คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หาเรื่อง
เมื่อเข็มของนาฬิกาเดินไปถึงเวลาพักเที่ยง เรืองริทจึงเก็บอาสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะกฏของที่นั้นท่านประธานไม่ชอบให้โต๊ะทำงานรกรุงรัง ก่อนจะเดินลงมาทานอาหารชั้นแรกของตึก โดยที่มีนนทนันท์ เพื่อนใหม่เป็นคนเอ่ยชวน ซึ่งบริเวณดั่งกล่าวนั้นขายอาหารตามสั่งหลากหลายชนิด เพื่อความสดวกสำหรับพนักงานของบริษัท
“ริทชอบทานอะไรเหรอ เดี๋ยวชาจะสั่งให้” นนทันนท์ปริปากถาม ในขณะทั้งสองกำลังเดินออกไปพร้อมๆกัน พอคุยกับเรืองริทกันได้แค่ไม่นานก็เริ่มรู้สึกถูกคอกันอย่างน่าประหลาด ซึ่งด้วยความที่ทั้งคู่อัธยาศัยดี เลยทำให้พวกเขาเริ่มสนิทกัน
“ก็หลายอย่างนะ แต่ที่ชอบมากที่สุดก็เป็นแกงจืด... คือตอนเด็กๆ แม่ทำให้กินทุกวันเลย จนเพื่อนๆชอบล้อริทไอ้หน้าจืด อื่ม.. แต่มันก็จริงเหมือนที่พวกเพื่อนริทพูดนะ” เรืองริทอธิบายแบบไม่ซีเรียส์ ในเมื่อชินกับคำพูดพวกนั้นแล้ว
“ถึงจะจืด แต่ก็อร่อยนะ ชาก็ชอบเหมือนกัน”
“ถ้างั้นเราก็ไปสั่งกินกันนะ.. แล้วชาทำงานที่นี่นานยัง”
“ก็ไม่นานหรอก ชาพึ่งทำงานมาที่นี้ได้แค่เดือนกว่าๆเอง เอ่อนี่ริท ชาขอถามอะไรหน่อยดิ๊” ใบหน้าเรียวหวานเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง
“อะไรเหรอ”
“คือริทรู้จักคุณเศรษฐพงศ์ได้ยังไง”
“ก็.. พอดีริทกับพี่เต๋าป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันที่มหาวิทยาลัยน่ะ พอมีอะไรพี่เต๋าขาก็คอยช่วยเหลือตลอด ... ก็เลยสนิทกัน... ทำไมเหรอ” เรืองริทถามกลับ เพราะเมื่อเห็นท่าทางของไปนนทนันท์เหมือนกำลังจับผิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“ ก็เปล่าหรอก ไม่มีอะไร ชาแค่ถามเฉยๆน่ะ เอ่อแล้วริทรู้จักกับท่านประธานด้วยใช่ไหม เห็นหลายคนเขาพูดกันว่าริทเดินออกมาจากลิฟกับท่านพร้อมกัน” เปลี่ยนคำถามๆต่อด้วยความสงสัย พลางทำหน้ารอคำตอบด้วยความอยากรู้
“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก พอดีช่วงเช้าริทแค่ติดลิฟมากับเขาด้วย”
“แล้วท่านประธาน อนุญาตให้ริทขึ้นลิฟมาด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอก ริทก็แค่เดินเข้าไปเฉยๆ ... เอ๊ะ ที่บริษัทนี้ ต้องรอให้ท่านประธานเขาอนุญาตก่อนเหรอ ถึงจะเข้าได้” เรืองริทถามด้วยความอยากรู้เช่นกัน เพราะยังไม่ทราบเรื่องอะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้เลย
“ก็ใช่นะสิ เพราะลิฟที่ริทขึ้นมา มันเป็นลิฟสำหรับท่านประธานหรือไม่ก็สำหรับในครอบครัวเท่านั้น ส่วนลิฟของพนักงานทั่วไปมันอยู่ด้านข้าง ริทไม่ได้อ่านป้ายเลยเหรอ”
เรืองริทเบิกตากว้างในทันที เมื่อได้ยินคำอธิบายอย่างชัดเจน
“จริงเหรอชา.... มิน้าล่ะ ตอนที่ริทเดินออกมาพร้อมกับท่านประธาน มีแต่คนมองกันทั้งนั้นเลย” ใบหน้าเรียวหวานเริ่มรู้สึกกังวล
