คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลำดับตอนที่ 3
ดาเฮวิ่งมาจนถึงที่ห้องนอนของตัวเองแล้วล็อคประตูไว้แน่น หล่อนตัวสั่นเทา เหงื่อไหลอาบดวงหน้า หลังจากได้เห็นแววของชานยอลที่มองหล่อนเหมือนกำลังจะฆ่าให้ตายคามือ หมายความว่า เจ้านาย รักแบคฮยอน จริงๆ เมื่อหล่อนเห็นว่าเขาน้ำตาล่วงขณะอุ้มแบคฮยอนไปโรงพยาบาล
ถ้าเขากลับมา ดาเฮ เชื่อสนิทว่าเขาไม่ปล่อยหล่อนไปแน่ เขาต้องฆ่าหล่อนตายแน่ๆ เพราะยามเมื่อผู้ชายคนนี้โกรธขึ้นมา เขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน
ความกลัวเริ่มครอบงำทุกๆวินาทีที่ผ่านไป หล่อนเดินกระสับกระส่ายไปมา สีหน้าวิตก คล้ายคนไม่หลงเหลือสติติดตัว พลางคิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด จนกระทั่ง ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ควรจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ไม่งั้น หล่อนอาจไม่มีโอกาส ได้หายใจอีกต่อไป
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ดาเฮ จึงรีบหยิบเสื้อผ้า ใส่กระเป๋า พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง แล้วหนีออกจากบ้านเขาไป เพราะหล่อนไม่ต้องการนั่งรอความตาย
หล่อนกระชับกระเป๋าพาตัวเองออกมาไกลจากคฤหาสน์พอควร แต่ยังไง หล่อนก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี ในเมื่อผืนดินทั้งเกาะ มันคือ อาณาเขตของเขา ดาเฮ ต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้น ค่อยคิดหาที่ปักหลักใหม่
หล่อนหนีออกมาจนถึงป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง แล้วยกข้อมือดูนาฬิกา ก็พลันทำหน้าเสีย เธอมาช้าก่อนรถมาเมล์จะผ่านมาป้ายนี้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ถ้าจะรอรถเมล์ที่วิ่งไปถึงท่าเรือ คงต้องรออีกเกือบเป็นชั่วโมง
วินาทีนี้ ดาเฮ ต้องรีบไปให้พ้นจากเกาะนี้ เมื่ออันตรายมีอยู่รอบตัว เขาอาจจะสั่งใครมาตามไล่ลาเธอก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่า จุดจบ หลังจากที่ถูกจับตัวไปก็ต้องลงด้วยการสังเวยชีวิต แต่แล้วไม่กี่นาทีถัดมา แท็กซี่คันสีขาวก็ขับเคลื่อนผ่านมาพอดี
หล่อนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จะใช้บริการแท็กซี่ดีหรือเปล่า ถ้าจะเรียก ก็ต้องเปลืองเงินอยู่มากพอควรหากจะเดินทางไปถึงที่ท่าเรือ หาก ตอนนี้ ความกดดันมันบังคับให้รีบตัดสินใจ หล่อนจึงยื่นออกไปกวักมือเรียกให้ค่อยๆชะลอเข้ามาจอดอยู่ต่อหน้า
พี่ ไปท่าเรือคิดเท่าไหล่ หล่อนถามหลังจากที่เจ้าของรถแท็กซี่ เลื่อนกระจกลง
คิดตามมอนิเตอร์
แล้วมันจะแพงหรือเปล่า
ไม่แพงหรอก ไม่น่าจะเกินหมื่นวอน
พอได้ยินประโยคตอบกลับนั้น ดาเฮ ก็พยักหน้ารับการบริการทันที จะมีแท็กซี่คันไหน คิดราคาเท่านี้อีก
งั้นไปเลยพี่
ดาเฮไขประตูเข้าไปหย่อยกายที่เบาะหลังอย่างใจร้อน ขอให้อย่าใครตามหาหล่อนเจอตอนนี้เลย ซึ่งหล่อนก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคนที่กำลังทำหน้าที่เป็นสารถีให้เธอกำลังซ่อนรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยไว้
