ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Love you better now ... (ไม่) รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บบที่ 2 เจ้

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 58


    Love you better now … (ไม่) รัก

     

     


     

    บทที่ 2 เจ้  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “Love is the most beautiful of dreams and the worst of nightmares.” 
    - Aman Jassal, Rainbow - the shades of love

     

     

     

     

     


                อุณหภูมิที่สูงกว่าปกติทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาจนเหนียวเหนอะ เมื่อพลิกตัวอย่างกระสับกระส่ายหลายรอบ ร่างบนเตียงก็รู้สึกตัว อาการปวดหัวยังคงมีอยู่แต่ก็น้อยกว่าเมื่อเย็นวาน อาการไข้เองก็เหมมือนจะลดลงไปบ้างแล้ว

     


    ขยับตัวลุกขึ้น กะพริบตาเพื่อปรับแสง มองไปรอบห้อง นอกจากอุณหภูมิห้องที่สูงกว่าปกติที่ตั้งไว้ เขายังสังเกตว่าโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กวางอยู่เคียงกัน ริมฝีปากแห้งผากก็ปรากฏรอยยิ้ม เมื่อนึกได้ว่า เมื่อคืนมีคนมาดูแลเขา จากความทรงจำอันเลือนราง คนที่เขารอคอยกลับมาหาเขา ดูแลเขาในความเป็นจริง  ... ไม่ใช่ความฝัน

     

     

     

    “ฝ....ฝ...น....ฝน”

     

     

    “ฝน!

     

     

     

    เปล่งเสียงออกไปอย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ลุกขึ้น เดินออกไปนอกห้องแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่พบใครเลย....แม้แต่เงา

     

      

    “ฝน!

     

     

     ท่าทางดีใจเปลี่ยนเป็นหงอยเหงา เขาเดินเข้าไปดื่มน้ำในครัว และพบว่าบนเตามีหม้อเล็กๆ ตั้งอยู่ ข้างในบรรจุโจ๊กหน้าตาน่ารับประทานอยู่เต็มหม้อ ข้างๆ กันมีไข่สดวางอยู่ในถ้วยเล็ก บนโต๊ะมีถ้วยเปล่า แก้วน้ำและช้อนวางไว้รอพร้อมเครื่องปรุงอย่างซีอิ้วและพริกไทย   

     

      

    ฝนไม่ทำอาหาร ...  และไม่เคยบริการเขาแบบนี้

     

     

    ตลอดเวลาเกือบสองปีที่คบกันมา ฝนเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักท่าทางเรียบร้อย เธอเรียนเก่ง ขยัน และตรงต่อเวลาเสมอ เธอคอยช่วยเหลือเขา ทั้งสอนการบ้าน ทำงานกลุ่ม ช่วยติวก่อนสอบและคอยเตือนเขาเสมอในทุกเรื่อง

     

    ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาจากเพื่อนกลายมาเป็นคนรู้ใจ

     

    ฝนเก่งในด้านการเรียนแต่เรื่องเข้าครัวแล้ว เธอไม่มีหัวทางด้านนี้เลยจริงๆ แค่ปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เข้าไมโครเวฟได้ก็เก่งแล้วฝนเคยบอกไว้อย่างนั้น 

     

     

    ไม่ใช่ฝนแน่นอนที่ทำโจ๊ก และเตรียมไข่สดไว้ให้เขาอย่างนี้ ตัดพ่อกับแม่ออกไปได้เลยเพราะทั้งคู่อยู่ต่างจังหวัด พวกเพื่อนสนิทก็ไม่มีทางที่จะมาดูแลถึงขั้นทำอาหารทิ้งไว้ให้ มันคงพาเขาไปที่โรงพยาบาลมากกว่า

     

      ...ไม่มีใครรู้ว่าเขาป่วย...

