คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วันแรกของการเข้าทำงาน
แสงตาวันของยามเช้ากำลังสาดส่องกระทบดวงตากลมหวานทั้งสองข้างของเรืองริท เป็นผลทำให้คนตัวเล็กนั้นค่อยกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองด้วยท่าทางสลึมสหลือ พลางสำรวจมองรอบตัวดีๆก็พบว่ากำลังอยู่ในห้องของตัวเอง... ห้องที่เล็กเท่ารูหนู มีเครื่องของตกแต่งราคาถูกๆทั่วทั้งห้อง
“อ้าวริท ตื่นแล้วเหรอ” เรืองริทหันไปมองต้นเสียงที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา เผยให้เห็นเจ้ม้ากำลังเดินตรงเข้ามาหาพอดี
“ครับ ผมเพิ่งตื่น เอ่อแล้วผมกลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองได้ไงครับ” เอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะเมื่อคืนยังพอแค่จำได้ว่าออกไปเที่ยวผับกับพวกเจ้ทั้งสอง
“ก็เมื่อคืนตอนที่ริทหมดสติไป เจ้กับยัยพรก็บอกให้บ๊อยที่นั้น หามริทมาส่งที่ห้องนะสิ” เจ้มาอธิบายอย่างกระจ่าง... เรืองริทเริ่มค่อยๆปะติปะต่อนึกถึงเหตุการของเมื่อคืนที่ผ่านมา
ใช่สินะ ตัวเองนั้นหมดสติลงไปหลังจากที่เสียจูบให้กับเขาคนนั้น
“งั้นเหรอครับ ...”
"ใช่จ้า แล้วเมื่อคืน มันเป็นจูบแรกของริทใช่ไหม" เอ่ยถามพลางหลิ่วตาด้วยความอยากรู้ เอาจนคนจะเอ่ยปากตอบออกไปเกือบตั้งตัวไม่ถูก
"ก็ ครับ" เรืองริทพยักหน้าตามความจริง
"มีน่าล่ะ ถึงได้สลบกลางเวที.. นี่เจ้จะบอกอะไรให้นะ ริทโชคดีมากที่ได้จูบกับเขา เพราะจูบแรกมันเป็นเรื่องสำคัญ แล้วถ้าจูบแรกของริทดี มันก็มีผลต่ออนาคตด้วยนะ"
“จะบ้าเหรอครับ.. ผมกับเขาไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย อนาคง อนาคตอะไรกัน” พูดออกไปเกือบไม่เป็นเสียง เมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงผุดขึ้นมาในความคิดยังไม่จางหายไปง่ายๆ
“แหม อีกไม่นานริทก็จะได้รู้จักเขานั้นแหละ”
“พอเถอะครับ เราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”
“เจ็ดโมงครึ่ง”
“ห๊ะ!! เจ็ดโมงครึ่งแล้วเหรอ!!” ทวนคำถามเสียงดังด้วยความตกใจ
“ใช่ แล้วที่เจ้มาหาก็เพราะว่าจะมาปลุกริทเนี่ยแหละ เห็นว่ายังไม่ออกไปทำงานสักที”
“ตายแล้ว เหลือแค่สามสิบนาทีเอง จะทันไหมเนี่ย เจ้ ผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
“ยังไงก็รีบๆเข้าหน่อยก็แล้วกัน เมื่อกี้เจ้ก็ชวนคุยซะเพลิน”
เรื่องริทถีบผ้าห่มออกจากตัวอย่างไม่ใยดี ก่อนจะรีบพาตัวเองเข้าไปจัดการธุระประจำวันของทุกเช้า นี้คงเป็นครั้งแรกที่ร่างบางนั้นอาบน้ำยิ่งกว่าเดินผ่าน เพราะไม่มีเวลาจะใช้ให้เปลืองอะไรมากเหมือนก่อน จากนั้นไม่นาน เรืองริทก็เปลี่ยนเสื้อในชุดแบบทำงาน โดยที่ไม่ลืมจะใส่แว่นตาคู่กายแล้วค่อยรีบออกจากห้องไปด้วยการจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างในการเดินทาง
แต่ดีที่บริษัทไม่อยู่ไกลจากห้องพักสักเท่าไหร่ เมื่อใช้เวลาร่วมยี่สิบนาทีขับแซงรถติดกันเป็นแถวก็เดินทางมาถึงแล้ว....
