คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พบกันอีกครั้ง
เข้าของวันต่อมา
เมื่อหม่อมป้าได้ลิ้มลองการทำอาหารของเรืองริทเป็นที่เรียบร้อยหลังที่แกงส้มฝากจำเรียงนำมาถวาย ท่านถึงขั้นเอ่ยปากชมด้วยตัวเองว่าฝือมือของเรืองริทนั้นใช้ได้เลยทีเดียว... วันนี้เลยเรียกไพร่พลไปตามร่างบางมาที่ตำหนักของตนโดยเฉพาะ เนื่องจากท่านชายภาคินจะเสด็จฯมาร่วมเสวยอาหารที่วังประกายดายด้วยคน
เรืองริทจึงต้องเตรียมตัวเข้าตลาดตั้งแต่เช้า เลือกซื้อของสดดีๆเพื่อที่จะทำสำรับให้หม่อมเจ้าเป็นพิเศษ โดยไร้ซึ่งข้อกังขาแต่อย่างใด... พอหลังจากนั้นร่างบางก็หอบของพะรุงพรังเต็มมือเดินเข้าไปตำหนักใหญ่ของหม่อมป้า แต่ด้วยความที่เดินไม่ทันระวัง เลยเผลอสะดุดก้อนหินนล้มลงไม่เป็นไม่ท่า ของที่เคยถือไว้ก็ล่วงหลนกับพื้นกระแจกกระจายโดยอัติโนมัติ
“โอ๊ย ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี่เนี่ย” ร่างบางร้องครางด้วยความเจ็บปวด เมื่อหัวเข่านั่นล้มกระแทกลงพึ้นแรงๆ ... ก่อนจะใช้มือค่อยๆปัดเศษฝุ่นที่ติดตามตัว
ซึ่งเหตุการทุกอย่าง ทำให้คนที่พึ่งขับรถเข้ามาเห็นคนตัวเล็กหกล้มอยู่ต่อหน้าอย่างประจักตา ร่างสูงจึงตัดสินใจจอดรถ ก่อนจะเปิดประตูลง พาตัวเองเข้ามาหาร่างบางในทันที
“เป็นอะไรเปล่าครับ” เสียงทุ่มหนาที่สุดแสนจะสุภาพเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เรืองริทจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยให้เห็นใบหน้าของที่หล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ดวงตาคู่คมนั้นช่างมีเสน่ห์จริงๆ ชวนให้ร่างบางจ้องมองอย่างไม่กะพริบตา
ทำไม เขาช่างหลอเหลาเหลือเกิน เรืองริทสาบานได้ว่า เขาเหมือนเทพรบุตที่หลุดลงมาจากสววค์ชั้นฟ้าชัดๆ
“เอ่อ คุณได้ยินที่ผมพูดไหมครับ” สติของเรืองริทที่หลุดออกจากภวงค์กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างฉับพลัน เมื่อร่างสูงนั้นเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“อะ เอ่อ... กระหม่อม ไม่เป็นอะไรมากพะยะค่ะ” เรืองริทตอบออกไปเกือบไม่เป็นเสียง ลิ้นแทบจะพันกันเสียให้ได้
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยนะครับ” ภาคินค่อยๆประคองคนร่างบางขึ้น ก่อนจะช่วยเก็บของที่หล่นแล้วถือให้อย่างเต็มใจ แล้วค่อยผินหน้ามามองเรืองริท เขาเองก็สาบานได้เหมือนกัน ว่าหัวใจของตัวเองตอนนี้กำลังเต้นแรงจวนแทบจะหลุดออกจากอกเสียให้ได้
“คุณรู้จักผมแล้วใช่ไหมครับ”
“กระหม่อมรู้แล้ว” เรืองริทพพูดพลางพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “พอดีวันแรกที่ฝ่าบาทขับรถเข้ามา แล้วมีคนในบ้านบอกว่าฝ่าบาทเป็นใคร”
