คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter : 6
Chapter : 6
Fandom : Produce 101
Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]
Note : 100% แล้วจ้า อ่านtalkเด้อไม่อ่านก็แล้วแต่ ถถถถถถ
⚠ : มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมอยากจะหยุด...ในความทรงจำที่ผมหยุดไม่ได้
ทุกเวลาไม่ว่าที่ไหน ผมมองอะไรไม่เห็นเลย
แต่คุณอยู่ในหัวของผม ได้แต่หวังว่ามันจะกลายเป็นฝุ่นผง
8 AM
ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามาได้หลายชั่วโมงเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งไปทีละนิด แสงแดดยามสายจึงส่องผ่านเนื้อผ้าสีทึบเข้ามาตกกระทบใบหน้าหล่อเล็กน้อย และด้วยองศาที่ออกจะพอดีเกินไปหน่อยจึงสามารถปลุกเจ้าของร่างตื่นขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แบคโฮไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เขาพลิกตัวหันหลังให้กับแสงที่น่าหงุดหงิดนั่น มือหนาคิดจะเอื้อมไปคว้าเอาร่างของคนที่นอนด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืนมากอด แต่กลับว่างเปล่า เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองสำรวจไปรอบๆก็พบว่าไม่มีวี่แว่วของสิ่งมีชีวิตอื่นใดในห้องนี้ นอกจากเขา...ไปไหนของมันวะ คิดพลางลุกขึ้นนั่งให้สมองและร่างกายหายสะลึมสะลือ ผ่านมาสองวันแล้วที่แบคโฮคลุกตัวอยู่ที่นี่คอนโดที่เดิมกับเพื่อนร่วมงานคนเดิม…
ตั้งแต่วันที่คุยกันครั้งล่าสุดเขาก็แทบไม่ได้ออกไปจากคอนโดของมัน ไม่ใช่ว่าเขายอมรับได้จริงๆกับสิ่งที่รับปากกับมันหรอก แต่เขาแค่หนีไปไหนไม่ได้ก็เท่านั้นเอง เขาทนไม่ไหว ร่างกายเรียกร้องหาสัมผัส ร่างกาย และกลิ่นหอมของมัน เอาแต่กอบโกยอย่างคุ้มค่าให้พอกับสองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้อยู่ใกล้กัน
ในใจของผมมีคุณตอนไหน ทำไมผมไม่รู้ หัวใจถูกปลุกมันขึ้นมา พอลืมตาเหมือนกับว่ากำลังจะมีความสุข...แล้วมันก็หายไปในทันที
แบคโฮอาจจะรู้แล้วว่าตัวเองรู้สึกชัดเจนมากแค่ไหน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขานึกถึงมันเป็นคนแรกของวัน อยากยืนข้างๆและไม่อยากให้ใครมาเข้ามาใกล้แม้แต่นิดเดียว สิ่งเล่านี้เรียกว่าอะไรความชอบงั้นเหรอ?หรือแค่หลงไหล
ความรัก
เขาไม่รู้หรอกเพราะไม่เคยรู้จัก ชีวิตเกือบทั้งชีวิตของคังแบคโฮที่ผ่านมามีแต่ซอนโฮ งานที่โฮสต์คลับ ผู้หญิงมากหน้าหลายตาและคังแดเนียล เพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่เขาสนิทอาจจะสนิทมากเกินไปจนข้ามขั้นที่เพื่อนปกติเขาทำกัน แต่ที่ผ่านมาแบคโฮไม่เคยคิดเอะใจเลยว่าเขาจะกลายเป็นแบบนี้ กลายเป็นคนอ่อนแอ...น่าสมเพชชะมัดที่เขายอมมันได้มากขนาดนี้ กำแพงของคังแดเนียลคืออะไร แล้วเป็นเขาไม่ได้หรือไงที่จะพังมันลงมา...มึงนี่โคตรใจร้ายเลยว่ะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของแดเนียลกับเขาคืออะไร สิ่งเดียวที่เขารู้คือตอนนี้เขามีความสุขกับอะไรแบบนี้ กับการได้อยู่กับแดเนียล แต่มันน่ะสิคิดแบบเดียวกับเขาบ้างหรือเปล่า…ก็แค่อยากได้ยินจากปากมันสักครั้งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่แบบเดียวกันกับเขา ขอแค่ครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียก่อน...