เรืองริทรีบก้าวขาเดินเข้าไปข้างในตึกบริษัทขนาดใหญ่ในทันที เพราะเวลามันก็เหลือเพียงนิดเดียวเท่านั้น.. และเมื่อจะเดินขึ้นไปที่แผนกฝ่ายบุคคลนั้น มันก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควรเช่นกัน เมื่อมันอยู่บนชั้นแปด หากจะใช่ทางบรรไดหนีไฟคนไม่ทันแน่นอน ร่างบางจึงเลือกตัดสินวิงตรงเข้าไปลิฟ ซึ่งในขณะที่กำลังใกล้จะปิดอยู่พอดี
“รอ ด้วยครับ!!" เรืองริทรีบยื่นมือเล็กๆคั้นประตูไวลิฟไว้ทัน ก่อนที่คนตัวเล็กจะก้าวขาเดินแทรกเข้าไป โดยที่ไม่รู้ว่าหน้าลิฟนั้นมันมีป้ายหนึ้งที่เขียนไว้ว่า ลิฟสำหรับผู้บริหาร.. พอเงยหน้าไปมองคนร่างสูงที่อยู่ข้างๆดีๆที่กำลังอยู่ในชุดสูทราคาเหยียบแสนสีเท่าอ่อนๆ ก็ทำให้ร่างบางนั้นเบิกตาก้วางขึ้นไข่ห่านด้วยความอึ้ง ไม่คิดเลยว่าจะบังเอีญอะไรขนาดนั้น เพราะเขาคือ ท่านประธานบริษัท
“อะ เอ่อ สวัดดีครับ คุณภาคิน” เรืองริทพยายามพูดทักทายให้เป็นเสียงปกติ เพราะหัวใจของตัวเองตอนนี้มันเต้นรัวจนแทบจนหลุดออกจากอกเสียให้ได้ ยิ่งเมื่ออยู่ไกล้ๆกัน ก็ยิ่งหวั่นไหวจนเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“ครับ สวัดดีครับ” ร่างสูงผินหน้าตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ ก่อนจะหันกลับไปเช่นเดิม
“คือ ผมเป็นพนักงานใหม่นะครับ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยครับ ถ้าผมทำผิดพลาดอะไรก็บอกด้วยนะครับ”
“ครับ.. ผมบอกคุณแน่ เพราะครั้งแรกที่คุณเดินเข้ามาบริษัทมา คุณก็ทำผิดพลาดแล้ว” ชายหนุ่มยังคงกล่าวออกไปเรียบๆ
ทำผิดพลาดงั้นเหรอ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนิ เพราะเมื่อมองการแต่งตัวก็เรียบร้อยดีทุกอย่าง ส่วนเวลาเข้าทำงานก็ยังเหลืออีกตั้งห้านาที
“ติ๊ง”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ภาคินบอก หลังจากที่ลิฟถูกเปิดออก ก่อนจะก้าวขาเดินเลี่ยงออกไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เรืองริทจึงก้าวออกไปตามๆกัน แต่พอหันหน้าไปมองข้างหน้า ใครต่อใครในบริษัทแล้ว ทุกคนต่างก็ลุมมองเป็นสายตาเดียว ในเมื่อไม่มีใครกล้าเดินออกมาจากลิฟพร้อมกับท่านประธานเด็ดขาด ถ้าหากคนนั้นๆไม่มีความสำคัญ เรืองริทเลยเริ่มทำตัวไม่ถูก เมื่อมีบางกลุ่มแอบเก็บเอาเรื่องของตัวเองไปซุบซิบนินทา.... คนตัวเร็กเลยต้องรีบๆเร่งฝ่าเท้าเดินเลี่ยงจากบริเวณนี้ไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งพาตัวเองมาถึงห้องของหัวหน้าฝ่ายบุคคล ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูเป็นเชิงมารยาท
