คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Love you better now … (ไม่) รัก
บทนำ
Actions are the seed of fate deeds grow into destiny.
-Harry S Truman
เสียงเพลงดังกระหึ่มและแสงไฟวูบวาบบาดตา ทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต้องหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อปรับสายตา จนเมื่อมองเห็นทางได้ชัดเจนแล้วจึงเดินขึ้นบันไดทางขวาไปชั้นสอง ผ่านกำแพงอิฐเปลือยที่มีหญิงสาวหลายคนกำลังยืนโพสต์ท่าราวกับนางแบบในนิตยสารก็ไม่ปาน
โทรศัพท์ในมือสั่นอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มเหลือบมองแล้วกดปิดทันที ดูก็รู้ว่าปลายสายโทรมาเพื่อเร่งให้มาถึงร้านที่นัดหมายโดยเร็ว หลังจากเรียนจบเพื่อนทุกคนต่างวุ่นวายกับการเข้าสู่สังคมการทำงาน หลังจาก ‘ไอ้เม’ ไปตะแง่วในไลน์อยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้วันที่ทุกคนว่างตรงกันคือวันนี้ แต่ก็นั่นแหละ งานที่เขาทำอยู่ใช่ว่าจะเลิกงานแล้วออกมาได้เสียที่ไหน กว่าจะส่งเวรเสร็จก็กินเวลาเกือบชั่วโมงแล้ว
ชั้นสองของร้านคนบางตากว่าชั้นล่างมาก แสงสลัวทำให้เห็นทุกอย่างเป็นเงาตะคุ่ม หนุ่มสาวหลายคนส่งยิ้มพร้อมยกแก้วสีอำพันในมือให้ เขาเพียงยิ้มให้อย่างสุภาพขณะเดินผ่าน
“ทิน ทางนี้” พอพ้นหัวมุม เสียงตะโกนเรียกเขาก็ดังมาจากโต๊ะในสุดที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาววัยทำงาน เขาโบกมือตอบและรีบเดินไป
ระหว่างทางได้กลิ่นฉุนจนแสบจมูก จึงหันซ้ายขวา พลันสายตาก็เห็นแสงสีส้มเรืองๆ จากมุมห้องและเงาตะคุ่ม จังหวะที่กำลังจะก้าวไปยังกลิ่นนั้นเอง มือขวาก็ถูกคว้าไป แก้วน้ำเย็นจัดถูกยัดใส่มือจนต้องรีบกุมไว้เพราะกลัวหล่น หันไปก็พบเพื่อนสนิทส่งยิ้มแฉ่งแข่งกับแสงวูบวาบบาดตามาให้
“มาสายแล้วยังจะไปไหนอีกยะหล่อน มานั่งเลยเร็ว”
“ไอ้เม”
ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนสนิทเสียงดังแล้วกระโดดกอดกันแนบแน่น ‘เมธินี’ หรือ ’เม’ เป็นหญิงสาวตัวเล็ก คิ้วเข้มตาคม ผมสีน้ำตาเข้มดัดอ่อนๆ คลอเคลียอยู่กับคอขาว เสื้อแขนกุดสีแดงกับกางเกงขาสั้นสีขาวบ่งบอกความเปรี้ยวของเธอได้อย่างดี
เขารู้จักกับเมตั้งแต่ชั้นประถม 1 เรียนห้องเดียวกันบ้างต่างห้องบ้างในช่วงประถม ชั้นมัธยมก็มาเจอกันอีกคราวนี้เรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1ถึง ม.6 ไม่พอ ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันอีก นับๆ ดูแล้วเรียกว่ารู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ เพิ่งจะมาห่างกันก็ตอนที่ไอ้เมไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วเขาทำงานนี่เอง
