ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlovable

    ลำดับตอนที่ #2 : จูบแรก

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 56








    หลังจากที่เรืองริทได้รับการติดต่อแล้วเรียบแล้ว ร่างบางก็ถูกลากแขนออกไปฉลองที่ผับในช่วงค่ำคืนทันที... โดยที่เจ้ม้าอาสาเป็นเจ้ามือ พร้อมทั้งจ้พรเจ้าของแฟลทเข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วยคน

     

    ทีแรกเจ้าของร่างเล็กไม่ค่อยจะเห็นดีกับการที่ออกมาเที่ยวกลางค่ำกลางคืนแบบนี้เท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบเสียงเพลงที่ดีเจกำลังเปิดขึ้นดังๆ แสงไฟกระพิบไปมาแยงตาคนตัวเล็กจนทำให้รู้สึกแสบนิดๆ กลิ่นควันบุหรี่กำลังลอยร่องไปทั่วบริเวณผับ ถึงแม้เรืองริทจะไม่ได้เข้ามาสถานที่ๆไม่น่าโคจรเป็นครั้งแรก แต่คนตัวเล็กก็ไม่ชอบที่จะออกมาเที่ยวที่แบบนี้อยู่ดี

     

    “ริท ทำไมทำหน้าอมทุกข์อย่างงั้นละลูก”  เจ้ม้าเอ่ยถามเป็นคนแรกหลังจากที่เลือกที่นั่งได้แล้ว ซึ่งเป็นบริเวณใกล้ๆหน้าเวทีของวนดนตรีพอดี

     

    “ใช่ หรือว่าไม่สนุกที่พวกพี่พาออกมาฉลอง” พรเอ่ยถามอีกคน เมื่อสังเกตเห็นอาการไร้ซึ่งอารมณ์ของเรืองริทตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาที่ผับ

     

    “เปล่าหรอกครับ คือผมไม่รู้จะทำตัวยังดี ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ แล้วก็ดื่มไม่เป็นอ่ะครับ” ร่างบางปริปากอธิบาย

     

    “งั้นเหรอ สงสัยริทคงยังไม่คุ้นเคยกับที่แบบนี้มั้ง งั้นเดี๋ยวไว้เจ้จะพาออกมาเที่ยวเล่นทุกวันเลยนะ จะได้ชิน”

     

    “เฮ้เจ้ ทำแบบนั้นก็เท่ากับทำให้น้องมันเสียคนเปล่าๆ.... น้องมันกำลังจะมีงานทำแล้วนะ จะให้ออกมาเที่ยวแบบนี้ทุกวันคงไม่ได้แล้ว ถ้านานๆค่อยออกมาที ก็พอได้อยู่”

     

    “นี่ยัยพร คนสมัยนี้นะ เขาทำงานกันแค่บังหน้าย่ะ ที่สำคัญกว่านั้นคือตามหาสามี เรื่องงานไม่ต้องขยันก็ได้ หาผัวรวยๆไว้เลี้ยงก็พอ” สีหน้าของเจ้ม้ากำลังแสดงท่าทางโอเวอร์จนเกินเหตุ

     

    “พูดได้หน้าฟินมากเลยนะ... นี่ริท อย่าไปฟังความอี่เจ้มันเด็กขาด ทำตัวไร้ค่าแบบนั้นมีแต่คนเขารังเกียจ เข้าใจไหม” พรกล่าวเตื่อนอย่างเป็นห่วง คนตัวเล็กจึงพยักหน้ารับเบาๆเป็นการเข้าใจ เธอเอ็นดูเรืองริทเหมือนน้องชายคนหนึ่งเพราะร่างบางนั้นเป็นเด็กดี เรียนเก่ง ขยัน ไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบทำตัวเกเร หรือไม่ก็แบมือขอเงินพ่อแม่วันๆ

     

    “นี่ยัยพร ฉันมาเที่ยวนะ ไม่ใช่มาวัดจะได้ฟังแกเทศอย่างกับแม่ชี... ฉันว่าเรารีบๆสั่งอะไรมาดื่มกันดีกว่า... วันนี้เจ้เลี้ยงเอง ฉลองให้ลูกชายเจ้ได้งานทำสักที” เจ้ม้าพูดด้วยความยินดี ก่อนจะเรียกหาเด็กเสิร์ฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “น้องๆเอาเหล้าขวดหนึ่งมาเปิดให้พวกพี่ที”

     




    “สวัสดีครับแขกทุกท่าน วันนี้จะมีโชว์พิเศษจากทางร้านเราในวาละครบรอบสองปี รับรองว่าถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่กันแน่นอน เอาเป็นว่า เรามาดูโชว์กันเลยดีกว่า” เสียงดีเจ้ชายหน้าหล่อพูดขึ้นเป็นพิธี ทำให้ทุกคนต่างก็หันหน้าไปมอง ก่อนจะมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังๆของสาวเล็กสาวน้อยตามมา รวมทั้งเจ้ม้าข้างๆตัวเรืองริทด้วยคน

