ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Love you better now ... (ไม่) รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ปลอบ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 58


    Love you better now … (ไม่) รัก

     

     



     

    บทที่ 3 ปลอบ

     

     

     




    Never allow someone to be your priority
    while allowing yourself to be their option.

    — Mark Twain

     

     




     

     

              แสงแดดอ่อนลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีโปร่งทอดลงบนเตียงนอนขนาดกลางที่ตั้งอยู่ทางซ้ายของหน้าต่าง ผ้าปูเตียงสีเทาอ่อนเข้าชุดกับปลอกหมอนทั้งสี่ใบ และผ้าห่มสีเดียวกันที่ตอนนี้กองยับย่นบนเตียงอย่างหมิ่นเหม่ หมอนข้างที่วางอยู่ขอบเตียงถูกคว้าไปกอด พร้อมกับการพลิกตัวของร่างบนเตียง



              ผมดำตามธรรมชาติถูกย้อมตามสมัยนิยมเป็นสีน้ำตาลเข้มกระจายไม่เป็นทรงบนหมอนใบใหญ่ เขาอยู่ในชุดนอนพื้นขาวพิมพ์ลายน้ำเงินเข้ม ชายเสื้อที่เลิกขึ้นมาจากการพลิกตัวเผยให้เห็นหน้าท้องเนียนป่องน้อยๆ ที่ตอนนี้ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ

     

              นาฬิกาบนโต๊ะเครื่องแป้งบอกเวลาเจ็ดโมงสี่สิบห้าซึ่งตามปกติ เจ้าของห้องไม่มีทางที่จะนอนสบายแบบนี้เด็ดขาด

     

    วันนี้เป็นวันหยุดของอธินจึงไปแปลกใจเลยที่เขาจะนอนยาวเสียงจนสายโด่งแบบนี้ แต่อีกไม่นานแสงแดดที่เข้ามาตามรอยแยกของม่านจะค่อยๆ ทอดยาวและสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ รบกวนเจ้าของห้องให้เขาตื่นขึ้นมาเองในที่สุด

     

    แล้วก็แบบอย่างนั้นจริงๆ ไม่ถึงสิบนาที ร่างบนเตียงก็สะลึมสะลือตื่นขึ้น คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงมากดดูเวลา ขยับพลิกตัวไปมา แล้วค่อยลุกขึ้นท่าทางเกียจคร้านราวกับแมวขี้เซา

     

    หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ตอนนี้อธินอยู่ในชุดออกกำลังกายพร้อมออกไปข้างนอกแล้ว

     

    เมื่อเซ็ตเวลา เลือกโปรแกรมและเพลงที่ชอบได้แล้ว เขาก็จัดการปิดห้องและเลือกที่จะเดินเหยาะๆ ลงบันไดจากชั้น 6 มาชั้นล่างแทนการลงลิฟต์เพื่ออบอุ่นร่างกายไปในตัว

    อธินใช้เวลาช่วงเช้าในวันหยุดไปกับการออกกำลังกายเสมอ เขาไม่ชอบเข้าฟิตเนส เขาชอบการออกกำลังกายกลางแจ้งมากกว่า ได้ออกมาอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ ฟังเสียงน้ำและเสียงนก ยังน่าสนใจกว่าเสียงแอร์หึ่งๆ และกลิ่นน้ำยาปรับอากาศในฟิตเนสตั้งโข

     

    น่าแปลกที่เขาไม่เคยบอกกล่าวความคิดนี้ให้ใครฟัง เพราะหากมีคนถามว่าทำไมถึงชอบไปออกกำลังกายกลางแจ้ง เขาก็จะรีบตอบทันทีว่า

     

    ชอบแฟมมิลี่แมน เบื่อพวกผู้ชายกินกันเองในฟิตเนส

     

    สวนสาธารณะที่อธินมาประจำอยู่ห่างจากห้องชุดที่เขาอาศัยเพียงสามป้ายรถเมล์ มันเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ หน่วยงานที่ดูแลอยู่ออกกฎเข้มงวดให้ช่วยกันดูแลรักษา ที่นี่จึงปลอดขยะ อีกทั้งไม่มีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมสร้างความเกรงกลัวต่อผู้อื่นอย่างสวนสาธารณะบางแห่ง รอบๆ บึงน้ำตรงกลางสวนเป็นที่รวมตัวของผู้คน ทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ปกครอง หนุ่มสาว และที่สำคัญ สว. เจ้าถิ่น...ผู้สูงวัย...