“ไม่เป็นไหรหรอก เพราะริทพึ่งเข้ามาทำงานใหม่เลยไม่รู้เรื่องพวกนี้” นนทนันท์พยายามพูดปลอบใจ เรื่องริทจึงพยักหน้ารับเบาๆ แต่ก็ยังไงคนตัวเล็กก็คลายกังวลเรื่องนี้อยู่ดี .. กลัวว่าคนอื่นจะเอาเรื่องไปนินทาเกินเลย ที่ถือโอกาสใช้ลิฟร่วมกับเขา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเลยสักนิด
จากพูดคุยถามไถ่กันไม่นาน ทั้งสองก็เดินมาถึงคอนทีนในที่สุด เรืองริททอดมองอาหารน่ากินหลากหลายเมนู รวมทั้งแกงจืดสาร่ายที่ตนนั้นชอบและเมื่อหันกลับมามองกระเป๋าตังค์ของตัวเอง มันก็เกินจำนวนเงินไปนิด เรืองริทจึงหันไปมองอาหารที่มีป้ายราคาติดไว้ถูกที่สุดแทน
“ป้าครับ ผมเอาเขนมจีนแกงไก่หน่อยนะครับ” นนทนันท์ชีนิ้วไปยังเมนูที่ตนชอบเป็นพิเศษ แต่ทว่า
“หมดแล้วละจ๊ะ เหลือแต่ตีนไก่เท่านั้น”
“โห เซ็งเลยอ่ะ” ร่างบางทำหน้าครวญอย่างน่าเสียดาย เพราะของที่ชอบที่สุดดันหมดซะก่อนทั้งยังไม่แพง ยิ่งช่วงนี้ต้องประหยัดไว้อยู่ด้วย ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนเมื่อเห็นว่ายืนนิ่งมองอย่างเดียว “อ้าวริททำไมไม่สั่งแกงจืดล่ะ ชอบก็สั่งซะสิ”
“คือพอดีมันเกินงบไปหน่อยน่ะ ริทเอาตังค์มาไม่มากเท่าไหร่”
“แหม มาสั่งเอาตอนนี้ก็เหลือแต่ของเหลือเดนแล้วจ๊ะ”
อยู่ๆเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรก็พูดแทรก เรืองริทหันหน้าไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ เผยให้เห็นรุ่นพี่แผนกเดียวกัน ซึ่งก็เป็นคนที่ยิ้มเยียดๆให้เมื่อเช้าก่อนจะตามมาด้วยชายร่างผอมบาง และอีกคนรูปร่างอ้วนท้วมยืนสมทบอยู่ข้างๆ พอเห็นสถานะการณ์ก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดี นนทนนท์เลยคงต้องออกโรงปกป้องคนตัวเล็กเสียแล้ว ยิ่งท่าทางของเรืองริทคงจะไม่สู้คนอยู่ด้วย เมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยถูกชะตากันสักเท่าไหร่
“เอ่อ ดูสิริท แกงจืดที่ริบบอกว่าชอบทานเนี่ยนะ พึ่งจะเอามาขายสดๆ!! ใหม่ๆ!! น่าทานมากเลย!!” นนทนันท์ประชดใส่ พลางตีสีหน้าใส่อารมณ์ร่วมด้วย
“หึ มีแต่ของจืดๆไร้รดชาติ” ชายร่างท้วมไม่พูดธรรมดา เล่นหน้าเล่นตาคล้ายๆจะเป็นการประชดใส่อย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“แต่ก็อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร!!” นันทนนท์ตอกกลับออกไปอย่างไม่รู้สึกกลัว เรืองริทที่อยู่ข้างก็แค่ยืนเฉยๆ ไม่รู้จะห้ามหรือจะเอ่ยอะไรออกไปดี
“แหม สมัยนี้เนี่ยนะจ๊ะ มันต้องเป็นส้มตำจ้า เพราะมันเผ็ดร้อนแรง และแซ่บอย่างมีสีสัน ป้าตำส้มตำให้ฉันจากนึง” หญิงหัวหน้ากลุ่มพูดสั่งเสียงดัง ก่อนจะเหลียวหน้าไปมองเมนู
“มะละกอหมดแล้วจ้า” เพียงคำตอบของป้าคนขายไม่ก็คำ ก็ทำเอาจนเธอหน้าเสียจนกู่ไม่กลับ นันทนนท์เลยมีโอกาสได้ตอกกลับอย่างเจ็บแสบอีกครั้ง
“โอ๊ย น่าสงสารจังเลยนะครับ ขนาดของเหลือเดนยังไม่ได้กินเลย ฮาๆๆ” เจ้าของร่างบางปล่อยขำออกมาอย่างจงใจแบบไม่กั๊ก ยิ่งเป็นการตอบย้ำให้อีกฝ่ายอารมณ์เดือดขึ้น
“นี่ อย่ามหาเรื่องฉันนะ!!”
