เช้าอันสดใสของวันแต่ละวันที่ผ่านพ้น ช่างไม่สามารถทำให้ใจของคนบางคนที่แอบมีความเหงาเกาะกินหัวใจลึกๆนั้นสดใสได้
ปลายฟ้า สาวน้อยที่แสนธรรมดาๆคนนึง เธอไม่มีสิ่งใดที่โดดเด่นไปกว่าคนอื่น... เธอเป็นเพียงสาวมหาวิทยาลัยคนนึงเท่านั้น ทั้งรูปร่างหน้าตาของเธอก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นหรือน่าจับตามองซะเลย บางครั้งเธอยังแอบโทษโชคชะตา ที่ลิขิตให้เธอเกิดมาไม่สวย มาน่ารักเหมือนผู้หญิงคนอื่น
อาจเพียงเพราะความสามารถทางด้านดนตรีเท่านั้นที่ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมา บางครั้งเธอก็ดูมีคนสนใจรายล้อม แต่นั่นไม่ได้ทำให้แต่ละวันอันแสนเหงาของเธอดีขึ้น เธอกลบเกลื่อนความเศร้าที่เปี่ยมล้นใจ ฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูร่าเริง
เธอได้แต่แอบคิดว่าคงมีสักวันที่ใครสักคนจะเดินเข้ามาเปลี่ยนดวงตาที่มืดมนของเธอให้สดใสดังรอยยิ้ม เธอไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง...
แต่พอเธอได้สอบเข้ายังมหาวิทยาลัย เธอก็ได้รู้จักมัน และรักในครั้งนั้นของเธอก็ช่างเจ็บปวดรวดร้าวเสียเหลือเกิน ประสบการณ์ที่ผ่านมามันช่างโหดร้าย และรุนแรงเหลือเกิน จนทำให้ใจของเธอชาชินต่อรัก ยากที่จะลองเปิดรับใครสักคน ตอนนี้เธอเป็นได้เพียงมนุษย์คนนึงที่สวมหน้ากากและเปลี่ยนเรื่องราวไปตามวันแต่ละวันที่เดียวดาย
จนวันนึง......ที่เธอได้พบกับเขา
เรื่องราวต่างๆได้เกิดขึ้นขณะที่เธอกำลังทำโครงการของรายวิชาที่เธอเรียน (อ้อ! ลืมบอกไปเธอเป็นนักศึกษาคณะการโรงแรมน่ะ เธอก็เลยต้องทำโครงการเกี่ยวกับการบริการ)
ขณะที่ตะวันจะลาลับไป แสงแดดสีส้มอ่อนๆที่ทอดกายลงมากระทบสระน้ำเล็กๆหน้าองค์พระพิรุณอันศักดิสิทธิ์ นั้นช่างดูสวยงามและระยับจับตา จนเธอไม่อยากจะเหลียวมองไปทางอื่น บรรยากาศช่างโรแมนติกจนทำให้โลกของเธอหยุดหมุนไปชั่วขณะ...แต่แล้วเสียงๆหนึ่งที่ฟังดูทุ้มและก้องกังวานก็เข้ามาสอดแทรกอณูแห่งสายลมทำลายสมาธิเธอไปได้ชั่วขณะ
"มาทำไรจ๊ะน้องเม่น" เสียงของชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงมีเนื้อหนังนิดหน่อยแต่ใบหน้าแลดูคมคายหากไม่ปกปิดไว้ด้วยหมวกใบเก๋ใบนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาดูดีหรือว่าแสงแห่งตะวันนั้นแอบจับจ้องเขาจนดูเปล่งประกายมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ เขาเอ่ยปากทักผู้ฉิงรูปร่างท้วมแต่แต่งตัวจัดจ้านซึ่งเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มการทำงานของปลายฟ้า เสียงเขาฟังดูนุ่มๆ มาดเข้มประกอบกับสายตาที่ดูจริงจังแฝงไว้ หากแต่นั่นยังมิอาจทำให้สาวน้อยผู้นี้รู้สึกหวั่นไหวได้.....
"นายอาทิตย์ ฉันตะหากที่ต้องถาม เธอ มาทำไรยะชั้นมาทำโครงงานส่งอาจารย์" น้องเม่นตอบพร้อมทำท่าทางกรีดกรายแลดูน่ารัก..(รึเปล่านะ)
"แหม! เรียกซะเต็มยศเชียวนะแม่คนสวย" เขาพูดตอบเชิงหยอกล้อ "แล้วนี่ช่วยชาวบ้านเขาทำงานบ้างรึเปล่าเนี่ย"
"ช่วยสิ! ฉันน่ะนะจุดขายของการทำโครงการบริการน้ำดื่มเลยนะ"
"ดูสิ ผู้ชายหล่อๆเขาเข้ามาใช้บริการ กันเยอะแยะเชียว" หล่อนพูดพลางยกมือยกไม้ขึ้นจัดทรงผม (ซึ่งความจริงตั้งแต่หล่อนจบม.ปลายมาต่อมหาวิทยาลัยเนี่ย ผมทรงนักเรียนชายก็ยังดูไม่ยาวขึ้นซักเท่าไหร่เลย)
"อืม
ไหนๆเธอก็ทำงานเกี่ยวกับการบริการใช่ม๊า งั้นก็ขอน้ำเย็นๆซักแก้วมาบริการผมหน่อยก็แล้วกันนะ" เขาตอบ
"ปลายฟ้า"
"......"
"ปลายฟ้า"
"...."
