ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนรักกุหลาบสีแดง

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 58




    นอกจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง จงอินยังไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน รักมากไม่ยอมตัดใจเสียทีทั้งที่ๆทราบดีว่า แบคฮยอนไม่มีทางที่จะให้อภัยเขา แต่เขาก็ยังอยากดึงแบคฮยอนกลับมาทำบาปอีก  อำนาจของความรักมันทำให้คนๆหนึ่งยอมทำได้ทุกอย่าง ยอมเห็นแก่ตัวเพื่ออยากจะครอบครองไว้

    ทุกๆวัน ทุกๆวินาที หัวใจของคุณชายจงอิน ยังคงโหยหาถึงแบคฮยอนเพียงอย่างดี แม้ว่า แบคฮยอนจะหมดรักเขาแล้ว จงอินก็ยังอยู่ตรงที่เดิม ไม่ยอมไปไหนสักที และยังคอยว่าสักวันแบคฮยอนจะกลับมา

    แต่ท้ายที่สุด เขาก็ไม่กล้า ถอนหมั้น กับน้องหญิง เพื่อให้ตัวกลับมาเป็นอิสระสักที ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยากให้เป็นทองแผ่นเดียวกันเร็วๆ ทุกอย่าง มันคือผลประโยชน์ ถ้าเขาถอนหมั้น แล้วเลือกความรัก หุ้นที่ถือร่วมกันระหว่างสองฝ่าย เป็นอันขาดสะบั้น

    เขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากหันมาระบายความเจ็บปวดกับขวดเหล้า แก้วแล้วแก้วเล่า ทว่า พอยิ่งดื่ม ใบหน้าสวยหวานดุจนางฟ้าก็ลอยมาให้เห็นเป็นภาพลางๆอยู่ใกล้ตัวเขา จงอินไม่ต่างอะไรกับคนบ้า ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ก็ยังไม่ยอมลืมแบคฮยอนเสียที

    พอกรึ่มๆได้ที่ จงอินก็ลากสังขารตัวเองออกมาจากร้านเหล้าประจำของเขา ยิ่งเมา อยู่ๆ ก็นึกอยากขับรถเล่นตากลม เพื่อบรรเทาพิษเหล้าที่แทรกอยู่ร่างกายจนทำให้ร้อนและอึดอัดทุเลาลง

    จงอินในตอนนี้ ไม่หลงเหลือ มาดคุณขายที่แสนสุดภาพเรียบร้อยอีกแล้ว เขาเมาเยี่ยงหัวราน้ำ ผู้คนผ่านเขาไปก็ต้องถอยตัวออกห่าง เมื่อไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นเหล้าที่ฟุ้งไปทั่ว

    จงอินขึ้นไปนั่งรถ สตาร์ท เครื่องแล้วขับออกไปทั้งที่ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ชานยอลขับไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย ภายใต้แสงดาวที่สุขสกาวในยามรัตติกาล

    ขอบดวงตาเข้ม อยู่ๆก็มีน้ำใสๆไหลออกมา เขาปาดมันทิ้งเท่าไหร่ มันก็ไม่หยุดไหลเสียที สติก็เริ่มเลือนราง แทบไม่สามารถบังคับพวงมาลัยรถให้เคลื่อนไปได้นิ่งๆ

    ถนนข้างหน้าก็มองเห็นลางๆ แม้จะมีหลอดไฟสว่างไสว พอเขาเริ่มกลับมาสติอีกที ก็มีเสียงแตรจากรถข้างหน้า

    ปี๊กๆๆ

    จงอิน เบิกตากว้างเท่าไข่หาน ขณะก็หักหลบพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว

    โครม

    ทว่า มันไม่ทันเสียแล้ว รถราคาแพงของเขา ชนเข้ากับรถบรรทุกอย่างจัง จนยานพหานะของเขา ปลิวถลาออกนอกฟุตบาทไปตกที่ หญ้าข้างทาง ศีรษะของคุณชายตอนนั้น ฟาดเขากับพวงมาลัยอย่างจัง เลือดสีแดงก็พลันไหลทะลักราวกับท่อน้ำแตก

