ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ PRODUCE 101 ] #ฟิคแหกกฎ 2

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter : 7

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 61


                 

              Chapter : 7

                 Fandom : Produce 101

    Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]

    Note : 100% เริ่มอ่านแต่แรกไปเลยก็ดีค่าาา แก้คำผิดไปเยอะ ห้าห้าห้า

     มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------









               คนของกู? มึงเป็นอะไรกับแดเนียลงั้นเหรอครับคุณแบค?” ซองอูหันหน้ามาหาแบคโฮ ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท อีกฝ่ายเริ่มกัดฟันกรอด เพราะแบคโฮก็ไม่อยากจะยอมรับนักหรอกว่ามันคือเรื่องจริง...

              แล้วยังไงกูได้มากกว่ามึงแล้วกัน

              “ไอ้สัดแบคโฮ ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปข้างนอกกูจะนอน!!!” คนโดนพาดพิงรีบพูดตัดบทสนทนาของไอ้บ้าทั้งคู่นี่ แล้วทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง ขยี้หัวตัวเองจนยุ่งไปหมดเพื่อเรียกสติไม่ให้หลับไปซะก่อน

              “แดเนียล ฉันบอกแล้วไงว่าจะดูแลนาย” 

              “เหอะ มึงแน่ใจว่ามึงจะดูแล?” แบคโฮพูดแทรกขึ้นมาทันที มันยิ่งทำให้คิ้วของซองอูกระตุกมากขึ้นกว่าเก่า มือเท้าก็เริ่มจะรู้สึกคันๆขึ้นมาหน่อยๆ

              “เผื่อมึงยังไม่รู้นะ กูดูแลเพื่อนกูมาตลอดตั้งแต่อยู่ปูซานจนถึงตอนนี้มากกว่ามึงเกือบทั้งชีวิต

              “ดูแลหรือคิดอยากจะเคลมกันแน่วะ

              “กูบอกให้หยุดไงแบคโฮ” 

              ถ้าไม่ติดว่ากลัวมันสองคนตีกันจนทำห้องของเขาพังอีกรอบแดเนียลคงจะชิงหลับหนีไปแล้ว ให้ตายสิ ไม่ปะทะกันด้วยหมัดก็ปะทะกันด้วยคำพูดหมาๆแบบนี้สินะ ทำตัวเป็นเด็กกันไปได้

              จะออกไปดีๆหรือจะให้กูโยนมึงออกไปองซองอู” 

          แบคโฮไม่ได้สนใจฟังเพื่อนร่วมงานที่เอาแต่ขึ้นเสียงห้ามอยู่เลยสักนิด ความหงุดหงิดและไอ้ตัวกวนประสาทตรงหน้านี่กำลังทำให้เขาทนแทบไม่ไหว แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องเหมือนครั้งที่แล้วเขาเลยได้แต่อดทน แต่สายตาที่อีกฝ่ายกำลังจ้องหน้าเขากลับมาแลดูอยากจะแลกกันสักหมัดมากกว่า ถึงได้ทำหน้ากวนตีนไม่หยุดแบบนี้

              ถ้ายังเป็นคนก็อย่าทำตัวเหมือนหมาหวงก้างสิครับคุณแบค” ฉับพลันคอเสื้อของเขาก็ถูกกระชากขึ้นอย่างแรง ความอดทนก่อนหน้าไร้ความหมาย แบคโฮง้างหมัดขึ้นทันทีแต่พอเฉมองไปยังคนที่นั่งจ้องเขาเขม็งอยู่บนเตียงเลยทำให้ยั้งหมัดตัวเองเอาไว้ได้ที่จะได้เหวี่ยงมันออกไปเสียก่อน

              คนอย่างมึงก็ใช้เป็นแต่กำลัง มึงไม่มีทางดูแลแดเนียลได้หรอกเลิกยุ่งกับเพื่อนกู

              “มึงอย่ามารู้ดี

              “ซองอูพอเลยแดเนียลทำได้แค่ขึ้นเสียงใส่อีกครั้ง เขาอยากจะลุกขึ้นไปลากพวกมันทั้งคู่ออกจากห้องด้วยซ้ำแต่แค่จะลืมตายังทำไม่ได้เลย

    แน่นอนกูรู้ดี กูรู้จักแดเนียลมากกว่ามึงและทุกเรื่องที่มึงไม่รู้…”


    "Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr"


    แต่ยังพูดไม่ทันจบเสียงมือถือดังขึ้นมาขัดเสียก่อน ซองอูปัดมือแบคโฮออกก่อนจะรับสาย พอฟังเสียงปลายสายได้ไม่นานก็เปลี่ยนสีหน้าทันที หลังจากวางหูเขาไม่พูดอะไร ผลักไหล่แบคโฮออกไปให้พ้นทางแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่บอกกล่าวสักคำ

     “อะไรของแม่งวะ” แบคโฮมองตามซองอูไปด้วยหางตา ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะยอมออกไปง่ายๆ แต่นั่นก็ดีแล้ว รีบหันหน้ามาหาเพื่อนร่วมงานตัวดีที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่บนเตียงอยู่เลย แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว

              “เห้ย แดน!”