“งั้นเหรอครับ แล้วคุณจะเดินเข้าไปหาหม่อมป้าใช่ไหม”
“พะยะค่ะ”
“ผมเองก็จะเข้าไปด้วยเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวผมช่วยคุณถือของให้นะ”
เรืองริทพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆเดินขเข้าไปด้านในของตำนัก เมื่อเดินมาถึงหม่อมป้าก็กำลังยืนอยู่ข้างหน้าประตูอยู่พอดี
“ตายจริง เรืองริท เธอนี้ไม่ได้ความเลยจริงๆ ให้ฝ่าบาทท่านยกของมาเอง”
“ผมช่วยถือมาให้เองแหละครับ พอดีเห็นคุณเขาล้มอยู่ ผมก็เลยอาสาช่วย” ภาคินยื่นของไปให้คนรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยกมือพนมไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท ส่วนหม่อมป้าก็รับไหว้เช่นกัน
“คราวหน้าเธอก็เดินให้มันระวังๆหน่อยนะ เรืองริท... จะได้ไม่ทำให้ฝาบาทท่านถือของมาเองแบบนี้” เธอหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่ตำหนิ แต่ยังคงแอบแฝงด้วยความความเป็นห่วงเป็นใยอยู่บ้าง เรืองริทจึงก้มหน้าตอบอย่างสำนึก
“ครับ”
“นี่ ตาริท มะม่วงที่ฉันฝากให้เธอไปซื้อมาน่ะ เอาไปปลอกเปลือกเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ไปทำข้าวเหนียวมะม่วงมาด้วยนะ”
“ครับ หม่อมป้า”
เรืองริทรับคำก่อนจะก้มหัวเดินผ่านผู้ใหญ่ไป ปล่อยให้ภาคินจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะฉีกรอยยิ้มออกมาบางๆ... ตนรู้สึกชอบพอร่างบางไม่น้อยตั้งแต่แรกเห็นด้วยช้ำ ใบหน้าหวานๆ รูปร่างบอบบางราวกับผู้หญิงนั้น ทำให้ตราตรึงในหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดาย..
“นั้นตาริท หลานชายของหม่อมฉันพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ ได้พูดได้คุยกันถึงได้รู้ว่าชอบเข้าครัว เป็นพ่อบ้านพ่อเรือน ชอบเย็บปักทักร้อยเพคะ.. แต่ยังไงปากก็จัดจ้านเหลือเกิน ชอบเถียงคำไม่ตกฟาก ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ”
ยิ่งฟังคำบรรยายถึงคนที่ตนพึงพอใจ ยิ่งส่งผลให้ภาคินนั้นฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง หม่อมป้าดำรัสเลยยืนนิ่งมองอย่างไม่สบอารมณ์ ในเมื่อท่าทางขอเจ้าของร่างสูงนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งเธอต้องการให้ภาคินนั้นหมั้นหมายกับหญิงเล็กเพียงอย่างเดียว และไม่ต้องให้ใครเข้ามาแทนที่ได้ทั้งนั้น
เมื่อผ่านไปสักพัก
อาหารหลากหลายชนิดแบบชาววังถูกนำมาเรียงรายเต็มบนโต๊ะอาหารไม้สักขนาดใหญ่ พร้อมทั้งส่งกลิ่นหอมๆลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องในขณะที่เปิดฝาถ้วยออกมา.. ข้ารับใช้บริวานต่างก็ตักอาหารถวายทั้งหม่อมเจ้าทั้งสอง ก่อนจะกลับไปยืนที่ประจำเหมือนเดิม...
