ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) Love you better now ... (ไม่) รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 น้องเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 58


    Love you better now … (ไม่) รัก

     

     

     

    บทที่ 1 น้องเพื่อน

     

     

     

     

     

    “People ask all the time how I'm doing, but the truth is, they don't really want to know.” 
    - Jodi Picoult, Handle with Care

     

    ใครๆ ต่างก็ถามอยู่เสมอว่าเป็นยังไงบ้าง ทั้งที่ไม่ได้อยากรู้กันจริงๆ หรอก

    - โจดี้ พิคอล์ต

     

     

     

     

     

                เช้าวันทำงานเป็นช่วงเวลาที่อธินอย่างจะลาออกจากงานด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่ติดว่าชีวิตนี้ยังต้องพึ่งพากระดาษหลากสีที่เรียกว่า “เงิน” อยู่

     
     

                ให้ตายสิ!

     

                อธินไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะต้องมาทำงานบริการสุดหฤโหดที่น้อยคนจะรู้ว่าชีวิตการเป็น พยาบาล นั้น มันสุดแสนจะเหนื่อยยากลำบากแค่ไหน เขาเข้าเรียนคณะนี้เพราะแม่พูดเป่าหูตอนเลือกคณะที่จะแอดมิดชั่นว่า

     
     

    ใครจะรู้ ไอ้ทิน หมอหล่อๆ อาจมาชอบแกบ้างก็ได้นะ ทำงานอยู่ใกล้ๆ กันยังไงมันก็ต้องได้สักคนล่ะวะ เชื่อแม่สิ

     
     

    อนิจจา นายอธินในวัย 18 ปี ถูกมารดาบังเกิดเกล้าหลอกจนเปื่อยยิ่งกว่าหมูตุ๋น !

     

    อย่าได้แปลกใจว่าทำไมที่บ้านเขายอมรับในตัวตนของเขาได้ (แถมยังใช้ข้อนี้มาหลอกให้เขาทำเรื่องตลกอีกสารพัด) ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เขาตัดสินใจเดินเข้าไปบอกทั้งพ่อและแม่ว่าตัวเองเป็นเกย์

    พ่อมองหน้าเขา พูดแค่ว่า ก็อย่าไปทำให้ใครเขาดูถูกได้ละกัน

    แม่หัวเราะร่าแล้วบอกว่า ชั้นรู้ตั้งนานแล้วย่ะ ลูกสาว

    พ่อกับแม่ดูจะไม่กังวลเอาเสียเลยกับการที่อธินลูกชายคนเล็กของบ้านจะชอบผู้ชายด้วยกัน ญาติทั้งฝ่ายพ่อและแม่เอาแต่พูดจากระแนะกระแหน แรกๆ ก็ยังทนพอยิ้มรับได้ แต่พอมากเข้าทุกคนพูดไม่หยุด จนวันหนึ่งแม่หมดความอดทนพูดโพล่งออกไปว่า

     
     

    เป็นกระเทย เป็นเกย์ แล้วมันไปหนักใครอะไรไม่ทราบคะ อย่างน้อยพ่อกับแม่มันก็ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงหลานทั้งๆ ที่ลูกยังเรียนไม่จบหรอกค่ะ

     
     

    ทำเอาญาติหลายคนหน้าม้านกันเป็นแถบ เขาได้แต่สะใจอยู่เบื้องหลัง แอบไปบีบจมูกหลานตัวน้อยที่วิ่งเล่นไปมา มองลูกพี่ลูกน้องของตนเองที่ยังเรียนไม่ทันจบก็ป่องคนที่สองแล้วอย่างที่แม่พูดไว้

     
     

    หลังจากเรียนจบจากคณะพยาบาล จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดที่เขาอาศัยอยู่ อธินได้เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ใช่ว่างานจะหาได้ง่ายๆ หรอกนะ แต่เพราะเขาได้รับทุนของโรงพยาบาลนี้ตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่สี่ เลยต้องมาทำงานใช้ทุนสองปีตามสัญญา ปีนี้เข้าปีที่สามเขาก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม เพราะอะไรน่ะเหรอ

     
     

    กลับไปอ่านข้างบนใหม่ไหม

     
     

    เงิน ไงเล่า

     
     