รถเคลื่อนตัวออกไปไกลพอควร หล่อนก็เริ่มคลายกังวลลง และคิดว่า คงไม่มีใครตามมาแล้ว แต่ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ เจ้าของรถก็หักพวงมาลัยรถไปอีกเส้นทาง ดาเฮ ขมวดคิ้วพลัน เพราะหล่อนจำเส้นทางบนเกาะนี้ได้ดีทีเดียว ว่าหากต้องใช้เส้นทางนี้ ไม่มีทางจะไปถึงท่าเรือแน่นอน
พี่ ไปถูกเส้นทางหรือเปล่า
ถูกแล้ว
ถูกที่ไหนกัน ถ้าจะไปท่าเรือ มันต้องไปอีกเส้นทาง แต่นี่พี่เลี้ยวผิด
อย่าเถียง พี่ขับรถที่นี่มานาน พี่พา น้องมาถูกทางแล้ว ทางที่จะพาขึ้นไปสวรรค์
หัวใจหล่อนแทบจะหลุดออกมานอกเมื่อได้ยินคำสุดท้ายนั้น ไม่อาจจะควบคุมตัวได้ ตัวสั่นเทาเพราะกลัวสายตาที่กำลังแสดงให้เห็นเมื่ออีกฝ่ายหันมามองอย่างเจ้าเล่ห์
จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ไปกับแกแล้ว
โอเค จอดก็ได้ แต่อย่าคิดนะ ว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ สิ้นคำ เจ้าของรถก็เบรกอย่างสมใจ ก้าวออกจากรถ แล้วกระชากหล่อนลงไป
ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ใครก็ได้ ช่วยด้วย
แหกปากไปเห๊อะ คิดหรอ ว่าจะมีคนมาช่วย
ดาเฮทุบตี และดิ้นหนีสุดฤทธิ์เพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม แถวนี้ มันไม่คนผ่านมาเลย รอบๆตัวเต็มไปด้วยป่า มีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากตรงที่คนขับรถแท็กซี่มาจอดรถไว้ ดาเฮถูกลากไปเรื่อยๆ ทั้งกรีดร้อง ทั้งสะบัดมือ แต่ก็ไม่เป็นผล
ผลั่ก
โอ๊ย
หล่อนร้องขึ้นอีกทีด้วยความเจ็บปวด เมื่อโดนผลักจนหงายตัวไปกองกับพื้นซีเมนท์เก่าๆ เต็มไปด้วยฝุ่นหนา พอหล่อนเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าที่ผลักอีกที ก็เผยให้เห็นแววตาอย่างหื่นกระหาย
อย่าเข้ามานะ
อย่าขัดขืนเลยดีกว่าน่า ฉันรับรองว่าจะพาเธอขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดนี้แน่ ชายฉกรรส์ พูดเสียงเอื้อมมือไปปลดกระดุมของดาเฮออก หล่อนจับมือหยาบไว้ แล้วใช้มืออีกข้างที่เหลือหยิบก้อนหินใกล้ๆตัวขึ้นมาปาใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง
โอ๊ย มันยกมือขึ้นกุมหัว ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พอแบมือออกมาดูก็เห็นว่ามีเลือดติดมาด้วย
นี่มึงกล้าทำเลือดกูออกหรอ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่
มือแกร่งเคลื่อนไปบีบคอ
ก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าของคนใต้ร่างออก แล้วลงเริ่มทำการระบายความใคร่เสียจนหนำใจ โดยไม่มีการขัดขืนแม้แต่ครั้งเดียว
ชายคนดั่งกล่าว ตงิดใจ อยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นหญิงสาวแน่นิ่งไปเหมือนดั่งหุ่นขี้ผึ้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้กระทั้งการเต้นของหัวใจ จึงใช้มือไปแตะที่ปลายจมูก จนได้รู้ว่า ไม่มีเสียงลมหายใจตีเข้ามา
เจ้าของร่างแกร่ง ผงะออกทันที เมื่อเข้าใจแล้วว่าคนที่ตนเพิ่งข่มขืนนั้นกลายเป็นศพไปแล้ว สติแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร่างกายสั่นๆไปตามความกลัวที่กำลังก่อตัวขึ้น เขารีบตั้งสติให้เร็วที่สุด เพื่อจะหนีคดีที่ตนก่อ พอหันไปมองเห็นรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ ก็รู้ทันทีว่าควรจะรีบหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่คนจะพบเห็นศพที่ตนนั้นฆ่าข่มขืน