"ยัยฟ้า!" กระเทยสาวเรียก พร้อมหันมามองเจ้าของชื่อ
" ????" ปลายฟ้าสะดุ้ง หลุดออกจากภวังค์ความงามยามเย็น
"อะไรจ๊ะ น้องเม่น เรียกฟ้าทำไม"
"มัวแต่เหม่ออยู่นั้นแหละ หยิบแก้วข้างเธอมาซิ ช่วยกันทำมาหากินหน่อย"เม่น สาวเทียมแห่งกลุ่มสั่งเสร็จสรรพ
"สงสัยเพื่อนเธอจะเหม่อลอยในความหล่อของฉันนะเนี่ย"เขาพูดพลางยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
โธ่เอ๊ย!ตาบ้าทำเป็นเก๊กไปได้ กล้าพูดได้ไงเนี่ยว่าตัวเองหล่อ(ปลายฟ้าคิดในใจ)
"จ่ะ เดี๋ยวชั้นหยิบให้นะเม่น" เธอตอบโดยไม่ได้เอ่ยทักนายอาทิตย์ลับแสงนั่น
ความจริงการที่คนเราจะตัดสินใครสักคนนั้น เราอาจจะใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ และเมื่อการพบกันในครั้งแรกไม่ได้ออกมาดีนัก จึงอาจส่งผลให้ใครสักคนตัดสินใจที่จะเลือกคบคนๆนั้นเลยก็ได้ ถ้าคนทุกลองเปิดใจรับบางครั้งนั่นอาจเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียวที่เราจะได้พบอีกด้านหนึ่งของคนๆนั้น
หลังจากที่น้องเม่นจัดแจงส่งน้ำให้เพื่อนชายของหล่อนเสร็จ ซึ่งในขณะนั้นก็เริ่มค่ำแล้ว คนก็เริ่มน้อยลง หล่อนค่อยๆนั่งลงข้างๆเขา
"ว๊า! คนน้อยลงแล้วล่ะเซ็งจัง" เม่นเอ่ยขณะที่หันหน้าไปทางเขา
"เอางี้นะ ชั้นจะเล่าเรื่องสั้นให้ฟัง ดีป่ะ" เขาตอบ
"โอ๊ย ไอ้เรื่องสั้นโรแมนติกของเธอน่ะชั้นฟังแล้วจะอ้วก เบื่อแล้วล่ะ"เม่นตอบ
เพื่อนอีกคนที่ร่วมทำโครงงานแทรกขึ้นมา "เล่าเถอะ ชั้นอยากฟัง"
"เห็นมั๊ยล่ะ เม่น เพื่อนเธออยากฟังแน่ะ" เขาตอบพร้อมชำเลืองสายตามาทางฉัน "เอ่อ..แล้วคุณล่ะครับ"
ปลายฟ้าเงียบไปพักหนึ่งพร้อมเตรียมที่จะบอกว่า "ไม่ต้อง" แต่เขาพูดแทรกมาเสียก่อน
"อ้อ...คุณไม่ตอบแสดงว่า...คงอยากฟังสินะ"
ตาบ้าเอ๊ย! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย ตาเก๊ก! ตาเก๊ก! เธอแอบต่อว่าเขาในใจหลายครั้ง
"ก็แล้วแต่คุณสิ" เธอตอบไปแบบห้วนๆเพื่อรักษามารยาท
"อืม...ครับงั้นผมเริ่มล่ะนะ" เขาพูดพร้อมชำเลืองหางตามาทางเธอ
"วันที่ 14 กุมภาพันธุ์ ของปีที่แล้ว ผมก็ยังคงเลือกที่จะอยู่คนเดียวในร้านเล็กแห่งหนึ่งที่เรียบง่ายแต่มีความเก๋ บรรยากาศในร้านดูอบอุ่นจนผมไม่อยากลุกไปไหน แต่แล้วผมก็สังเกตุชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแต่งกายภูมิฐาน นั่งอยู่ทางซ้ายมือผมทำท่าทางเหมือนกำลังรอใครสักคน บนโต๊ะมีดอกกุหลาบช่อเล็กๆวางอยู่"
"อุ๊ยตาย!สงสัยจะโรคจิต ชอบอยู่คนเดียววันวาเลนไทด์ไม่พอ แถมแอบมองผู้ชายอีก"ปลายฟ้าแอบคิดในใจ
"ผมคงว่างเกินไปหน่อย จึงชำเลืองสายตาไปที่ดอกกุหลาบช่อนั้น แล้วบรรจงนับมันอย่างช้าๆเพื่อความชัวร์ ผมค่อนช้างมั่นใจว่าดอกกุหลาบช่อนั้นมีปริศนาแฝงอยู่ กุหลาบทุกดอกมีความหมายเสมอ"
"ผมพบว่ามันมีทั้งหมด 11 ดอก แทนความหมายว่า คนสำคัญที่สุดในชีวิต ผมรู้สึกได้ว่าคนๆนั้นที่เขากำลังรออยู่ต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆ "
" ผมเริ่มตื่นเต้นกับการรอคอยของเค้า ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงที่จะกำลังจะมาตามนัดของเขานั้นเป็นอย่างไร ผมแอบวาดความหวังไว้เล็กๆว่า สาวคนนั้นต้องสวยเหมือนนางแบบแน่ๆเพราะชายคนนั้นหล่อใช้ได้"
"เสียงกริ่งหน้าร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา เธอเป็นสาวน้อยวัยประมาณ 20 ต้นๆ ผมของเธอยาวพลิ้วดำขลับดังผ้าแพรชิ้นงาม รูปร่างงามระหงส์ดูเหมาะกับชายคนนั้นมาก เธอเดินตรงไปยังชายคนนั้น ผมค่อนข้างจะระทึกใจ เพราะคิดว่าต้องเป็นเธอแน่ที่จะได้รับกุหลาบช่องามนั้น แต่แล้วเธอก็เดินผ่านเขาไป ผมนั่งลุ้นอยู่นาน เสียงกระดิ่งผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยังคงไม่มีวี่แววของเธอคนที่เขากำลังเฝ้ารอ ผมเริ่มหมดความอดทนและตั้งใจว่าจะจิบกาแฟอีกสักแก้วแล้วคงกลับ