     

    อธินวิ่งเหยาะๆ เข้ามาถึงลานใกล้บึงน้ำ ก็มีเสียงทักเกรียวกราวจากบรรดา แฟนคลับของอาทินกันระงม

     

    “สวัสดีครับ” เขายกมือไว้หญิงชายสูงอายุกลุ่มหนึ่งที่กำลังกวักมือเรียกเขา

     

    “อาทิน วันนี้ลื้อมาสายนา”

    “อาทิน อาม่าจำท่าที่อาทินสอนไปเมื่อคราวก่อนได้แล้วนะ แบบนี้ใช่ไหม”

    “อาทิน ลื้อผอมไปหรือเปล่า วันนี้อั๊วะเอาขนมมาฝากลื้อด้วย”

    “น้องทิน ยายปวดเข่า ลองทำท่าที่น้องทินสอนไปแล้วไม่ดีขึ้นเลย”

     

    เหล่าบรรดาปู่ย่าตายายอากงอาม่า ส่งเสียงถามไถ่สารทุกข์สุขดิบพร้อมพูดคุยเล่าเรื่องราวแบบไม่มีใครฟังใคร ทำให้ อาทินของอากงอาม่า หรือ น้องทิน ของคุณยายยิ้มกว้าง

     

    ก่อนบทสนทนาอีกยาวยืดจะตามมา ไม่นานเขาก็เป็นแกนนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังง่ายๆ บริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ตามศักยภาพ


    อธินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สูงอายุนี้เมื่อประมาณสองเดือนก่อน เขาได้ช่วยคุณยายคนหนึ่งที่กำลังจะล้ม และสอนให้แกยืดเส้นแขนขา พอคุณยายหายดีก็แยกกันไปพร้อมบอกให้เขารออยู่ห้ามไปไหน สักพักคุณยายเดินนำเพื่อนๆ มาทำความรู้จัก คุณปู่คนหนึ่งบ่นปวดหลังขึ้นมา เขาก็ให้คำแนะนำ พร้อมสอนท่ายืดหลัง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายมาเป็นสมาชิกชมรมสูงวัยจนกระทั่งปัจจุบัน

     

    “น้องทิน ที่ทำงานเป็นยังไงบ้างลูก หมู่นี้ไม่ค่อยแวะมาเลยนะ งานยุ่งเหรอจ้ะ”

    คุณยายน้อย คนที่เขาเคยช่วยไว้ทักขึ้น หลังจากออกกำลังกายเสร็จ

    “ช่วงนี้คนขาดครับเลยต้องอยู่เวรเยอะเลย พอกลับถึงห้องก็หมดแรงแล้วครับยายน้อย”

    อาม่ากิมที่อยู่ใกล้ๆ ยื่นถุงหนึ่งมาให้ “อั๊วะว่าแล้ว วันนี้อั๊วะเลยให้อาเหม่ยทำรังนกมาฝากนะอาทิน ลื้อต้องทานนะรู้ไหม” ฝ่ายนั้นกำชับเมื่อเห็นว่าเขาตั้งท่าปฏิเสธ

    อากงฮงก็ยื่นหมูพะโล้มาให้อย่างไม่น้อยหน้า “เอ้า หมูพะโล้นะอาทิน อั๊วะไปซื้อเจ้าอร่อยมาฝาก”

     

    หลายคนเริ่มบ่นเสียดายที่ไม่มีของมาฝากเขาบ้าง อธินเลยต้องรีบขอบคุณแล้วบอกปัดไปเพราะกลัวว่าคราวหน้าแทนที่จะได้ออกกำลังกาย เขาอาจได้กลายเป็นกรรมการรายการแชมป์กระทะเหล็กแทน

     







    เมื่ออากาศร้อนขึ้นก็ถึงเวลาแยกย้าย ชายหนุ่มบอกและและวิ่งช้าๆ กลับห้อง เขาแวะซื้อโจ๊กเจ้าประจำและกล้วยหอมหนึ่งหวีติดมือกลับห้อง

