก็คงไม่มีทางชนะ
“พิษ” คำเอ่ยจากเด็กหนุ่มทำให้ร่างบางมองหัวไหล่ตัวเอง ก่อนตอบ
“ตอนนั้นคือภาพลวงตาไปแล้ว” เธอเอ่ยตอบอย่างเซ็ง ๆ
“หรอครับ” เอลแซ็ครับคำด้วยท่าทางผิดหวังน้อย ๆ ก่อนเอ่ยขึ้นมาใหม่
“แบบนี้ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่สินะครับ”
เรอาเรียเผยรอยยิ้มกับคำพูดนั้น
“นั้นสินะ”
“ไลท์นิ่ง สไตรค์!!” มนตร์เรียกฟ้าผ่าถูกเอ่ยทันทีหลังจากสัญญาณการต่อสู้ใหม่เริ่มขึ้น เรอาเรียกระโดดหลบอย่างไม่ประมาท เธอพึมพำอะไรบางอย่าง ดาบเล่มงามก็ปรากฏในมือ
“ไม่ยักรู้ว่าคุณมีดาบ” เด็กหนุ่มว่าอย่างสงสัย ในขณะที่เรอาเรียขยับดาบรุกอย่างรวดเร็ว
“นั้นสินะ”
วืด
เด็กสาวย่อตัวหลบเอลแซ็คที่ใช้ความเร็วอ้อมไปข้างหลังเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว คราวนี้เธอดีดขาตัวเองให้พุ่งไปข้างหน้าด้วยเพื่อไม่โดนเตะขาเหมือนเก่า
“ไม่เร็วพอนะครับ” เด็กหนุ่มว่า เมื่อเขาพาร่างตัวเองมาดักหน้าเธอได้อย่างง่ายดาย
“ก็คิดอย่างนั้น...” เรอาเรียตอบกลับ “และเพราะคิดอย่างนั้น เลยไม่คิดทำไง”
ฉับพลัน ร่างของเธอก็จางหายไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ... ที่นี้ผมโดนมนตร์ตอนไหนเนี้ย” เด็กหนุ่มว่าด้วยท่าทีเซ็ง ๆ อีกครั้ง เขากลอกลูกตาไปมาอย่างไม่หวังจะเจอร่างเธอ แต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อตอนนี้ร่างเด็กสาวไปนั่งอยู่บนแกรนเปียโนของวิหารเรียบร้อยแล้ว
♪♫~
เสียงเพลงบรรเลงขึ้นอย่างเศร้า ๆ เอลแซ็คยกธนูเล็งไปทางเธออย่างไม่ประมาท
“ออกมาดีกว่าครับ... ผมไม่อยากทำของมีค่าพังหรอกนะ” เด็กหนุ่มเอ่ย ทั้ง ๆ ที่ สายฟ้าของเขาทำพื้นเป็นรูหลายรูแล้ว
“ช่วยไม่ได้นะ เฮ้อ” เอลแซ็คถอนหายใจ เมื่อเห็นร่างของคนที่เขาเตือนยังฝืนเล่นเปียโนต่อไป
“ไลท์นิ่ง สไตรค์ !!”
ตูม!!
แกรนเปียโนหลังงามพังเป็นเศษชิ้นส่วนทันที ขณะที่ร่างของเรอาเรียซึ่งโดนแรงกระแทกก็กระเด็นไปอีกทาง
“ไลท์นิ่ง เชน!!” เด็กหนุ่มร่ายเวทย์ต่ออย่างไม่คิดประมาท ประมาณว่าท่าจะเป็นตัวปลอมก็ขอให้หายไปก่อนเขาจะเดินไปถึงเลยละกัน
แต่คราวนี้ร่างของเรอาเรียกลับไม่หายไป เมื่อเอลแซ็คเดินไปดูถึงที่ ก็ดูเหมือนเด็กสาวจะสลบไปแล้วด้วยซ้ำ
“นี่เราต้องกรีดข้อมืออีกไหมนิ” เด็กหนุ่มพึมพำอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ ดวงตามองดูข้อมือตัวเองที่เลือดพึ่งหยุดไหลไปไม่นาน หากภาพโฮโลโปรแกรมที่ปรากฏขึ้นก็ทำให้เอาเขาขมวดคิ้ว
“ผู้ชนะการแข่งขัน คู่ที่ 2 เอลแซ็ค ซีสตริงค์ ค่ะ!!” ผอ.ซิลวิเลียเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทำเอาเขาต้องก้มลงไปมองร่างที่สลบไปของเด็กสาวอีกที ก่อนยักไหล่
“คงชนะจริง ๆ แล้วมั้ง?” เด็กหนุ่มว่า เขาตั้งท่าจะอุ้มร่างของเรอาเรียไปนอนพักดี ๆ อย่างไม่ให้ดูใจร้ายไป หากทันทีที่ก้มลง เด็กหนุ่มก็รู้สึกเวียนหัวอย่างประหลาด
“เหอะ... คิดแล้ว... มันยังไม่จบ...” เอลแซ็คเอ่ยอย่างอ่อนแรง ก่อนร่างของเขาจะสลบลงไปทันที
แปะ แปะ แปะ ๆ
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เอลแซ็คได้ยินคือเสียงปรบมือ ดวงตาที่พึ่งได้รับแสงหรี่ลงน้อย ๆ เพื่อปรับสายตา ก่อนร่างของเรอาเรียคือสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
“นี่มัน...” เด็กหนุ่มเอ่ยได้แค่นั้น เมื่อพบว่าตัวเองขยับแขนไม่ได้เนื่องจากถูกโซนเงินรัดอยู่อย่างแน่นหนา
“30 นาที... คือเวลาที่คุณมีสติอยู่โดยโดนมนตร์จากเราค่ะ คุณโจมตีอย่างรุนแรงซะจนเรายังเครียดเลยว่าคุณจะสลบไปก่อนเราหมดแรงไหม” เรอาเรียว่าเสียงแผ่ว ตามลำตัวมีรอยแผลเล็ก ๆ จากการหลบสะเก็ดหินที่เกิดจากแรงระเบิด
“นี่เป็นความจริงใช่ไหม” เอลแซ็คถามอย่างยังไม่แน่ใจ
“อา... คราวนี้เป็นความจริงแน่นอนค่ะ” เด็กสาวตอบกลับ เธอเดินเข้ามาใกล้ร่างเด็กหนุ่มที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ ในมือถือกุญแจเงินเพื่อนำมาปลดโซ่
“แล้วการแข่ง...”
“เราพึ่งถูกประกาศชนะไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้วค่ะ คุณสลบไปแค่แปปเดียวเอง” เรอาเรียตอบโดยไม่รอฟังคำถามให้จบ มือเรียวขยับไขกุญแจ และทันทีที่โซ่ถูกปลด เด็กสาวก็ยื่นมือไปข้างหน้า
“ยินดีที่ได้สู้ด้วยค่ะ”
“อ่า...ครับ” เอลแซ็คยื่นมือไปจับอย่างงง ๆ และยังคงมึนอยู่จนเด็กสาวเดินไปไกลแล้วจึงรู้ตัว ดูท่าตอนนี้เขาคงมึนว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องลวงไปอีกนาน
จบ
ความคิดเห็น