“ยังเหมือนเดิมเลยนะแก” เมบอกพร้อมยิ้มกว้าง
“ดูใต้ตาดีๆ เห็นอะไรไหม” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมชี้บางอย่าง
“ว้ายยยย ทำไมหล่อนไม่ดูแลตัวเองคะ ปล่อยให้ตาดำแบบนี้ได้ไงเนี่ย” เมกรี๊ดร้องเสียงดัง แล้วลากเขาไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่
“พวกแก นังทินมาแล้ว ดูสภาพมัน ปล่อยให้คนอื่นใช้งานจนจะกลายเป็นญาติกับแพนด้าล่ะเนี่ย”
เสียงโห่แซวระรอกใหญ่ก็ดังขึ้น แล้วบรรยากาศเก่าๆ ก็กลับมา เพื่อนแต่ละคนตอนนี้ทำงานที่ไหน เจ้านายเป็นอย่างไร เพื่อนร่วมงานคนไหนน่าหมั่นไส้ แฟนคนล่าสุดคือใคร คนไหนแต่งงานแล้ว คนนี้เปลี่ยนแฟนใหม่ ลากยาวกันได้ทุกเรื่อง น้ำสีอำพันในมือค่อยๆ พร่องลงแล้วถูกเติมจนเต็มใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“ทิน พาไปห้องน้ำหน่อย” ภาพสาวสวยที่เจอกันตอนแรกหายไปแล้ว เหลือแต่ลำยองที่แค่ยืนตรงยังทำไม่ได้ต้องเลื้อยเกาะคนนั้นคนนี้
“กินไม่ดูตัวเองเลยเม” เพื่อนมักจะบอกว่าเขาขี้บ่น แต่กับเรื่องนี้ไม่มันอดบ่นไม่ได้จริงๆ
“ฮื่อ ทินอย่าบ่นเค้าเด้” เสียงอ้อแอ้ดังมาจากปากสีแดงสด
“เอ้าจะไปเข้าห้องน้ำก็เดินได้แล้ว”
เห็นท่าเดินไอ้เมแล้วก็ได้แต่กุมหัว จึงรีบเข้าไปประคองแล้วเดินไปพร้อมๆ กัน ส่งมันที่หน้าห้องน้ำหญิง กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้เดินดีๆ จนเพื่อนผู้หญิงเดินตามมาดู จึงวางใจ เดินมาเข้าห้องน้ำชายได้
เดินเข้าไปแล้วก็ต้องทำธุระอย่างรวดเร็วเพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่เขาเลือกร้านนี้ในการพบปะสังสรรค์ก็เพราะทางร้านแยกโซนสูบบุหรี่อย่างชัดเจน แต่ดันมีพวกแหกกฎไม่ยอมสูบบุหรี่ในบริเวณของตัวเอง มาสูบบุหรี่ตามที่ต่างๆ อย่างไม่สนใจกฎ พวกที่สูบในห้องน้ำยังพอรับได้ แต่ไอ้คนที่ยืนสูบบนชั้นสองที่เป็นโซนห้ามสูบบุหรี่โดยเฉพาะนี่มันน่านัก
ถ้าได้เจอ เขาจะเอาน้ำสาดให้ดับไปเลยทั้งบุหรี่ทั้งคนสูบ !
เขาได้แต่คิดในใจ กลิ่นบุหรี่ทำเอามึนหัว แสบจมูกแสบตาจนน้ำตาไหล จ้ำออกมาจากห้องน้ำ สูดหายใจเฮือก ยืนหายใจสักพักจนอาการแสบจมูกแสบตาบรรเทาแล้วจึงเดินกลับโต๊ะ
ไอ้เมนอนสลบฟุบหน้าบนโต๊ะ ยอมแพ้การดวลน้ำเมาไปหนึ่งคน
“ทินเป็นอะไร ตาแดงๆ” หมอนนท์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ขยับเข้ามาถาม พร้อมจับหน้าพลิกซ้ายขวามองลูกกะตา
“เอ้ย หมอ ไม่เป็นไร เมื่อกี้ไปห้องน้ำมา แพ้กลิ่นบุหรี่เฉยๆ” ขยับตัวออกห่าง พลางบอกเพื่อนอีกคนที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยเหลือเกิน
“นึกว่าอกหัก” หมอนนท์ว่ายิ้มๆ พลางจิบน้ำเมา
“ถ้าอกหักแล้วจะทำไม” เพราะเมาหรืออะไรไม่ทราบ เขาจึงแหย่อีกฝ่ายไปอย่างนั้น
