คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 เปลี่ยน
Love you better now … (ไม่) รัก
บทที่ 5 เปลี่ยน
“And that
is how change happens.
One gesture. One person. One moment at a time.”
―
Libba Bray, The Sweet Far Thing
หลังจากลากร่างกายอันไร้วิญญาณเนื่องจากอยู่เวรบ่ายดึกมา
3 วันติด ถึงห้องพักของตัวเองได้ อธินก็หยิบอวัยวะชิ้นที่ 33 ขึ้นมาตรวจสอบข่าวคราวความเคลื่อนไหวของผู้คนในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก
Matt A sent you a friend request
Matt added you by phone number
ข้อความแจ้งเตือนทั้งในแอพลิเคชั่นสีน้ำเงินและสีเขียวสะดุดตาเพราะชื่อคนส่งมาเป็นคนเดียวกัน
แมต? ฝรั่งหนุ่มตาน้ำข้าวหรือยังไง อิอิ
กดเข้าแอพฯ สีเขียวก่อน เพราะตัวเลขสีแดงสะดุดตากว่าร้อยข้อความ
คุยอะไรกันเยอะแยะ ว่างกันมากสินะ ผู้อยู่เบื้องหลังข้อความวุ่นวายดังกล่าวคือ
ไอ้เม เนื่องจากว่างงานจริงๆ นั่นแหละ อีกไม่กี่วันจะถึงวันที่ต้องบินกลับไปเรียนต่อแล้วเลยหาเรื่องคุยกันไม่หยุด
ส่งสติ๊กเกอร์ไปก่อกวนกันนิดหน่อยแล้วจึงกดเข้าไปดูบุคคลปริศนาที่แอดมา
ฝันสลาย ฝรั่งตาน้ำข้าวอะไรไม่มี
แค่ข้อความที่พิมพ์ส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อคืนก็รู้ละ นี่มันไอ้เด็กแก่แดดชัดๆ
เจ้ 00.37
รูปโปรไฟล์นี่กะล่อลวงใครปะเนี่ย
00.37
ส่งสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายจับหมีทุ่มรัวๆ ข้อหาตามมากวนตีนแม้กระทั่งในไลน์
หมดความสนใจไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนตอนแปดโมงกว่าๆ
กลับมาอีกที แมต ก็ตอบไลน์มาแล้ว เออน่ะ
ชีวิตเด็กมหา’ลัยคือว่างมากไง
เอ้า ไม่รับแอดละ 08.29
รับหน่อยค้าบบบบบบ 08.32
08.51 อือ
อย่างเย็นชา 08.51
08.53 นอนละ
สติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์
อธินไม่รอคู่สนทนาตอบกลับ
ออกจากแอพลิเคชั่นแล้วกดปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้แทบจะทุกนาทีเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด
ก่อนจะผล่อยหลับไปเพราะความอ่อนล้า
.
.
.
หลับเป็นตาย อธินให้คำนิยามสำหรับการนอนยาวกว่า
12 ชั่วโมงที่ผ่านมาของตัวเอง ลุกขึ้นจัดการตัวเองเรียบร้อย
ค้นตู้เย็นหาของสดมาทำอาหารได้ข้าวผัดปลากระป๋องสีสวยหนึ่งจาน
ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลไม่ถึงห้านาที
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ได้ยินแค่เสียงเคาะประตูก็รู้แล้วว่าใคร
พอประตูเปิดออกมันก็เดินสวนเข้ามาแบบไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของห้อง
“กินด้วยดิเจ้
โคตรหิวเลย” เทน้ำให้ตัวเองเสร็จก็นั่งรอที่โต๊ะ หยิบมือถือขึ้นมาเล่น
ไม่รอการตอบรับของเจ้าของห้องอีกแล้ว
ทั้งๆ
ที่เกือบสามอาทิตย์เมธก็ทำแบบนี้มาตลอด แต่วันนี้ท่าทางของมันทำเอาเขาโมโห
อารมณ์รุนแรงที่ไม่เคยปรากฏมานานระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟปะทุ
