ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlovable

    ลำดับตอนที่ #1 : ได้รับงาน

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 56




    ความหวังและความรักมันคือสิ่งใดหนอ

    รอแล้วรอไม่เห็นพบอยู่หนไหน

    สอดสายตาทอดยาวไปแสนไกล

    มีแต่ใบไม้ไหวกลางสายลม







    หลายวันที่ผ่านมาหลังจากที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ เรื่องริทนั้นตะเวนตากแดดสมัครเข้าทำงานตามบริษัทต่างๆ พร้อมทั้งกรอกใบสมัครทิ้งไว้ แต่ผลตอบกลับก็คือความเงียบ ไม่มีใครโทรติดต่อกลับมาแม้แต่สายเดียว ซึ่งวันนี้เรืองริทก็ยังคงไม่ได้คำตอบอีกเหมือนเคย..

     

    ถึงแม้จะได้เกรดเฉลี่ยอย่างสวยงาม แต่คณะที่เรืองริทได้ร่ำเรียนร่วมสี่ปีนั้น มันแทบล้นตลาด ยิ่งไม่มีเส้นสายหรือรู้จักใครในบริษัทเป็นอย่างดีอยู่ด้วย ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะหางานทำง่ายๆได้ในเมืองหลวงที่วุ่นวายเชนนี้... ซึ่งอาจเป็นเพราะด้วยบุคลิกของเรืองริท ที่มักจะชอบแต่งตัวเรียบร้อยเหลือเกิน แถมยังใส่แวนตาหนาเตอะจนเพื่อนๆชอบล้อเรียกกันว่าไอ่เด็กเอ๋อ ที่คอยเป็นตัวถ่วงให้ได้พบเจอกับความผิดหวังเรื่อยๆ แม้กระทั้งเรื่องความรัก

     

    เมื่อถึงเวลาตกเย็น เรืองริทเดินทางกลับเข้าหอพักห้องเล็กๆราคาถูกๆเท่ารูหนู ก่อนจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสบายๆ เสื้อยือกางเกงยีนส์ขาสั้น ที่ขายตามท้องตลาดนัดทั่วไป แล้วค่อยลงมาหาอะไรทานที่ข้างล้างตึก.... ร่างบางเดินตรงเข้าไปนั่งที่ร้านก้วยเตี๋ยวประจำ ก่อนจะเรียกสั่งก้วยเตี๋ยวกับเจ้เจ้าของร้าน... เมื่ออาหารตามสั่งมาถึง คนตัวเล็กก็ลงมือทานทันทีด้วยความหิวโซ เพราะตั้งแต่เช้าสายบ่ายเย็นที่ออกตระเวนหางานทำ ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้อง...

     

    นี่ก็คงเป็นอีกวันที่ต้องสั่งกินอาหารเดิมๆเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ...  และถ้าหากร่างบางยังคงเป็นแบบนี้หมดทั้งเดือน ก็คงต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดร้อยเอ็ดเหมือนเดิม เพราะเงินเก็บที่ร่างเล็กนั้นประหยัดใช้มาตลอดหลายวัน มันค่อยๆลดหายไปเรื่อยๆ... ขอแค่งานได้งานเงินเดือนแค่หมื่นนึง เขาก็จะทำมันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม

     

    “ริท ไปสมัครงานเป็นยังไงบ้างวันนี้” มีเสียงใหญ่หนาเอ่ยทักขึ้น ทำให้เรื่องริทเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะวางตะเกียบลงบนถ้วยก้วยเตี๋ยว

     

    “ก็เหมือนเดิมครับ เจ้ม้า” เรืองริทตอบในขณะที่คนมาใหม่นั้นกำลังลากเก้าอี้มาหย่อนกายนั่งลงด้านตรงกันข้าม ซึ่งเจ้ม้านั้นเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยที่หอพักใกล้ๆกับร้านก้วยเตี๊ยวร้านนี้

     

    “เหรอ... แล้วบริษัท NR Group ที่ริทไปสมัครเมื่อวันก่อนนี่หล่ะ เขาว่าไงบ้าง”

     

    “ก็บอกแค่ว่า เดี๋ยวจะติดต่อมาอีกทีครับ.... แต่ยังไงผมก็ต้องหาเพื่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะติดต่อกลับมาจริงหรือเปล่า” เรื่องริทพูดออกมาเศร้าๆ เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    “เอานา... เจ้เชื่อว่าคนดีๆ เรียนเก่งๆอย่างริทนี่ต้องหางานได้แน่นอน” เจ้ม้าพยายามพูดปลอบใจ เลยทำให้เรืองริทฝืนยิ้มออกมาจางๆ

     

    “ผมก็หวังอย่างงั้นละครับ”

     

    “เอ่อนี่ริท... เจ้ได้ข่าวมาว่าบริษัท ที่ริทไปสมัคร ประธานบริษัท หล่อมาก ชื่อ ภาคิน ทั้งยังเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้วยนะ ถ้าริทได้ทำงานที่นั้นก็คงจะดี... เอ่อแต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่นายภาคินนั้นมีว่าทีคูหมั้นแล้วเรียบร้อย แล้วยัยนั้นก็ชื่อเบล ยัยไฮโซ จอมเวี่ยง”

     

    “ผมว่า มันก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ ที่คนหน้าตาดีๆ รวยๆ จะมีเจ้าของแล้ว”

     