แล้วขณะนั้นเองตอนที่ผมกำลังสั่งกาแฟกับพนักงานอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงชายคนนั้น "สวัสดีครับ" หลังจากที่พนักงานรับออร์เดอร์จากผมและถอยออกไปแล้วผมก็ได้เห็นโฉมหน้าของเธอคนนั้น เธอมีรูปร่างค่อนข้างท้วมใบหน้าดูอิ่มเอิบและเมตตา อายุอานามประมาณเกือบจะ 50 แล้ว หลังจากที่ชายคนนั้นยื่นช่อกุหลาบ 11 ดอกแล้ว เขาพูดขึ้นอีกว่า "ไม่ว่าวันไหนๆแม่ก็เป็นคนที่สำคัญสำหรับผมเสมอครับ" หญิงคนนั้นน้ำตาคลอแก้มที่มีสีชมพูฉาบไว้เรื่อๆ แม้ว่าใบหน้าเธอจะมีน้ำใสหล่อเลี้ยงอยู่แต่รอยยิ้มของเธอยังไม่เคยจางไปนับตั้งแต่เธอเดินเข้ามา"
"โห! ซึ้งจังเลย ตอนแรกฉันก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนที่จะได้รับดอกไม้ โดยลืมคิดไปว่าผู้หญิงที่สำคัญที่สุดคือ แม่ของเรา" เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นทันทีหลังจากเขาเล่าเรื่องจบ
ปลายฟ้ายอมรับว่าหลังจากเขาเล่าเสร็จเธอแอบประทับใจนิดๆในเรื่องที่เขาเล่า และแอบประทับใจในตัวคนเล่าหน่อยๆ ไม่คิดว่าตาคนกวนประสาทนี่จะซึ้งได้ ยิ่งเวลาเขาเล่าไปทำนัยน์ตาซึ้งๆไป ท่าทีอย่างนี้คงเด็ดใจผู้หญิงได้คนแล้วคนเล่าอย่างแน่นอน
"โอ๊ย! มืดมากแล้วนะเนี่ยไม่มีผู้ชายตกถึงท้องมาหลายชั่วโมงแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ" (คำพูดนี้คงไม่ต้องบอกมั๊งคะว่าใครพูด)
"ช่าย ยัยเม่นพูดถูกพวกเรากลับกันเถอะ" ทุกคนลงมติ
ทุกๆคนเดินไปตามทางถนนหลักเรื่อยโดยแต่ละคนก็ต่างแยกย้ายเดินเข้าหอของตนกันหมด คงเหลือเพียงแต่ปลายฟ้าที่ยังก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป เธอเลี้ยวเข้าตรอกเล็กตรอกหนึ่งทีดูมืดมากและเปลี่ยวมากเป็นพิเศษ
ระหว่างทีเธอกำลังเดินอยู่นั้นก็ได้มีเสียงมอร์เตอร์ไซด์คันหนึ่งตามหลังเธออยู่ โดยดูเหมือนเขาจะไม่ยอมแซงเธอ และขับตามเธออย่างช้าๆ เธอก้มหน้าเดินต่อไปทำท่าทางไม่สนใจ แต่เมื่อสถานการณ์ดูแย่ลงคนขับมอร์เตอร์ไซด์คันนั้นยังติดตามปลายฟ้ามาเรื่อยๆจนปลายฟ้าเริ่มทนไม่ได้กับเสียงมอร์เตอร์ไซด์คันนั้น เธอตัดสินใจหันหลังกลับไปมอง
"คุณว่างนักหรือไงทำไมต้องขับรถตามชั้นด้วยล่ะ" เสียงเล็กแหวขึ้น
"อ้อ นี่ทางของคุณคนเดียวเหรอ ผมคิดว่านี่เป็นทางสาธารณะเสียอีก"รอยยิ้มผุดขึ้นจากใบหน้าที่แสนคมคายของเขา
"แต่คุณ
"เสียงเล็กไม่รู้จะโต้ตอบกลับอย่างไร จำต้องพ่ายแพ้ความกะล่อนของเขา
, "แล้วคุณทำไมต้องขับรถช้าๆด้วยล่ะ ทำไมคุณไม่แซงชั้นไปเสียทีล่ะ"เธอพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการสูบฉีดของเลือด พวงแก้มของเธอแดงจัดด้วยความโกรธปนอาย
"ในเมื่อคุณยังซักไซ้ผมอีก ผมจะบอกความจริงก็ได้ ผมห่วงคุณน่ะ ทางนี้มันเปลี่ยวมาก คุณดื้อรั้นเสียเหลือเกิน ตอนแรกผมบอกว่าจะมาส่ง คุณก็บอกว่าไม่ต้อง"เขาแสดงสีหน้าจริงจังแต่แฝงด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยน
"ตาบ้า"เธอแหวเสียงแหลมพร้อมหันหลังกลับ ตอนนี้เธออายมากเสียจนลืมโกรธไปชั่วขณะ
คนผีทะเล! บ้าๆๆบ้าที่สุด กะล่อนจริงๆ อย่านึกนะว่าชั้นจะหลงกลคนอย่างนาย นายอาทิตย์ลับแสง ฝากไว้ก่อนเหอะ เธอคิดไปก็บ่นงุบงิบตลอดทาง
แทนที่อาทิตย์จะรู้สึกโมโหที่โดนว่าหลายครั้งหลายครา แต่เขายิ่งกลับชอบในความรั้นแบบน่ารักๆของเธอ ยิ่งเธอโกรธจนพวงแก้มมีสีชมพูเจือเมื่อไหร่เขายิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักมากเท่านั้น ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเธอก็เดินถึงหอพักโดยสวัสดิภาพ เขามาส่งเธอแบบนี้ทุกวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการทำโครงงาน ความอบอุ่นเล็กๆเกาะกินหัวใจดวงน้อยของเธอทีละนิด แต่ด้วยกำแพงที่เธอสร้างเพื่อปิดตัวเองออกจากโลกความจริงนั้นนั้นสูงนัก ทำให้ใจของเธอแข็งราวหินผาที่มีร่องรอยการกัดเซาะของคลื่นทะเลอันบ้าคลั่งอยู่พอสมควร