“นี่”
“ครับ?” ก้มหน้ากดโทรศัพท์
“ไอ้เมธ ลุก!” ไม่รอมันเงยหน้าขึ้นมาฟัง
เข้าไปกระชากตัวดึงให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เฮ้ย! เจ้” ยื้อยุดกันไปจนถึงหน้าประตูห้อง
ไอ้เมธยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาก็ตะโกนเสียงดัง
“นี่ห้องฉัน
แกจะเข้าจะออกก็ควรขออนุญาตไหม
แล้วที่เข้ามานั่งสั่งกับข้าวนี่ไม่ใช่ร้านอาหารนะเว้ย หิวก็ไปหากินเองได้ปะวะ
ทำอะไรให้มีขอบเขตบ้าง มารยาทน่ะรู้จักไหม แล้วไอ้ที่เรียก เจ้ๆ
เนี่ยบอกกี่ครั้งแล้วไม่ชอบ เข้าหูหรือเปล่า”
สีหน้าตกตะลึงของเมธดูน่าขำหากแต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์ขันสักนิด
“แล้วนี่เพื่อนหรือไง
กวนตีนอยู่ได้เช้าเย็นฮะ”
“..ไม่ใช่ครับ”
เสียงสั่นๆ เพราะยังคงตกใจไม่หาย
“เออ รู้แล้วก็ทำด้วย
แล้ววันนี้ไม่มีข้าวให้กิน อยากกินไปที่อื่น”
เดินชนไหล่หนาไปเปิดประตูพร้อมผายมือเชิญให้คนที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ออกจากห้อง
พอเห็นว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนยังคงนิ่งอยู่ก็ดึงเสื้อลากมันออกไป
ปิดประตูเสียงดังตบท้าย
“เฮ้อ!”
ถอนหายใจเสียงดัง
เดินไปเปิดโทรทัศน์คว้าจากข้าวมานั่งหน้าโซฟา กินไปหนึ่งคำก็เปลี่ยนทีวีหนึ่งช่อง
หลายครั้งอธินก็สงสัยว่าระหว่างรีโมทกับทีวีที่ถูกกดไปมาอันไหนจะเสียก่อนกัน
คว้าจานเปล่าไปล้างก็เหลือบไปเห็นแก้วน้ำที่เจ้าเด็กไร้มารยาทหยิบออกมาใช้
กัดริมฝีปากเมื่อเทวดาในตัวกระซิบบอกเขาว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เขาทำเกินกว่าเหตุ
แต่แล้วปีศาจสีแดงก็ชนะเพราะสุดท้ายเขาก็ได้แต่ยักไหล่ บอกไม่แคร์
ในเมื่อนี่มันห้องของเขาและเจ้าเด็กนั่นก็ทำเกินไป ไม่เห็นหัวเขาสักนิด
อธินเคยได้ยินสิ่งที่คนอื่นนินทาเกี่ยวกับตัวเองมาบ้างเหมือนกัน
‘โลกส่วนตัวสูง'
‘หยิ่ง’ หรือไม่ก็ ‘เก็บกด’
เทือกๆ นั้น แต่ไม่เคยสนใจเพราะถ้อยคำเหล่านั้นเขาถือว่าถ้ามีคนอยากบอกเขาจริงๆ
ก็ต้องเดินมาบอกต่อหน้า ที่เอาไปพูดนินทาลับหลังคือไม่อยากบอกเขาต่างหาก
ไอ้เมเคยพูดไว้ช่วงที่มันจัดสินใจไปเรียนต่อ
ประมาณว่า ‘พอกูไม่อยู่ เปิดใจบ้างนะเว้ย
คนที่อยากจะเข้ามาเป็นเพื่อนกับมึงมีเยอะจะตาย’ ละมั้ง
ไม่ค่อยแน่ใจเพราะมันพูดตอนที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันสุดเหวี่ยง
เสียงไอ้เมก็อ้อแอ้จนแทบจะจับใจความไม่ได้
และที่ทำให้เหตุการณ์นั้นเลือนหายไปจากความทรงจำก็เพราะริมฝีปากอุ่นร้อนเข้ามาทาบทับ
ก่อนจะดำดิ่งลงไปในห้วงทะเลอารมณ์ เชี่ยวกราด
พัดพาทุกความรู้สึกหายไปหลงเหลือเพียงความอบอุ่นที่จับต้องได้ในทุกนาทีเท่านั้น
อธินยกยิ้มให้กับตัวเองทั้งๆ
ที่ในใจยังคงหนักอึ้งด้วยความรู้สึกที่เขาไม่กล้าเข้าไปวิเคราะห์
เขารู้ดีว่าไอ้เด็กที่เข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนตัวของเขาจะหายไปจากวงโคจร
เหมือนกับหลายๆ คนที่เข้ามาและผ่านไป
ไม่ต่างกันเลยสักคน
.