     

      




     อ้อ มีสิ คนที่เขาเพิ่งคุยด้วยเมื่อวานไง

                 ... ไอ้พี่เม แต่เมเพิ่งบอกเขาว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัดไม่ใช่หรือไงนะ คล้ายๆ กับจะได้ยินเมบอกว่าจะส่งเพื่อนมาดูหรือยังไงนี่แหละ 

     

      

    ใครกันนะที่เข้ามาดูแลเขา

       

     เสียงท้องร้องโครกครากทำให้เขาหยุดคิด เปิดเตาอุ่นโจ๊กและใส่ไข่อย่างที่มีใครคนหนึ่งเตรียมไว้ให้

     

     ...หายดีแล้วค่อยโทรหาเม ไว้จะโทรไปขอบคุณละกัน

     

      

    กลิ่นหอมฟุ้งและความหิวโหยทำให้เขาปัดความคิดต่างๆ ออกไป ก่อนจะค่อยๆ ลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกันโจ๊กกลิ่นหอม ใส่ไข่หน้าตาน่ารับประทานนั่นแหละ  

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    “หน้าซีดๆ นะเมธ” กล้าเอ่ยทักเพื่อนที่นั่งลงข้างกัน ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะในโรงอาหารของโรงงานอาหารแช่แข็งแห่งหนึ่ง

     “มึนๆ หัวนิดหน่อยว่ะ” เขาตอบเพื่อนแล้วยกมือไหว้ทักทายพี่เจ้าหน้าที่ในโรงงาน เห็นเพื่อนอยู่คนเดียวจึงถามหาเพื่อนอีกคน “แล้วไอ้น็อตล่ะ”

     

    “ไปซื้อข้าว นี่ไงมาพอดี” กล้าหันไปรับจานข้าวมาจากเพื่อนที่ชื่อน็อต ไอ้น็อตแค่พยักหน้าให้ก่อนจะออกเดินไปร้านน้ำ มันเดินกลับมาพร้อมน้ำเย็นสามขวด

     “บริการดีนะมึงวันนี้” เอ่ยแซวไอ้น็อตที่วันนี้มันเป็นเวรบริการทุกคน เพราะมันดันแพ้พนันเมื่อวาน ไอ้กล้าหัวเราะเบาๆ ผสมโรง

     “เออ สนุกกันใหญ่พวกมึง อย่าให้กูได้ใช้พวกมึงมั่งนะ” ไอ้น็อตพูดพลางทำหน้าขึงขัง ก่อนมันเองจะหลุดหัวเราะ “แมชหน้านี่กูไม่พลาดแน่เว้ย ฮ่าๆ”

     พวกเขาพนันกันเล่นๆ เรื่องฟุตบอล ใครแพ้ต้องมาเป็นเบ้หนึ่งวัน คู่หยุดโลกเมื่อวานผลเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ

     “ไอ้เมธ เมื่อวานมึงบอกไม่สบาย หายดีแล้วนะ?” ข้าวมันไก่หมดไปแล้วไอ้น็อตจึงนึกถึงเพื่อนได้

     “เออ ถามช้ากว่านี้กูคงตายไปละ”

     “เอ้า อย่างอนดิครับ โอ๋ๆ นะ” ไอ้น็อตที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำท่าจะกอดพร้อมยื่นปากที่มันแพล็บจากการกินข้าวมันไก่ข้ามโต๊ะมา

     “ตลกละ พอเลยเดี๋ยวจากที่จะหายกูเป็นหนักกว่าเดิม” ไอ้กล้าผลักไอ้น็อตหน้าหงาย ก่อนจะโดนเอาคืนเต็มโบก แล้วสงครามเล็กๆ ก็ก่อตัวขึ้น จนเมื่อกริ่งดังจึงเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนตามที่ได้รับมอบหมาย

     




    ตกเย็นเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง ไอ้น็อตบ่นอุบเรื่องหัวหน้าแผนกที่ให้มันเริ่มส่งโครงร่างงานวิจัย

    “คิดหัวข้อยังไม่ออกเลยเถอะ พี่เค้าบอกให้กูส่งพรุ่งนี้แล้ว คืนนี้ไม่ได้นอนแน่กู”

     “ทำไมพี่แผนกมึงเร่งจังวะ ของกูวันนี้ไปนั่งเฝ้าเครื่องสตรีม (เครื่องอบไอน้ำ) ทั้งวันเลย” ไอ้กล้าทำเสียงเยาะเย้ย