              แดเนียลทิ้งตัวลงไปบนพื้นห้องเสียงดังโครมแล้วหลับไปซะดื้อๆ แบคโฮวิ่งไปรับไม่ทัน แต่เจ้าตัวดูท่าจะไม่รู้สึกเจ็บและไม่ตื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ แม้แบคโฮจะเขย่าตัวเรียกจนหัวสั่นคลอนไปหมดแล้วก็เถอะ เขารีบเอานิ้วอังจมูกดูก็พบว่ายังหายใจแบคโฮถอนหายใจโล่งออก 

    นี่มึงง่วงขนาดนี้เลยเหรอแดน…” 

    อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ลงเมื่อหันไปเห็นมือของแดเนียลถูกพันเฝือกเอาไว้ในหัวตั้งคำถามทันที มันไปทำอะไรมาถึงได้ต้องใส่เฝือกไว้แบบนี้?แถมเขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยหายไปทั้งวันเพราะไอ้เรื่องมือนี่หรือเปล่า ไม่คิดจะบอกอะไรกันเลยเหรอวะ ถึงจะรู้สึกหัวเสียยังไง แต่สองมือของเขาก็ยังพยุงร่างของแดเนียลขึ้นมา แต่ด้วยหุ่นที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นักเลยทุลักทุเลไปสักหน่อย กว่าจะลากมันขึ้นไปนอนบนเตียงได้เล่นเอาเหนื่อย

    หลังจากปล่อยให้แดเนียลให้นอนหลับสนิทไปได้พักใหญ่ แบคโฮเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำผืนเล็กในมือ เพื่อนร่วมงานของเขายังนอนนิ่งอยู่บนเตียงเช่นเดิมใบหน้าขาวซีดในตอนแรกเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้นอนพักผ่อน เขาเดินไปนั่งข้างๆก่อนจะดึงผ้าห่มให้ร่นลงมาแล้วใช้ผ้าชุ่มน้ำเช็ดไปที่ใบหน้าและลำคอให้อย่างเบามือเท่าที่จะทำได้


    แบคโฮไม่เคยคิดว่าหน้าตาที่ดูไร้พิษภัยตอนหลับ ไม่ดูเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบเมื่อตอนตื่นของคังแดเนียลมันชวนน่ามองอย่างน่าประหลาด ไม่มีอะไรจะดูเปล่งประกายไปมากกว่าคนข้างกายของเขาอีกแล้วในเวลานี้...เป็นเพียงสิ่งเดียวราวกับเรื่องมหัศจรรย์ ที่อยู่ๆเขาก็ถูกดึงดูดด้วยแสงสว่างจากความงดงามของคนตรงหน้า ไม่รู้เมื่อไหร่ในทุกๆวันที่มืดมนไร้จุดหมายของเขา ตอนนี้คังแดเนียลได้เข้ามาแทนที่มันแล้ว ทุกๆอย่างเริ่มสว่างไสวขึ้นขอแค่แดเนียลยอมอยู่เคียงข้างเขาเหมือนเดิมขอแค่อย่าหนีไปที่ไหน ขอเท่านั้น...แต่แน่นอน คนเราน่ะได้อย่างมันก็ต้องเสียอย่าง ยิ่งเขารู้สึกกับแดเนียลมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บมากกว่าความรู้สึกดีๆที่มีให้มันอีกหลายเท่าตัว 

    เวลาเห็นไอ้องซองอูยังวนเวียนอยู่ใกล้แดเนียล เขายิ่งรู้สึกกับมันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก พยายามปิดหูปิดตาทำตัวให้เหมือนเดิม พยายามห้ามใจตัวเองแต่มันยิ่งกลายเป็นความพยายามที่ดูไร้ประโยชน์ ทำไมต้องเป็นเขาที่กระวนกระวายใจเป็นไอ้บ้าอยู่ฝ่ายเดียวด้วยวะ...ไม่อาจพูดคำที่ต้องการออกไปได้ รู้สึกแค่ไหนก็แสดงออกไม่ได้นี่แม่งโคตรแย่เลยจริงๆ


    คำว่าเพื่อน กลายเป็นคำที่ผมรู้สึกเกลียดไปโดยไม่รู้ตัว


    แบคโฮใช้ผ้าชุ่มน้ำเช็ดลงบนหัวไหล่กว้าง เกลี่ยไปทั่วหน้าอกเนียนให้เบามือที่สุด เขาลอบมองไปทั่วเรือนร่างของเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่สายตาจะหยุดลงบนใบหน้าคม...ค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของคนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะเลื่อนปลายจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มอย่างเผลอไผเขาหยุดมือที่กำลังเช็ดตัวให้เพื่อนร่วมงานไปโดยไม่รู้ตัว สูดกลิ่นหอมที่ข้างแก้มคลอเคลียไม่ยอมห่าง จนคนบนเตียงเริ่มขยับตัวเล็กน้อย เลยจำต้องหยุดการกระทำลง แล้วแดเนียลก็เริ่มงัวเงีย ละเมอพูดอะไรไม่รู้เรื่องไม่หยุด

    อืมมม แม่ผมหิววว

    รามยอนขอเส้นใส่เบค่อน…”

    แบคโฮได้แต่หัวเราะนั่งมองแดเนียลอยู่ข้างๆ สองมือก็คอยจับแขนจับขาแดเนียลเอาไว้ไม่ให้ดิ้นตกเตียงไปซะก่อน ภายนอกแดเนียลอาจจะดูเหมือนคนกร้านโลก เวลาทำงานก็โด่ดเด่นและสว่างไสวจนทำให้ลูกค้าหลงไหลเสน่ห์ของรอยยิ้มนั้น ทั้งความเซ็กซี่ยั่วยวนชวนสัมผัส ทั้งเสียงร้องทุ้มต่ำเป็นจุดเด่น ทุกคนต่างตกหลุมรักการแสดงของแดเนียลได้ไม่ยาก และอาจจะรวมไปถึงเขาด้วย

    เขาตกหลุมรักแม้กระทั่งนิสัยที่ดูเหมือนเด็กในบางเวลา การกระทำที่ดูน่ารักบริสุทธิและไร้เดียงสาเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคน แดเนียลคงไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามันดูน่าปกป้องแค่ไหน


    ผมอยากจะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างของคุณ ทำลายกำแพงของคุณลง

     

    “…แบคโฮ” คนบนเตียงที่โดนเพื่อนร่วมงานจ้องหน้าอยู่นานค่อยๆลืมตาขึ้น แดเนียลคิ้วขมวดเข้าหากัน พยายามเหลือกตาเพื่อจ้องหน้าคนข้างตัวให้ได้ แม้ตาตี่ๆเป็นทุนเดิมของเขาแทบจะลืมไม่ขึ้นเลยก็ตาม ได้แต่ทำสีหน้างงงวยเมื่อเห็นแบคโฮนั่งอยู่เหมือนกับเด็กๆ ทำเอาแบคโฮหลุดขำอีกครั้ง

    “นี่มึงยังไม่กลับอีกเหรอ?”