แสงแดดอ่อนๆของยามเช้าลอดผ่านผ่าม่านกระทบลงดวงตาทั้งสองข้าง เป็นผลทำให้แบคฮยอนค่อยๆกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสำรวจมองทั่วทั้งห้องในโทนสีขาว... เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเป็นชุดคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง... บนศีรษะนั้นถูกผ้าพันแผลสีขาวพันรอบหัว มีทั้งสายน้ำเกลือที่ส่งเข้าแขนของคนตัวเล็ก และเมื่อแบคฮยอนพยายามจะขยับตัว เลยทำให้เจ็บตรงบริเวณบาดแผล
“โอ๊ย!!” แบคฮยอนเผลอครางร้องออกมา หลังจากที่ขยับตัวแรงจนเกินไป เลยทำให้ลู่หานกำลังปลอกผลไม้ที่โซฟานั้นรู้สึกตัว
“เฮ้ แบค ริทฟื้นแล้ว” ชานยอลพูดขึ้นด้วยความดีใจ วางมือจากผลไม้ ก่อนจะรีบพาตัวเองเดินมาอยู่หยุดข้างๆเตียง
“เป็นยังไงบ้าง” ชานยอลเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ผมยังๆไม่ตายง่ายๆหรอก” แบคฮยอนพูดด้วยเสียงที่แหบพร่า ก่อนจะหันหน้าไปมองเพื่อน
“แบคอย่าแช่งตัวเองอย่างนี้สิ มันไม่ดีเลยนะ แล้วแบคหิวอะไรไหม ผมจะไปหามาให้”
ผมยังไม่หิว ผมมาอยู่ที่นี่อย่างไร
“คือแบคตกบันไดน่ะ แล้วผมก็พาแบคมาส่งที่โรงพยาบาล” ลู่หานอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตกบันได อย่างงั้นหรอ ว่าแล้ว ก็เลื่อนมือไปกุมหน้าท้องเป็นอันดับแรก งั้นคุณก็รู้แล้วใช่ไหม ว่าผม “
ใช่ ผมรู้ว่าแบคมีเด็ก แต่เด็กไม่อยู่กับแบคแล้ว
อะไรนะ
แบคแท้งลูก ลูกเราไปดีแล้ว
ไม่จริง คุณโกหก ผมไม่เชื่อ
แบคฮยอน ผมขอโทษ ที่ทำให้แบคต้องเสียลูกไป ฮึก ผมไม่ดีเอง
ออกไปเลยนะ จะไปก็ไป บอกให้ออกไป
เสียงเอะอะ โวยวายทำให้ พยาบาล รวมทั้งหมอข้างนอกต้องวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ ก่อนจะตามมาด้วยคยองซูที่เดินแทรกเข้ามาหยุดอยู่ปลายเตียง ก็เห็นว่าแบคฮยอนกำลังกรีดร้องดั่งคนคุ้มคลั่ง
เกิดอะไรขึ้นครับ
ออกไปให้หมด ผมบอกให้ออกไป
เจ้านายครับ ผมว่า ออกจากห้องมาเถอะครับ ทางนี้ ให้หมอกับพยาบาลจัดการเอง
เป็นยังบ้างครับ เย็บหกเข็มคงเจ็บน่าดู
ไม่หรอก มันยังไม่ได้เศษเดียวที่ฉันทำกับแบคฮยอนเลย คยองซู ฉันมันโง่จริงๆ โง่จนควายมันเรียกพี่ ที่ไม่ยอมฟังคำเตือนของแกสักที สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองทำ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะ เจ้านายเชื่อคุณจงแดมากจนเกินไปครับ และเจ้านายก็รักคุณจงแดมาก พอเห็นคุณจงแดจากไป เจ้าก็เลยทำใจไม่ได้ ความแค้นมันบังตาเสียหมด ผมคงไม่โทษเจ้านายอย่างเดียวหรอกครับ มันคงเป็นเวรกรรมที่ผูกมัดให้เจ้านายกับคุณแบคฮยอน มาเจอะเจอกันด้วยสถานการณ์เช่นนี้
ใช่ มันคงเป็นเวรกรรมอย่างที่แกพูด แล้วเวรกรรมมันก็ตามสนองฉันอยู่ตอนนี้ ฉันเข้าใจความรู้สึกแบคฮยอนจริงๆ มันเจ็บแค่ไหน ฉันยังทำใจไม่ได้เลยที่ต้องสูญเสียลูกไป ถ้าฉันกลับไปเร็วกว่านี้ แบคฮยอนก็คงไม่ต้องแท้งลูก เป็นเพราะนังดาเฮคนเดียวเลย ที่ทำให้ลูกฉันต้องตาย
ดาเฮ มันตายไปแล้วครับ จะตามไปเอาคืนก็ไม่ได้แล้ว ดาเฮ มันชดใช้ในสิ่งที่มันทำแล้ว
จุดจบคนที่มันกล้ามาทำร้ายฉัน มันก็ต้องเจอแบบนั้น...