“ถ้าทินอกหัก นนท์เป็นหมอก็จะได้รักษาให้” หมอนนท์พูดส่งยิ้มหล่อร้ายกาจที่ทำเอาใจเต้น จู่ๆ ไอ้เมที่ฟุบอยู่ก็ดันทะลึ่งพรวดลุกขึ้นมา พูดเสียงดังเลียนแบบอาจารย์จอมเฮียบที่เคยสอนวิชาจิตวิทยา
“นี่!! เป็นเพื่อนกันเนาะ เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด”
ทำเอาหมอหนุ่มยิ้มเจื่อน แก้เก้อลุกไปคุยกับผู้ชายฝั่งหัวโต๊ะแทน
“อิขี้อ่อย” ไอ้เมหันมาว่าเพื่อน
“กูเปล่า” ยกไหล่ปฏิเสธ “หมอมาอ่อยกูก่อน”
“ชิ! นิสัยเสียไม่เปลี่ยนอะ” ปล่อยให้เมบ่นไปตามเรื่อง แล้วจมูกก็ได้กลิ่นฉุนอีกครั้ง หันซ้ายขวาไม่นานไปก็พบต้นเหตุ
บริเวณหน้าเคาเตอร์สีดำสนิทด้านหลังจัดเรียงขวดเครื่องดื่มหลากหลายสีสัน บาร์เทนเดอร์ที่ปกติทำหน้าที่ชงเครื่องดื่มและดูแลลูกค้าไม่อยู่ หน้าเคาเตอร์เป็นเก้าอี้ทรงสูงสีดำเข้าชุดกับเคาเตอร์ตั้งอยู่ห้าตัว เก้าอี้หนึ่งตัวทางด้านขวาสุดเป็นของหญิงสาวสวยชุดขาว ถัดมาสองตัวเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงแสลกสีดำคล้ายชุดนักศึกษา ตัวต้นเหตุกำลังพ่นควันสีเทาออกมาจากปากที่เห็นเพียงเสี้ยวด้านข้าง
กล้าสูบบุหรี่ทั้งๆ ที่บนผนังตรงหน้ามีป้ายห้ามสูบอยู่แท้ๆ ช่างกล้า!
หันไปกะจะบ่นให้เพื่อนสาวฟัง เมกลับฟุบหน้าลงไปเรียบร้อย มือยังกำแก้วไว้ไม่ปล่อย จู่ๆ อารมณ์โมโหก็พุ่งปรี๊ดขึ้นจนหูอื้อตาลาย คว้าแก้วมาจากเม แล้วเดินตรงไปยังชายหนุ่มที่สูบบุหรี่
พอใกล้เป้าหมายก็หยุดสูดหายใจเข้าลึกๆ สามที ยิ้มกับตัวเองหนึ่งครั้ง
สะกิดแผ่นหลังกว้าง พอชายหนุ่มหันมาแล้วจึงบอก “ขอโทษนะ” ก่อนจะเทน้ำดับปลายบุหรี่ที่ถูกคีบอยู่ปลายนิ้วมือของเจ้าตัว
“เฮ้ย ทำบ้าอะไรวะ”
เสียงห้าวตะโกนจนผู้คนหันมามอง สะบัดน้ำและบุหรี่เปียกในมือทิ้ง เมื่อตั้งสติได้ก็เข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาหาเรื่องกันถึงที่ ถลึงตามองต้องการให้คนในกำมือสลด
“ดับบุหรี่ให้” เขายังคงกวนโอ้ยไอ้หมอนั่นอย่างไม่สะทกสะท้าน พอเห็นหน้าใกล้ๆ ก็รู้ว่าเป็นเด็กมหา’ลัย ไอ้เด็กนี่ สงสัยที่บ้านไม่สั่งสอน ไม่เคารพกฎเอาซะเลย!!
“...ไอ้บ้าเอ้ย จะกวนตีนอีกนานไหม” คนมุงกันมากขึ้น หมอนนท์วิ่งพรวดเข้ามากระชากเขาออกจากมือไอ้บุหรี่ ไอ้เมวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา อาการเมาหายเป็นปลิดทิ้ง
“ทิน!”
หมอนนท์กับเมเข้ามาสำรวจร่างกาย จนต้องบอกปัดว่าสบายดี เมื่อพอใจแล้วทั้งหมดก็หันไปจัดการกับไอ้บุหรี่ต่อ แต่ยังไม่ทันจะเริ่มไอ้เมก็ดันกรีดร้องรอบที่แปดของวันขึ้น
“เมธ!!” ไอ้บุหรี่ที่กำลังบ่นกับเพื่อนมันอยู่อีกด้านหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วร้องเสียงดัง
“พี่เม!!”