    “ถ้ากลับมึงคงไม่เห็นกูหรอก แล้วดีขึ้นหรือยัง?

    “หายง่วงแล้ว กูไม่เป็นไรหรอก” ว่าพลางดันตัวเองขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง ผ้าห่มผืนหนาหล่นลงมาคุมอยู่บนต้นขาเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าอีกครั้ง แบคโฮมองแล้วลอบถอนหายใจ แค่คิดย้อนกลับไปตอนที่ไอ้องซองอูเห็นเรือนร่างของแดเเนียลมาก่อนหน้านี้...เห็นมาแทบทั้งหมด ก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ

    “แดน

    “อะไร?

    “มึงอย่าเปิดเผยอะไรที่มากกว่านี้ให้คนอื่นเห็นนักนะ 

    “ทำไม?

    เพราะว่ามึงนั่นแหละที่จะเหนื่อย

    “เหนื่อยอะไรวะ...” แบคโฮเท้ามือลงข้างหมอนโน้มตัวเข้าไปหาแดเนียล  เหลือบสายตามองเพื่อนร่วมงานก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ได้เอียงหน้าหนีออกไปไหน แม้ริมฝีปากแทบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว 

    “กูจะทำให้มึงเหนื่อยตายคาเตียงจนออกไปให้ใครถอดเสื้อผ้าไม่ได้เลย

    บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของกู

    เสี้ยววินาทีที่หัวใจของเขากระตุกวาบกับคำพูดแทงใจคำนั้น แดเนียลมันใจร้ายยังไงมันก็ยังเป็นอย่างนั้นสินะ แต่เขาไม่แคร์อีกแล้ว จะยังไงล่ะ?เอาเลย มากกว่านี้เขาก็ทนมาแล้ว 

    “มึงนี่ปากดีชิบหาย” 


    สีหน้านิ่งเฉยของมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด


    แบคโฮเอียงใบหน้าเข้าหา กดจูบริมฝีปากอิ่มแดงที่ดูราวกับเชิญชวนให้รู้สึกอยากครอบครองอยู่ตลอด ส่งลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของอีกฝ่ายใช้มือรั้งท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี เขาปิดปากคนชอบพ่นคำพูดใจร้ายนี่ให้เงียบลงได้แล้วและจะทำให้มันลุกไม่ได้ด้วย...แบคโฮจับเรียวขายาวที่ชันขึ้นอยู่แล้วให้แยกออก ร่างหนาแทรกตัวเข้าไปในทันทีจนแดเนียลรู้สึกถึงสะโพกของแบคโฮที่แนบเข้ามามากขึ้น จูบเริ่มรุนแรงจนแทบไม่เหลือจังหวะให้หายใจ มือที่ใช้ได้แค่ข้างเดียวไม่ได้ช่วยให้เขาดันเพื่อนร่วมงานออกไปจากตัวได้สักนิด 

    เขาเริ่มดิ้นเมื่อมือหนาทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาขย้ำบนหน้าอก แดเนียลกระตุกครางฮือในลำคอ ริมฝีปากของทั้งคู่ยังคงผลัดกันดูดดึง แลกลิ้นกันจนเกิดเสียงสะท้อนดัง มือหนาเลื่อนไปขย้ำเอวอย่างมันมือ ลมหายใจขาดห้วงแต่แบคโฮยังคงรุกเร้าไปทั่วเรือนร่างกึ่งเปลือยของเขาไม่หยุดหย่น ริมฝีปากอิ่มยังไม่ถูกปลดปล่อย น้ำไสเริ่มไหลเยิ้มลงข้างมุมปากอิ่ม...

    อื้อ...หายใจ อื้อ...” แดเนียลใช้มือข้างเดียวผลักอกแบคโฮออกไปเต็มแรง ทำเอาชะงักไปจนเขาถอนริมฝีปากออกอย่างช่วยไม่ได้ หยุดหอบหายใจได้ไม่นาน เขาผลักไหล่แบคโฮให้นอนราบลงกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมไว้แทน

    “บอกว่าหายใจไม่ออกเนี่ย มึงไปอดอยากมาจากไหนวะ

    “ติดกันสองคืนไม่เห็นบ่นแค่นี้มึงไม่ไหวหรือไง? แล้วขึ้นมานี่อยากขย่มว่างั้น?” แบคโฮยกยิ้ม

     “ได้ไหมล่ะ?” แดเนียลยิ้มมุมปากแล้วเท้ามือลงไปข้างกายคนใต้ล่าง แต่เพราะความลืมตัวเขาเลยใช้มือข้างที่เจ็บทิ้งน้ำหนักลงไปซะเต็มที่ ความเจ็บปวดส่งผลกระทบฉับพลันจากข้อมือแล่นขึ้นสมองเขาร้องเสียงดัง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทับแบคโฮไปเต็มแรง

    อั้ก!! / โอ้ย!!!” 

    เสียงร้องประสานกันทันที ทำเอาคนถูกล้มทับจุกจนข้าวเช้าแทบจะกลับออกมาทางเดิม ก็คนบนร่างใช่ว่าจะตัวเล็กกว่าเขาซะที่ไหน และด้วยความเจ็บที่แล่นขึ้นมายันต้นแขนทำเอาแดเนียลขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้แค่นอนครางฮืออยู่บนแผ่นอกแกร่งของเพื่อนร่วมงานอยู่อย่างนั้น...

    แม่งเอ้ย กูจะอยากจะตัดมือทิ้งแล้วเนี่ยหลายรอบแล้วนะ

    ซื้อบื้อชิบหายมึงเนี่ย” 

    “ก็กูลืมไหมล่ะ” แดเนียลถอนหายใจหงุดหงิด กำลังจะพาตัวเองลุกออกไปแต่ถูกแบคโฮกอดรัดเอวเอาไว้ซะก่อน 

    “แล้วไปโดนอะไรมา?