    อย่ามาทำท่ารังเกียจที่เขาเห็นแก่เงินขนาดนั้น ก็ถ้าไม่มีเงินพวกนี้ พวกหล่อนจะไปหาไอโฟน ไอเพต เทปแล็ต น้ำหอมจีวองชี่ กระเป๋ากาเบ เอ้ย มิวมิว แว่นกันแดดอาร์มานี่ กินชาบู แดกไอติมก้อนเดียวร้อยกว่าบาท และอีกสารพัดยาวจากหัวลำโพงยันสุไหงโกลกก็ยังไม่พอได้ที่ไหนจ้ะแม่คุณทูนหัว

     
     

     

     แต่อย่างว่าชีวิต ใครจะแค่นั่งๆ นอนๆ ก็ได้เงินมาได้ง่ายๆ กันเล่า มันก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน

     


     

    และอาชีพพยาบาลอย่างเขาต้องแลกมากับอะไร

     

    เวลา แรงงาน และอารมณ์

    สามสิ่งง่ายๆ ที่เขาเองก็อยากจะทึ้งหัววันละร้อยรอบ

     
     

    ทำงานไม่เป็นเวลา บางวันขึ้นกะเช้าต่อกะบ่ายทำงานมากกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อที่ตอนเที่ยงคืนเมื่อลงวอดมาแล้วจะได้นอนตายนิ่งสนิทบนเตียงในหอพักของโรงพยาบาล ซึ่งจะต้องตื่นในตอนบ่ายเข้ากะดึกของวัน เลิกงานตอนเจ็ดโมงเช้านอนยาวไปจนถึงบ่ายกว่าเตรียมตัวขึ้นเวรต่อไปอย่างนี้ไม่สิ้นสุด

    งานของเขาได้พักสัปดาห์ละ 1 วัน สามารถเลือกตกลงกับหัวหน้าวอร์ดได้ หรือเลือกที่จะไม่หยุดงานเลยเพื่อที่จะได้วันหยุดยาวๆ ห้าหกวันติดกันทีเดียวก็ได้ (ถ้าในเดือนนั้นไม่มีคนลาละก็นะ)

    เห็นไหมใครบอกว่างานพยาบาลมันง่ายกัน นี่ยังไม่นับเรื่องที่ต้องใช้แรงงานทำงานทุกอย่าง ยกคนไข้ อาบน้ำ เช็ดตัว พยาบาลคนไข้ เดินไปหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ให้ตามแต่จะถูกเรียกใช้ ก็ว่าไม่ได้นินะ พวกคนมีเงินทั้งนั้น !

    ที่สำคัญไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ ทำได้อย่างเดียวคือ ได้ครับ ยิ้มกว้างเต็มใจบริการยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู แม้ว่าจะโดนเหน็บแนม หรือต่อว่ายังไงก็ต้องทน เพราะอะไรน่ะเหรอ


    เงิน น่ะสิ

     


     

                จนถึงตอนนี้อธินก็ยังคงสงสัยกับตัวเองเหลือเกินว่า ตัวเขานั้น รัก หรือ เกลียดเงินกันแน่

     



     

    จมอยู่กับความคิดของตนเองสักพัก รุ่นพี่พยาบาลที่ขึ้นวอร์ดด้วยกันกระทุ้งสีข้าง แล้วหลิ่วตาล้อ ปากพยักเพยิดให้มองไปทางขวา ยันไม่ทันที่เขาจะหันไปมองก็ได้ยินเสียงที่ทำเอาเขาอย่างจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด

     

     

    “อาทินทิน วันนี้มารอเสี่ยถึงตรงนี้เลยเหรอ ดีใจจัง”

     

    อธินยกยิ้มขึ้นอย่างยากลำบาก ยกมือกระพุ่มไหว้พลางกล่าว “สวัสดีครับ คุณสุกร เอ้ย ศุภกร”

     

    “บอกให้เรียก เสี่ยกร ตั้งหลายหนก็ไม่ยอมสักทีนะ ดื้อจริงๆ”

     

    ชายวัยกลางคนรูปร่างประหนึ่ง สุกร ดังที่อธินค่อนขอดยกมือที่สวมแหวนประดับเพชรพลอยพราวระยับขึ้นปัดไล่คล้ายรำคาญทั้งที่ปากกว้างนั้นยังยกยิ้มเห็นฟันทองสามซี่