.
.
“มึงว่ากูไร้มารยาทหรือเปล่าวะ”
เอ่ยถามออกไปแล้วเมธก็รู้ตัวว่าเขาพลาด
พลาดที่ไม่น่าเป็นเพื่อนกับพวกมันเลยไง
“มึงจะไปประกวดมารยาททรามเหรอ”
ไอ้กล้าเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดบันทึกค่าสารประกอบที่เพิ่งโดนให้เอามาทำใหม่เพราะผลของมันคลาดเคลื่อน
ลายมือที่ถ้าเอาไปเทียบกันแล้วไก่ยังเขี่ยได้สวยกว่าถูกเขียนขึ้นยาวเป็นพรืด
ยังดีที่มันรู้จักใช้ปากกาแดงขีดเส้น ตีตาราง
ไม่อย่างนั้นรอบหน้ามันอาจโดนให้มาคัดลายมือแทน
“ไม่ตลก จริงจังดิ”
บอกเพื่อนเสียงเข้ม
“แล้วมึงไปทำไรมา
ไม่ได้จะประกวดมารยาทจริงหรอกนะ” น็อตถามมาบ้าง ติดใจกันจังมุกประกวดมารยาทเนี่ย
“ก็ถาม อยากรู้”
กว่าจะรู้ตัวว่าโดนไล่ออกจากห้องก็ตอนที่ถูกประตูไม้สีเข้มกระแทกใส่หน้าเสียงดังปังแล้วนั่นแหละ
เขากลับห้องมาด้วยความหิว ค้นตู้ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสองห่อ
จับยัดไมโครเวฟกินแบบไร้รสชาติที่สุดเท่าที่เคยกินมา
หูสะท้อนเสียงตะโกนของเพื่อนพี่สาวไปมาจนเบลอไปหมด
กระทั่งเข้านอนเขาก็ยังคิดไม่ตกว่าไปทำอะไรให้เจ้าของห้อง 601 โกรธขนาดนั้น
เพราะทบทวนดูแล้ว เขาก็ทำแบบนี้ตลอด ไม่เห็นเจ้าของห้องจะว่าอะไร จนเมื่อวานก็โดน
ไม่ได้ว่าธรรมดา พิเศษระเบิดลูกใหญ่ใส่ไม่ยั้งเลยทีเดียว
“มึงไปถามไอ้กล้ามันจะรู้อะไรล่ะ คำว่า มารยาท
ยังสะกดไม่เป็นเลย” ไอ้น็อตแขวะเพื่อนได้หน้าตาเฉย
“จ้ะ พ่อคนมารยาทงามนางสาวไทย” กล้าปากระดาษทิชชู่ในหน้าน็อต
ไอ้น็อตหัวเราะสะใจมากที่ปาคืนแล้วทิชชู่ไปตกโดนลิ้นคนเริ่มพอดี
“เล่นอะไรกัน สกปรก”
เสียงทุ้มห้าวของคนมาใหม่ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก
ก่อนจะยกมือไหว้กันอย่างพร้อมเพรียง
“พี่หมอยา
สวัสดีครับ” กล้าทักทายไอดอลในดวงใจเสียงใส ผิดกับน็อตที่แค่ยกมือไหว้แล้วพึมพำพี่เลี้ยงตนเอง
‘พี่หมอยา’ กิตติศัพท์โด่งดังมากทั้งในเรื่องความรู้และความรับผิดชอบ
ไอ้น็อตมาบ่นให้ฟังบ่อยๆ ที่โดนแก้งานแล้วแก้อีกจนเรียกว่าถ้าไม่ดีที่สุดก็ไม่ผ่าน
ขัดกับบุคลิกภายนอกของหมอยาที่เห็นตรงนี้จนไม่น่าจะเป็นคนเดียวกัน
เสื้อยืดสีดำสกรีนลายหัวกะโหลก
กางเกงยีนส์ทรงกระบอกสีเข้ม รองเท้าบูตหนัง ผมสีดำสนิทถูกเซ็ตไว้ด้านขวา