คยองซู ตอนนี้ ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี แบคฮยอนเกลียดฉันแล้ว เกลียดฉันยิ่งกว่าสัตว์เดน
ผมว่า ให้แบคฮยอนใจเย็นๆ แล้วค่อยไปคุยกับเขาอีกที ตอนนี้ เขาอาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่อีกไม่นานคงจะดีขึ้น ถึงแม้ดูภายนอกของแบคฮยอนจะเหมือนคนอ่อนแอ แต่ที่จริงเขาเป็นคนเข้มแข็งกว่าที่เราคิดไว้เยอะ
ขอบใจมากนะที่แกยังอยู่ข้างฉัน เวลาที่ฉันต้องการเพื่อนปลอบใจ
เจ้านายคือคนสำคัญสำหรับผม ผมก็ต้องอยู่ข้างเจ้านายเป็นเรื่องธรรมดา แล้วผมจะช่วยเจ้านายอีกแรงนะครับ เพราะผมรู้แล้วว่า เจ้านาย รักแบคฮยอนมากแค่ไหน
แบคฮยอน
คุณจะมาอีกทำไม จะเข้ามาเยาะเย้ยผมใช่ไหม
ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ที่ ผมเข้ามาก็เพราะอยากจะมาขอโทษทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรู้ความจริงหมดแล้ว แบคไม่ใช่คนที่ทำให้จงแดต้องตาย ผมมันโง่เองที่ไม่เชื่อแบคตั้งแต่แรก แบคจะทำอะไรผมก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง
ร่างบางมองภาพมาเฟียที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนเด็กๆต่อคำสารภาพนั้น นี่แบคฮยอนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น ในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างแล้ว ก็ให้มันจบๆไป ผมไปทาง ส่วนคุณไปทาง
ไม่นะแบค ฟังผมก่อน
พอเถอะครับ ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น อดีตที่ผ่านมา ผมจะลืมมันไปให้หมด คิดเสียว่า เรื่องระหว่างเรามันไม่ได้เกิดขึ้น
แต่ผมลืมมันไปไม่ได้แน่ เพราะผมรู้แล้วว่า ผมรักแบค ประโยคบอกรักของร่างสูงดังก้องอยู่ในหัวใจ สิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างราวกับจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำสารภาพนั่นได้ไม่ทันตั้งตัว สมองและร่างกายหยุดนิ่ง มีเพียงแค่เสียงหัวใจยังเต้นแรงเบาๆ
“ก๊อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัด ก่อนที่จะมีคนไขมันเข้ามา ซึ่งนั้นก็เป็นหมอในสุดสีขาว
ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะครับ แต่ผมไม่ขอรับไว้ มันจบแล้วจริงๆ
“หมอ ขออนุญาตนะครับ” หมอวัยกลางคนพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาดูอาการของแบคฮยอน
“ครับ” แบคฮยอนหันหน้าไปตอบเบาๆ
“แล้วเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนอีกมั้ยครับ” หมอเอ่ยถามด้วยเสียงสุภาพ แบคฮยอนก็ค่อยๆส่ายหัวเป็นการยืนยันคำตอบของตัวเอง
“ถ้าเจ็บตรงไหนก็บอกนะครับ”