ทำไมมันเป็นเรื่องยากสำหรับคุณล่ะ เป็นเพราะเห็นผมต้องพยายามอย่างนั้นเหรอ?ผมต้องเจ็บเพราะคุณอีกแค่ไหน…
“เหมี้ยวว”
แบคโฮสะดุ้งโหยงสุดตัว ถอยไปตั้งหลักจนหลังติดเตียง แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังในห้องนี้ซะทีเดียว แมวตัวนั้นที่แดเนียลรับมาเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะสอบถามไปทั่วแล้วก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของ มันยืนสี่ขาจ้องหน้าเขาอยู่อีกฝั่งบนเตียง ยอมรับว่าเขายังไม่ชินกับมันเท่าไหร่ แบคโฮไม่ค่อยถูกกับสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยงตัวอะไรเลยสักครั้ง แล้วยิ่งเป็นไอ้แมวตัวนี้แล้วด้วยเขายิ่งไม่ถูกชะตา ความจริงก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับในส่วนนี้นัก ส่วนที่ว่าพอเห็นแดเนียลเอาแต่สนใจแมวตัวนี้มากกว่าเขาทุกทีก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา อ่า...นี่เขาคงใกล้จะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ อิจฉาได้แม้กระทั่งแมว ให้ตายสิ
เจ้าแมวสีส้มอ่อนตรงหน้าเริ่มเดินเข้าไปใกล้แบคโฮ เจ้าตัวโบกมือไล่ทันควันแต่ดูท่าจะไม่เป็นผล มันเดินตรงเข้าไปคลอเคลียมือของเขาที่ใช้ยกไล่มันอยู่กลางอากาศ มนุษย์ผู้โดนแมวจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวสะบัดมือออกอย่างรวดเร็ว
“เหมี้ยวว!”
มันร้องใส่เขาคราวนี้เหมือนกับไม่พอใจที่โดนปฎิเสธลูกอ้อน เจ้าแมวตัวน้อยเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง แล้วพยายามเอาหัวมุดมือของเขาให้ได้จนแบคโฮได้แต่ส่ายหัว
ดื้อชะมัด เหมือนเจ้าของมันไม่มีผิด
เห็นสายตาแบ๋วแว๋วนั้นจ้องมาจนทำให้แบคโฮต้องจำยอม อุ้มมันขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวแล้ววางไว้บนตัก เลยใช้ปลายนิ้วนวดที่ท้องให้ก่อนจะเลื่อนไปเกาคางนุ่มนิ่มจนเจ้าแมวสีส้มอ่อนหลับตาพริ้มด้วยความพึงพอใจ ซุกตัวมุดหน้าท้องเขามากกว่าเดิม
“เหมี้ยววว”
“ชอบใช่มั้ยรูนี่ย์ ให้แค่วันนี้นะ” มนุษย์คนเดียวในห้องลอบยิ้มออกมาไม่รู้ตัว เหยียดขายาวออกเพื่อให้นั่งได้สบายมากขึ้น มือหนายังคงเกาคางนิ่มให้เจ้าแมวบนตัก
“แกนี่โชคดีนะรูนี่ย์ เจ้านายของแกชอบแกมากกว่าฉันอีก” แบคโฮหัวเราะ เขาคงไม่รู้ตัวว่ากำลังคุยกับแมวที่เพิ่งบอกว่าตัวเองรู้สึกไม่ถูกชะตา แถมมันยังพูดโต้ตอบกลับไม่ได้เอาแต่บิดขี้เกียจเป็นคำตอบ
“เจ้านายแกก็ใจดีกับแกมากด้วยใช่มั้ยล่ะ?” นั่นสินะ แดเนียลใจดีได้กับทุกคนทุกอย่างบนโลกนั่นแหละ คงยกเว้นเขาไว้คนนึง มันช่วยไม่ได้นี่นะ เขาก็ไม่ได้ดีพอที่ใครๆจะมาใจดีด้วยหรอก...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
“ชอบใช่มั้ยล่ะเจ้านายของแกน่ะ...”