ผมฝั่งซ้ายถูกตัดสั้นโชว์ต่างหูสีดำรูปสามเหลี่ยม รูปลักษณ์ของชายหนุ่มไม่ตรงกับคำว่า ‘หมอ’ ที่ถูกเรียกเลยสักนิด
“มัวแต่นั่งเล่น
งานเสร็จแล้ว” ไม่ได้เจาะจงชื่อแต่ก็รู้ว่าพูดกับใคร
สายตาคมปลาบมองไปทางซ้ายของเมธไม่วางตา
“ครับ” น็อตพยักหน้าตอบพี่เลี้ยง
“หมดเวลาพักแล้วจะส่งให้ตรวจครับ”
“อืม”
พี่หมอยาพยักหน้าน้อยๆ
แล้วผละไปขณะที่เดินผ่านเพื่อนของเขาฝ่ามือหนาก็ปัดผ่านผมหน้าของนักศึกษาฝึกงานในดูแลของตนเอง
ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาหรือต้องตอบคำถามของเพื่อนมากมายขนาดไหน ซึ่งเหมือนเจ้าตัวจะรู้ชะตากรรมจึงรีบชิงพูดขึ้นมาทันทีที่ประตูลิฟต์เลื่อนปิด
“ไม่ต้องถาม
เพราะกูจะไม่ตอบ” น็อตทำหน้าขรึม ในมือพลิกกระดาษไปมา
“ฮั่นแน่
มีซัมติงรองอะไรก็บอก” กล้าเอ่ยแซว ทำท่าปัดผมตัวเองล้อเลียน
“มึงอย่าไปแซวมันไอ้กล้า
พี่หมอยาอาจปัดฝุ่นที่ติดปลายผมให้ไอ้น็อตก็ได้” มองหน้าไอ้น็อตยิ้มๆ
ให้มันถลึงตาใส่
“คือดี
มาฝึกงานได้ทั้งความรู้ และได้เรียนรู้เรื่องความรัก อีกต่างหาก”
เมื่อเห็นว่าแก้มไอ้น็อตออกสีชมพูอ่อนๆ ไอ้กล้าก็แซวใหญ่
“เลอะเทอะแล้วมึง
งานไม่เสร็จ กูไม่ช่วยนะเว้ย”
ไอ้น็อตปล่อยคำขู่แก้เขินที่ขู่มาเป็นร้อยครั้งแล้วก็ไม่เห็นมันจะทำตามที่พูดสักที
แต่ที่น่าตลกกว่าก็คือไอ้กล้าดันกลัวคำขู่นั้นจริงๆ ทุกครั้ง
พอไอ้กล้ากลับไปมีสมาธิทำงานของมันเงียบๆ
แล้ว ไอ้น็อตก็กลับมาสนใจเรื่องที่เขาถามเมื่อตอนต้น
“พี่เขาอาจเหนื่อยไงมึง
คนทำงานไม่เป็นเวลาแบบนั้น ได้หยุดเขาก็อยากจะ แล้วมึงก็ไปทำตัว ‘ไร้มารยาท’ ใส่อีก สมควรโดนแล้วล่ะ สมน้ำหน้า”
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟังคร่าวๆ
(แต่ถ่ายทอดทุกคำที่โดนตะโกนใส่) น็อตตอบเขามาอย่างนั้น ส่วนกล้าบอกว่า
‘ไปกราบขอขมาอู่ข้าวอู่น้ำ
ที่พึ่งของมึงด่วนๆ’
คือเขาผิดจริงๆ ใช่ไหม
‘อิเลววววววววววว’
เสียงกรีดร้องดังจนต้องยกโทรศัพท์ออกห่าง ตอนเย็นหนังจากเลิกงาน
เขาโทรหาเม เล่าเรื่องที่โดนเจ้ทินด่าให้ฟัง ยังไม่ทันจบพี่สาวก็ด่าเขาเข้าให้
‘เมใจเย็น ตะโกนอะไรเสียงดัง’
เขาบ่นคนปลายสาย เขาตัดสินใจถูกที่ยังไม่เข้าลิฟต์
ออกมาคุยโทรศัพท์ที่สวนย่อมของคอนโดก่อน
‘ฉันอุตสาห์หวังจะให้แกอยู่เป็นเพื่อนทินทิน
ทำไมแกทำแบบนี้ยะ ที่บ้านสอนให้ไร้มารยาทอย่างที่โดนด่ามาจริงๆ ใช่ไหม
โอ้ยพูดเองเจ็บเอง’