หลายวันมานี้ ชานยอลเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองของเขาแล้ว คุณหมอจงอินก็ทำหน้าเอื่อมระอากับพฤติกรรมของเพื่อนตัวโตทุกครั้ง เนื่องจาก เจ้าตัว คอยวนเวียนมาถามไถ่ถึงอาการของแบคอยอนที่เจอหน้ากัน ทั้งยังรู้สึกอึดอัดใจแทนคนไข้ ทั้งที่แบคฮยอนก็เอ่ยปากไล่อยู่ทุกวัน ทว่า ชานยอลยังหน้าด้านหน้าทนอยู่อย่างนั้น แต่ จงอินก็เข้าใจเพื่อนอยู่บ้าง ถ้าไม่รักก็คงไม่ทำขนาดนี้หรอก ยิ่งเป็นคนเย็นชาอย่างชานยอลด้วยแล้ว จะเห็นมุมนี้ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ หากแบคฮยอนก็ยังไม่ยอมใจอ่อนเสียที
วันนี้ ก็เช่นกัน ชานนยอลถึงกับหอบเอกสารกองเท่าภูเขามานั่งอ่านและเซ็นห้องของแบคฮยอน เพื่อจะดูแลอาการของคนตัวเล็กอย่างใกล้ชิต เหมือนไม่อยากจะเสียเวลาที่เหลือไป ร่างบางมองเขาด้วยความขัดใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาอยากจะทำอะไรก็ช่างเขา
ในเมื่อ ความรู้สึกของแบคฮยอนที่มีให้เขา มันก็เป็นได้แค่ธาตุอากาศเท่านั้น ทุกอย่างมันดูว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอีกทั้งนั้น ไม่อยากจะเจ้าคิดเจ้าแค้น เพราะผลตอบรับจากความเคียดแค้น ก็คือ ความเจ็บปวด
สิ่งแรกที่แบคฮยอนคิดอยู่ตอนนี้ก็คือ หนีไปจากที่นี่ให้ไกลๆ โดยไม่ต้องให้เขารู้ตัว
แบคฮยอน ไอ้หมอ มันเพิ่งบอกว่า อีกสองวัน แบคก็จะกลับบ้านได้แล้วนะ ชานยอลเอ่ยบอกผ่านน้ำเสียงหวานใสดั่งหยดน้ำผึ้งพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ หลังจากที่เคลียร์งานเสร็จเสียที
แบคฮยอนยังไม่ชินกับความเปลี่ยนแปลงของเขาเลย แม้ว่า พักหลังมานี้ เขาคอยเอาใจจนเกินหน้าเกินตาเป็นเวลาหลายวันติดกัน ไม่มีคำหยาบใดๆหลุดออกมาจากเขาเลย
ร่างบางไม่ตอบอะไรเขาไป นอกจากจะหันหลังไปทิศทางอื่น ทอดสายตามองออกไปหน้าต่างที่มีแสงของตะวันลาขอบฟ้าไปแล้ว
ชานยอลสะดุดหน้าเจื่อนกับท่าทีเฉยชานั้น ถ้าหากแบคฮยอน โวยวาย กรีดร้อง ทุบตีเขา เขาจะไม่ว่าเลยสักคำ เพราะอย่างน้อย แบคฮยอนก็ได้แสดงอารมณ์ว่าโกรธเขา และเขายังพอจะมีความสำคัญสำหรับแบคฮยอนบ้าง แต่นี้ ทุกอย่างดูว่างเปล่า ไม่มีอาการใดๆแสดงออกมาเลย นี่เขา เป็นได้แค่ธาตุอากาศจริงแล้วใช่ไหม
แบคฮยอน หิวไหม เดี๋ยวพี่จะไปหามาให้ ชานยอลยังไม่ลดละความพยายาม ถามอย่างเอาใจ หากก็ยังไร้เสียงตอบกลับเช่นเคย ตลอดระยะเวลาที่เขามาเฝ้าแบคฮยอนที่นี่ คนตัวเล็กไม่เคยมองหน้าเขาเลย ไม่แม้แต่พูดด้วยสักคำ เขาเริ่มรู้สึกท้อขึ้นมาเหมือนัน
ทำไม คุยกับพี่มันไม่สนุกเลยหรือไง แบคฮยอน เขาอดไม่ได้ที่จะทำปากเสียใส่
ครับ เพราะทุกคนไม่เคยหยาบคายกับผม แบคฮยอนหันกลับมาพูด
พอชานยอลได้เห็นดวงตาใสๆนิ่งเฉย เขาก็ใจหายไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับไปมองร่างบางด้วยสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง
แบค พี่ขอโทษ คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อีกหลุดออกมาจากปาก ขณะที่กำลังปรับอารมณ์ให้เย็นลง แต่ไม่ว่าอย่างไร แบคฮยอนก็ไม่มีท่าจะยอมใจอ่อนให้เขาเลย