    คุณๆ เป็นไปอะไรมากไหม

    หูของเขาได้ยินเสียงเรียกแว่วๆมาแต่ไกล เป็นเสียงใครก็ไม่ทราบที่เขาไม่คุ้นหูเอาเสียเลย จงอินพยายามขยับปากตอบกลับไป หากความเจ็บปวดก็รุมเร้าเสียจนเขาไม่มีแรง ก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบลงไป


    ร่างสูงที่นอนอยุ่ในห้องไอซียู กำลังเดินอยู่บนเสั้นทางระหว่างความเป็นกับความตาย ขณะ ที่ คุณหญิง ผู้มีศักดิ์เป็นมารดาของ ชายจงอิน อยู่หน้าห้องแทบไม่มีกระจิตกระใจคิดอะไรอีก  ตอนที่หล่อนได้ทราบข่าว สติที่พอจะรวบรวมได้ ก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที โดยมี หญิง ตามมาทีหลัง

    คุณหญิงแม่คะ พี่ชายเป็นยังไงบ้างคะ

    แม่ยังไม่รู้เลย แม่ก็รอมานานแล้ว แต่หมอยังไม่ออกมาสักที

    เสียงของหล่อนตอบขณะที่น้ำตำก็เเทบจะไหลพราก หล่อนกุมไว้เเน่น มีเหงื่อไหลซึมออกมาตามบริเวณอุ้งมือ 

    คุณหญิงแม่ใจเย็นๆนะคะ หญิงเชื่อว่า พี่ชาย ต้องไม่เป็นไรค่ะ


    ความวุ่นวานที่เกิดขึ้นหยุดลงเมื่อประตูที่กั้นระหว่างคนรอกับคนเจ็บถูกเปิดออก คุณหมอไม่ใช่คนให้คำตอบแก่พวกหล่อน แต่เป็นพยาบาลชุดสีขาว คุณหญิง  แทบผวาเข้าไปหา อยากจะจับพยาบาลเขย่าแล้วถามเอาความให้ได้ แต่พยาบาลกลับพูดออกมาก่อน

    ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ต้องให้คนไข้พักก่อนนะคะ เพราะเสียเลือดมาก"

    เท่านี้ก็มากเกินพอสำหรับคนฟัง แค่ได้ยินว่าลูกชายปลอดภัยน้ำตาก็ไหลออกมา คราวนี้ เต็มไปด้วยความยินดีที่ได้รับรู้ ส่วนหญิง ก็ผ่อนลมหายใจอย่างโลงอก แต่ก็อดกังวลไม่ได้

    ชายจงอินปลอกภัยแล้ว หญิง กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวท่านพ่อของหญิง จะเป็นห่วง

    ค่ะ แต่คุณหญิงก็ต้องกลับบ้านพร้อมกันนะ แล้วค่อยให้คนที่บ้านมาเฝ้าอาการของพี่ชาย

    คือ แม่คิดว่า จะอยู่เฝ้าชายจงอิน

    คุณหญิงแม่คะ ตอนนี้ ก็ดึกมากแล้วนะคะ คุณหญิงแม่กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ไว้พรุ่งนี้เช้า ค่อยมาดูแล พี่ชายก็ได้ หญิง จับไหล่ประคอง 

     

    คุณชายคะ ป้ามีข่าวร้ายจากบ้าน คุณหญิง มาให้ทราบค่ะ

    เกิดอะไรขึ้นกับบ้านคุณน้าหรอป้า  

    เมื่อเช้านี้ คุณหญิง โทรมาบอกว่า คุณชายจงอินเมาแล้วขับ แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่คุณชาย จงอินรู้สึกตัวแล้วค่ะ

    เมื่อไหร่ ชายจงอินจะโตเป็นผู้ใหญ่สักทีเนี่ย ยังไงขอบใจป้ามากนะครับที่บอก

    ฮัลโหล

                สวัสดีครับคุณหญิงน้า พอดีผมเพิ่งทราบข่าวที่ ชายจงอินได้รับอุบัติเหตุครับ ก็เลยอยากจะทราบอาการ