    “ช่างมันเหอะ” แดเนียลหันหน้าหนี ท่าทางแบบนี้คงคิดจะไม่ยอมบอกเขาอีกแล้วสินะ แบคโฮเลยแกล้งขย้ำเอวย้ำๆไปหลายที จนทำให้แดเนียลหันกลับมาจ้องตาตัวเองอีกครั้งจนได้แถมยังขมวดคิ้วใส่อีก...


    น่ารักชะมัด


    กูถามก็ตอบไปโดนอะไรมา? ตอบให้จริงด้วย” แบคโฮขึ้นเสียงแข็งอีกครั้งพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนร่วมงานเขม็งเพราะเขารู้ว่าถ้าไม่ต้อนแบบจริงจังมันก็จะเลี่ยงตอบหรือบางทีแม่งก็ไม่ตอบไปเลยด้วยซ้ำ

    “แค่หกล้มไม่มีไร

    “เอาดีๆบอกกูมาตามตรงอย่าทำให้เป็นห่วงนักได้ไหม...ขอร้องเหอะ” 

    “...

    “จะบอกได้รึยัง?

    เมื่อเช้ากูกำลังจะออกจากโฮสต์คลับ แต่มีคนโยนกระถางต้นไม้ลงมาใส่กูจากระเบียงชั้นสอง ซองอูช่วยไว้กูเลยล้มทับมือตัวเองก็แค่นั้น

    “อะไรนะ?




    โฮสต์คลับ


    กล้องวงจรปิดทุกตัวยังใช้การได้หมดมีแค่กล้องตรงทางเดินและในห้องนี้ที่เสียครับ มันเสียมาได้หลายวันแล้ว

    แล้วตั้งแต่บ่ายเห็นใครเข้ามาในห้องนี้บ้างไหม?” ซองอูถามกลับ เขายืนเท้าเอวอยู่กลางห้องจ้องมองจอมอนิเตอร์หลายตัวตรงหน้า ภาพในจอไม่สามารถบ่งบอกเบาะแสอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้าได้เลยสักอย่างจึงทำให้เขาหัวเสียน่าดู ทั้งที่รีบถ่อมาเพราะได้รับโทรศัพท์จากยามบอกให้เขาลองไปหาร่องรอยคนร้ายที่กล้องวงจรปิดดู

    เท่าที่ทราบตอนบ่ายโมงไม่มีใครผ่านมาเลยนะครับ อ้อ แต่ถ้าตอนเกือบจะบ่ายสองโมงบาเทรนเดอร์ยองมินกับแม่บ้านขึ้นมาทำงานบนชั้นนี้น่ะครับ

    “ลุงไม่เห็นใครนอกจากนี้บ้างเลยเหรอ?

    “ไม่เลยครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงพักคนบนชั้นนี้แทบจะไม่มีใครอยู่เลย ส่วนผมก็ลงไปทานข้าวน่ะครับคุณอง ต้องขอโทษจริงๆ”

    อืม โอเค ช่างเถอะขอบคุณมากถ้ามีเบาะแสอะไรเพิ่มช่วยโทรบอกผมทีนะ” ซองอูหมุนตัวเดินออกจากห้องทันทีแล้วถอนหายใจหงุดหงิด กล้องวงจรปิดก็มาเสียเหมือนกับตั้งใจไว้ยังไงยังงั้นมันยิ่งดูน่าสงสัย ก่อนหน้านี้เขาจะเข้าไปสำรวจที่ห้องนั้นแล้วแต่เข้าไปไม่ได้เพราะถูกล็อคเอาไว้ แม่บ้านที่เก็บกุญแจก็ไม่อยู่เลยต้องรอวันหลัง แถมคนที่อยู่บนชั้นนี้ในเวลานั้นก็ไม่มีใครเลยสักคน ถึงจะมีก็ไม่มีใครเห็นอีกอยู่ดีเพราะมันเป็นช่วงเวลาพักของพนักงาน 

    ถึงยังไงเขาก็ไม่เชื่อแน่นอนว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ คนร้ายต้องเป็นใครสักคนที่อยู่ในโฮสต์คลับ บางทีอาจจะเป็นคนนอกก็ได้หรือไม่อย่างนั้น คนที่แดเนียลรู้จักอย่างงั้นเหรอ...

    คุณองครับๆๆๆ” ซองอูเดินออกมาได้ไม่นานพนักงานดูแลห้องวงจรปิดก็ตะโกนเรียกไล่หลังมา เขาหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันหน้าไปมอง

    ผมเห็นอีกคนนึงที่ขึ้นมาบนชั้นนี้ก่อนบาเทรนเดอร์ยองมินจะขึ้นมาประมาณยี่สิบนาทีกว่าๆครับผมเพิ่งนึกได้

    ใคร?” ซองอูเลิกคิ้ว

    “เอ่อ บอสขึ้นมาน่ะครับ

    .

    .

    .

    ร่างสูงชะรูดราวกับนายแบบ เสื้อผ้าติดจะเนียบ ห้องทำงานที่ดูเรียบร้อยเหมือนเทน้ำยาถูกพื้นจนสะอาดเอี่ยมเป็นเงาไว้ตลอดเวลา องซองอูเปรยมองไปรอบๆด้วยสายตาทึ่งนิดหน่อย เขาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนเลยไม่เคยเข้ามาในห้องนี้สักครั้งนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ไม่คิดว่าห้องทำงานของบอสใหญ่แห่งโปรดิวซ์โฮสต์คลับจะโคตรสะอาดและเป็นระเบียบขนาดนี้ ทั้งที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดว่าในชีวิตนี้ทั้งชีวิตห้องของเขาจะสะอาดได้เท่าห้องทำงานของบอสได้หรอก ต่อให้ไปเกิดใหม่ก็เหอะ...