     

    นึกแปลกใจว่า ทำไมวันนี้คนถึงมากกว่าปกติ วันเสาร์อาทิตย์หรือยังไงนะ นี่เขามัวแต่ทำงานจนลืมวันลืมคืนได้ขนาดนี้เชียวหรือ

             


    ขากลับถึงแม้จะเหงื่อทั่วตัว เขาก็ยังเลือกที่จะเดินช้าๆ ขึ้นบันได

     

    “อ้าว”

     


    ระหว่างทางขึ้นบันไดที่ชั้น 5 อธินเจอกับน้องชายของเพื่อนสนิท เมธกำลังนั่งกดโทรศัพท์ใกล้ตรงราวบันได

     

    เมธเพียงแค่เหลือบตาขึ้นมองเขา พยักหน้าให้น้อยๆ เป็นเชิงทักทาย ก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์รัวเร็ว

     


    “.......”

     


    หือ?

    แปลกใจไม่น้อยที่วันนี้ไม่โดนกวนใส่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมหรือทักทายอะไรกันมาก แต่ทุกครั้งที่พบหน้า เดินสวนกันหน้าลิฟต์ เจ้าเด็กสูงโย่งจะต้องปล่อยคำพูดทักทายที่ทำเอาเขาหนวดกระตุก

     




    ...




    เมื่อหลายวันก่อน เขานอนเพลินไปหน่อย เตรัยมตัวเสร็จก็เหลือเวลาอีกแค่สิบห้านาทีก่อนจะเริ่มงาน ด้วยความรีบพอลิฟต์เปิด อธินก็ก้าวพรวดเข้าไป สวนทางกับไอ้คนที่ก้าวออกมาพอดี

     


    จะรีบไปไหน เดินดูทางบ้างก็ได้ เจ้พี่ทิน

     

    กำลังจะเอ่ยขอโทษแต่ช้ากว่าไอ้คนตรงหน้าซะได้ คนที่เรียกเขาแบบนี้มีแค่ไอ้เด็กกวนตีนคนเดียวเท่านั้น โมโหใส่มันหลายรอบเรื่องชื่อเขา ให้มันเรียกว่า พี่ทินจนตอนนี้เป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเองซะงั้น

     

    ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ขี้เกียจต่อปากต่อคำ สะบัดหลังมือไล่มันออกจากลิฟท์ เมธเห็นดังนั้นจึงเอามือจับขอบประตูลิฟต์ไว้ ยกมุมยิ้มปาก

     

    ช่วงนี้หน้าโคตรโทรมอะเจ้ เมธทำเสียงอ่อน จนอธินเผลอยกมือลูบหน้าตาตัวเอง พอรู้ว่าเขาเริ่มตายใจเท่านั้นแหละ มันก็เปลี่ยนสีหน้า เปลี่ยนสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเน้นเสียงลามก หนักเหรอ



    เสียงเส้นความอดทนในหัวอธินขาดดังผึง! แล้วอธินก็สติหลุด โวยวายใส่ไอ้ตัวกวนที่พอโดนฟาดก็หัวเราะร่า



    โอ้ยยย ออกไป  รีบเนี่ย สายแล้ว ไอ้เมธ เร็ว

    สองมือผลักคนที่สวมชุดออกกำลังกายขาสั้นสุดแรง ร่างกายสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามเต็มไปด้วยเหงื่อเซน้อยๆ ก่อนจะยอมถอยออกมา

    ทิ้งคำพูดกวนใจไว้ให้อธินตะโกนด่าก้องในลิฟท์ลำพัง

    หนักมากไม่ดีนะเจ้ เดี๋ยวไม่ฟิต

     



              ...





              วินาทีที่สบตาเมื่อครู่ ดวงตาสีเข้มดูวาววับกว่าปรกติ ทั้งขอบตาเป็นสีแดงเข้มนั่นอีก

              ร้องไห้?