หลังจากจบโครงงานชิ้นนี้ชีวิตของสาวน้อยที่แสนธรรมดาก็ดำเนินไปอย่างธรรมดาอีกนั่นแหละ ที่จะไม่ธรรมดาก็ตรงที่เธอเป็นนักร้องของวงดนตรีมหาวิทยาลัยนั่นเอง ส่วนเขาก็ดูเหมือนจะหายไปพร้อมกับการจบการทำโครงงาน
"เร็วสิฟ้า เธอแต่งตัวให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม จะถึงคิวเธอขึ้นร้องเพลงอยู่แล้วนะ"เสียงตะโกนที่แทรกขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในห้องแต่งตัวดังขึ้น
"อีกแป๊บ บอกอาจารย์ด้วยนะอุ๊ว่าชั้นกำลังจะเสร็จแล้
"เสียงใสๆของปลายฟ้าที่บอกแกมสั่งเพื่อนซี้ของเธอ
"อืม เร็วๆก็แล้วกัน เอ้อ! ชั้นคงดูเธอร้องเพลงได้แค่เพลงเดียวนะ เพราะชั้นมีนัดเดทน่ะ"
"จ้าๆทราบแล้วจ้าคุณอุ๊ที่น่ารัก นัดกับนายอั้มอีกตามเคยล่ะสิ น่าอิจฉาคนกำลังมีความรักจริงนะเนี่ย"เธอพูดเชิงประชด
เสียงIntroเพลงๆหนึ่งเริ่มขึ้น สาวน้อยในชุดกระโปรงสีฟ้าดูมาดมั่นและค่อยๆเยื้องกรายอย่างช้าๆขึ้นไปยังบนเวที แสงไฟหลากสีสาดส่องมายังเธอ ใบหน้าขาวนวลของเธอดูเด่นขึ้นมาถนัดตา ประกอบกับแสงดาวนับล้านดวงในค่ำคืนนี้ยิ่งทำให้เธอดูดีเป็นพิเศษ
"โปรดเถอะนะ แสดงว่าเธอรักฉันสักครั้งหนึ่ง ให้ฉันได้ซึ้งถึงความรักบ้าง กอดจูบฉันเบาๆเหมือนที่เธอเคยเหมือนก่อน"เสียงร้องที่ฟังดูเศร้าๆของเธอ แต่ช่างเพราะกังวานจับใจยิ่งนัก ปลายฟ้าร้องเพลงนี้ด้วยสีหน้าหม่นหมองราวกับว่าเธอกำลังขอร้องให้คนรักเก่าของเธอกลับคืนมา
"โปรดช่วยย้อนให้ความจำแหละช่วยย้ำให้ชั้นมั่นใจอีกครั้ง..."หลังจากปลายฟ้าร้องท่อนนี้จบเธอก็ชำเลืองไปเห็นเขา
เขาลุกขึ้นยืนและปรบมือเป็นคนแรกพร้อมก้าวออกมาและยื่นดอกกุหลาบสีขาว 1 ดอกให้เธอ รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ แต่พอเธอรู้สึกตัวเธอก็รีบรับดอกไม้และหุบยิ้มทันทีพร้อมตีหน้ายักษ์ใส่เขาเช่นเคย
เสียงปรบมือดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบอกว่ามีผู้ชื่นชอบในเสียงเพลงของเธอมากมาย วงดนตรียังคงบรรเลงต่อไปในขณะที่เธอกำลังเดินลงจากเวที
"คืนนี้คุณสวยมากนะครับ"อาทิตย์เดินมาหลังเวทีและกล่าวชมเธอ "ตาบ๊อง ไม่ต้องมาแกล้งยอ ชั้นไม่บ้ายอหรอก"นักร้องเสียงใสเถียง"อ้อ งั้นเหรอ แล้วทำไมคุณต้องน่าแดงล่ะ"เขากระเซ้าเธออย่างเอ็นดู
เธอสะบัดตัวหนี แต่เขาคว้ามือเธอไว้ทัน "เดี๋ยวสิคุณจะรีบไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง"
เสียงเล็กแหวขึ้นอีกครั้ง "ไม่ต้อง!"เธอสะบัดมือเขาออกและเดินจ้ำออกไปจากงานอย่างรวดเร็ว
เธอยังคงปิดกั้นตัวเองอย่างเคย และเธอก็ปฏิบัติตัวแบบนี้กับชายทุกคนที่เข้ามาแจกขนมจีบให้เธอ
วันรุ่งขึ้น
"ฟ้า! ตื่นได้แล้วเธอลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้วันเกิดโจ้แฟนยัยนุ๊กไง"
"อื้ม กำลังนอนสบายๆเลย"ปลายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ "เอ้อ...แล้วกี่โมงล่ะ อุ๊"หล่อนพูดต่อ
"ทุ่มครึ่งจ้ะ แล้วนี่มันก็ปาเข้าไป 6 โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวก็อาบน้ำแต่งตัวไม่ทันหรอก"เพื่อนซี้ของเธอเจ้ากี้เจ้าการ
"ฮะ! อะไรนะ"ปลายฟ้าลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เธอจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวสวย ซึ่งถ้าเป็นหญิงสาวทั่วไปคงใช้เวลาร่วมชั่วโมงแต่สำหรับเธอคนนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาที
.