     

    “ไม่ได้เหรอกครับ มันเป็นกฎของโรงพยาบาล” เขาบอกปัดไปอย่างสุภาพ แล้วรีบทำหน้าที่ของตนเองอย่างรวดเร็ว

    “คุณศุภกร เชิญไปพบคุณหมอได้เลยครับ คุณหมอมารออยู่แล้ว” เขาผายมือไปยังห้องตรวจที่สองทางด้านซ้ายมือ ห่างจากเคาเตอร์ที่แผนกไปเพียงไม่เกิน 20 ก้าว

     

    ชายวัยกลางคนทำหน้านิ่ว “เอ ไปทางไหนน้า เสี่ยหาไม่เจอเลย อาทินทินพาเสี่ยไปหน่อยสิ อา ปวดหัวเข่าจังเลยน้า”

     

     

    คนแกล้งโอดครวญขยับขาเล็กน้อยพลางส่งเสียงครวญคราง ทำหน้าตาเจ็บปวดเต็มที่ ซึ่งไม่นานหลังจากที่อธินแอบทำหน้าสยองแล้วก็รีบเดินทำไป “เชิญทางนี้ครับ”

     

    “อาทินทิน รอเสี่ยก่อนสิ”

     

    รีบจ้ำเดินตามไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายอุ้ยอ้ายจะพาไปได้ อาการเจ็บปวดเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง


    แล้วสาเหตุที่ทำเขาปวดหัวอันดับ 1 ก็พ้นไป เมื่อก่อนเสี่ยศุภกรเกาะแกะรุ่มร่ามกับเขามากจนต้องตอบกลับให้เสี่ยรู้ตัว ตอนนี้เลยเหลือแค่ขอให้ได้แทะโลมกันสักเล็กน้อย เสี่ยก็ดูจะพอใจแล้ว หึ! ลองไม่พอใจสิ เขาเคยขู่ไว้ว่าอาจจะหยิบยาผิด เอายาพิษใส่เข้าไปในถุงยาสลับกับยาลดคลอเลสเตอร์รอลให้เสี่ยทานแทน ยังไม่พอจะอัดคลิปตอนเสี่ยช็อคตาตั้งส่งไปให้ซ้อใหญ่ ภรรยาเอกของเสี่ย (ที่รู้ชื่อเสียงว่าสุดเฮี้ยบและสุดโหด) เสี่ยก็ตาเหลือก ยอมแพ้ เลิกเกาะแกะเขาไปในที่สุด

     



     

    ช่วงสายๆ จะเป็นเวลาที่คนไข้ประจำของเขาเข้ามาอีกราย คนนี้ คือ คุณนายตื่นสาย เอ้ย ไม่ใช่ คุณนายสายหยุด คิดภาพแบบคุณนายฟู่ฟ่าแบบในละครไทยออกไหม นั่นแหละเจ้แก


    ผมตีกระบัง แต่งหน้าหนาเตอะ ขนตาปลอมยังกับแผงกันสาดกระพือพรึบพรับ กระเป๋าใบเล็กๆ สีทองเปล่งประกาย ข้างตัวมีคนสนิทที่คอยตามทุกฝีก้าว คอยรับคำสั่งจัดการนู้นนี่ให้

     
     

    แค่การแต่งกายยังเยอะขนาดนี้ แล้วตัวจริงคุณนายสายหยุดจะเยอะขนาดไหนคิดดูนะครับ

     

    คุณนายสายหยุดเป็นคนไข้ในความดูแลของเขาเคสที่สองต่อจากเสี่ยศุภกร หลังจากการเข้าไปแนะนำตัวอย่างเรียบร้อยที่สุดเท่าที่อธินเคยทำมาในชีวิต ช่วงเวลาในการดูแลคนไข้ตอนตรวจสุขภาพผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมากเพราะรุ่นพี่หลายคนให้ดาวความเรื่องมากของคุณนายเป็นอันดับต้นๆ


    เขานึกดีใจที่เคสที่สองกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อคุณนายเดินออกมาจากห้องตรวจของแพทย์ประจำตัวนั้นเอง คนสนิทเข้าไปกระซิบกระซาบกับคุณนายบางอย่างมันจะไม่แปลกอะไรเลยถ้าทั้งสองคนไม่มองมาทางเขาพร้อมรัวส่งภาษากันอย่างรวดเร็ว