ไม่เป็นไรครับ ผมถือว่าจะไม่ได้ยินคำนั้น คุณอย่ามารบกวนผมตอนนี้เลย ผมอยากพักผ่อน
เดี๋ยวก่อนสิแบค คุยกับพี่ก่อน
เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน
แต่พีมี เขาเริ่มพูดเสียงดังอีกอย่างลืมตัว
คุณอย่ามาวางอำนาจใส่ผมนะ
โอเคๆ พี่ไม่รบกวนแล้ว พักผ่อนเถอะ
สุดท้าย ชานยอลก็ยอมคนร่างเล็ก แค่เจ้าตัวเอ่ยเสียงดังกลับมานิดหน่อยๆ ก็สามารถสยบคำพูดของเขาได้อย่างง่ายดาย แบคฮยอนช่างมีอิทธิพลต่อเขาเหลือเกิน
สักพัก แบคฮยอนก็เข้าสู่ห่วงนิทรา ชานยอลลากเก้าอี้เข้ามาชิดขอบเตียงเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน แล้วมองคนข้างๆอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนินนาน พลางถือวิสาสะ จับมือเล็กๆมาแนบไว้ที่แก้ม ก่อนจะประทับรอยจูบอย่างอ่อนโยน
อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง แต่ทำไมเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ห่างไกลจากแบคฮยอนออกไปหลายเท่า เขาพยายามจะไขว่คว้า แต่ก็ยังไม่สามารถดึงแบคฮยอนมากอดด้วยความรักสักที
ซึ่งในขณะที่เขาถูกกุมมืออยู่นั้น อยู่ๆมือเล็กก็จิกเข้าที่ฝากมือหยาบด้วยความรุนแรง ชานยอลสะดุ้งตัวทันที ก่อนที่ร่างของแบคฮยอนจะเริ่มกระตุกหลายๆครั้ง
แบคฮยอนกำลังชัก ตาเลือกมองเพดาน สติของชานยอลเตลิดหายไปทันทีที่เห็นคนรักดิ้นทุนรนทุราย
แบคฮยอน แบคฮยอนเป็นอะไรไป ไอ้ หมอ ช่วยเมียกูด้วย ชานยอลทั้งตะโกนทั้งกดเรียกให้พยาบาลเข้ามาในห้อง
เกิดอะไรขึ้น จงอินถามเสียงกังวล
ไม่รู้ อยู่ๆ แบคฮยอนก็เกิดอาการช็อคอีกแล้ว
งั้นมึงออกไปรอข้างนอกก่อนไป
ไม่ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ก็จะดูอาการเมียกูที่นี่
ไม่ได้เว้ย ออกไปก่อน กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง แต่มึงก็เข้าใจการทำงานของพวกกูหน่อยสิ
ก็ได้ แต่มึงต้องช่วยเมียกูให้ได้นะ
ไม่ต้องห่วงหรอก กูจะช่วยแบคฮยอนอย่างเต็มที่
ชานยอลเดินวนไปวนมาที่หน้าห้องของคนไข้ รู้สึกเกลียดการรอคอยที่สุด ในใจก็ได้แต่คอยภาวนาขอให้คนที่ตนรักนั้นรอดปลอดภัย เมื่อตอนที่เห็นตัวเล็กมีอาการช็อคอย่างกะทันหัน มือจิก ตาเหลือกมองดัน มันช่างเป็นภาพที่ทำร้ายจิตใจเขา เหมือนมีคนเอาหอกมาแทงเข้ากลางอกหลายๆครั้งในเวลาเดียวกัน ชานยอลน้ำตาไหลพราก เพราะความอ่อนแอมันเริ่มก่อตัวขึ้นมา
สักพัก หมอจงอินก็ผลักประตูออกมา หน้าตาอ่อนหล้า และหน้าซีดเซียวเสียน่าใจหาย ชานยอลปรี่เข้าไปหาเพื่อนทันทีโดยไม่ทันคิดให้เสียเวลา
ไอ้ หมอ เมียกูเป็นไงบ้าง
กูช่วยเต็มที่แล้วว่ะ แต่กูช่วยแบคไม่ได้ แบคจากเราไปแล้ว
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ กูไม่เชื่อ มึงโกหกกู
ชานยอลวิ่งเข้าไปที่ห้องไวเกินกว่าที่สมองจะประมวลความคิดใดๆ