ก๊อก ก๊อก "นุ๊ก! เรามาแล้วจ้ะ เปิดประตูให้หน่อยสิจ๊ะ" "อ้าว มาแล้วเหรอจ๊ะฟ้า, อุ๊"นุ๊กเอ่ยทักและต้อนรับทั้งคู่ให้เข้ามาในงาน
เมื่อปลายฟ้าและเพื่อนเดินเยื้องกายเข้ามาในงานสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องราวกับว่าเห็นเพชรเม็ดงามที่ส่องแสงประกายสวยสด
ขณะที่ปลายฟ้ากำลังเดินทักทายเพื่อนเก่าของเธอในงานนั้นก็ได้มีเสียงประกาศจากไมโครโฟนหน้าเวทีดังขึ้น "1...2...1...2 สวัสดีครับทุกท่านขอบคุณทุกท่านที่มาในงานของผมในวันนี้นะครับและเพื่อเป็นเกียรติในงานนี้ผมอยากจะขอให้คุณปลายฟ้าขึ้นมาบนเวทีนี้เพื่อร้องเพลงให้เราฟัง" "ได้ไหมครับ"โจ้แฟนเพื่อนของปลายฟ้ากล่าวเชิงขอร้อง
เธอตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงปรบมืออีกครั้งเป็นสัญญาณการให้เกียรติเธอ เสียงของเธอยามลอยคว้างแผ่กระจายไปตามอากาศและสอดแทรกดั่งสายลมอ่อนๆซาบซึมสู่ก้นบึ้งของใจช่างไพเราะจับจิต "ฉันขอเรียกว่ารักและจึงอยากให้รู้ ว่าเธอจะมีฉันอยู่ แม้เธออยู่ที่ใด ฉันขอเรียกว่ารัก เพราะเธอมีความหมาย จากนี้ตลอดไป ขอมีเพียงแต่เธอ
เท่านั้น"เธอทิ้งหางเสียงในตอนท้ายพร้อมเทคนิคการสั่นในลำคอ ทำให้เพลงซึ้งยิ่งขึ้น
ชายคนหนึ่งที่นั่งหลบอยู่มุมห้องก้าวออกมาปรากฏโฉมหน้า พร้อมหยิบกุหลาบที่เดิมมันถูกปักไว้บนโต๊ะรับแขกมาให้เธอ
"อาทิตย์"เสียงเล็กๆอุทานออกมาอย่างไม่คาดคิด เธอทำท่าจะเดินหนี แต่ในครั้งนี้เขาจับมือเธอไว้มั่นและลากเธอหลบมุมมายังระเบียงที่ปลอดคน
เขาและเธอต่างก็ไม่นิยมงานสังคมที่มีคนหมู่มากสักเท่าไหร่นัก ครั้งนี้เธอจึงไม่มีปฏิกิริยาขัดขืนดื้อรั้นเหมือนเคย
เขาทำสีหน้าจริงจังแล้วหันมาพูดกับเธอ "เมื่อไหร่คุณจะพูดจาดีๆกับผมบ้าง"
"แล้วคุณเป็นใครล่ะคะชั้นถึงต้องพูดดีด้วย คุณคิดว่าคุณสำคัญนักหรือไง" เธอทำเสียงแหวตอบ
คำพูดของเธอในครั้งนี้ช่างเสียดแทงจิตใจของเขาเสียเหลือเกิน เขาดึงตัวเธอมาแนบชิดตัวเขามือของเขาค่อยๆโอบตัวเธออย่างแผ่วเบาราวกับว่าเขาได้โอบกอดท้องฟ้าเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวของเขาและเธอในยามนี้ช่างเงียบสงัด มีเพียงแสงจันทร์และแสงดาวที่คอยจับจ้องคนทั้งคู่
เธอนิ่งเงียบด้วยความตกใจในตอนแรก แต่ด้วยอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของเขาทำให้จิตใจเธอล่องลอยไปชั่วขณะ เธอมองหน้าเขาด้วยความโมโหปนความอาย แต่เมื่อยามสายตาของเขามาปะทะบนใบหน้าเล็กๆของเธอเหมือนจะต้องการสื่อความนัย เธอก็หลงไปในภวังค์ของเขา ลมหายใจอุ่นๆของเขามาปะทะพวงแก้มของเธอ เขาเลื่อนใบหน้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ จนริมฝีปากน้อยๆที่แดงระเรื่อถูกประกบด้วยความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ดวงนี้
เขาถอนจูบออกช้าๆราวกับว่าเสียดายเวลา "คุณรู้ตัวเสียทีสิว่ามีคนบนดินคนนี้ที่รอคุณเสมอเพียงแค่คุณกระโดดข้ามกำแพงที่คุณสร้างขึ้นมาผมพร้อมจะโอบอุ้มและดูแลหัวใจของคุณไม่ให้มันต้องเจ็บปวดอีก"
เธอสะดุ้งและรู้สึกตัวกลับมาสู่โลกความจริงที่มีแต่กำแพงของเธอ
"คนบ้า!" เธอตบหน้าเขาฉาดใหญ่และเดินจากเขาไปเช่นเคย ทิ้งชายหนุ่มให้ต้องแบกรับความเดียวดายอีกครั้ง
ความจริงในใจของเธอตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นแห่งรักของเขา เพียงแต่เธอคอยโกหกตัวเองเสมอว่าเธอไม่ได้คิดอะไร
หลังจากงานวันเกิดของโจ้แฟนของนุ๊ก เขาและเธอแทบจะไม่ได้พบกันอีก เพราะเธอคอยหลบหน้าเขาตลอด
แต่ความพยายามของเขาไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ทุกๆวันเขาจะส่งดอกกุหลาบให้เธอวันละหนึ่งดอกพร้อมกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่ไม่มีสีสันมากนัก
ภายในมีข้อความเขียนว่า "วันนี้ผมยังรอคุณ" แม้ทุกครั้งที่เธอเห็นดอกไม้เหล่านั้นแล้วทำท่าเหมือนจะทิ้งแต่เธอก็เก็บมันไว้อย่างดีตลอดมา เขาคือคนแรกที่ทำให้เธอหวั่นไหวได้ขนาดนี้ เธออาจยังไม่รู้ตัวเองว่ายามนี้ภายในห้องเล็กๆของหัวใจเธอมีเขาเดินวนเวียนอยู่ตลอดเวลาเพราะเธอคอยปิดตัวเองเสมอ
......................