‘เฮ้ย
ที่ทำไม่ถึงขนาดนั้นนะ’ รีบปฏิเสธ
เขาไม่ได้ไปทำอะไรใหญ่โตขนาดนั้นสักหน่อย แค่เจ้าของห้องโกรธแค่นี้เอง
‘อย่าเถียง
ทำผิดก็ยอมรับผิดซะ ไปทำให้ทินทินกลับมาเป็นเหมือนเดิมซะ
ก่อนที่ฉันจะหักค่าขนมแกไอ้เมธ’
‘ไม่เอาดิเม วันนั้นเพื่อนเมอาจจะโมโหมาจากที่ทำงานก็ได้เลยมาลงที่เราอะ’
ได้ยินเสียงเมสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
‘ไอ้เมธ แต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกนะ
และทินทินที่ฉันรู้จัก มันไม่ค่อยยอมให้ใครเข้าไปยุ่งกับชีวิตมันมากนักหรอก
แต่มันยอมไปดูแลแกตอนป่วย ทำกับข้าวให้แกกิน
แค่นี้แกก็จัดอยู่ในกลุ่มคนพิเศษแล้วล่ะ’
‘หา! ตลกล่ะเม เจ้เค้าก็ดูเข้าสังคมออกนะ’ พี่สาวกำลังหาเรื่องหลอกให้เขาไปง้อเพื่อนตัวเองแน่ๆ
จากการแอบส่องในโลกโซเชียล เจ้มีเพื่อนเยอะแยะ
‘เออ เรื่องของแกเถอะ
ถ้าคิดว่าข้าวน้ำที่กินไปมันทำให้แกคิดได้แค่นี้ล่ะนะ’ ว่าแล้วก็วางสายไป
หรือว่าเขาจะโดนโกรธอีกแล้ว
.
.
.
เมธไม่ใช่คนเรียนเก่ง
เทียบกับพี่สาวที่ไม่เคยสอบได้ต่ำกว่าที่ 3
เลยสักครั้งในการเรียนชั้นมัธยม เกรดที่น้อยที่สุดของเมคือ C ในวิชาสถิติที่เจ้าตัวบอกไว้ว่าส่งกระดาษเปล่าตอนทำข้อสอบปลายภาคเพราะขี้เกียจทำแล้ว
เกรด 2 มีจุดหลังนิดหน่อยๆ ของเขาบอกได้เลยว่าคนละชั้น
แต่สิ่งที่เขาทำตอนนี้
ไม่ใช่ตัวที่จะมาบอกความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) กันหรอกนะ
มันต้องวัดความฉลาดทางระดับอารมณ์ EQ ต่างหาก
เมธส่ายหัวกับคำแก้ตัวของตัวเองที่เริ่มจะออกทะเลไปเรื่อยๆ
มองถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ร้อนๆ ในมือแล้วถอนหายใจ
ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว
แค่เอาไปห้อยไว้เอง
เสียงกริ่งดังและประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับคนที่แต่งชุดขาวทั้งตัวยืนรอลิฟต์อยู่พอดี
พอเจอหน้าจังๆ แบบนี้แล้วเขาดันพูดไม่ออกซะงั้น
“เออ..” โชคดีที่ในลิฟต์มีแค่เขากับอธินเพียงสองคน
ท่าทางประหลาดของเขาจึงไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น
บุรุษพยาบาลเพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วก้มลงสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ
“พี่..ทิน..”