                “เหอะ มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว พี่แผนกกูน่ะ ...” จู่ๆ ไอ้น็อตก็ลดเสียงลง เหลียวซ้ายขวาอย่างมีพิรุธ ทำให้พวกเขาต้องขยับเข้าไปฟังมันใกล้ๆ

     


                “พี่แผนกกูน่ะ  พี่หมอยา เลยนะเว้ย”

     


    “แผนกมึงมีหมอด้วยเหรอ” ไอ้กล้าถามหลังจากฟังจบ “แล้วอะไรทำไมต้องทำเหมือนมีความลับ แค่บอกชื่อพี่ที่แผนกเองนี่”

     “ก็คนนี้ไงที่พี่แหววบอกว่าโหดสุด ตอนวันที่เรามาปฐมนิเทศไง”

     “ง่า กูจำไม่ได้ แต่ก็โชคดีแล้วนะมึงเทพน็อต” ไอ้กล้ายังคงทำเสียงเยาะเย้ย เมธได้แต่ยืนฟังพวกมันคุยกัน หูฟังมืดกดโทรศัพท์เลื่อนดูความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล จนรู้สึกว่าเสียงพูดคุยมันเงียบหายไปนั่นแหละจึงเงยหน้าขึ้นมา




    เพื่อนสองคนกำลังกระซิบกระซาบพร้อมมองเขากับมือถือสลับไปมา

     


    “อะไร”


    “เปล๊า” เสียงสูงไปอีก ไอ้กล้า น็อตถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาตบบ่า



    “คนมันไม่อยู่แล้ว มึงทำยังไงเค้าก็ไม่กลับมาหรอกว่ะเมธ”

     




    เขาไม่ตอบ เพียงแต่เม้มปาก แล้วเดินจากมา ได้ยินเสียงไอ้กล้ากับไอ้น็อตทะเลาะกันแว่วๆ ก่อนจะห่างออกไปแทนที่ด้วยเสียงการจราจรที่แน่นขนัดบนท้องถนนยามเย็น

     

     












    ก็ไม่รู้ดิเมธ แต่กลับมาเป็นเพื่อนกันคงจะดีกว่าจริงๆ

     





                เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตอนที่ฝนพูดคำนี้ออกมาเธอคิดอะไรอยู่ หรือ ไม่คิดอะไรเลยกันแน่ ทั้งที่เรื่องผ่านมาได้เดือนกว่า เขาคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอแล้ว วันนี้จึงกดเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย น่าแลกที่เพียงแค่เห็นหน้า ใจที่คิดว่าแข็งแล้วกลับเหลวยิ่งกว่ามาการีนที่เขาทำการทดลองวันนี้เสียอีก

     

                ไม่แปลกใจเลยที่น็อตกับกล้าจะสังเกตเห็น และเป็นน็อตที่ใช้คำพูดพวกนั้นสะกิดผ้าพันแผลผืนเก่าออก ราดด้วยแอลกอฮอล์อย่างไม่ปราณี

     

                ตั้งแต่ที่พวกมันรู้ว่าเขาเลิกกับฝน สองคนนี้ไม่เคยปริปากให้ความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเขาเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเหมือนกัน บางทีน็อตคงเบื่อกับอาการเบื่อโลกของเขาเต็มทนจึงพูดออกมา จะบอกว่าโกรธก็คงไม่ใช่ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วง

     

                ช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนกับเขาอยู่ในความฝันละมั้ง คำพูดไอ้น็อตกระชากให้เขาตื่นขึ้นมาพบกับโลกแห่งความจริง ...ที่ไม่มีฝนอีกต่อไปแล้ว

     

                ..คนไม่รัก ทำไงยังก็ไม่รัก..