เช้าวันนี้อากาศเย็นสดชื่น กลิ่นหอมของมวลหมู่ไม้ฟุ้งกระจายไปกับแดดอ่อนๆในยามเช้า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลาไม่น้อยเลย อาจจะมากพอที่จะทำให้บัดนี้ในใจเธอไม่หลงเหลือกำแพงอีกแล้ว...
เขาทำสำเร็จ ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเริ่มต้นกับความรักครั้งใหม่อย่างเต็มตัว หลังจากที่เขาได้ทุ่มเททั้งความรักความห่วงใยมาตลอดโดยไม่เคยคิอจะท้อแม้แต่เพียงครั้ง ดอกกุหลาบนับร้อยดอกที่อยู่ในห้องของเธอพร้อมการ์ดใบเล็กใบน้อยนั้นถูกเก็บไว้อย่างดีซึ่งมันก็บ่งบอกถึงว่าในใจเธอมีแต่เขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดั่งเช่นดอกกุหลาบเหล่านั้น เธอตัดสินใจว่าในวันนี้เธอจะบอกความรู้สึกที่เธอเคยเก็บไว้ออกมาอย่างตรงไปตรงมา 14 กุมภาพันธ์ วันนี้แหละโอกาสดีสำหรับเธอที่จะตอบแทนความรักความห่วงใยของเขา เพราะวันๆนี้เป็นวันแห่งความรักที่คนสำคัณหรือคู่รักทุกๆคู่จะมอบรักให้แก่กัน
เธอเงยหน้าขึ้นมาแต่แสงไฟของรถแยงตาเธอเล็กน้อยประกอบกับแสงแดดที่ส่องสว่างในขณะนี้ช่างทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ เธอมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนนเพื่อเตรียมตัวที่จะข้ามไปเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยของเธอตามปกติ
ปลายฟ้าเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นคนๆหนึ่งที่อยู่อีกฟากของถนน ช่างเป็นโอกาสดีเหลือเกินเธอไม่ต้องไปตามหาเขาที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะนายอาทิตย์หนุ่มหน้าใสนั้นดักรอเธออยู่ทุกๆวันที่อีกฟากหนึ่งของถนน แต่วันนี้เขามาพร้อมดอกกุหลาบที่สื่อความนัย 11 ดอก สัญญาณไฟสีแดงผุดขึ้นเป็นการบอกว่าเขาสามารถข้ามถนนมาฝั่งทีเธออยู่ได้ เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มให้เขาอย่างต้อนรับและหวานชื่นทำให้เขายิ่งกุลีกุจอที่จะเดินมายังเธอ หัวใจของเธอเต้นระรัวขึ้นทุกขณะ วันนี้แหละ วันนี้คือวันที่เธอรอคอยมาแสนนาน...
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวก็ได้เกิดขึ้น.......
ขณะที่อาทิตย์กำลังวิ่งมาหาสาวน้อยอย่างสุดกำลัง เพชฌฆาตตัวฉกาจแห่งท้องถนนก็ผ่าไฟแดงมาอย่างไม่คาดคิดด้วยอาจจะเป็นเพราะหลับในหรือเมายาก็ไม่สามารถรู้ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้รถ 18 ล้อพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเต็มพิกัดปะทะร่างของเขาจนตัวเขาลอยระลิ่วไปไกลราวกับว่าบินได้ ความเจ็บปวดพุ่งพล่านไปทั่วตัวของเขาแต่ความเจ็บที่ในใจนั้นเจ็บปวดเหนือสิ่งใด เสียงแผ่วๆของเขาพูดได้เพียงชื่อเธอซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำไปซ้ำมา....
ภาพความทรงจำของเธอตั้งแต่แรกพบผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติภาพแล้วภาพเล่าเหมือนละครทีวีเกาหลีตอนพระเอกใกล้สิ้นใจ
"คุณรู้ตัวเสียทีสิว่ามีคนบนดินคนนี้ที่รอคุณเสมอเพียงแค่คุณกระโดดข้ามกำแพงที่คุณสร้างขึ้นมาผมพร้อมจะโอบอุ้มและดูแลหัวใจของคุณไม่ให้มันต้องเจ็บปวดอีก"
"คนบ้า!"
"ปลายฟ้า ปลายฟ้า...ป-ล-า-ย-ฟ้-า..."เสียงค่อยเหือดแห้งไปพร้อมกับเรี่ยวแรงที่เคยมี
น้ำใสๆไหลอาบแก้มที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา เหมือนเขาจะรู้ชะตาชีวิตของตัวเองว่าจะต้องจากหญิงอันเป็นที่รักไปยังที่ที่หนึ่งอันไกลแสนไกล ไม่มีใครเคยไป และไม่มีใครได้กลับมา...
ในเวลานี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว คำร้องขอของเขาต่อพระเจ้าในขณะนั้นคือการได้มีชีวิตอยู่สักนาทีเพื่อบอกเธออีกครั้งว่า"รัก"
ร่างของเขาค่อยๆลอยเลื่อนต่ำจนกระทบพื้นดินแต่ความเจ็บปวดก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกแล้ว เพราะบัดนี้พื้นดินได้นำวิณญาณของเขาไปยังอีกภพเสียแล้ว เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เพียงเวลาไม่ถึงนาทีเท่านั้น
ปลายฟ้าตกใจสุดขีดกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอวิ่งไปอย่างสุดกำลังเพื่อไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของเขา
"อาทิตย์!"เธอตะโกนร้องเรียก
"อาทิตย์เธอต้องไม่เป็นอะไร เธอต้องไม่เป็นอะไร" เธอกอดเขาไว้ในอ้อมอกเธอ ทั้งที่เลือดของเขานั้นจะไหลเปื้อนตัวเธอเท่าไร
"ช่วยด้วยค่ะ!ช่วยด้วย"เธอตะโกนสุดเสียง แผดเสียงอันแหลมเล็กที่บัดนี้แหบแห้งเพราะการร้องไห้อย่างหนัก เธอกอดร่างของเขาเอาไว้ไม่ปล่อยแม้สักนาที พร้อมกับกวาดสายตาไปทั่ว และร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แต่รอบกายเธอมีเพียงเหล่าฝูงชนที่มุงดูมากมาย บ้างก็พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น และบางคนก็โทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล แต่ความจริงแล้วทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างตระหนักดีว่า อาทิตย์เสียชีวิตทันทีที่ถูกรถ 18 ล้อชน...