                ก็หนักพอสมควร แขนขาหักต้องเข้าเฝือก ศีรษะแตก ต้องเย็บถึงสิบเข็ม.... ร่างกายน่ะ ยังฟื้นฟูได้ง่าย แต่จิตใจของจงอินน่ะสิ ท่าจะยาก

                หมายความว่า ที่จงอินดื่มเหล้าจนเมาเนี่ย เป็นเพราะอกหักใช่ไหมครับ

                ถ้า หลานชาย อยากทราบเรื่อง ก็มาหาน้าที่บ้านตอนนี้เลยนะ น้าเองก็มีเรื่องจะปรึกษา ชาย ชานยอลเหมือนกัน

                ได้ครับ

     

                คุณหญิงน้าลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังทั้งหมดเลยนะครับ เอาให้ละเอียด เผื่อบางที่ผมจะช่วยคุณหญิงน้าได้

                เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะเด็กคนนึง ที่ชื่อ แบคฮยอน

                แบคฮยอน

                ใช่ แบคฮยอน แต่น้าก็ไม่รู้จักว่าเป็นลูกเต้าเลาใคร รู้แต่ว่า เป็นคนที่ ชายจงอินหลงรักจนหัวปักหัวปำ ตอนน้าไปเยี่ยมไข้ ก็ละเมอหาแบคฮยอนไม่หยุด

                แล้วคนที่ชื่อแบคฮยอนหน้าตาเป็นยังไงครับ ผมอยากเห็นหน้า คุณหญิงน้ามีรูปของเขาไหม

                มีจ้า

                รูปนี้ น้าเห็นอยู่ในกระเป๋าของชายจงอิน น้าก็เลยหยิบออกมา เพราะถ้า หญิง มาพบเห็นเข้า ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง

                หน้าตาสวยดีนะครับ

                ใช่ สวยมาก ชายจงอินถึงไม่ยอมตัดใจเสียที น้าเองก็สงสารลูกชายของน้าเหลือเกิน จนบางที น้าก็อยากให้ลูกชาย ถอนหมั้นกับหญิง เพราะน้าดูออกว่าจงอินไม่ได้รักหญิง เลย แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการหักหน้า ตระกูลนั้น ส่วน แบคฮยอนเอง ก็ผิด รู้ทั้งรู้ว่า จงอินมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว แต่ก็ยังมาคบกับชายจงอิน

                แล้วตอนนี้ แบคฮยอนยังยุ่งอยู่กับจงอินหรือเปล่า

                ไม่แล้ว เพราะหญิง ไปตามอาละวาท แบคฮยอน จนแบคฮยอนหนีหน้าไป หลานชายจ้า ที่น้าทำแบบนี้ มันถูกต้องแล้วใช่ไหม

                ถูกต้องแล้วครับ ก็เหมือนอย่างที่หญิงน้าพูด ถ้าถอนหมั้นก็เท่ากับเป็นการหักหน้า หญิง เพราะคนในตระกูลของหญิง อาจคิดว่า หญิง ไม่ดีพอสำหรับจงอิน คุณหญิงน้าถึงได้ถอนหมั้น

                ตอนนี้ น้ากลุ้มใจเหลือเกิน น้าสงสาร ชายจงอิน เพราะน้าเข้าใจดีว่า การถูกบังคับให้หมั้นกับคนที่ไม่ได้รัก มันทรมานแค่ไหน แล้วน้าจะทำยังไงดี หลานชาย

                ผมว่า ปล่อยมันไปอย่างนี้แหละครับ ในเมื่อ ชายจงอิน ก็เลือกด้วยแต่เอง แทนที่จะปฏิเสธการหมั้นตั้งแต่แรก 

                แต่ถ้ามันหนักถึงขั้น ชายจงอิน คิดทำร้ายตัวเองขึ้นมาล่ะ

                ก็คงต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับเขา

                ทางออกที่ดีที่สุด คือการถอนหมั้นใช่ไหม

                ก็คงประมาณนั้นแหละครับ แต่เรื่องของแบคฮยอน ผมจะไม่ยอมให้ ชายจงอินไปยุ่งกับแบคฮยอนอีกเป็นอันขาด