แทนที่จะจัดการเรื่องของเขา ไอ้เมกลับเดินเข้าไปหาไอ้บุหรี่ที่ตัวสูงกว่ามันเกือบสองศอก คว้าหูแล้วบิดสุดแรงจนไอ้บุหรี่ต้องงอตัวเพื่อลดแรงบิดพร้อมกับแหกปากร้องโอดโอยเสียงดัง
“บอกพี่ว่าไปทะเล แล้วทำไมมานั่งกินเหล้าสูบบุหรี่อยู่นี่หะ ไอ้ตัวแสบ!”
“โอ้ยยยย เบาๆ มือ พอแล้วๆๆๆ”
“คนที่สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบคือแกเรอะ ไอ้ทินมันมาบ่นให้ฟัง ฉันยังด่าเลยว่าที่บ้านไม่สั่งสอน ไอ้บ้า แกให้ฉันด่าบ้านตัวเองไปได้ไงยะ สารเลววววว!!!”
“อ้ากกก ขอโทษครับพี่ พอแล้วววววววว”
คนมุงเริ่มหายไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ บรรยากาศแตกต่างจากตอนที่มันกระชากคอเสื้อเขาสุดๆ
เหตุการณ์โอละพ่อสุดๆ ไอ้บุหรี่คือน้องชายของเมเนี่ยนะ ตลกล่ะ
“พวกแกยังไม่รู้จักน้องชั้นสินะ นี่ไอ้เมธ น้องชายของเมเอง”
“สวัสดีครับ” ไอ้บุหรี่ยกมือไหว้เพื่อนพี่ทุกคน ก่อนจะยักคิ้วให้เขาแถมพิเศษ
ไอ้บุหรี่ชื่อว่าเมธ เป็นน้องชายของไอ้เม น่าแปลกขนาดเขาเองที่เป็นเพื่อนสนิทมันมาตั้งนาน รู้ว่ามันมีน้องชายแต่ก็ไม่เคยเจอ จนกระทั่งวันนี้
บทจะเจอก็เจอแบบชนิดที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
“มันมาฝึกงานอยู่ปทุมฯ ยังไงก็ฝากดูมันหน่อยนะ” ไอ้เมแนะนำพร้อมฝากฝังกับเพื่อนๆ เสร็จสรรพ
ไอ้เมเห็นเขาก็นึกขึ้นได้ ร้องบอกน้องชายของตัวเองให้มาคุยกับเขา
“เมธ มาขอโทษทินเร็ว” ไอ้บุหรี่ยกมือไหว้พร้อมขอโทษอย่างว่าง่ายจนน่าแปลกใจ
“เออ ทิน ทำงานอยู่รังสิตนี่ ใช่ไหม” ดวงตาของไอ้เมวาววับ
“อะ..อืม” ไอ้เมส่งยิ้มแบบเห็นฟัน 32 ซี่มาให้ มันยิ้มแบบนี้ทีไร เขานี่ต้องมีเรื่องเดือดร้อนทุกครั้งไป
“ไอ้เมธมันมาฝึกงานอยู่ปทุมฯ ถ้ายังไงก็ฝากดูแลมันด้วยนะแก”
“ถ้าว่างน่ะนะ” แม้ในใจบอกปฏิเสธแค่ไหน แต่ไอ้เมเลยนะเว่ย คนที่พูดด้วยน่ะ ไอ้เมนะ จะปฏิเสธมันได้ไงเล่า
เมพาน้องชายไปฝากฝังกับเพื่อนคนอื่นๆ นานพอสมควร ก่อนจะเดินกลับ ไอ้บุหรี่เมธเดินเข้ามาชนไหล่ เขาหันไปมอง พบว่ามันมองมาก่อนแล้ว ยักคิ้วแบบกวนๆ ให้แล้วเดินจากไป ทิ้งเสียงหัวเราะในคอให้เขาเข็ดเขี้ยวเข่นฟันคนเดียว
“หึ”
นั่นไง ไอ้เด็กนี่มันไม่เรียบร้อยอย่างที่มันทำต่อหน้าพี่สาวมันหรอก!!
ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!
---------------------------------- To be continued ----------------------------------
[22/02/2558]
หายไปนานแล้วก็เอาเรื่องใหม่มาฝากค่า ^^
เป็นบทนำที่ยาวไปหรือเปล่า 555
ช่วงนี้ว่างงาน คงได้มาต่อบ่อยๆ นะคะ XD
ไม่ได้เขียนนิยายมานานมาก อ่านตรงไหนติดขัด รบกวนให้คำแนะนำด้วยค่ะ
Lavender’s blue :D
ความคิดเห็น