    ก๊อกๆๆ

    ซองอูถือวิสาสะเคาะโต๊ะทำงานหวังปลุกให้อีกคนตื่น บอสของเขาฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะยังไม่รู้สึกตัวสักทีตั้งแต่เข้ามา เขาถึงได้มีเวลามายืนสำรวจห้องได้ตั้งนานสองนานนี่ไง ตอนเปิดประตูเข้ามาตอนแรกก็คิดว่าเสียงดังแล้วนะแต่กลับไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด สงสัยจะเป็นคนที่หลับลึก...หรือจะหลับหนีเพื่อปิดบังอะไร

    “อืม...

    บอสใหญ่แห่งโปรดิวซ์โฮสต์คลับค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพดานด้วยอาการสลึมสลือหน่อยๆ ขนาดหน้าตาตอนตื่นยังเหมือนกับถูกเทวดาซ้อนทับ...คนอะไรมันจะเพอร์เฟคไปหมดซะขนาดนี้กันวะ


    อ่อ ก็คนอย่างบอสฮวัง มินฮยอนนี่ไง


    “อ่าว มีอะไรคุณอง แล้วเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ใบหน้าหล่อเท้าอยู่บนแขนข้างนึงของตน เอียงคอถามไปเสียงเบา ดวงตายังหรี่ขึ้นมาได้เพียงครึ่ง ซองอูเดินตรงเข้าไปยืนอยู่ข้างหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้นทันที

    “เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเมื่อกี๊เองครับบอส คือผมขอเข้าเรื่องเลยนะผมรีบ บอสขึ้นไปทำอะไรบนชั้นสองตอนบ่ายโมงกว่าๆครับ?” มินฮยอนยืดตัวแล้วนั่งหลังตรงทันที เมื่ออยู่ๆก็ถูกยิงคำถามใส่แถมยังไม่ทักไม่ทายกันก่อนสักคำ

    “แล้วคุณจะถามเรื่องนี้ทำไม?

    “บอสคงได้ยินเรื่องเมื่อบ่ายที่เกิดขึ้นกับผมแล้วก็แดเนียล...

    “อ่า ผมเข้าใจล่ะ คุณสงสัยผมอย่างงั้นสิ?” มินฮยอนหัวเราะในลำคอ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้าไปหาซองอู จนเจ้าตัวต้องถอยหลังเมื่อใบหน้าหล่อเหลาปานเจ้าชายนั่นเข้ามาใกล้จนเกินไป 

    “ผมก็แค่ถาม ไม่ได้พูดสักนิดว่าสงสัย

    “แล้วถ้าผมไม่ตอบล่ะ” 

    ซองอูชักสีหน้าอย่างลืมตัวเมื่อบอสพูดจบ น้ำเสียงและสายตาไม่น่าคบนี่ทำให้เขายิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวของผู้ชายคนนี้เข้าไปอีก ไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่ทำหน้าตากวนประสาทได้มากกว่าตนเองและไอ้บอสนี่ยิ่งกว่าทำหน้าตากวนประสาทเสียอีก แถมยิ่งทำก็ยิ่งดูหล่อกว่าเก่า...หล่อยิ่งกว่าเขาเสียด้วย 


    โลกนี้แม่งไม่ยุติธรรม


    “ฮ่าๆ ผมพูดเล่นทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะคุณมือกลองคนฮอต 

    “ผมเหรอเครียด?บอสคิดมากน่า” ซองอูยักไหล่ตอบ พยายามไม่หวั่นไหวไม่หงุดหงิดไปกับคำพูด หน้าตา น้ำเสียงกวนๆพวกนั้นและพยายามจับผิดทุกท่าทาง แววตาของคุณบอสใหญ่ด้วยสายตาว่าจะหลุดอะไรออกมาให้เห็นหรือเปล่าอยู่ตลอด

    “โอเคๆ อันที่จริงผมก็แค่ขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เพราะตอนนั้นห้องน้ำชั้นนี้แม่บ้านเขาทำความสะอาดผมก็ไม่อยากขัดขวางหน้าที่ของคนอื่นที่กำลังตั้งใจทำงานด้วยความขยันขันแข็งไง ไม่เหมือนคนที่เที่ยวเดินว่อนไปทั่วในที่ทำงานอย่างกับว่างเหมือนบางคน...คุณว่างั้นมั้ย?

    “...

    ให้ฟังจากดาวอังคารก็ยังรู้เลยว่าตั้งใจจะแซะเขา แถมเหตุผลยังพิลึกพิลั่นไม่สมเหตุสมผล ไม่มีความเข้ากันมีแต่ความกวนตีนล้วนๆ ขอบอกไว้เลยว่าไอ้บอสนี่โคตรน่าสงสัย ทั้งที่รู้ว่าลูกน้องถูกปองร้ายทั้งที่เรื่องมันเกิดในที่ทำงานของตัวเอง แต่กลับดูนิ่งเฉยเกินไปหน่อยนะแถมยังมีอารมณ์มากวนตีนเขาได้อีก แม้ตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐานหรืออะไรบ่งบอกสักอย่าง แต่ขอยกให้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งไปเลยได้ไหม...เออ ยอมรับว่าความหมั่นใส้ส่วนตัวล้วนๆ

    “อะไรกันทำไมทำหน้างั้นล่ะ ผมไม่ได้หมายถึงคุณนะผมแค่เปรียบเทียบน่ะ” มินฮยอนแทบจะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆนั่นพูดไม่ออก ความจริงเขาก็แค่อยากแกล้งเล่นๆเผื่อผูกสัมพันธ์กับพนักงานใหม่คนนี้บ้างก็เท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่องซองอูเข้ามาทำงานที่นี่ก็เอาแต่ทำตัวติดกับแดเนียลไม่ค่อยผูกมิตรกับใครเท่าไหร่...โดยเฉพาะกับเขา

    “อ่า...แล้วบอสไม่เห็นใครแถวนั้นเลยเหรอครับ?