              ไอ้เมธ เนี่ยนะ

     


              “กินข้าวยัง” ถามด้วยความเป็นห่วง..นิดหน่อย ...ที่มากคือความอยากเผือกล้วนๆ

              “.......” เมธยังคงจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ทำราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด

              “เอ้า ไม่ตอบ ถ้าหิวก็ไปที่ห้องละกัน” แม้จะอยากรู้แค่ไหน แต่สถานการณ์แบบนี้ อธินก็รู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งจะดีที่สุด

             

     





              ทานข้าวเช้า ทำความสะอาดห้องจนถึงตอนที่อธินเริ่มลงมือทำอาหารเที่ยงแล้วนั่นแหละ ประตูห้องก็ถูกเคาะ คนที่โผล่มาก็ไม่เหนือความคาดหมาย

     

              “เจ้ หิวอะ”

     

              เมธเดินเข้ามาในห้องตรงไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำขึ้นมาเทใส่แก้วดื่มรวดเดียวหมด แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารในส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ


              “กำลังเริ่มทำ มีไข่เจียวกับต้มยำนะ จะไปซื้อหมูทอดเพิ่มไหม”


              เมธส่ายหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเซื่องซึม

              ต้มยำเดือดแล้วเขาตักใส่ถ้วย บอกให้เมธมารับไปวางบนโต๊ะ มันก็ทำตามโดยดี แถมยังหยิบถ้วยชามออกมาจัดโต๊ะอีก ไม่ต้องรอให้เขาบอกเหมือนทุกครั้งที่มันมาทานข้าวด้วย

     





                   ...






              เรื่องมันเกิดเมื่อเดือนก่อน สายฝนกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาตั้งแต่เย็นจนกระทั่งค่ำ ร้านอาหาร รถเข็น ร้านขายของแถวที่พักก็หายเรียบ อธินหาซื้อได้แค่ผักกาดขาวเหี่ยวๆ หนึ่งหัว ระหว่างรอลิฟท์กำลังคิดว่าจะทำอะไรทานดี ระหว่างแกงจืดกับผัดผัก


    มือเย็นๆ ก็คว้าเข้าที่หลังคอ เขาสะดุ้งเฮือก หันไปก็พบว่าเป็นน้องเพื่อนสนิทตัวเอง กำลังส่งยิ้มกว้างทั้งที่ยังจับหลังคอเขาไว้ไม่ปล่อย

     


    ตกใจหมด ทำอะไรของแก ไอ้เมธ เขาพยายามสะบัดตัว แต่มันก็ยังไม่ปล่อย

    ขวัญอ่อนเหรอ ...ล้อเล่นครับเจ้ เห็นทำหน้าเซ็งๆเขาหลังมือใส่แขนมันเต็มแรง มันถึงยอมปล่อยมือพร้อมแก้ตัว


    ใช่เพื่อนเหรออารมณ์โมโหไม่รู้มาจากไหน ย้อนกลับไปเสียงเย็น ไม่ได้จะสนิทอะไรด้วย มาเล่นหัวพูดจาไม่ดีใส่อีก อธินสุดจะทนแล้วจริงๆ

     


    โอ๊ะ โกรธจริงด้วย ขอโทษครับยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้เป็นเด็กประถม ยังไม่ทันที่เขาจะพูดสั่งสอน เมธก็จามออกมาเสียงดัง หยดน้ำจากผมเปียกๆ ของมันกระเด็นใส่เขาเต็มๆ


    เขาถอนหายใจเสียงดัง ตอนที่ลิฟต์มาพอดี

     

     









    ฝนตกจะตากฝนทำไม คิดว่าเป็นมนุษย์เหล็กหรือไง

    เมธไม่ตอบ ส่งยิ้มจางๆ ให้ สุดท้ายก็ใจอ่อน ลากมันกลับมาที่ห้อง ส่งผ้าเช็ดตัวให้แล้วไล่ไปอาบน้ำ


    แทนที่อธินจะได้กินผัดผัก ค่ำนั้นเมธก็ได้ซดน้ำซุปแกงจืดผักกาดขาวร้อนๆ แทน

     







    เจ้ทำกับข้าวอร่อยว่ะเมธบอกหลังจากทานข้าวหมดจาน แกงจืดไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุป

    หึ แน่นอน ระดับนี้ละสมัยเรียนไอ้เมก็มาฝากท้องที่ห้องเขาบ่อยๆ

     