หากผมกลับไปรู้สึกเหมือนเดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้...ก็คงดี
“เหมี้ยววว”
“ฉันก็ชอบเหมือนกัน”
ไม่นานนักเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทก็ล่ะออกมาจากเจ้าแมวที่นอนขดตัวอยู่บนที่นอน ดูท่าน่าจะหลับไปแล้ว ถ้าเขาเกิดเป็นแมวได้คงจะดีสินะ ยังไงมันก็คงดีกว่าเกิดเป็นคังแบคโฮ ไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้คิดให้ปวดสมองได้นอนทั้งวันมีข้าวกินทั้งชาติแบบนี้ แบคโฮเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นและยังคงสอดส่ายสายตาหาเจ้าของห้องอยู่แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ครั้นจะอยู่ในห้องน้ำก็ไม่เห็นว่าจะได้ยินเสียงอะไร คงจะออกไปข้างนอกแล้วล่ะมั้ง
เขาเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามือหนาจัดการถอดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวออกเผยให้เห็นผิวขาวและกล้ามเนื้อเป็นลอน บริเวณหน้าท้องที่ผ่านการออกกำลังกายมาเป็นอย่างดีก่อนจะเลื่อนลงไปถอดบ็อกเซอร์โยนลงในตะกร้าผ้า พอเข้าไปหยุดยืนใต้ฝักบัวไม่กี่วินาทีต่อมาเซ็นเซอร์ก็เริ่มทำงานแล้วปล่อยให้สายน้ำเย็นไหลลงมาไม่ขาดสาย ทั่วร่างมีหยดน้ำเกาะอยู่ทั่ว เส้นผมลู่ลงตามแรงน้ำ ไม่นานมือหนากดสบู่เหลวมาลูบไปทั่วผิวกายรวมไปถึง...ตรงนั้นที่กลางลำตัวตื่นตัว
ขยับมือขึ้นลงช้าๆ พลางจินตนาการถึงยามที่เจ้าของห้องหน้าหล่อที่ถูกควบคุมอยู่ภายใต้ร่างของเขา
ดวงตาเรียวที่ช้อนมองอย่างยั่วเย้า เสียงเครือกระเส่าที่หลุดออกมาเป็นระยะ
ยิ่งเสียงนั่นดังชัดในห้องความคิดมากเท่าไหร่ มือก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นเท่านั้น
ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นเล็กน้อยริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลงคนร่างใหญ่หอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเปิดน้ำเย็นให้ไหลลงมากระทบผิวกายครั้งชำระล้างทั้งฟองสบู่และของเหลวสีขุ่นออกไป…
ชายหนุ่มหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ใกล้ๆมาซับหยดน้ำที่เกาะพราวทั่วร่าง
พร้อมกับนุ่งบ็อกเซอร์ตัวใหม่ เอื้อมมือไปหยิบกางเกงยีนส์ขายาวมาใส่
บอกก่อนว่าเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของเขาที่เอามาจากในรถยนต์ส่วนตัวไม่ใช่ของแดเนียลแต่อย่างใด
เพราะคาดว่าถ้าเขาใส่ของมันก็คงจะไม่พอดีเกินไปหน่อย ถึงจะหุ่นสมกับเป็นผู้ชายกันทั้งคู่
แต่เอวของแดเนียลก็บางกว่าเขาอยู่พอสมควร...บางจนน่าขย้ำให้ช้ำคามือเชียวล่ะ
11 AM