    “เห็นนะ

    “ห้ะ ใคร?หน้าตาเป็นยังไงครับ?” ซองอูแทบจะเอามือตบเข่าฉาดแล้วยืดตัวตรงแทบจะทันที อย่างน้อยไอ้บอสนี่ก็มีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย ถึงหน้าตาจะยังกวนตีนเหมือนเดิมก็เถอะนะ

    “หน้าตาเหรอ อืม หน้าตาก็...หน้าตาดีมากอย่างกับเทพบุตรส่งมาเกิดเสื้อผ้าหน้าผมนี่ถอดแบบผมมาเลย” ซองอูชะงักไปทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันช้าๆกลั้นใจถามออกไป หวังว่าจะไม่ใช่คำตอบแบบที่เขาคิดนะ...

    “...เห็นตรงไหนครับ? 

    “ในกระจกห้องน้ำ...

    โอเค ผมหมดคำถามแล้วลาก่อนครับ” พูดตรงๆถ้าไม่ติดว่าเป็นบอสเขาคงส่งขาคู่ให้ไปแล้ว เห็นยิ้มแย้มใจดีมีสัมพันธไมตรีให้ลูกน้องอยู่ตลอดเวลาก็เลยไม่คิดว่าบอสคนนี้จะรับมือยาก แต่เปล่าเลยให้ตายเหอะเขาไม่อยากจะรับมือด้วยแล้ว บอกเลยองซองอูไม่ค่อยถูกกับคนประเภทเดียวกันเท่าไหร่...ประเภทกวนตีนชาวบ้าน

    “ฮ่าๆๆ เดี๋ยวสิคุณองโกรธผมหรือไงกันจะไปง่ายๆอย่างงี้เลย?” ซองอูหันหลังกำลังออกจากห้องมินฮยอนก็เรียกไว้ซะก่อน ซองอุหยุดเดินในทันทีแล้วหันกลับไปหาอีกฝ่าย

    “ผมได้คำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไรแล้วบอสจะให้ผมอยู่ทำอะไรครับ? หรือว่า...มีเรื่องอะไรอยากจะสารภาพกับผมหรือไง?” ซองอูเปรยยิ้มกวน เขาเปลี่ยนใจเดินกลับไปหามินฮยอน หยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกคนเว้นระยะห่างไม่กี่เซนส์แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลานั่นจนจมูกแทบชิดกันจ้องเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้นไม่วาง ทำเอามินฮยอนหดคอหลบแทบไม่ทัน จากสีหน้ากวนๆก็เปลี่ยนเป็นชักสีหน้านิ่งกลบเกลื่อนใส่แทน แต่มือกลองคนฮอตก็ยังไม่ยอมถอยออกไป

    “ว่ายังไงล่ะครับ?” 

    “ผมไม่มีอะไรต้องบอกเพราะผมไม่ได้มีอะไรปิด” เขาก้าวถอยหลังหวังจะถอยห่างใบหน้าซองอูช้าๆโดยไม่ได้หันไปมองสายตายังจ้องอีกคนตอบกลับไปเป็นเชิงว่าไม่ได้กลัวคนตรงหน้า ตั้งใจจะเอามือเท้าโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างหลังเพราะคิดว่าแขนถึง แต่ผิดคาดมันห่างไปมากกว่าที่กะระยะไว้...

    “เห้ย...” 

    พลันแขนยาวๆของซองอูคว้าเอวของเขาไว้ได้ทันท่วงที มินฮยอนเกือบจะหงายร่วงลงพื้นไปซะก่อนซองอูก็ดึงร่างเขาให้ยืนขึ้นมา แล้วใช้สองแขนเข้ารวบเอวคุณบอสไว้แน่นดึงให้เข้ามาใกล้ มินฮยอนยกมือดันหน้าอีกคนไว้ทันทีก่อนที่ใบหน้าทั้งคู่จะชนกันแต่กับเป็นอย่างอื่นที่ชนกันแทน ต้นขามินฮยอนแนบชิดอะไรแข็งๆที่ช่วงล่างกลางลำตัวของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง... 

    ใบหน้าหล่อเหวอสนิท ฟรอม์กวนๆที่วางไว้ในตอนแรกหายไปในพริบตารีบขยับขาออกให้พ้นทันทีที่นึกได้ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมของคนที่เริ่มรู้สึกเหนือกว่า อยากจะขำออกมาแต่ก็เกรงใจกับปฎิกิริยาที่สะดุ้งตกใจอย่างกับสาวน้อยเพราะสัมผัสโดนมังกรของเขาแล้วรีบถอยออกทันควัน...องซองอูรู้สึกชนะ แต่ถือว่าเป็นความรู้สึกที่ดีนะ เขาชอบหน้าเหวอๆของคนตรงหน้าในตอนนี้มากกว่าหน้าตากวนตีนนั่นเยอะ

    “บอสจะลงไปนอนพื้นไม่ได้นะครับ ง่วงขนาดนั้นเลยหรือไง?” มินฮยอนชักสีหน้าใส่ ยังไม่ตอบอะไรกลับไปฟังจากดาวอังคารก็ยังรู้เลยว่าต้องการจะกวนประสาท 

    “ฮ่าๆ ผมพูดเล่นทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะครับคุณบอสฮวัง

    “คุณนี่มันน่าโดนไล่ออกดูสักทีนะ

    “ไล่ผมออกแล้วบอสคงจะต้องเสียใจที่ปล่อยมือกลองโคตรฮอตอย่างผมไปแน่ๆ ผมไม่อยากทำให้บอสร้องไห้หรอกนะเพราะงั้นต่อให้ไล่ผมก็ไม่ไปอยู่ดี” ซองอูไหวไหล่แล้วยิ้มส่งกวนโมโห ด้วยท่าทางกวนๆแบบนั้นยิ่งทำให้มินฮยอนหงุดหงิดกว่าเก่า เขาแทบจะเบ้หน้าใส่คำพูดโคตรหลงตัวเองนั่นเลย

    “จะปล่อยผมได้หรือยัง?