    งี้ ถ้าผมหิว มากินกับเจ้ได้ปะเมธเก็บจานยกไปวางในอ่างล้าง

    ฝันเหรออธินตะโกนบอกมาจากโซฟาหน้าโทรทัศน์

    โหย เจ้ กินข้าวคนเดียวไม่อร่อยหรอกหันกลับไปมองคนที่นั่งหันข้างดูการ์ตูน

    น่า ... ผมมากินด้วย เจ้จะได้ไม่ต้องล้างจานไง’ เมธพยายามหว่านล้อม

    มันก็ต้องอย่างนั้นไหมว่ะ ฉันทำให้แกกินแล้วนิ’ เสียงน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง สลับกับเสียงเมธตีฟองในอ่างล้างจาน


    เย้ ไว้วันไหนว่างจะมากินด้วยนะเจ้

    ‘ฮะ! อนุญาตตอนไหนเขาถึงกับหันขวับ ไปบอกตกลงให้มันมากินด้วยเมื่อไหร่

    ก็เมื่อกี้ไง เจ้บอก เจ้จะทำแล้วให้ผมล้างจานอะ

    แล้วมันมีคำว่าตกลงตรงไหนไม่ทราบแกฮะ’ 

    เถอะน่า เจ้ทำกับข้าวอร่อย เก็บไว้กินคนเดียวไม่อร่อยหรอก เมธย้ำบ่อยมาก คำว่า กินข้าวคนเดียวไม่อร่อย ไม่รู้ว่ามันจะรู้ตัวไหมที่พูดออกมา ลึกๆ ในใจมันคงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

     



    เฮ้ยเขาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไอ้เมธเอามือเปียกๆ ของมันมาจับหลังคออีกแล้ว

    ตกใจขนาดนั้นเลยมันทำหน้าเหรอหรา

    ก็บอกว่าไม่ชอบไง

    ครับๆ ขอโทษๆ เจ้ก็ชอบดูโคนันเหรอ เนี่ยนะ....

     

    เมธโอ้เอ้นั่งดูโทรทัศน์จนเกือบสามทุ่มแล้วมันก็จากไป กลายเป็นว่าทุกเย็นวันเสาร์ มันมากินข้าวกับเขาจริงๆ

     

     


              ...






              เสียงช้อนส้อมกระทบกันเบาๆ ปกติอธินก็ไม่ค่อยพูดมากกับเมธอยู่แล้ว เพราะมันจะเป็นคนแย่งพูดไปหมด วันนี้มันดันเงียบขึ้นมา เขาก็เลยไม่รู้จะคุยอะไร บรรยากาศหม่นๆ ปกคลุมจนแอบถอนหายใจไปหลายรอบ

             

    “เจ้”

     

    ระหว่างที่กำลังแอบนินทามันใจ เมธก็เรียกเขา ดวงตาสีเข้มไม่ได้แวววับเต็มไปด้วยความขี้เล่นอย่างที่เคยเห็นประจำ กลับหม่นแสงเหมือนดวงจันทร์ที่ถูกหมู่เมฆบดบัง

     


    “ถ้าเป็นเจ้ จะไปขอคืนดีกับแฟนเก่าปะ”

             


              นี่ละมั้ง สาเหตุที่มันทำตัวเศร้าซึมมาตั้งแต่เช้า “ทะเลาะกัน?”

              เมธเขี่ยข้าวในจานก่อนจะเอ่ย “เลิกกันไปแล้ว”

     


              “ยังชอบเขาอยู่ ก็ไปง้อสิ” ปัญหาโลกแตก ทะเลาะกับแฟน เดี๋ยวก็กลับมาดีกัน ได้แต่คิดในใจ เห็นหน้ามันแล้วพูดแรงๆ อย่างเคยไม่ลง

     


              “เขาอาจจะไม่ชอบผมแล้วก็ได้ ป่านนี้คงมีแฟนใหม่แล้วมั้ง”

              กึก! อธินวางช้อนลงบนจานเสียงดัง

              “แฟนแกบอกงั้นหรอ”

              “ฮะ” เมธทำหน้างงๆ จากที่มันกำลังซึมๆ อยู่ๆ ก็โดนคนที่เขาขอคำปรึกษาสะบัดเสียงใส่

              “แฟนแกบอกว่าไม่ชอบแกแล้วหรือไง ถึงได้คิดอย่างนั้น”