                ทำไมล่ะ

                ก็สิ่งที่แบคฮยอนทำ มันคือสิ่งที่เลวร้ายสุด เพราะถ้าไม่ร้าย ก็คงไม่กล้าเข้ามายุ่งกับคนที่มีเจ้าของหรอกคร เดี๋ยวเย็นนี้ พอผมเลิกงาน ผมจะไปเยี่ยมอาการของชายจงอินทันที

               

     


    วันรุ่งขึ้น

     

    ลู่หานต้องตื่นตั้งแต่เช้า เปลี่ยนอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่พร้อมจะออกไปทำงาน เพราะช่วงนี้ มักมีคนไข้ฉุกเฉินถูกนำตัวมาที่โรงพยาบาล ส่วนเมื่อวาน คุณหมอก็กำชับว่าให้มาก่อนเวลายิ่งดี และเมื่อเตรียมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงปิดประตูบ้านแล้วเดินออกจากบ้านไป เพื่อที่จะจ้างรถสามล้อออกไป แต่ในระว่างทางที่ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ รถโฟลค์คันสีน้ำตาลของหม่อมเจ้า ดองวุค ก็กำลังค่อยๆเคลื่อนรถจอดใกล้ๆ พลางกดแตรเรียก ก่อนจะเลื่อนกระจกผินหน้าออกไปพูดกับลู่หาน

    สวัสดี ฉันคือ ชาย ดองวุคนะ” ท่านเอ่ยน้ำเสียงที่สุภาพ ลู่หานจึงก้มศีรษะทักทายผู้อาวุโสตามมารยาท เมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างในรถนั้นเป็นใคร แล้วเธอคือ

    “ผม ชื่อลู่หานครับ” ร่างบางแนะนำตนให้ท่านรู้จัก ท่านชายเองก็พอจะรู้ตัวตนของลู่หานอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่เคยเจอหน้าสักที 

    งั้นก็ขึ้นรถมาสิ เดี๋ยวฉันจะไปส่ง

    “ผมเดินไปได้ เดินไปไม่นานก็ถึงรั้วบ้านแล้ว เดี๋ยวผมจะขึ้นรถเมล์ไปเอง” ลู่หานพูดออกไปอย่างน้อบน้อมเกรงใจ

    ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง

    แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ

    ไม่เป็นไรหรอก แล้วก็ไม่มีใครคิดจะว่าอะไรให้ด้วย เพราะฉันเป็นคนชวนเธอขึ้นรถมาเอง” ท่านเอ่ยกำชับอย่างหนักแน่น ลู่หานงจึงพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถตามไป

    ขอบคุณ คุณชายอามากนะครับ

    ลู่หานก้มศรีษะอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนมือเรียวไปเปิดประตูนั่งอยู่ด้านหน้า เมื่อดูจากกริยาท่าทางของท่านแล้ว ก็พอทำให้ลู่หานคลายความกังวลได้บ้าง ในเมื่อท่านดูเป็นคนขจิตใจดี ไม่ได้มีอคติเหมือนอย่างภรรยารวมทั้งลูกสาวของท่าน

    เธอจะไปไหน” ท่านเอ่ยถามหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไปได้สักพัก

    เอ่อ ผมจะไปทำงานครับ” ลู่หานพูดขึ้น

    “แล้วทำงานอะไรล่ะ”

    “ผมเป็นบุรุษพยาบาลครับ

    "ยังไงฉันก็ขออวยพรให้โชคดีนะ มีงานมีการทำแล้ว ก็ทำให้ถึงที่สุด อดทนต่อสิ่งที่เรากำลังทำ เพราะเราตัดสินใจเลือกมาทางนี้แล้ว" ท่านชายอวยพรเสียงนุ่มลึก 

    ดูท่า ลู่หาน เป็นเด็กเรียบร้อย กิริยา มารยาทงาม มีงานการทำเพื่อเลี้ยงดูชีวิตตัวเอง ต่างกับลูกสาวของท่าน วันๆเอาแต่งเนื้อแต่งตัว อวดโฉมไปทั่วพระนครโซล ไม่หยิบจับเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง

    “คุณชายอาพูดเหมือนพ่อของผมเลย

    เมื่อสมัยก่อนฉันกับพ่อเธอสนิทสนมกันมาก เลยมีทัศนคติคล้ายๆกัน  พ่อเธอเป็นคนจิตใจดี สุขุม น่าเลื่อมใส เป็นที่รักของคนในบ้าน.. แล้วฉันก็เชื่อว่า เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็คงไม่ต่างอะไรกัน เอ่อ แล้วเธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหนเหรอ ฉันลืมถามเลย

    จอดตรงป้ายรถเมล์ด้านหน้าครับ เดี๋ยวผมต่อรถเมล์ไปเอง

    ยังไงก็ขอให้โชคดีนะ

    “ขอบคุณครับ”   ลู่หานก้มศรีษะซ้ำท้ายเป็นการลา พลางส่งยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่รถจะเคลื่อนไปจอดข้างหน้าป้ายรถเมล์ แต่ทว่าร่างบางไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของท่ายชายวิพัฒน์ที่มองเหมือนว่าคนคิดอะไรเกินเลย 

    จากนั้นร่างเล็กก็ลงจากรถ พลางโบกมือลาท่านเจ้าแล้วจึงเดินขึ้นต่อรถเมล์แยกย้ายกันไปคนละทาง 

    "วันนี้ผ่าตัดคนไข้ตั้งนาน คุณหิวข้าวไหม" 

    "ก็นิดหน่อยครับ"

    "งั้นเราไปหาอะไรทาน ข้างนอกไหม"

    "จะดีหรอครับ เดี๋ยวผู้หญิงคุณมาเห็นเข้า แล้วเดี๋ยวจะไม่พอใจเราเปล่าๆ ผมว่าทานที่โรงอาหารดีกว่า"

    "ผมยังไม่มีใครหรอก คุณก็น่าจะรู้ดี ว่าคนเกาหลีไม่ค่อยชอบคนรัสเซียสักเท่าไหร่ คนไข้บางคนยังไม่ยอมให้ผมรักษาเลย จะมีก็แต่คุณเท่านั้นที่กล้าคุยกับผม"

    "ผมเองก็ไม่ใช่คนเกาหลีร้อยเปอร์เซ็นต์ซะทีเดียว เพราะชื่อผมยังถูกตั้งเป็นชื่อจีน แล้วผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นชื่อเกาหลีด้วย"

    "ครับ ว่าแต่ คุณจะไปทานข้าวกับผมไหม"

    "ถ้าคุณหมอ อีวานเป็นเจ้ามือ ผมไปแน่นอน"

    "ได้ครับ แต่มื้อหน้า คุณเลี้ยง ต้องเลี้ยงผมบ้างนะ"

    "ไม่มีปัญหาครับ แล้วเราจะไปทานที่ร้านไหนดี"

    "ร้าน xx ครับ เป็นร้านของเพื่อนผมเอง"

    "ร้านหรูน่ะนั่น ถ้าผมเป็นเจ้ามือ ผมไม่พาคุณหมอไปทานที่นั่นแน่"

    "แล้วแต่คุณลู่หานเลย ขอแค่มีคนไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมก็พอ"

    ซึ่งภาพและเหตุการทุกอย่างนั้น ไอรินกับ และ คุณชายโอ เซฮุนมองเห็นเป็นอย่างดี เมื่อทั้งสองนั่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่บริเวณโต๊ะที่ไม่ห่างไกลเท่าไรนัก โดยที่มีเพื่อนรุ่นน้องของตนนั่งร่วมด้วย สายตาของเธอก็พลันไปมองเห็นเรืองริท ที่นั่งยิ้มแย้มอย่างน่ารัก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะปริปากเอ่ยชม

    “นั่นมันลู่หานนี่คะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เบื่อเหลือเกินที่หนีหน้าของหลานชายตัวเองไม่พ้น

    "น้อง ไอริน รู้จักด้วยหรอครับ"

    "รู้จักค่ะ รู้จักดีเลย ลู่หานเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ไอรินเอง พ่อของลู่หานเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ ไอรินเอง แต่ไอริน ไม่รู้จักผู้ชายหน้าฝรั่งที่มาด้วยเป็นใคร"