“ขออนุญาตเข้าไปข้างไหนหน่อยนะครับ” เรืองริทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ พลางไขประตูเข้าไปข้างใน
“มาแล้วเหรอคุณเรืองริท” เสียงใหญ่พูดทักทายก่อนจะหมุนเก้าอี้หันมามองคนที่เข้ามาไหม่ เผยให้เห็นชายหนุ่มผิวขาวในชุดสูทราคาแสนแพง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราระดับประเทศ เลยทำให้เรืองริทเบิกตาขึ้นในทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่อยู่ต่อหน้า
“พี่เต๋า”
“ใช่จ๊ะ พี่เอง” เศรษฐพงศ์พูดยิ้มๆ
“ไม่คิดเลยนะครับว่าพี่จะทำงานที่นี่ แถมยังเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลด้วย” เรืองริทยิ้มจนเต็มมุมปาก เมื่อคนร่างสูงที่อยู่ต่อหน้านั้นเคยเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยมาก่อน ทั้งยังคอยช่วยเหลือเรืองริททุกครั้งเมื่อมีปัญหา และยังไม่ได้รู้สึกลังเกียจคนจนๆแถมยังหน้าตาเฉยเฉิ่มอย่างคนตัวเล็กเลยสักนิด จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันอยู่พอสมควร... แต่หลังจากที่เศรษฐพงศ์เรียนจบปริญญาตรี ทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เมื่อคนร่างสูงนั้นต้องบินไปเรียนต่อโทที่อาเมริกาเป็นเวลาร่วมสองปี
“พี่สบายดีไหมครับ”
“ก็ดี แล้วริทล่ะ”
“สบายดีมากเลยครับ เพราะริทมีงานทำแล้ว หลังจากที่ตะเวนหางานทำตั้งหลายเดือน เอ่อแล้วพี่กลับมาทำไมไม่บอกล่ะครับ ผมนึกว่าจะลืมกันซะแล้ว”
“ไม่หรอกนา พี่ยังจำริทได้เสมอแหละ เพราะริททั้งขยันทั้งเรียนเก่งแบบนี้”
“แต่ตอนที่พี่กลับมา ก็น่าจะติดต่อมาหาผมบ้างนะครับ” สีหน้าร่างเล็กเริ่มงอนนิดๆ
“ก็ช่วงนั้นพี่ไม่ค่อยว่างน่ะ อีกอย่างพี่ก็เพิ่งกลับมาได้ประมาณเดือนกว่าๆเอง อะไรๆก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด แล้วตอนที่ริทมาสมัครงานวันนั้นพี่ก็ไม่อยู่เพราะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่งั้น พี่ก็ได้สัมภาษณ์งานริทแล้ว”
“โห ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะไม่ได้เข้าทำงานแล้วแน่ๆ... เพราะพี่คงจะถามอะไรที่ผมต้องตอบไม่ได้แน่นอนเลย”
“มันก็มีบ้างแหละ แต่ยังไงพี่ก็ดีใจนะที่ริทเข้ามาทำงานที่บริษัทของพี่”
“นี่เป็นบริษัทของพี่เหรอครับ” เรืองริทขมวดคิ้วถาม
“ใช่แล้วจ๊ะ”
“งั้นพี่ก็เป็นน้องชายของท่านประธานน่ะสิ”
“อันนี้ก็ใช่อีกเหมือนกัน” เขาตอบยิ้มๆ....... เอาจนเรืองริทอึ้งนิดๆ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญอะไรซ้ำซ้อนขนาดนั้น
“ครับ เอ่อ แล้วริทต้องเริ่มทำงานตอนนี้เลยหรือเปล่า”