                ต่อให้คร่ำครวญสักร้อยหน ร้องไห้เป็นพันครั้ง

    ไม่รักก็คือไม่รัก

               


                ความจริงที่เจ็บปวด ก็ยังดีกว่าความฝันแสนหวานที่ไม่มีทางเป็นจริง

     

     

     

     







                เขาใช้เวลาในการกลับห้องนานกว่าปกติ ตอนนี้นาฬิกาสีบนผนังเหนือโทรทัศน์บอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว รถเมล์สายแปลกที่ไม่เคยขึ้นนั่งพาเขาไปพบกับเส้นทางใหม่ๆ เดินเล่นจนหัวเริ่มโล่งแล้วนั่นแหละ เมธจึงพาตัวเองกลับห้อง

    เดินเข้าไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง เดินไปนั่งรับลมริมระเบียง พร้อมรดน้ำต้นไม้ที่เริ่มเฉาเพราะขาดน้ำมานานเกือบสัปดาห์

     


    RRRRRRRR

    เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งเสียงเฉพาะคนในครอบครัวดังขึ้น คนที่โทรมาหาเขาเวลานี้ก็มีอยู่คนเดียว จิบเบียร์อึกเล็กๆ ก่อนกดรับ

    “ครับเม”

    เป็นไงทำงานเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากพื้นหลังคนปลายสาย

    “ก็ดีอะ วันนี้พี่ให้แยกส่วนประกอบมาการีน เนี่ยกำลังคิดๆ อยู่ว่าจะหาหัวข้อวิจัยไรดี พี่ไอ้น็อตเค้าเร่งให้ทำแล้วด้วย”

    เออๆ ค่อยๆ คิดแหละ อยากทำไรก็ทำดิ แล้วไม่สบายหายยัง 

    “หายแล้ว”

    แล้วเป็นไงเมเริ่มทำน้ำเสียงแปลกๆ

    “อะไรเป็นไง ก็หายแล้ว สบายดี เออวันนั้นเมให้ใครมาดู เค้าทำโจ๊กทิ้งไว้ให้ด้วยว่าจะโทรไปขอบคุณ”

    “เหอะ..ไม่ต้องน่า เพื่อนนี่แหละ”

    เอ้า เพื่อนเมเหรอ พี่เค้าก็อุตสาห์มาดูแลนะ

    “อยู่ห้อง 608 เดินไปบอกมันเองเถอะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากกวนคนอื่นน่ะ ไอ้ดื้อ”

    “ครับๆ เดี๋ยวเดินไปขอบคุณเลยดีกว่านะ วางแล้วนะเม ครับ สวัสดีครับ”

     

    ยกเบียร์ขึ้นหมดกระป๋องพอดี ชายหนุ่มเข้าไปหาขนมที่พี่สาวซื้อมาตุนไว้ให้ไปเป็นของขอบคุณคนที่มาดูแล



    ห้อง 608 เป็นห้องที่อยู่สุดระเบียงทางเดินตรงข้ามกับห้องของเขาที่อยู่สุดทางเดินอีกด้าน เคาะประตูอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงตอบรับ ตามมาด้วยเสียงกุกกัก ประตูบานสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่เหมือนกับประตูห้องเขาก็เปิดออก

     




     

    “เฮ้ย!

     

     

     

     



     

    .

    .

    .

     



    ภายในห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนกัน แตกต่างกันที่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง เมธเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาผ้าดิบลายทางสีขาวสลับน้ำเงิน เจ้าของห้องเดินหายเข้าไปในห้องได้พักใหญ่แล้วกลับออกมา

     


    เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าของห้องเต็มตา เมธก็หัวเราะออกมาเบาๆ

    “อะไรของแก” เจ้าของห้องยกมือขึ้นกอดอก ย่นจมูกอย่างหงุดหงิด

    “เปล่าครับ”

    “มาเปล่าอะไร ก็ขำอยู่ชัดๆ”

    “ก็คิดถึงตอนที่เจ้พอกหน้าเมื่อกี้แล้วขำอะ”

     


    เป็นใครจะไม่ตกใจ เปิดประตู้องออกมาแล้วเจอคนหน้าเขียว ผมหน้าถูกมัดไว้เป็นทรงน้ำพุ แล้วยังจะเสื้อนยืดเปื่อยๆ กับกางเกงขาสั้นที่แทบจะไร้ยางยืดนั่นอีก

     


    “เหอะ อย่ามาคิดจะล้อให้ยาก ระดับนี้แล้วไม่แคร์” จังหวะการพูดทำให้ผมน้ำพุไหวไปมา


    “ไม่ได้จะล้อเลยเจ้ก็ มโนหนักมาก”