     
     

                “คุณอธินคะ” คุณป้าคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมยื่นมือออกมา “ส่งถุงยามาให้ป้าถือก็ได้ค่ะ”

                “อ๋อ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมช่วยถือไปส่งที่รถเลย”  เขากระชับมือที่ถือถุงยาแน่ขึ้น

     

                “ส่งมาเถอะค่ะ พอดีว่าคุณถือถุงยาต่ำมาก คุณนายกลัวว่าเชื้อโรคจะเยอะน่ะ ส่งมาให้ป้าเถอะ”  คุณป้าฉวยถุงยาในมือพร้อมเดินเข้าไปหาคุณหญิง


                กว่าเขาจะได้สติก็ต่อเมื่อคุณนายขยับตัวออกเดินแล้วจึงรีบเข้าไปประคอง

               

                คุณนายส่งยิ้มให้อ่อนๆ พลางบอกเป็นเชิงแก้ตัว แกคงเห็นว่าเขาช็อคไปนาน

     

                “นี่ไม่ได้รังเกียจอะไรน้องทินหรอกนะคะ แต่เชื้อโรคเดี๋ยวนี้มันเยอะจริงๆ ถ้าจะถือของที่นี่จะให้ถือระดับอกน่ะจ้ะ”

               

                “ครับ ขอโทษนะครับ”

     

                “อุ้ย! นี่ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ”

     

                ถือของระดับต่ำกว่าเอวแล้วเชื้อโรคจะเยอะ ใครบอกป้าเนี่ย ฮ่วยยยยยยย

     

               

                นี่คือตัวอย่างของคนไข้ที่เขาเจอตลอดการทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ได้ว่าคนไข้แผนกวีไอพีทั้งหมดไม่ดีหรอกนะ คนรวยใจดี ไม่เรื่องมากก็มีเยอะ คนเหล่านี้จะถูกจัดไว้ในหมวดเทวดาเลยล่ะ นานๆ มาที ทริปหนัก แถมไม่เรื่องมาก



    เจอคนไข้แบบนี้เดือนละเคส เขาก็พอจะหากำลังใจในการทำงานต่อได้แล้วล่ะ  ไม่ต้องท่องคาถา เงิน เงิน เงิน จนขึ้นสมอง

     

     

     

     

     

                โชคดีที่วันนี้มีเวรเช้าเวรเดียวพอส่งเวรเสร็จสองทุ่มกว่าเขาก็กลับมาถึงห้องพัก หาอาหารตามสั่งง่ายๆ ทานจากร้านอาหารใต้คอนโดขนาดกลางที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อสองเดือนก่อนเรียบร้อย


    คอนโดที่เขาตัดสินใจซื้อนี้จะเรียกว่าส้มหล่นก็ว่าได้ เพราะซื้อต่อมาจากพี่ที่ทำงานแผนกเดียวกัน แกแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติและต้องรีบย้ายด่วน ด้วยความที่สนิทกัน ตอนแรกแกจะจ้างให้มาเฝ้าคอนโดเฉยๆ แต่เขาเห็นว่ามันสะดวกสบายกว่าอยู่หอพักของโรงพยาบาล บรรยากาศร่มรื่นต้มไม้ครึ้ม ไม่มีเสียงดังพลุกพล่าน ทั้งยังเดินทางไปทำงานได้ง่าย จึงขอซื้อต่อซึ่งแกก็เต็มใจ ตอนแรกแกจะไม่เอาเงินดาวน์ด้วยแต่สุดท้ายเขาก็ดาวน์ไปครึ่งหนึ่ง เหลือจ่ายอีกครึ่งหนึ่งคิดว่าจะใช้ให้หมดภายในหนึ่งปีนี้แหละ

     

     

    เขาเปิดประตูออกไปยืนที่ระเบียงเล็กๆ ที่ตอนแรกมันโล่งมีเพียงเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์อยู่เครื่องเดียว ภายในเวลาสองเดือนเขาก็ซื้อต้นไม้ ดอกไม้จัดสวนเล็กๆ พร้อมน้ำตกขนาดย่อมเข้ามาใส่จนเต็มพื้นที่

     