              “ฮะ ... ไม่ได้บอก” ถลึงตาใส่เมื่อเห็นว่าเมธยังทำหน้างง


              “เออ ถ้าแฟนแกยังไม่บอกก็ยังไม่ต้องคิด อยากทำไรทำ รักอยู่ก็ไปง้อ เค้าจะคืนดีไหมก็รอดูต่อไป อย่ามาคิดเอง แกมีหน้าที่ไปง้อ ส่วนคนที่มีหน้าที่คิดและให้คำตอบคือแฟนแก เข้าใจไหม”


              “.......” เมธกะพริบตาปริบ มันคงงงที่เห็นเขาตอบอย่างจริงจังขนาดนี้


              “ยังจะมาทำหน้าเป็นหมางงอีก ที่พูดเนี่ยเข้าใจไหม”



              “อ่า ... เข้าใจ... เข้าใจแล้วเจ้”




              เขาตักไข่เจียวเพิ่ม ใส่ชามตัวเอง กำลังจะยกช้อนเข้าปากก็เห็นว่าเมธยังคงนั่งเขี่ยข้าวเฉยไม่ยอมกิน




              “เข้าใจแล้วก็กินข้าว อย่าเขี่ยเล่น”

              “คร้าบบบบบ”

             

     

     






    เมธล้างจานเสร็จก็เดินมานั่งบนโซฟาข้างๆ ดูการ์ตูนด้วยกันอย่างเคย




    “นี่” เขาส่งเสียงเรียกอีกคน



    “......” เมธหันหน้ากลับมาฟัง สบตากันเสี้ยววินาที อธินหันหน้ากลับไปมองที่จอโทรทัศน์




    “...ถ้าไปง้อแล้ว มันไม่เวิร์คก็...พอเถอะ”




    “....อืม” เมธส่งเสียงตอบรับมาในลำคอ จากหางตาก็เห็นว่าเมธหันหน้าไปดูการ์ตูนอยู่เหมือนกัน


    “อย่าไปเป็นตัวเลือกให้กับคนที่...ไม่เห็นค่าเลย” ท้ายประโยคถูกเอ่ยมาอย่างยากลำบาก เสียงแผ่วเบาอย่างนั้น ไม่รู้ว่าคนข้างๆ จะได้ยินไหม

     



    “...ครับ”

     





              มีไม่กี่คนที่อธินจะพูดจ้อด้วยได้ หนึ่งในนั้นคือเม แต่กับคนอื่นแล้วเขาพูดไม่เก่งเอาเสียเลย ที่ทำไปวันนี้ก็ได้แต่หวังว่าน้องชายของเพื่อนสนิทจะกลับมาเป็นปรกติได้ในเร็ววัน

     




              ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสับสนอย่างนั้น เขารู้ว่ากว่าจะผ่านมาได้ 


              

                 ...มันไม่ง่ายเลย...

     




              ยิ่งถ้ามีคำว่า รัก อยู่ด้วยแล้วละก็ ไม่ว่าใครก็ช่วยใครไม่ได้ทั้งนั้น มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะก้าวผ่านไปได้

     




              ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบที่มันกวนตีนหรอกนะ แต่ถ้าเลือกระหว่างตอนที่เมธหัวเราะกับตอนนี้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของมันก็ดูดีกว่าจริงๆ   

             

     





    To be continued ………………………………………………………………..

     




    [12/08/2558]

              สดๆ ร้อนๆ จากเตา ต้อนรับวันแม่ค่ะ เหลือบตามองปฏิทินเร็วกว่าเดือนที่แล้วสิบวันนะคะ เย้ <3

              ขอบคุณ คุณ ggg ที่เตือนเรื่องชื่อค่ะ ชื่ออธินชื่อเล่นคือทินค่ะ ส่วน 'ติน' นั้นเป็นชื่อเฉพาะ 55555 ว่าแต่มาจากไหนและใครจะเรียกนั้นต้องคอยติดตามกันไปค่ะ อิอิ

              ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ *กอด*

    เชิญติชมได้เช่นเคยนะคะ <3



    Lavender’s blue J      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×