"ช่วยด้วย!
."เสียงของเธอจางลง เหลือเพียงเสียงที่งืมงำชื่อของเขาตลอดเวลา แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากชายคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเธอ เธอจึงเอ่ยต่อ"ขอสักนาทีได้ไหมอาทิตย์ ฮือๆๆ..."
"...ขอสักนาทีที่ฉันจะได้มีโอกาสบอกว่ารักเธอ คำๆนี้ที่ฉันเก็บมันไว้ตลอดมาและฉันอยากจะขอบคุณความรักของเธอที่ทำให้ฉันอบอุ่นได้ขนาดนี้...มีคำพูดมากมายที่ฉันอยากจะบอกเธอ อยากจะเล่าให้เธอฟัง มีประโยคเป็นล้านประโยคที่ฉันเตรียมมาในวันนี้"น้ำตาท่วมใบหน้าของเธอโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เธอร่ำไห้กับร่างที่ไร้วิญญาณของเขา
"ลืมตาขึ้นมาสิอาทิตย์ ฮึกๆ"หล่อนสะอื้นอย่างหนัก
"ลืมตาขึ้นมาชั้นสั่งเธอ!"เธอตะโกนสุดเสียง
"ฟังชั้น" "อาทิตย์ฟังชั้นฮือๆๆ"
"ไหนเธอบอกว่ารักฉันไง ไหนเธอบอกว่าจะรอฉัน เธออย่าหนีฉันไปไหนสิ เธอต้องดูแลฉัน เธอต้องอยู่กับฉัน ฮือๆๆๆ.... เราต้องเรียนจบพร้อมกันไง ฮึกๆ... แล้ว...แล้ว...แล้วเราจะแต่งงานกันอยู่ด้วยกันตลอดไปไง เราจะผลัดกันย้อมผมตอนที่เราแก่และมีผมหงอกไง ...แล้วฉันจะเป็นคนบอกรักเธอทุกเช้า ทุกเช้านะ อาทิตย์..."
สายไปเสียแล้วถึงแม้เธอจะพยายามพูดมันออกมาแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ตลอดกาล
"ชั้นรักเธอ" "ชั้นรักเธอ" ปลายฟ้าตะโกนอย่างคนเสียสติแล้วเธอก็นิ่งเงียบไป
"คิก คิก คิก" เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งที่น้ำตาของเธอยังไหลไม่หยุด เธอเอื้อมมือไปโอบร่างเขาช้าๆอย่างทะนุถนอมราวกับเขาคือยอดดวงใจของเธอ
"เราจะอยู่ด้วยกัน..วันพรุ่งนี้เราจะไปกินไอศกรีมร้านนั้นด้วยกันไงอาทิตย์ เราจะดูหนังด้วยกัน ซัก...อืม 1000 เรื่องเลยดีใหม พอตอนเย็นนะ เราก็จะไปต่อกันที่สวนสาธารณะที่โรแมนติกแบบที่เธอชอบไงแล้วชั้นจะให้เธอนอนตักอุ่นๆของชั้นนี่ แล้วชั้นจะบรรจงจูบเธอช้าๆอย่างแผ่วเบาไง" เธอพูดระรัวและแสร้งทำเป็นเหมือนว่าเขาได้ฟังอยู่แต่ไม่มีสิ่งใดตอบโต้กลับมาแม้แต่ลมหายใจแผ่วๆสักนิดจากเขา
"ลืมตาขึ้นมาสิอาทิตย์ ฟังสิ่งที่ใจของฉันมันต้องการพร่ำบอกมาตลอด ได้โปรดเถิด ได้โปรด"เธอเงยหน้ามองฟ้าอย่างวิงวอน เพียงโอกาสสักนาทีหรือวินาทีที่พระเจ้าจะสามารถหยิบยื่นให้เธอก็ไม่มีสักนิดเชียวหรือ เพียงโอกาสในการพูดคำเพียงคำเดียว ซึ่งเป็นคำที่สำคัญต่อโลกใบนี้ คำที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ เพียงคำๆนี้..."รัก" เธอรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อตระหนักได้ว่าเธอมีโอกาสทั้งชีวิตที่จะพูดมัน แต่เธอก็ไม่พูด แล้วตอนนี้ล่ะ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันสายเกินที่จะพูด เธอจะยังต้องการอะไรอีก แล้วเธอจะวิงวอนเพื่ออะไรอีก
เธอถอนสายตาจากฟากฟ้าที่แสนโหดร้ายแล้วจ้องมองดวงหน้าของเขา ที่บัดนี้ช่างซีดราวกับว่าชีวิตชีวิตหนึ่งได้ดับหายไปอย่างรวดเร็ว เธอจ้องมองเขาเนิ่นนาน ไม่อยากจะลืมแม้แต่เศษเสี้ยวของตัวเขา เธออยากที่จะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไว้แล้วฝังมันในก้นบึ้งแห่งความทรงจำตลอดกาล...
"อาทิตย์ อาทิตย์..."เธอหมดความพยายามในการพร่ำเพ้อและน้ำใสๆก็ไหลพรากๆออกจากดวงตาราวกับสายเลือด เธอร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายราวกับว่าจะสิ้นใจไปพร้อมเขา ข้างๆร่างอันเย็นเฉียบของเขามีดอกกุหลาบขาว 11 ดอกที่บัดนี้ถูกย้อมสีสด กลายเป็นสีแดงไปโดยปริยาย เธอหยิบดอกไม้เหล่านั้นมากอดไว้และร่ำไห้หนักกว่าเดิมเหมือนเธออยากจะให้คนที่อยู่บนลายฟ้าที่ทอดไกลนั้นได้รับรู้และเมตตาเธอ ให้เขากลับมาสักครั้ง...