แค่ได้เห็นใบหน้าซีด ไม่มีเลือดขึ้นไปไหลเวียน บากว้างทั้งสองก็ตกลู่ลง เสียงหัวใจ เริ่มเต้นแผ่วลง ขณะที่ขายาวๆจะก้าวไปหาร่างที่ไร้วิญญาณช้าๆ เหมือนคนไม่มีแรงจะขยับไปหา ชานยอลพยายามจะกดอารมณ์ทั้งหมดไว้สุดความสามารถ แต่เขาก็ทำไม่ได้
แบคฮยอน อย่าทิ้งพี่ไปอย่างนี้สิ พี่จะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีแบค ฟื้นขึ้นมาสิ พี่บอกให้ฟื้นขึ้นมา
แบคฮยอน แบคฮยอน
คุณ
คุณ ชานยอล
เพี๊ยะ
คุณจะตะโกนทำไม
แบคฮยอน
ใช่ ผมเอง
นี่พี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
อยากโดนตบอีกไหม จะได้รู้สึก
นี่คุณ กอดผมทำไม ผมหายใจไม่ออก
ก็พี่ดีใจนี่ เมื่อกี้ พี่ฝันร้าย ฝันว่า เอ่อ ช่างเถอะ พี่ไม่เล่าดีกว่า แบคนอนเถอะ พี่สัญญาว่าจะไม่รบกวนแบคอีกแล้ว
ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงตะโกนของคนตัวตัว ก็ทำแบคฮยอนไม่รู้สึกง่วงอีกเลย ดวงตาทั้งสองข้าง เลยต้องลืมขึ้นมาอยู่อย่างนั้น ต่างกับคนตัวสูงที่ฟุบหน้าลงขอบเตียงได้ไม่นายก็หลับไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องจึงกลับเข้าสู่สภาวะเงียบสงัด จะได้ยินก็แค่เสียงลมหายใจของเขาที่ดังขึ้นสม่ำเสมอ
หมายความว่า นี่มันคงเป็นโอกาสที่แบคฮยอนควรจะหนีไปจากที่นี้เสียที ร่างบางค่อยๆพยุงตัวลุกออกจากเตียงเบาๆเพื่อไม่ให้คนตัวโตรู้สึกตัว แบคฮยอนสอดส่องสายตามองไปรอบๆตัวก็เห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีดำผืนใหญ่ห้อยอยู่ที่แขวนเสื้อผ้า ก็รีบพาตัวเองไปล่วงหากระเป๋าเงิน ก็พบว่ามีเงินสดอยู่จำนวนหนึ่งอยู่ในนั้น ที่พอจะเป็นค่ารถจากที่นี่ไปจนถึงกรุงโซลได้
แบคฮยอนไม่รอรำทำเพลงอะไรอีก คว้าเงิออกมาจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่วอนเดียว วางกระเป๋าเงินเขาลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบเสื้อเขามาสวมใส่เนื่องจากข้างนอกอากาศหนาวพอควร พร้อมกับทิ้งจดหมาย แล้วเดินหนีออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
แบค”
เขาร้องเรียกเพื่อหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบการของร่างบาง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับออกมาเลย เขาจึงขยับเท้าก้าวเดินไปสำรวจที่ระเบียงและห้องน้ำ หากสิ่งที่เขาพบมันก็ยังคือความว่างเปล่าเช่นเดิม
“หายไปไหนของเขานะ”
ชานยอลพูดพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินวนกลับมาที่เตียง ดวงตาคมเข้มก็พลันมองเห็นกระดาษแผนหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น เขาจึงเลื่อนมือลงไปหยิบมันขึ้นมาอ่าน ที่มีข้อความเขียนไว้ว่า
เมื่ออ่านเสร็จ มือของเขาก็สั่นเทาพลางกำกระดาษเอาไว้จนแน่น ขอบตาก็ร้อนผ่านขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะปล่อยน้ำในตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง
ความรู้สึกมันเริ่มเจ็บปวดจวนจะขาดใจ
ความคิดเห็น