    สวนเล็กๆ นี้เองที่เป็นแหล่งเติมพลังให้เขามีแรงใจในการทำงานต่อไปในแต่ละวัน อธินยิ้มพลางพูดคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับต้นไม้ใหญ่น้อยที่ดูแลมา



                ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนแบบนี้ของเขาน้อยคนนักที่จะได้เห็น และเขาเองก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงให้คนนอกรู้

     




     

                โทรศัพท์ที่ตอนนี้อยู่ในโหมดเปิดเสียง ส่งเสียงเตือนพร้อมสั่นครืดคราด พอดีกับที่ชายหนุ่มรดน้ำต้นไม้เสร็จ

     

                เป็นยัยเมนี่เองที่ไลน์มา

     



     

    TangMay

    มึงงงงงงงง น้องกูไม่สบายว่ะ วันนี้มึงออฟป่าวไปดูมันหน่อยสิ

    เสียงมันโทรมาเมื่อกี้กูไม่สบายใจเลยว่ะ

    เหมือนมันจะเป็นหนักมาก

    ช่วยกูหน่อยน้า

    พลีสสสสสสสสสสส

     

     

    ส่งข้อความมายาวเหยียด เพราะรู้ดีว่าเขาจะตอบได้ก็ต่อเมื่อเลิกงานแล้วเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันโชคดีที่เขาเลิกงานแล้ว

     


     

                                                                                        น้องมึงอยู่ที่ไหน

    TangMay

    คอนโด ต้นไม้

    รู้จักปะวะ

    เดี๋ยวกูขอหาพิกัดแปบ

     

                                                                                        รู้จัก

                                                                                        กูก็อยู่

    TangMay

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

    จริงดิ

     

     

                ไอ้เมหายไปสักพักแล้วมันก็โทรไลน์มา

     



     

    “มึงงงงงงง อยู่คอนโดเดียวกะน้องกูจริงดิ” เสียงไอ้เมแบบว่าตื่นเต้นมากถึงมากที่สุด

    “เออ น้องมึงอยู่ห้องไหน” มันบอกว่าน้องมันป่วยไม่ใช่หรือไง

    “เดี่ยวๆ หาก่อนๆ แปบๆ “ เสียงกุกกักจากปลายสาย “ห้อง 601 ห้องมึงละ”

    608

    “ชั้นเดียวกันด้วย ดีจังมึง คอนโดนี้ใช่ที่มึงเพิ่งย้ายมาปะ ตอนแรกที่มึงบอกกู กูก็ว่าคุ้นๆ ไม่ได้สนใจ โหย คือปับดีอะ” น้ำเสียงแบบนี้ยัยเมคงจะจ้อไม่หยุด เขาต้องรีบเบรกมันก่อนที่จะยาวไปกว่านี้


    “เออ น้องมึงตายไปแล้วมั้งเนี่ย คุยเล่นอยู่ได้”

    “ว้ายยยย ลืมๆ มึงก็รีบไปสิ ชวนกูคุยอยู่ได้” โทษคนอื่นซะงั้นอะเจ้

    “แล้วกูจะเข้าห้องน้องมึงได้ไงล่ะ”  ระหว่างคุยก็เดินไปหยิบกระเป๋าพยาบาลเล็กๆ ที่มีประจำห้องไว้ พลางเดินไปที่ประตู  

    “กุญแจอยู่ใต้กระถางต้นไม้หน้าห้อง”

    “เออๆ แค่นี้นะ”

     

     

    อย่าแปลกใจครับว่าทำไมหน้าประตูคอนโดถึงมีกระถางต้นไม้ได้ นั่นเป็นเพราะเจ้าของคอนโดชอบต้นไม้ครับ อนุญาตให้ปลุกต้นไม้ได้ เอามาวางหน้าห้องระเบียงทางเดิน ประตูหน้าห้องได้แต่ต้องหาถาดรองไห้เรียบร้อย ห้องน้องไอ้เมมีต้นไม้ก็แสดงว่ามันก็เป็นคนรักต้นไม้อยู่เหมือนกันนะ

     


     

    ต้นปาล์มสูงประมาณเมตรครึ่งตั้งเป็นแถวชิดระเบียงหน้าห้อง 601 สีเขียวสดใสของมันบ่งบอกว่าได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ เขาหันซ้ายขวาแล้วลองขยับกระถางไปทีละต้นจนต้นที่สามจึงพบกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่