    “เอ้า ผมก็นึกว่าบอสชอบซะอีกเห็นยืนนิ่งเลย” ซองอูหัวเราะร่วน ยังไม่ทันที่เขาจะปล่อยมือออกจากเอวมินฮยอน เป็นเจ้าตัวเองที่ดันตัวออกไปก่อน 

    “ความจริงผมให้ตำรวจตามเรื่องของคุณเมื่อบ่ายแล้ว ผมไม่ได้นิ่งนอนใจอย่างที่คุณคิดหรอกนะ

    “บอสรู้ได้ไงว่าผมคิด

    “มองตาคุณก็รู้แล้ว

    “....

    บางทีองซองอูก็คิดนะว่าประโยคนี้มันทะแม่งแปลกๆ






    5 PM


    “มือก็ยังไม่หายยังจะออกไปข้างนอกอีก” แบคโฮมองตามเพื่อนร่วมงานที่ลุกขึ้นยืนแล้วตรงไปหยิบผ้าขนหนูเดินตรงไปห้องน้ำ

    “กูมีธุระ มึงน่ะกลับไปได้แล้ว” แบคโฮเดินตามเขาไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ พอแดเนียลกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำถึงได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง

    “จะตามมาทำไมกูจะอาบน้ำ”

    “เดี๋ยวอาบให้” ไม่รอให้เพื่อนดื้อคนนี้ได้เถียงกลับ แบคโฮจัดการดันร่างหนาเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู ทันทีที่แดเนียลถอยหลังไปชนกับผนังห้อง อีกคนก็ส่งมือมาดึงกางเกงบ็อคเซอร์ของเขาลง แดเนียลจับมือไวนั่นเอาไว้ไม่ทัน กลีบปากสีแดงสดที่กำลังจะอ้าเถียงถูกยับยั้งด้วยจูบของอีกฝ่าย ละเมียดละไมชิมรสหวานอย่างเอาแต่ใจพร้อมๆกับเลื่อนมือลูบสัมผัสไปทั่วเรือนร่าง แดเนียลตอบรับจูบของเขาแล้วส่งลิ้นร้อนตวัดกลืนกินกับเรียวลิ้นของอีกคน แบคโฮใช้จังหวะที่แดเนียลหยุดหอบหายใจเอื้อมมือไปเปิดก๊อกฝักบัว สายน้ำไหลลงบนตัวทั้งคู่ไม่ขาดสาย แบคโฮเลื่อนมือไปลูบไล้ทั่วตัวของเขาเลื่อนลงต่ำจนไปถึงกลางลำตัว แดเนียลรีบใช้มือข้างเดียวตะครุบมือซนนั่นไว้ได้ทัน

    “พอแล้ว…กูอาบเองได้”

    “จะให้กูอาบให้ดีๆไหม?ถ้าไม่ก็อย่าหวังว่ากูจะปล่อยมึงออกจากห้องน้ำ”

    แดเนียลได้แต่จิ๊ปากใส่แล้วปล่อยมือข้างนั้นออกจากแขนของเขาเพราะเขารู้จักนิสัยคนตรงหน้าดี ก่อนจะสางผมตัวเองที่ชุ่มไปด้วยน้ำ แบคโฮยิ้มพึงพอใจแล้วหันไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะสบู่เหลวลงบนฝ่ามือของตน เขาลูบไล้ไปตามเรือนร่างขาวซีดตรงหน้าเบามือ ก่อนจะกอบกุมกลางลำตัวของอีกคน บดขยี้หนักๆจนรู้สึกได้ถึงอาการแข็งขืน ใบหน้าเหยเกกับความรู้สึกเสียวซ่านและหนาวเย็นไปในเวลาเดียวกัน เสียงครางต่ำดังแผ่วในลำคอ จนน้ำขาวขุ่นพวยพุ่งออกมาจากแกนกายผสมไปกับคราบฟองสบู่...

    “สะอาดแล้ว

    “นี่คือวิธีอาบน้ำของมึงหรือไงวะ?” คนถูกแกล้งชักสีหน้าน้อยๆทั้งที่หอบเหนื่อยกับความรู้สึกกระสันที่เพิ่งกระเด็นออกไปจากร่างได้ไม่นาน

    “ดูมึงชอบนะ” เขาหัวเราะ

    “ชอบห่าอะไรล่ะ

    แบคโฮยักไหล่ไม่ใส่ใจคำพูดนั่นแล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำอีกครั้ง เมื่อหยาดน้ำสาดลงบนตัวทั้งคู่เขาเลื่อนมือไปลูบไล้ตั้งแต่ลำคอของแดเนียล มาที่หัวไหล่กว้างเบาๆเพื่อชำระคราบฟองสบู่ออก แดเนียลจ้องมองการกระทำนั่นโดยที่ไม่ได้ขัดขืน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนอาบน้ำด้วยกันแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีกว่าครั้งไหนๆอย่างน่าประหลาด

    ตั้งแต่รู้จักกันมาแบคโฮไม่ใช่คนที่จะอ่อนโยนกับอะไรเลย แต่พักหลังมันกลับดูแปลก...แปลกไปในทางที่ดีน่ะนะ มีบางคราวที่แดเนียลก็เคยคิดเข้าข้างตัวเองว่าทั้งหมดอาจเป็นเพราะเขา มันเลยอดที่จะเผลอยิ้มออกมาไม่ได้...แบคโฮสบตาอีกฝ่าย ทั้งสองคนจ้องหน้ากันภายในห้องน้ำที่เริ่มจะเย็นยะเยือกต่างจากดวงตาที่แผดจ้าและรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหมือนกับแสงแดดอบอุ่นของแดเนียล ทำให้เขาตะหนักรู้ได้ถึงอาการเต้นถี่ใต้อกซ้ายของตัวเอง...