“ก็เปล่าหาเรื่องหรอกครับ แต่แค่จะแบ่งตีนให้ จะเอาหรือเปล่าครับ แทนส้มตำที่พึ่งหมดเมื่อต่ากี้นี้!!” นนทนันท์กระดิกเท้าไปมาเหมือนเป็นท่าประกอบ
“กรี๊ด อี่บ้า!!” เธอสบัดหน้าหนี เพราะไม่มีคำตอกกลับก่อนที่ลูกสหมุนจะเดินตาม ปล่อยให้เรืองริทและผู้เป็นเพื่อนนั้นเลือกสั่งอาหารตามสบาย แล้วจึงเดินหาที่นั่งทานข้าวกันอย่างเงียบๆ.. แค่วันแรกของการทำงานก็เริ่มอึดอัดมากพอเหลือเกิน วันต่อไปคงต้องเตรียมมือรับกับคนพวกนั้นอย่างหนักเป็นแน่
“คชา คือสามคนนั้นเป็นใคร แล้วชื่ออะไรเหรอ” เปิดฉากถามด้วยความอยากรู้ เมื่อมาหาเรื่องกันถึงขนาดนี้แล้ว
“ยัยผู้หญิงคนที่มาหาเรื่อง ชื่อ ยัยต้นหอม ส่วนผู้ชายตัวอ้วนๆนั้นชื่อบุคโก๊ แล้วคนสุดท้ายนั้นชื่อ นุ้ย เป็นกองหลังให้ ยัยเบล ว่าที่คู่หมั้นของท่านประธานน่ะ”
“ริทรู้สึกว่าพวกเขาไม่ค่อยชอบหน้าริทเลย”
“ก็สาเหตุ มันมาจากที่ริทเดินออกจากลิฟมาพร้อมกับท่านประธานนั้นแหละ เพราะพวกนั้นคงคิดว่าริทกำลังมีความสัมพันธ์กับท่านประธานอยู่นะสิ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ขมวดคิ้วถามในทันที
“ถ้าไม่ขนาดนั้น ก็คงไม่เอาปากราน้ำมาตามราวีอย่างงั้นหรอก แต่ริท ก็อย่าไปสนใจเลยนะ ใครที่เข้ามาทำงานใหม่พวกนั้นก็ชอบวางอำนาจใส่แบบนั้นแหละ ”
เหตุผลจากปากนนทนันท์ถูกชี้แจงอย่างละเอียด.. เอาจนคนฟังแทบไม่จะเชื่อตัวเองด้วยซ้ำแค่ความรู้ถึงไม่เท่าทันนั้นส่งผลให้คนอื่นคิดไปไกลได้ขนาดนี้.. และดูเหมือนว่าฝ่ายคงจะไม่ยอมหยุดหาเรื่องอีกแน่.. เรืองริทจึงทำได้แค่ถอนหายใจเหนื่อยๆ
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” เสียงทุ่มหนาของคนที่มาใหม่นั้นเป็นเศรษฐพงศ์ พลางถือถาดที่เต็มไปด้วยอาหารน่าทาน
“ได้สิครับ” เรื่องริทพูดยิ้มๆพร้อมทั้งผายมือเป็นการเชื้อเชิญ ก่อนที่คนร่างสูงจะลากเก้าอี้ออกมาหย่อนตัวลงนั่ง
“ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีครับ... ดีมากๆเลย ดีกว่าอยู่เฉยๆเหมือนเมื่อก่อน” จำใจพูดโกหกออกไป ทั้งที่เรื่องจริงกลับไม่ใช่เลยสักนิด
“แต่ก็คงไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นหรอกครับ... ” น้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจของนนทนันท์พูดแทรกขึ้น คนฟังจึงเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมเหรอ”
“ก็เมื่อกี้ มีคนเข้ามาต่อว่าริทนะสิ... แต่ดีที่ผมอยู่ด้วย ก็เลยจัดการพวกนั้นคืน”..
“แล้วคนที่เข้ามาต่อว่าริท เขาเป็นใครล่ะครับ”
“ก็เป็นพวกยัยพี่ต้นหอมนั้น ที่เคยหาเรื่องผมมาก่อนตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ ยังไงก็ผมก็ฝากพูดตักเตือนสั่งสอนกันหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้มาพูดทำร้ายใครคนอื่นแบบนี้อีก” ร่างบางกำชับหนักแน่น
“ครับ เดี๋ยวผมจะพูดตักเตือนให้ก็แล้วกัน”
“เอ่อ ริทว่าเราทานอาหารดีกว่านะครับ อย่าเสียเวลาพูดถึงคนอื่นเลย รีบๆทาน แล้วก็รีบไปทำงานกัน” เมื่อเห็นว่าเรื่องไม่จบง่ายๆเลยตัดความดีกว่า เศรษฐพงศ์จึงพยักหน้ารับฟังเป็นการเข้าใจ เหลือเพียงแค่นนทนันท์กำลังจ้องมองทั้งสองด้วยแววตาที่เรียบเฉย เหมือนรู้สึกไม่พอใจที่พวกเขาสนิทสนมกันจนเกินไป
.
ไฟไม่มาเมื่อคืนนั่งร้องไห้เกือบอัพฟิคไม่ได้
ยังไงก็ฝากด้วยนะ
ความคิดเห็น