    “แต่เจ้ก็ได้ข่าวมาจากหนังสือซุบซิบพวกไฮโซมาว่าสองคนนั้นถูกคลุมถุงชน  ฝ่ายชายไม่เอา แต่ฝ่ายหญิงนั้นแรดเสนอตัวเข้าแลก แล้วก็ขี้วีนมากก... ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เจ้อยากจะขอไปถ่ายรูปด้วยเพราะเห็นว่าเป็นคนดัง แต่พอเข้าไปถามแค่นิดเดียว นางก็บอกว่าไม่ให้ถ่ายแถมยังด่าไล่เจ้อย่างกับหมูกับหมาอีก พูดมาแล้วยังแค้นไม่หายเลย” ใบหน้าของคนสูงวัยเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อเอ่ยถึงอีกคนที่ตนนั้นเกลียดเข้าใส้

     

    “บางทีวันนั้นเขาอาจจะอารมณ์ไม่ดีก็ได้มั้งเจ้”

     

    “นี่ริทไม่ต้องมามองโลกในแง่ดีนักหน่อยเลย ริทไม่เป็นเจ้ ริทไม่รู้หรอก แล้วอย่าให้เจออีกนะ แม๊งจะด่าให้ลืมบุพการีไปเลย”

     

    “เจ้ม้าครับ ผมว่าปล่อยวางบ้างก็ดีนะครับ”

     

    “เจ้ไม่ใช่แม่ชีนะ จะได้มานั่งทำหน้าปล่อยวาง ยุบหนอพองหนอได้ง่ายๆ... แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่อยากจะนึกถึงหน้ายัยนั้นแล้ว เดี๋ยวจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้.. เอ่อริท เจ้ขอยื้มมือถือหน่อยสิ พอดีตังค์หมด จะโทรหายัยพรสักหน่อย” ที่เธอมาหาก็เพราะเรื่องสำคัญเรื่องนี้

     

    “ออ ได้ครับ”

     

    มือเรียวเล็กของเรืองริท ล่วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแล้วจึงยื่นให้ พอรับโทรศัพท์มา ก็พบให้เห็นเบอร์แปลกโทรวนเข้ามาหลายสาย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยบอกออกไป

     

    “ริท มีเบอร์ใครก็ไม่รู้โทรมาหลายครั้งเลย... มีข้อความเข้ามาด้วย”

     

    “ไหน เอามาให้ริทดูสิครับ” ร่างบางคว้าโทรศัพกลับมา เพราะปกติไม่ค่อยมีใครโทรมาหาตัวเอง เนื่องจากไม่ค่อยมีเพื่อนหรือญาติพี่น้องเยอะแยะเหมือนคนอื่นเขา พอสำรวจมองดูดีๆ ร่างบางถึงกับเบิกตากว้างทันที

     

    “นี่มันเป็นเบอร์โทรของบริษัท NR Group นี่ครับ.. ส่วนข้อความนั้นก็เป็นเบอร์ของพี่ที่แผนกฝ่ายบุคคล” เรืองริทจำได้ดี เมื่อเซฟเบอร์ติดต่อของบริษัทที่เคยไปสมัครงานไว้ทุกครั้ง

     

    “งั้นลองเปิดอ่านดูสิ”

     

                “ครับ...” เรืองริทพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดอ่านข้อความดั่งกล่าวที่เขียนไว้ว่า

     

                “พี่เป็นคนที่สัมภาษณ์งานของน้องริทในวันนั้นนะคะ พี่พยายามโทรหาน้องหลายครั้งแต่ก็ไม่รับสาย.. ทางบริษัทเราได้พิจารณารับน้องริทเข้าทำงานแล้วนะคะ ยินดีด้วย พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย”

     

                “กรี๊ดๆๆ!!” พอแต่อ่านจบ เสียงกรีดร้องแหลมของเรืองริทก็ดังขึ้นด้วยความดีใจ เอาจนคนรอคำตอบนั้นสะดุ้งตัวแทบจะหงายหลัง

     

    “โอ๊ย! ริทจะกรี๊ด ทำไมเนี่ย เจ้หัวใจเกือบวาย!

     

    “จะไม่ให้ริทกรี๊ดได้ไง ที่บริษัท เขารับริททำงานแล้ว”

     

    “เฮ้ย จริง เหรอ ริท.. เจ้ดีใจด้วยนะ  จะได้มีการมีงานทำกับเขาสักที” เจ้มาพูดด้วยความอึ้ง ทั้งปลาบปลื้มกับคนตัวเล็กร่วมด้วย

     

    “ครับ ขอบคุณครับ” เรืองริทฉีกยิ้มเต็มมุมปาก รับคำอวยพรดีๆจากจ้าม้า หลายเดือนที่พยายามตามหางานมาตลอด ในที่สุดความหวังก็เป็นจริงสักที และต่อไปนี้ก็คงจะไม่เดินเตะฝุ่นเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว มีงานอะไรมาร่างบางก็หวังจะทำให้มันดีที่สุด ให้สมกับที่เขาไว้ใจรับตนเข้าทำงาน

     

    .
    .

      
    เรื่องนี้มาแนวเศร้าๆอีกแล้วจ้า    อยากจะเขียนแนวนี้มานานแล้ว
    ชอบแนวนี้มาก เข้ากับชีวิตของตัวเองดี มันเลยบรรยายออกมาจากความรู้สึกได้ดี(มั้ง)
    ฝากด้วยแล้วกัน
        

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×