     

    จากนั้นไม่นาน ก็ปรากฎมีชายหนุ่มร่างสูงคนนึงตรงกลางเวที แขกทุกคนในร้านต่างก็ปรบมือ รวมทั้งเรียกเสียงกรี๊ดจวนผับแทบแตกเสียให้ได้ ในเมื่อชายหนุ่มคนดั่งกล่าว มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา เหมือนเทพบุตรที่หล่นลงมาจากสวรรค์ บวกกับมาดนิ่งๆนั้น ทำให้ใครหลายคนต่างก็หลงเสน่ห์ของเขาได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะกับเรืองริท ที่กำลังจ้องมองคนตรงหน้าเวทีแทบไม่ละสายตา เกิดมายังไม่เคยสะดุดตาสะดุดใจกับใครเท่านี้มาก่อน

     

    เมื่อเสียงปรบมือค่อยๆซาลง คนที่อยู่ตรงเวทีก็เริ่มดีดกิตาร์กพร้อมทั้งเปร่งเสียงอันไพเราะให้ทุกคนได้รับฟัง

     

    ความรักของเราที่เป็นอยู่
    ไม่รู้จะไปได้นานแค่ไหน
    ที่ฉันยังหวั่นใจ
    ก็เพราะมันไม่มีอะไรลงตัวเลยสักอย่าง

    ชีวิตของฉันที่เป็นอยู่
    ก็ดูยังไกลและหนักเหลือเกิน
    กับเธอที่ต้องร่วมเดิน
    ต้องมาเผชิญความเป็นจริงที่ไม่สวยงาม

    เธอเป็นเหมือนแสงดาว
    ที่ช่างพร่างพราวและสดใส
    แต่ฉันมีแค่ใจ ที่แม้ทุ่มเทเท่าไรก็ยังไม่คู่ควร

    มันไม่ใช่รักในนิยาย คอยเตือนตัวเองเข้าไว้
    ให้รับความจริง ถ้ามันต้องสิ้นสุดทุกสิ่ง
    แค่อยากให้รู้ที่จริงรักเธอมากแค่ไหน

    เพราะฉันมันไม่ใช่เจ้าชาย
    แค่สุขที่พอหล่อเลี้ยงใจเธอไปวันๆ
    ถ้าเจอคนในฝันเมื่อไร ไม่ต้องทนลำบากใจ
    จะไปก็ไม่ว่ากัน อยากบอกว่าฉันเข้าใจ

    เธอเป็นเหมือนแสงดาว
    ที่ช่างพร่างพราวและสดใส
    แต่ฉันมีแค่ใจ ที่แม้ทุ่มเทเท่าไรก็ยังไม่คู่ควร

    มันไม่ใช่รักในนิยาย คอยเตือนตัวเองเข้าไว้
    ให้รับความจริง ถ้ามันต้องสิ้นสุดทุกสิ่ง
    แค่อยากให้รู้ที่จริงรักเธอมากแค่ไหน

    เพราะฉันมันไม่ใช่เจ้าชาย
    แค่สุขที่พอหล่อเลี้ยงใจเธอไปวันๆ
    ถ้าเจอคนในฝันเมื่อไร ไม่ต้องทนลำบากใจ
    จะไปก็ไม่ว่ากัน อยากบอกว่าฉันเข้าใจ

    มันไม่ใช่รักในนิยาย คอยเตือนตัวเองเข้าไว้
    ให้รับความจริง ถ้าหากมันต้องสิ้นสุดทุกสิ่ง
    แค่อยากให้รู้ที่จริงรักเธอมากแค่ไหน

    เพราะฉันมันไม่ใช่เจ้าชาย
    แค่สุขที่พอหล่อเลี้ยงใจเธอไปวันๆ
    ถ้าเจอคนในฝันเมื่อไร ไม่ต้องทนลำบากใจ
    จะไปก็ไม่ว่ากัน อยากบอกว่าฉันเข้าใจ





    “โห เจ้ หล่อมากเลยอ่ะ” พรทำหน้าเพ้อๆ

     

    “ก็จะไม่ให้หล่อได้ไง เขาชื่อภาคิน เป็นเจ้าของบริษัทที่เรื่องริทจะเข้าไปทำงานนั้นแหละ ”

     

    “จริงเหรอเจ้”

     

    “ก็จริงมั้ง... เจ้เห็นเขาออกหนังสือพิมส์แล้วก็นิตยาสารนักธุรกิจบ่อยๆ... นี่ริท ไปทำงานที่นั้นแล้วก็จับเขาให้อยู่หมัดเลยนะ ล่อๆรวยๆแบบนี้หายากมาก”

     

    “ใช่ เรื่องนี่พี่เห็นด้วย”

     

    “อ้าว ไหนพี่พึ่งบอกริทเองไม่ใช่เหรอว่า ห้ามทำตัวแบบนั้นเด็ดขาด”

     

    “แต่คุณภาคินคือกรณียกเว้น”  พรแปรเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว เพราะมาตรฐานชายหนุ่มนั้นสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เป็นใครต่างก็คิดจะจับเขาทั้งนั้นหากมีโอกาสได้ใกล้ชิด.. 