    “ยิ้มอยู่ได้ ชอบกูเหรอ?” แบคโฮพูดแกล้ง แต่ความจริงแล้วก็แค่กลบเกลื่อนไปอย่างนั้นทั้งที่ก็ตั้งใจจะถามออกไปจริงๆ

    “ตลกล่ะมึงอ่ะ” 


    “แต่กูชอบมึงนะ” แบคโฮเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ สายตาที่จ้องมองแดเนียล สะท้อนภาพเพียงแต่เขาคนเดียวมันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่เจ้าตัวกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น...ความรู้สึกอึดอัดนี้มันก่อตัวคล้ายวังวนในใจของเขา ความกลัวที่ปิดกลั้นตัวเองเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถจะยิ้มตอบกลับไปได้ แม้จะไม่ได้รู้สึกแย่กลับคำที่มันพูดเลยก็ตาม


    ในเรื่องของความรักน่ะผมแพ้ยับเยินเลยล่ะ


    แบคยิ้มให้อีกครั้งแม้คนตรงหน้าจะยืนนิ่งและไม่ยอมพูดอะไรเลย  เขาคว้ามือข้างนึงของแดเนียลกุมมันเอาไว้แน่น ก้าวขาเข้าไปใกล้แล้วฝังใบหน้าลงบนลาดไหล่กว้าง 

    “กูเมื่อย ขอแตะอั๋งหน่อยนะ” เหมือนจะพูดทีเล่นที แต่เสียงหัวเราะเบาๆของแบคโฮกลับตรงข้ามกับปฎิกิริยาของมันที่แสดงออกมาเลย ความรู้สึกสั่นน้อยๆที่มือนั่นทำให้แดเนียลใจกระตุก

    แบคโฮเลื่อนมืออีกข้างขึ้นโอบกอดคนตรงหน้าโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมา แค่รับรู้ได้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่แดเนียลกอดตอบกลับมาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว สถานะเพื่อนที่เรารับปากกันเอาไว้ มันผูกมัด ปิดกลั้นความรู้สึกต้องการหลายต่อหลายอย่าง ทำได้มากสุดก็แค่ทำตัวให้เหมือนปกติเท่านั้น...


    ผมหึงคุณไม่ได้และครอบครองคุณไม่ได้เช่นกัน




    ร้านกาแฟ


    “อย่าเลยครับพี่ผมเกรงใจ” ซอนโฮคว้าผ้าจากมือฮังนยอนมาถือไว้เอง คนตัวเล็กกว่าเงยหน้ามองแล้วส่งยิ้มสว่างให้

    “ไม่เป็นไรน่า นายไม่มีใครช่วยมาหลายวันแล้วนี่นา” มือเล็กคว้าผ้ามาถือไว้อีกครั้งแล้วหันไปเช็ดโต๊ะข้างๆ ซอนโฮได้แต่ยืนเกาหัวทำหน้าเจื่อน พูดจริงๆคือเขาเกรงใจมากๆแม้ตอนนี้จะไม่มีลูกค้าเข้ามาก็เถอะ ฮังนยอนมาที่ร้านติดกันสามวันแล้ว แน่นอนว่าจุดประสงค์ที่มาคือมารอพบพี่แบคโฮ และก็แน่นอนอีกนั่นแหละว่าพี่ฮังนยอนเขาจะยังไม่เจอพี่ชายตัวดีเลยสักวัน ก็พี่แบคโฮเล่นหายหัวไปไม่บอกไม่กล่าวแม้แต่น้องในใส้ยังติดต่อไม่ได้ ซอนโฮก็เลยได้แต่บอกฮังยอนไปว่าไม่รู้ทุกทีเวลาพี่เขามาหาที่นี่

    แต่พี่ฮังนยอนก็ช่างเป็นคนดีซะเหลือเกิน หน้าตาก็น่ารักตัวก็เล็กกระทัดรัด เดี๋ยวๆเรื่องนี้ไม่เกี่ยวช่างมันก่อน...แม้จะมาที่ร้านแล้วไม่เจอไอ้พี่แบคโฮตัวดีเลยก็ยังช่วยซื้อกาแฟไปกิน บางทีก็ซื้อเยอะด้วยบอกว่าเอาไปแจกลูกน้องที่ออฟฟิต แล้วเวลาเห็นเขามีลูกค้าเยอะๆก็เข้ามาช่วยตลอด ซอนโฮนับไม่ถูกเลยว่าสามวันมานี้เขาพูดคำว่าเกรงใจกับฮังนยอนไปกี่รอบแล้ว

    “พี่ฮังนยอนครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย

    “หืม ว่ามาสิ?” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วยืนยิ้มรอคำถาม

    “ที่พี่มารอพี่แบคแทบทุกวันนี่เพราะอะไรเหรอครับ...” 

    “อ่า ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พี่แค่เป็นห่วงเขาพี่ติดต่อไม่ได้แล้วก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนได้อีกแล้วนอกจากที่นี่น่ะ” ฮังนยอนหัวเราะแล้วยิ้มให้ ซอนโฮมองใบหน้าหวานของรุ่นพี่ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มสดใสนั่น...

    ไม่รู้สิ รู้สึกแปลกๆแต่บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ พี่ฮังนยอนเป็นคนนิสัยดี น่ารักแถมยังยิ้มสดใสขนาดนั้นมันจะต้องมีอะไรให้กังวลกันล่ะ

    “ซอนโฮ ใกล้จะปิดร้านแล้วใช่มั้ย?” เสียงเรียกทำเอาซอนโฮสะดุ้งโหยง หลุดออกมาจากความคิดของตัวเองได้ทันควัน

    “อ่อ ใช่ครับๆ

    “งั้นช่วยอะไรพี่หน่อยสิ








    ทูบีคอนตินิวววววววววววววววววววว




    TALK

    ฮังนยอนให้ช่วยอะไรไม่รู้แต่ที่รู้ๆพี่แบคโฮตายแน่นอลลล 555555555

    ขอโทษที่อัพช้านะคะ อยากจะพยายามอัพให้ได้เร็วๆแต่ฟิคค้างเยอะ ฮื่อ

    ปล.ผู้ต้องสงสัยเยอะจนงงแล้วค่ะ คนอ่านคิดว่าใครทำร้ายโฮสต์แดนคะอยากรู้ ห้าห้าห้า

    ดีใจที่ยังมีคนรออ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ รักนะ จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ




















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×