ชีวิตของเธอช่างโหดร้ายสิ้นดีกับความรักครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านเข้ามาช่างแสนเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน กับความรักครั้งนี้ที่ดูเหมือนเธอจะได้เจอคนที่ดีและรักเธอจริงแม้สักหน แต่ก็ยังไม่วายจบลงด้วยรอยน้ำตา...
(เจ็บแบบซ้ำๆ จบแบบช้ำๆเรื่องราวก็ย้ำตรงคำว่าเสียใจ เมื่อไหร่ความรักจะหยุดทำลายหัวใจ ไม่รู้เมื่อไหร่ จะเจ็บช้ำเท่าไร ไม่เคยจำ)
ในใจของเธอตอนนี้มีแต่เมฆทะมึนเต็มไปหมด ความมืดเกาะกินใจเธออย่างไม่ปราณี เธอเสียใจมากที่สุดในชีวิตของเธอ ความเสียใจในครั้งนี้ช่างร้ายแรงเกินไปกว่าครั้งใดๆ เกินกว่าความเจ็บปวดตอนที่เธอถูกคนรักคนแรกทิ้งไปซึ่งเป็นสาเหตุของการก่อกำแพงของเธอ สุดท้ายแม้สักคำหนึ่งคำว่ารักเธอก็ไม่ได้บอกเขาอีกเลย ทั้งที่ผ่านมาเขาอยู่เคียงข้างเธอเสมอ สายไปแล้วสำหรับการจะบอกใครสักคนว่ารักทั้งที่ความจริงมีโอกาสมากมายที่เราจะสามารถเอ่ยมันออกมาได้ เป็นเพราะความมีทิฐิของเธอที่เป็นตัวกั้นสิ่งต่างๆเอาไว้...
3 ปีผ่านไปปลายฟ้าสาวน้อยหน้ามลแต่งกายด้วยชุดครุยแลดูสง่างามระหงส์ในแบบฉบับของเธอ หลังจากพิธีรับปริญญาเสร็จสิ้นเธอก็เร่งรีบไปยังอีกสถานที่หนึ่งทันที เธอวาง ดอกกุหลาบ 11 ดอกลงบนเนินเตี้ยที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าขจีสีเขียว ตรงกลางเนินมีแผ่นสลักว่า "นายอาทิตย์ สุริยสวัสดิ์ มรณะ 14 กุมภาพันธ์ 2548" น้ำใสๆร่วงหล่นลงบนเนินแห่งนั้นไม่ขาดสาย ในช่อดอกกุหลาบนั้นเธอเขียนการ์ดใบเล็กไว้ว่า "รักคุณตลอดไป" ตลอดระยะเวลาของช่วงชีวิตในแต่ละวัยของเธอมันช่างย่างก้าวไปได้ลำบากนัก และดูเหมือนเวลาจะหยุดเดินหลังจากที่เขาจากไป...
ทุกๆวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเธอจะต้องกลับไปที่นั่นวางดอกกุหลาบและเล่าเรื่องราวต่างในชีวิตเธอราวกับว่าเขายังอยู่กับเธอเสมอ ทุกครั้งที่เธอหยิบการ์ดที่เขาเขียนให้มาดู "ผมยังรอคุณเสมอ" เธอจะอมยิ้มเล็กๆที่มุมปากระคนความเศร้าในหัวใจตลอดมา
หลังจากนั้นปลายฟ้าใช้ชีวิตต่อมาได้อีกไม่ถึง 40 ปี เธอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวายกระทันหัน เพราะเธอตรอมใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ...
ข้างเนินเตี้ยลูกหนึ่ง บัดนี้ได้มีเนินเตี้ยอีกลูกหนึ่งมาอยู่ข้างๆแล้ว เขาไม่ต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว
"นางสาวปลายฟ้า รัตนโยธิน มรณะ 14 กุมภาพันธ์ 2587"
"ชั้นรักเธอปลายฟ้า" "ชั้นก็รักคุณค่ะอาทิตย์" มีเพียงเสียงบนสวรรค์ที่กู่ก้องลงมาหลังจากคนทั้งคู้ได้เคียงข้างกันอีกครั้งในที่ๆไกลแสนไกลบนลายฟ้านั่น...ขอบฟ้าไกลแห่งนี้
..............................................................................................................................................
THE END
ก็ไม่เคยรักใคร หัวใจไม่เคยได้มีคนหนึ่งคนนั้นที่แสนดีมาอยู่ข้างกาย เธอทำให้ฉันฝันไป ทำให้ใจฉันรักเธอ แค่เพียงหลับตาก็พบว่าเธออยู่เต็มหัวใจ...(เนื้อร้องเพลงทั้งรู้วงLucky band)
การที่เราได้รักใครสักคนถือเป็นโอกาสดีไม่ว่ารักในครั้งนั้นจะสุขหรือทุกข์ ขอเพียงเราใช้ใจเป็นที่ตั้งขจัดความมีทิฐิหรือที่เรียกง่ายว่าไอ้ความเก๊กนั่นแหละ ถ้าเราเปิดใจเราก็จะได้พบกับสิ่งดีมากมายที่พร้อมจะเข้ามาเติมเต็มในชีวิต วันนี้เราได้ใช้ชีวิตบนโลกนี้จงใช้ชีวิตให้มีค่า และปฏิบัติคนที่คุณรักให้คุ้มค่าก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้บอกหรือไม่มีโอกาสได้พบพวกเขาเหล่านั้น...
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ ยังไงก็ช่วยกันออกความคิดเห็นนะคะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก ผู้แต่ง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น