ส่วนคนที่เป็นคนลงมือโชว์ฝีมือปลายจวัก พอทำอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็โดนเชดหัวไล่กลับเรือนเล็กอย่างไม่ใยดี... แต่เรืองริทก็ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากทำหน้ามุ่ยแล้วเดินออกจากตำหนักนี้ไป ปล่อยให้คนที่เหลือนั้นลิ้มลองสำรับที่ตนนั้นทำไว้ให้
“ลองเสวยแกงเขียวหวานที่ตาริททำสิแพคะ ครั้งแรกหม่อมฉันลองเสวยมาแล้ว ก็รู้สึกติดพระทัยเป็นอย่างมาก” หม่อมป้าพูดนำเสนอฝีมือของหลานชายตัวเองอย่างชื่นชม ที่เป็นคนพึ่งไล่หลานออกไปเมื่อกี้
“ครับงั้นผมลองชิมก็แล้วกันครับ” ภาคินพยักหน้ารับก่อนจะตักแกงเขียววานอยู่ต่อหน้าเข้าปาก เมื่อปลายลิ้นสัมผัสถึงรสชาติ ร่างสูงจึงยิ้มออกมาในทันที
“อื้ม อร่อยอย่างที่หม่อมป้าพูดไว้จริงๆ สงสัยวันนี้ผมต้องเพี่มข้าวอีกจานแน่ๆเลย”
“งั้นก็เสวยเยอะๆเลยน่ะเพคะ”
“ครับ เอ่อหม่อมป้าครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อย”
“เชิญเลยเพคะ”
“คือที่กระทรวงของผมกำลังต้องการให้เขาไปทำงานแทนคนที่พึ่งลาออกไป หม่อมป้าพอจะมีคนที่ไว้ใจได้ แนะนำให้ผมรู้จักไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถึงปัญหาที่ทำให้ตนขับรถมาถึงที่วังประกายดาว เขาอยากได้ใครสักทีคนที่มีสักยาภาพดีพอจะร่วมทำงานด้วย
“ก็พอจะมีอยู่บ้างเพคะ แล้วคนที่หม่อมฉันจะแนะนำก็พอไว้ใจได้อยู่เหมือนกัน ร่วมทั้งเรียนจบได้คะแนนเฉลิ่ยที่ดีพอสมควร” หม่อมป้าพูดแนะนำถึงบุคคลที่ตนรู้จักเป็นอย่างดี
“ใครเหรอครับ” ภาคินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ก็ตาริทหลานของหม่อมฉันไงเพคะ เห็นว่าช่วงนี้กำลังหางานทำส่งน้องชายเรียนหนังสืออยู่ ก็เลยอยากจะฝากฝังให้ฝ่าบาทช่วยรับเข้าทำงานด้วย”
ภาคินยิ้มออกมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงคนๆนั้น เขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันพอนึกถึงเรืองริท ก็พลอยทำให้ตนนั้นยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย
“เอ่อ ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะลองถามเขาดูเผื่อเขาจะสนใจ แต่ผมก็ยังอยากได้อีกคนครับ แล้วคนๆนั้นต้องเป็นที่คนใจเย็น เอาใจคนอื่นเป็นอย่างดี รู้เรื่องการแพทย์นิดๆหน่อยๆ พอที่จะดูแลน้องชายผมได้ครับ”
“นี่ท่านชายอิสริยะ ทรงไล่คนออกแล้วเหรอเพคะ”
“ใช่ครับ แล้วก็ยิ่งหาคนมาแทนที่อยากกว่าที่กระทรวงอีก ผมไม่รู้จะพึ่งใครดี นอกจากหม่อมป้าเนี่ยแหละครับ”
“เรื่องนี้หม่อมฉันก็พอจะหาให้ได้นะเพคะ ก็คงจะเป็นน้องชายของตาริทนั้นแหละ ชื่อแกงส้ม เป็นคนใจเย็นเรียบร้อย แล้วก็กำลังเรียนแพทย์อยู่ปีสาม ถ้าฝ่าบาทสนพระทัย ก็ทรงลองไปเจรจากับพวกเขาได้เลยนะเพคะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะลองถามพวกเขา” เขารับคำในอย่างรวดเร็ว