    “คงจะเป็นคู่ควงของเขามั้ง”

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่น่ะสิคะ ไม่รู้ว่า ผู้ชายคนนั้น เป็นทหาร ไอจีหรือเปล่า เรื่องนี้ ไอรินไปต้องเอารายงานให้คุณหญิงป้าทราบ"







     

    เมื่อ ไอริน กลับถึงบ้านข่าวที่ ลู่หาน ออกทานข้าวกับอีวาน ก็เข้าถึงหูคุณหญิงป้าอย่างรวดเร็ว... ท่านจึงเรียกบ่าวไพร่ภายในตำนักไปเรียกหาที่เรือนหลังเล็กโดยเฉพาะ เพราะโดนผู้เป็นน้องพูดตีไข่ใส่สีจนทำให้มันลุกลามเกินความเป็นจริง.. เรืองริทจึงจำใจเดินไปนั่งพับเพียบลงที่พึ้นของห้องรับแขกภายในตำนัก โดยที่มีหม่อมน้าและหญิงวิลาสินีนั่งร่วมอยู่ด้วย พลางฉีกยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างเหยียดๆ

    “คุณป้าครับ ผมไม่ได้ทำเรื่องน่าอายเหมือนที่คุณอาใส่ร้ายเลยนะครับ

    แกแก้ตัวน้ำขุ่นๆ”  ยูจินถึงขั้นชี้นิ้วถลึงตาใส่ทันที เมื่อเธอเลือกที่จะเชื่อในสายตาของตัวเอง ส่วนไอรินก็ใช้โอกาสนี้ใส่ร้ายป้ายสีแบบเกินเหตุขึ้นไปอีก

    “ไอริน เห็นจับมือถือแขนกันด้วยนะคะ คุณป้า

    “ไม่จริง ผมกับเขาแค่ไปนั่งทานข้าวกันเฉยๆ”  

    "โกหก คนทั้งร้านเขาก็เห็นกันหมด"

    พอเถอะ ไอริน ให้ป้าจัดการเอง เถียงกันไปก็ไม่รู้จักจบสักที นี่ตาลู่หาน การที่เธอนัดผู้ชายออกไปเจอข้างนอกแบบนั้นมันก็ผิด แถมยังเป็นคนต่างชาติอีก ไม่รู้เป็นทหาร ไอจีหรือเปล่า ฉันทนให้เกิดขึ้นแบบนั้นไม่ได้อีก

    “คุณป้าครับ ผู้ชาย คนนั้นเขาเป็นหมอครับ ส่วนผมก็ทำงานร่วมกับเขา เขาไม่ได้เป็นทหาร ไอจีอย่างที่คุณป้าเข้าใจผิด"

    "แล้วเขามาจาก ประเทศไหน"

    "โซเวียตครับ"

    "โซเวียต?? นี่แกคบกับคนรัสเซียอย่างนั้นหรอ"

    "ครับ ถึงเขาจะมาโซเวียต ประเทศที่ปกครองแบบ คอมมิวนิสต์ แต่เขาก็เป็นคนดีครับ เพราะเขาเป็นหมอ ที่ช่วย ชีวิตคนเกาหลี จนนับไม่ถ้วน" 

    "ก็ใช่สินะ เพราะแกก็มีเลือดเนื้อมาจากจีนแดงเหมือนกัน ถึงได้คบกันได้ แต่ถึงยังไง แกก็เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ที่เกาหลี ยังไงก็หัดมีสามัญสำนึกซะบ้างว่าควรจะคบหากับใคร ที่จะไม่ทำให้ตระกูล เป็นขี้ปากชาวบ้าน"

    พอๆ ยูจิน.... ด่ามันไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ นี่ ตาลู่หาน ฉันฟังเธอเถียงฉอดๆ แล้วฉันก็เหนื่อยใจ เห็นท่าจะสอนยากสอนเย็น แต่อะไรที่คุณอาเธอเตือน มันก็คือเรื่องที่ถูกต้อง คราวหน้าไม่ต้องไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้ โดยเฉพาะกับผู้ชายที่มาจากโซเวียต ไปๆๆ ออกไปได้แล้ว

    "ครับ"


     

     

     


    .

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×