“ใช่แล้วจ้า ริทต้องเริ่มทำงานตอนนี้เลย เดี๋ยวพี่จะพาริทไปที่โต๊ะทำงานของริทนะ”
“ครับ” เรืองริทพยักหน้ารับ..ก่อนเดินตามคนร่างสูงไปหลังจากนั้น รู้สึกดีมากที่มีคนรู้จักที่ทำงานด้วยแถมยังเป็นพี่ชายที่แสนดีคอยช่วยเหลือตลอด เมื่อก่อนถ้าเรืองริทโดนใครกลั่นแกล้งหรือโดนคนอื่นพูดจาถากถางหรือดูถูกก็มีเพียงเเศรษฐพงศ์เท่านั้น เป็นคนคอยปกป้องเสมอมา... จากนั้นไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึง
“นี่เป็นโต๊ะทำงานของริทนะ ถ้าขาดเหลืออะไรหรือคอมไม่ทำงานก็บอกพี่ได้”
“ครับ เอ่อ แต่ว่า พี่ต_ เอ๊ย คุณเศรษฐพงศ์ไม่ต้องแทนตัวเองว่าพี่หรอกนะครับ คือตอนนี้เราอยู่ในที่ทำงานกันแล้ว คงไม่เหมาะสม” เรืองริทพูดตามความคิด เพราะกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าตัวเอง เหลิงตัวที่ให้น้องชายของท่านประธานแทนตัวเองแบบนั้น
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่มีใครเขาถือกันหรอกหน่า... เอ่อนี่ทุกคน ช่วยฟังทางนี้หน่อยนะครับ คนนี้ชื่อริท เรืองริท ศริภานิช เป็นพนักงานใหม่ ยังไงก็ช่วยแนะนำน้องเขาด้วยหน่อยแล้วกัน” เศรษฐพงศ์กำชับก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่ตอบตกลง
“ครับ /ค่ะ”
"งั้นพี่ขอตัวก่อนก็แล้วกัน ตั้งใจทำงานนะ" เศรษฐพงศ์ยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเบาๆก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปห้องทำงานเช่นเดิม... ส่วนเรืองริทก็หย่อนกายลงนั่งหลังจากนั้น ก่อนที่จะมีหญิงสาวแต่งตัวเปรี้วยๆผมสั้นๆใบหน้าเติ่มแต่งด้วยความสำอางหนาๆ คนหนึ่ง นำเอกสารให้เรืองริทพิมส์เป็นงานแรก แต่พอเงยหน้าสังเกตมองเธอดีๆ สายตาที่ถูกส่งมาเหมือนจะไม่มีความเป็นมิตรเอาซะเลย ก่อนที่เธอจะเดินสบัดตัวหายไป ต่างกับชายหนุ่มหน้าหวานราวผู้หญิงอีกคนที่อยู่โต๊ะข้างๆ กำลังส่งยิ้มจางๆมาให้
"ชื่อเรืองริทเหรอ"
“ใช่ครับ ผมชื่อเรืองริท แล้วพี่ล่ะครับ" หันไปพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เราชื่อคชานะ ริทไม่ต้องแทนเราว่าพี่หรอก ชาว่าอายุของเราก็เท่าๆกัน ยังไงก็ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อืม... ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
.
.
.
ฟินข้ามค้าย คือจริงๆอยากจะบอกว่า
ชอบคู่นี้เหมือนกัน แล้วก็ชอบมากด้วย
ที่จริงเป็นคนดูเอเอฟก่อนจะมาดูเดอะสตาร์
ด้วยซ้ำ ดูตั้งแต่ ซีซั่นสองนู้น จนมาถึงตอนนี้
แต่เดอะสตาร์ก็ชอบเหมือนกันโดยเฉพาะซีซั่นหก
ฟินมาก รักมากๆด้วย ฝากด้วยนะเอามาลงพร้อมกันเลยวันนี้
ความคิดเห็น