“เพคะ เอ่อส่วนหม่อมฉันมีก็เรื่องจะทูลปรึกษาฝ่าบาทอยู่เหมืนกันนะเพคะ”
“เชิญเลยครับ” ภาคินตอบยิ้มๆ
“คือหญิงวิเนี่ยหัวไม่ค่อยดี อาจจะเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ จะส่งไปเรียนที่เมืองนอกก็เป็นห่วง หม่อมฉันว่า การแต่งงานเป็นเรื่องที่เหมาะสม ฝ่าบาทเห็นเป็นไงบ้างล่ะเพคะ”
จากที่ภาคินยิ้มๆก็เปลี่ยนเป็นหน้าเครียดอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เป็นหม่อมป้านั้นเอ่ยถึงบุคคลที่สามที่ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้ง
“เอ่อ แล้วน้องหญิงจะไม่เด็กไปเหรอครับ” ภาคินขยับปากพูดเกือบไม่เต็มเสียง เนื่องจากเขาเอ็นดูหญิงวิเป็นเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
“โธ่ ฝาบาท หม่อมฉันออกเรือนเมื่ออายุสิบเจ็บ น้อยกว่าหญิงวิอีกนะเพคะ หม่อมฉันก็ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านได้ดีไม่ใช่เหรอเพคะ”
“ครับหม่อมป้า” ภาคินพยักหน้ารับเบาๆ ไม่มีทางจะคลายความกงวลได้เลย
“เสด็จพ่อของฝ่าบาทได้ตรัดกับท่านปู่ของหม่อมฉันเป็นหมั้นเป็นหมายเรื่องการแต่งงานของหญิงวิกับฝ่าบาทร่วมเป็นสิบกว่าปีแล้ว นี่ท่านสองพระองค์ก็พ้นกรรมไปแล้ว หรือว่าต้องรอให้หม่อมฉันจากไปอีกคนหรือเพคะ” หม่อมป้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตัดเพ้อ ก่อนจะทำหน้านิ่งอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ หม่อมป้า หม่อมป้าต้องอยู่กับผมไปอีกนานเลยนะครับ เพราะหม่อมป้าคือญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ผมเหลืออยู่” ภาคินรีบอธิบายอย่างร้อนใจ ไม่อยากให้หม่อมป้าพูดให้ร้ายกับตัวเอง
“หม่อมฉันทราบซึ้งในความรักของฝ่าบาทเสมอมา หวังว่าจะช่วยหม่อมฉันหมดห่วงแล้วก็ตายตาหลับนะเพคะ”
“แต่ว่าผม”
“หม่อมฉันพอจะทราบนะเพคะ ว่าฝาบาททรงคิดยังไงกับหญิงวิ แต่หม่อมฉันผู้เป็นป้า ก็อยากให้หลานมีพระสาวมีที่เป็นร่มโพร่มไซ พึ่งพิงได้... ฝาบาทไม่อาจจะรักหญิงวิได้เลยไช่ไหมเพคะ”
แค่คำถามไม่กี่คำก็ทำให้ภาคินนิ่งเงียบ พลางทำหน้าคิดอย่างหนัก ในเมื่อคนที่รู้สึกว่าตนนั้นจะชอบพอมาบ้าง กลับไม่ใช่คนที่ผู้ใหญ่นั้นหมายปองไว้ให้ คิดอยากจะขัดคำสั่งอยู่เต็มแก่ แต่ก็เกรงกลัวว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจของญาติที่อยู่เหลือเพียงผู้เดียว
“ที่เงียบไปอย่างงั้น ฝ่าบาทก็ได้ให้คำตอบกับหม่อมฉันแล้ว แต่ยังไงก็ทรงโปรดทำให้หม่อมฉันมีความสุขนะเพคะ”
ภาคินยังคงไม่รู้จะขยับปากพูดอะไรออกไปดี ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ จะเอ่ยขัดก็ไม่กล้าเพราะเห็นแก่คำลั่นว่าจาของทั้งสองฝ่าย ถ้าเปลี่ยนให้หมั้นหมายกับเรืองริทแทนมันคงจะดีไม่น้อย เพราะเขาจะยอมรับตกลงอย่างไม่มีข้อกังขาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น