     

    “หลังจากที่พวกเราฟังจบแล้ว ผมอยากถามทุกคนว่า เมื่อตะกี้นักร้องของเราร้องเพลงเพราะไหมครับ” เสียงดีเจหน้าหล่อกรอกไมค์ถามขึ้นดังๆ

     

    “เพราะ!!” เสียงที่ตามมานั้นคือเสียงลูกค้าหญิงเกือบทั้งหมด ที่แสดงอาการจนเกินหน้าเกินตา

     

    “ครับ แล้วที่ผมบอกว่าวันนี้ทางร้านเราครบรอบสองปี พวกเราเลยมีเซอไพรส์ครับ ซึ่งเซอไพรส์ของเรา ก็คือ จูบกับนักร้องเขาเราคร๊าบบบบ!!

     

    “กรี๊ดๆๆๆ!!” พอเสียงดีเจกล่าวจบ เสียงโห่ร้องอย่างถูกใจก็ดั่งไปทั่วทั้งบริเวณ โดยเฉพาะเจ้ทั้งสองคนที่กำลังจ้องมองหาเศษหาเลย... ส่วนภาคินที่ยืนอยู่บนเวที นั้นมีสีหน้าอื้งแทบจะทำตัวไม่ถูก เพราะร่างสูงถูกเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับบังคับมาอีกที

     

    “แล้วเก้าอี้ของแต่ละคนจะมีเลขประจำตัว ส่วนกติกาของเกมส์นั้นก็คือ ผมจะเป็นคนจับฉลากขึ้นมา แล้วใครนั่งโต๊ะหมายเลขดั่งกล่าว ก็รีบขึ้นมาหน้าเวทีได้เลยครับ”

     

    “วู้ๆ กรี๊ดๆๆๆ!!” เรียกเสียงแขกที่ร้านได้อีกครั้ง

     

    “แต่ทางร้านเรา มีกติกาอย่างหนึ่งก็คือ จูบนี้สำหรับสาวน้อยหรือหนุ่มน้อยน่ารักเท่านั้นครับ ส่วนคนแก่ ไม่เกี่ยว”

     

    “กติกาอะไรวะ ไม่ยุธติธรรม กับชั้นเลย” เจ้ม้าตีสีหน้าเซ็งๆ

     

    “ฮาๆๆ คนอย่างเจ้ เขาเรียกว่า คนไม่มีบุญจ๊ะ อีกอย่างถ้าคุณภาคินเขาจูบกับเจ้ ดีไม่ดีเหลียนมันจะติดปากมาด้วยนะสิ”

     

    “เอาล่ะครับ เราอย่าเสียเวลาดีกว่า มาจับหมายเลขผู้โชคดีแล้วมาลุ้นพร้อมๆกันเลยนะครับ” ดีเจกำลังยื่นมือไปจับกล่องฉลาก ทุกคนต่างก็พากันลุ้นจนออกนอกหน้า ว่าใครจะเป็นคนโชคดี แล้วจากนั้นไม่นานดีเจบนเวทีก็จับมันขึ้นมา

     

    “ตอนนี้อยู่ที่มือของผมนั้นมีหมายเลของผู้โชคดีแล้ว เรามาลุ้นกันอีกครั้งนะครับ” ดีเจพูดด้วยเสียงลุ้นระทึก เอาจนพวกที่เหลือต่างกํทำหน้าอินจนออกนอกหน้า

     

    “แล้วผู้โชคดีก็คือคนที่นั่งเก้าอี้ หมายเลข หมายเลข หกสิบแปดคร๊าบบบ!!!....” สุดเสียงพรก็รีบลุกแล้วมองหมายเลขตัวเองอย่างรวดเร็ว

     

    “เฮ้! เก้าอี้ชั้นมันหมายเลข หกสิบเจ็ด เลข มันใกล้ๆกันแบบนี้สงสัยต้องมีใครคนหนึ่งในโต๊ะเราแน่นอน เฮ้ ลุกเดี๋ยวนี้!!” ที่เหลือลุกขึ้นพร้อมกันตามคำสั่ง เผยให้เห็นหมายเลขอย่างชัดเจน