     

     

     

     





     

    ภายในห้องมืดสนิท มีไอเย็นลอดออกมาจากห้องนอนทางด้านทิศตะวันออก ผังห้องเหมือนกับห้องของเขาทุกประการ ต่างกันก็เพียงแต่เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เห็นเป็นเงาเลือนรางในความมืด ควานมือไปยังผนังห้องเพื่อเปิดไฟ แสงสว่างจึงส่องให้ห้องโทนสีอบอุ่น เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้หรือไม่ก็สีไม้ทั้งสิ้น

    เสียงแอร์ดังเบาๆ ทำให้เขาได้สติ รีบเดินเข้าไปหาเจ้าของห้อง

     










     

    อากาศภายในห้องเย็นเฉียบจนเขาสั่นน้อยๆ ร่างบนเตียงนอนหลังใหญ่หายใจติดขัด ร่างกายกระสับกระส่ายเพราะพิษไข้ หยิบที่วัดไข้ออกมาตรวจดูพบว่าอุณหภูมิสูงถึง 38.5 องศา

     

     

    ไอ้เม แกก็ช่างใช้คนนะเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพลางขบเขี้ยวเข่นฟันถึงเพื่อนสาว น้องไม่สบายใช้เพื่อนที่เป็นพยาบาลมาดูแล เลิศสุดอะไรสุดเพื่อนชั้น !!  

     

     

     

     









     

    สัมผัสเย็นฉ่ำบริเวณหน้าผากทำให้คนที่นอนสะลึมสะลือเพราะพิษไข้ รู้สึกตัว กะพริบตาถี่พยายามจะลืมตาขึ้น แต่เปลือกตาก็หนักเกินที่จะทำได้ ช่วงขณะหนึ่งในการพยายามนั้นเห็นเงาเรือนรางท่ามกลางแสงจ้า เจ้าของร่างพยายามจะเปล่งเสียงพูดแต่ก็ทำได้เพียงเสียงแหบแห้งกระซิบแผ่วเบาของคนเพ้อ

     



     

                “ฝ...ฝน....”

     

     

     

                   



                    “หือออออ ไม่ใช่ฝนจ้ะพ่อคุณ  ฝันค่ะฝัน” หลังจากหาผ้าเช็ดตัวและน้ำแข็งทำน้ำเย็นได้แล้ว อธินขยับเข้าใกล้คนไข้เพื่อเช็ดตัวทันที เริ่มจากใบหน้า ลำคอ แผ่นอก หลัง ช่วงขา จนถึงปลายเท้า ให้ทานยาคนป่วยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพ้อชื่อคนโน้นคนนี้มาบ้าง แต่ที่บ่อยสุดๆ คือ ฝน นี่แหละ แฟนละมั้ง แล้วทำไมไม่โทรให้มาดูแลวะเนี่ย

     


     

                เช็ดตัวไปแล้วสองรอบจนเกือบเที่ยงคืนเช็ดอุณหภูมิดูก็พบว่าไข้ลดลงแล้ว เขาจึงค่อยสบายใจ เตรียมตัวกลับห้อง เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น เหลือบไปเห็นห้องครัว ไม่ต้องรอเวลาตัดสินใจ ทำโจ๊กหรือข้าวต้มทิ้งไว้ให้สักหม้อก็คงดี

     

     




     

     

                ตื่นมาดึกๆ ก็ต้องหิวละนะ

     

     


     

                เอ้า หายไวๆ ละกัน พ่อคุณ











     

    To be continued

     



     [06/05/2558]

                    หายไปนานมากกกกก กอไก่ล้านตัว ขอโทษนะคะ ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ค่ะ เปลี่ยนงาน หางานทำ สมัครงานใหม่ รอสัมภาษณ์ ไปสัมมนา ย้ายที่พัก สารพัด ยาวเป็นหางว่าวเลยค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ

                ช่วงนี้แอบแวบมาต่อได้ ช่วยติชมด้วยนะคะ

                บุคลิกของทินทินเหมือนยังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ คนเขียนเป็นคนนิ่งๆ ด้วยค่ะ พอลองเปลี่ยนมาเขียนให้ตัวละครมีสีสันบ้างอาจขัดๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ

     

                ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ <3

                Lavender’s blue J

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×