พูดออกมาจนได้
“..ว่า?” ไม่เงยหน้ามองกันสักนิด
โทรศัพท์นั่นมีอะไรน่าสนใจกว่าเขาที่ต้องรวบรวมความกล้ามาพบหน้าคนที่ด่าตัวเองอีกหรือ
“พอดีวันนี้ตื่นไปวิ่ง
เลยซื้อมาฝาก” พูดจบก็ยัดถุงใส่มืออีกฝ่าย พอดีกับที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาถึงหน้าคอนโดก็โบกกวักมือเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นซ้อนแล้วแล่นฉิ่วออกไป
ได้ยินเสียงเรียกเหมือนกัน แต่ดันเกิดกลัวขึ้นมาไม่รู้ว่ากลัวอะไรจึงไม่กล้าสู้หน้า
เมื่อมาถึงที่ทำงาน
ไอ้น็อตกับไอ้กล้าชวนเขาไปนั่งรอพวกมันทานข้าวที่โรงอาหารกลาง
เขาเล่าเรื่องน้ำเต้าหู้ให้มันฟัง พวกมันหัวเราะขำกันใหญ่ ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา
“มึงเขินทำไม
แค่พูดขอโทษนี่เสียฟอร์มมากหรือไง” น็อตส่วยหัวแล้วมองเขาอย่างระอา
“ตลก ไม่ได้เขินเว้ย
แค่ไม่รู้จะพูดอะไร” หมุนขวดน้ำเปล่าในมือไปมา
“ไม่รู้ได้ไงวะ
ขอโทษไงมึง อย่าบอกว่านี่คือเขินจริงดิ” กล้าไม่ได้ถามเจ้าตัว แต่หันไปถามน็อตแทน
น็อตพยักหน้า “ไม่ได้เห็นมานาน ไม่นึกจริงๆ ว่าจะได้เห็นอีกนะมึง”
“ไม่ได้เขินไง
พวกมึงประสาท รีบกินข้าว เดี๋ยวจะเริ่มงานละ” เหลืออีกกสิบกว่านาที
เอาแต่คุยเล่นกันอยู่นั่นเดี๋ยวก็ขึ้นไปเซ็นชื่อไม่ทันพอดี
“ไอ้กล้า
มึงกูหูเพื่อนมึงไว้นะ เวลาเขินมันจะหูแดง” น็อตทำทีเป็นกระซิบกับกล้า
แต่เสียงนี่จงใจให้เขาได้ยินชัดๆ
“เออ
ตอนนี้ก็ชมพูหน่อยๆ ด้วยล่ะ” แล้วมันก็จ้องหูเขากันใหญ่ จนรู้สึกร้อนใบหูวูบวาบ
“กูขึ้นไปก่อนละ”
นั่งทนมันเล่นวีรกรรมของผมมากเข้าไม่ไหว จึงลุกหนี
เดินขึ้นบันไดหนีไฟแทนการขึ้นลิฟต์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโปรแกรมสีน้ำเงินแสดงเลขหนึ่งแจ้งเตือน
Tin Atin added a photo of you.
กดเข้าไปดูปรากฏว่าเป็นภาพถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ใต้ภาพมีข้อความ
‘ไม่กินหวาน’
เขากดไลค์แล้วตอบกลับไปว่า
‘รับทราบครับผม J’
To be continued
----------------------------------------------------------------
[23/09/2558]
เย้! มาทันค่ะเดือนนี้ มาต่อสองครั้งด้วย จุดพลุฉลอง
ตอนนี้ใช้เวลาเขียนนานมาก ไม่รู้เราจะสื่ออกมาได้ดีไหม ฝากด้วยนะคะ
(แอบเอาเรื่อง Lucky ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว มาปัดฝุ่นเอาไปลงในเล้าเป็ดด้วยค่ะ
ใครสนใจไปตามอ่านได้นะคะ จิ้ม)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender’s blue J
ความคิดเห็น