     

    “เฮ้ย!...” ทั้งสามคนอุทานดังๆพร้อมกันทันที เพราะหมายเลขดั่งกล่าวมันเป็นเก้าอี้ของเจ้ม้า

     

    “กรี๊ดๆๆ!! นี่มันเก้าอี้ของชั้นนิ กรี๊ดๆๆ”!! หมดทั้งร้านต่างก็หันหน้ามองเป็นสายตาเดียว เมื่อเจ้าของหมายเลขประกาศขึ้นดังๆ

     

    “เอ่อ เจ้ แต่จูบนี้มันไม่สำหรับคนมีอายุนะครับ”

     

    “แต่หมายเลขนั้นมันเป็นโต๊ะของชั้น ถึงชั้นไม่ได้จูบเนี่ย ยังไงคนในโต๊ะของชั้นก็ได้จูบย่ะ!!” เมื่อกล่าวจบ เจ้ม้าจึงผินหน้ามองก่อนเลือกหาคนที่เหมาะสม ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้นอกจาก

     

    “ริท ลูกนั้นแหละ ไปเร็ว”

     

    “ใช่ๆ โอกาสมาถึงแล้ว”

     

    ร่างบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ แต่ทว่ามันไม่ทันเสียแล้ว เพราะเจ้ม้าและพรกำลังดันหลังของเรืองริทออกจากโต๊ะจนเดินขึ้นไปหยุดตรงหน้าเวที....

     

    พอเงยหน้ามองคนร่างสูงที่กำลังเพ่งมองเรืองริทแบบไม่ละสายตาเช่นกัน คนตัวเล็กสาบานได้เลยว่า กำลังเห็นเทพรบุตรที่ล่นมาจากสวรรค์จริงๆ ยิ่งเมื่ออยู่ใกล้ ยิ่งทำให้หัวใจเต้นถี่รัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเล็กๆ... ผิวขาวๆ จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าคมเข้ม บวกกับรูปร่างสูงโปร่งกำยำนั้นแล้ว เขาไม่ต่างกับพระเอกที่หลุดออกมาจากซีรี่เกาหลีเลย

     

    “จูบเลยๆๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นพร้อมๆกัน โดยที่มีเจ้ม้าออกตัวเป็นคนแรก

     

    เมื่อภาคินรู้หน้าที่ของตัวเองดี จึงค่อยๆเลื่อนมือสากๆโอบเอวร่างบางไว้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนทำให้คนตัวเล็กได้ยินเสียงลมหายใจอุ่นๆกำลังตีเข้าหน้า ร่วมทั้งกลิ่นน้ำหอมราคาแพงๆที่ทำให้เรืองริทนั้นหวั่นไหวมากเหลือเกิน


    “ดะ เดี๋ยวก่อน” อยู่ๆเรื่องริทก็เอ่ยห้าม เป็นผลให้รร่างสูงมีสีหน้างงๆ

     

    “อะไร” เสียงเข้มใหญ่ถามอย่างข้องใจ

     

    “เอ่อ ผมว่า คุณ อย่าทำเลยดีกว่า” เมื่อได้คำตอบจากคนตัวเล็ก ภาคินจึงค่อยๆดันตัวร่างบางออก เรืองริทจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะอันตรายเกินไปหากขืนอยู่ใกล้กับเขา

     

    “ถ้าอย่างงั้นคุณจะขึ้นมาทำไม” ร่างสูงถามเรียบๆ

     

    “เอ่อ คือ ผมโดนบังคับมาอ่ะครับ เมื่อกี้ผมว่าคุณก็เห็นผมโดนลากขึ้นมา”

     

    “นี่เรื่องริทอย่าเล่นตัวนักเลย โอกาสดีๆแบบนี้มาถึงแล้ว จูบเลย ๆๆๆ “ เจ้ม้าพูดกำชับขึ้นดังๆ

     

    “แต่ผมไม่จูบนะ แล้วก็ไม่เอาด้วย”

     

    “หึ รู้ไหมคนเป็นคนแรกที่ตอบปฏิเสธผม เพราะฉะนั้นผมไม่ปล่อยคุณไปแน่”

     

    ว่าแล้วร่างสูงเลื่อนมือหนาๆขึ้นจับท้ายทอยของคนตัวเล็ก ก่อนจะใช้ริมฝีปากของตัวเองบดเบียดลงประทับรอยจูบโดยที่เรืองริทไม่ทันตั้งตัว...... ร่างบางเบิกตาขึ้นเท่าไข่ห่านโดยอัตโนมัติ เสียงโห่ร้องถูกใจก็ส่งเสียงดังลั่นจนผับแทบจะเบิด ก่อนที่สติของคนตัวเล็กจะดับวูบลง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×