     


    ทั้งๆ ที่ปกติไม่ได้เป็นคนพูดมาก แต่คงเพราะวันนี้เบียร์กระป๋องนั้นทำให้เขาอารมณ์ดีกว่าปกติ นั่งต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนของเม ที่ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อ ติน คนนี้เป็นพิเศษ

     


    “แล้วมาทำไม เคาะห้องคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ ฉันเกือบนอนแล้วนะ”

    “อ่อ วันนั้นเจ้ไปเฝ้าไข้ปะ เลยเอาขนมมาขอบคุณ” พูดจบก็ยื่นขนมให้

    “อื้อ ไม่คิดว่าจะมารยาทดีนะเนี่ย”

    “เห็นเป็นคนยังไงล่ะ”

    “นึกว่าจะนิสัยไม่ดีซะอีก ขนาดในผับเค้าห้ามสูบบุหรี่แกยังสูบเลย” ดูท่าจะติดใจกับเรื่องนี้มากจำได้ไม่ลืมนะ

    “วันนั้นไม่เห็นจริงๆ นึกว่าสูบได้ไงเจ้ คนอื่นก็สูบ” เมธยักไหล่ ไม่คิดจะแก้ตัวใดๆ อีกเพราะได้กล่าวขอโทษอีกฝ่ายไว้แล้ว

     

    “เออๆ ช่างมันเถอะ คราวหลังก็ดูดีๆ ละกัน กลับห้องไป จะนอนละ”

    “ได้ขนมแล้วไล่เลยนะเจ้” ขยับตัวลุกขึ้นยืน พลางเดินไปยังประตู เจ้าของห้องเดินตามมาต้อยๆ

    “แน่สิ ง่วงจะตายแล้วเนี่ย” ว่าแล้วเจ้าตัวก็อ้าปากหาวเสียงดัง ท่าทางจะง่วงอย่างที่บอกจริงๆ

    “โอเค ฝันดีนะเจ้ ขอบคุณครับ” เมธยกยิ้มมุมปาก ขำกับท่าทางตลกๆ ราวกับเด็กน้อยของอีกฝ่าย อายุมากกว่าแต่กลับทำตัวเป็นเด็กๆ


    ประตูห้องเกือบปิดแล้วก็โดนดึงไว้ เจ้าของห้องโผล่หัวออกมา


    “นี่ ไม่เรียกเจ้ดิ” ทำหน้าตายุ่งๆ ด้วยความไม่พอใจ

    “งั้นจะให้เรียกอะไร”

    “เรียกชื่อสิ ทิน ...พี่ทิน” ว่าแล้วก็ผงกหัวตาม

    “อ่า ครับๆ พี่ทิน ฝันดีนะ เจ้พี่ทิน”  

     






    ปึง!







    ประตูถูกกระชากปิดอย่างแรง ทิ้งให้เมธหัวเราะเบาๆ อยู่คนเดียวกับเสียงด่าที่ขัดใจเจ้าตัวเพราะจะตะโกนเสียงดังก็ไม่ได้เนื่องจากดึกมากแล้ว

     





     “เหอะ ไอ้เด็กปากเสียเอ้ย!

     




    To be continued ………………………………………………………………..

     

    22/07/2558

    นี่เวลาติดปีกหรือเปล่า ก้มหน้าก้มตาเป็นมนุษย์เงินเดือนแปบเดียว (ในความรู้สึก) เงยหน้าขึ้นมาอีกทีปาเข้าไปเกือบ 2 เดือนแล้วที่ไม่มาต่อ 555

    ขอโทษด้วยนะคะ เรื่องนี้จบแน่ๆ ค่ะ (วางพล็อตทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดอย่างเดียวไม่ได้เขียน 555) แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ (กระซิกๆ T..T)

     มาอดทนรอด้วยกันนะคะ (ดูไร้ความหวังสุดๆ)

    ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ค่ะ

     

    Lavender’s blue J


    ปล, เข้ามาเปลี่ยนชื่อทินทินค่ะ ขอบคุณคุณ ggg ที่เตือนนะคะ *กอด*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×