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จได้ไม่นาน ด้วยเวลาที่ใกล้อาหารมื้อกลางวันเต็มทีแบคโฮเลยเดินมาเปิดตู้เย็นที่โซนครัวเพื่อหาอะไรกิน สายตาเหลือบไปเห็นโน้ตที่ถูกแปะไว้ข้างตู้ ลายมือขยุกขยิกที่ดูเขียนขึ้นมาอย่างเร่งรีบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแดเนียลเป็นคนเขียนทิ้งเอาไว้ให้เขา
[ออกไปธุระจะกลับตอนเย็น มีซุปกิมจิกับข้าวผัดเนื้อซอสไว้ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรนะ ช่างเหอะหิวก็กินซะ แล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับล่ะกูอยากดูหนังผีเรื่องนึงดูเป็นเพื่อนกูหน่อย ถ้ากลับก่อน
กูโกรธมึง]
พออ่านเนื้อความในกระดาษจบเขาก็หลุดขำออกมา กลัวผีแล้วยังจะบ้าดูอีกนะ แต่จะว่าไปเขาก็เคยได้ยินมันบ่นว่าอยากดูหนังผีเรื่องนึงอยู่เหมือนกันแต่ไม่มีเวลา
ไม่มีเวลาหรือไม่กล้าดูคนเดียวกันแน่คังแดเนียล ทำตัวเหมือนเด็กชะมัดเลยว่ะ
เขายิ้มให้กับกระดาษในมือแล้วแปะโน้ตกลับไปที่เดิม ว่าแต่มันทำอาหารเอาไว้ให้งั้นเหรอ?ไม่ค่อยใช่เรื่องปกติซักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเขาเคยบอกให้แดเนียลทำอาหารให้กินอยู่บ่อยๆเขาชอบรสมือของมัน แต่ไม่ค่อยจะเป็นผลนักมันมักจะอ้างว่าไม่มีอารมณ์แทบทุกครั้ง แต่วันนี้ดันทำให้กินโดยไม่ต้องขอเสียอย่างนั้น
หรือว่าอารมณ์ดีเรื่องอะไร
มือหนาเลื่อนไปกดเปิดเตาแก๊สเพื่ออุ่นอาหารที่อีกคนทำไว้ให้ ไม่นานกลิ่นหอมของเนื้อค่อยๆลอยมาแตะจมูกชวนให้ท้องหิวยิ่งกว่าเดิม ในระหว่างรอให้หม้อเดือดแบคโฮเลยเดินเอื่อยสำรวจห้องของเพื่อนร่วมงานไปเรื่อย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เดินไปทั่วห้องของมันแบบนี้ เพราะปกติแบคโฮจะมาที่คอนโดแห่งนี้เพื่อใช้แค่ห้องนอนและร่างกายของเจ้าของห้องก็เท่านั้น...พอลองคิดๆดูนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึงก็ได้หรืออาจจะเป็นเหตุผลแทบทั้งหมดที่ทำให้เขารู้สึกอะไรเกินเลย...กับเพื่อนตัวเอง
คงเป็นเพราะเขามาหาแดเนียลบ่อยเกินไป สนิทกับมันมากเกินไป สัมผัสร่างกายของมันมากเกินไป โหยหาริมฝีปากอิ่มแดงนั่นมากจนเกินไป หรือแม้กระทั่งยอมมันแทบทุกอย่างจนทำให้คนโลภมากอย่างเขารู้สึกว่ามันไม่พอ...ใช่ พักหลังๆมานี้แบคโฮไม่เคยพอใจกับอะไรเลยสักนิด
เขาต้องการที่จะครอบครองทุกอย่างที่เป็นคังแดเนียล ทั้งใบหน้าที่เขาชอบ ร่างกายที่ทำให้เขาติดสัมผัส ริมฝีปากอิ่มแดงนั่นหรือแม้แต่รอยยิ้มของมัน แบคโฮอยากจะครอบครองเอาไว้เพียงคนเดียวโดยที่สามารถเอาสถานะอะไรสักอย่างห้อยคอของมันไว้ได้ ไม่ให้ใครสักคนเข้าใกล้...แต่เขาก็ทำไม่ได้อยู่ดีถึงได้ยังอยู่ที่นี่ เลือกที่จะอยู่กับมันต่อไปเรื่อยๆ
เหมือนคนโง่ไหมล่ะ
แบคโฮยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พร้อมๆกับใช้มือลูบคลำตุ๊กตาแมวหน้าตาคล้ายเจ้าของห้องที่วางอยู่บนชั้นหนังสือเล่นเบาๆ พลันสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะถูกวางไว้ผิดที่ผิดทาง แต่ไม่น่าจะใช่มันดูราวกับถูกซ่อนเอาไว้เสียมากกว่า
ไม่รอให้ความอยากรู้อยากเห็นทำงาน เขาดึงกล่องสี่เหลี่ยมพอเหมาะมือที่ถูกยัดไว้ในซอกตู้หนังสือออกมาทันที ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากกล่องนั้นก็มาอยู่ในมือ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อเขารีบเอียงหน้าหลบฝุ่นที่ลอยฟุ่งอยู่ในอากาศทำเอาแทบจะสำลัก อยากรู้จริงๆว่าเป็นของที่ยัดๆไว้แล้วลืมหรือตั้งใจซ่อนไว้กันแน่วะ ถึงได้ปล่อยทิ้งจนฝุ่นเคอะขนาดนี้
แบคโฮใช้มือปัดๆฝุ่นที่เกาะเต็มไปหมดแล้วพลิกซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อสังเกตดู ภายนอกก็ดูเป็นกล่องธรรมดา ก่อนจะเปิดกล่องออกมาข้างในมีเพียงอัลบั้มรูปขนาดปานกลางอันนึงเท่านั้นเอง แน่นอนเขาหยิบออกมาเปิดดูรูปข้างในทันที
เป็นรูปผู้หญิงคนนึง...ในชุดแต่งงาน
แบคโฮขมวดคิ้วมองหญิงสาวร่างเพียวบางใส่ชุดแต่งงานลายลูกไม้สีขาวบริสุทธิ ในมือถือดอกไม้ช่อใหญ่ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มให้กล้องอย่างเป็นธรรมชาติ สวยไม่ใช่เล่น
ว่าแต่รูปใคร...
เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นคนๆนี้ที่ไหนสักที่ พยายามจ้องใบหน้าหญิงสาวในรูปอีกครั้งแต่ก็นึกไม่ออก บางทีเขาน่าจะคิดมากไปเอง อาจจะเป็นพี่สาวหรือน้องสาวของแดเนียลก็ได้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันจำได้ว่าไม่เคยได้ยินแดเนียลเล่าเรื่องครอบครัวของมันให้เขาฟังเลยสักครั้ง
มือหนากำลังจะพลิกหน้าถัดไป “เหมียววㅡ” เสียงของเจ้ารูนี่ย์ทำให้เขาล่ะสายตาจากอัลบั้มรูปแล้วก้มมองไปที่พื้น เจ้าแมวสีส้มอ่อนเริ่มพันแข้งพันขาของเขาอีกครั้งก่อนจะร้องใส่ไม่ยอมหยุด
“เหมี้ยวว”
“อะไรอีกรูนี่ย์ หิวหรือไง?รอไปก่อนไป” ด้วยความรำคาญแบคโฮใช้เท้าเขี่ยๆเจ้ารูนี่ย์ไปเบาๆพอให้มันเลิกเอาหัวมามุดขาของเขา แต่ก็เท่านั้น แน่นอนมันยังดื้อแพ่งไม่ยอมเปลี่ยนเขาถอนหายใจหงุดหงิด แต่อยู่ๆก็เพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้...
“ตายห่าล่ะ หม้อ!!!”
แบคโฮรีบล่ะจากรูปหญิงสาวตรงหน้าแล้วยัดๆทั้งกล่องและอัลบั้มรูปไว้ในชั้นหนังสือไปตามมีตามเกิด รีบสาวเท้าวิ่งไปดูหม้อที่ตัวเองตั้งไว้ในครัวอย่างไว ฟองกำลังเดือดขึ้นปากหม้อพอดีเขาปิดแก๊สได้ทัน...เกือบทำครัวมันไฟไหม้แล้ว
จากนั้นแบคโฮรีบจัดการตักอาหารที่กำลังร้อนๆใส่จาน ควันกรุ่นส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เขาถือชามเตรียมจะยกไปกินที่ห้องนั่งเล่นพลันเสียงร้องเหมี้ยวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหัวทุยนุ่มนิ่มของเจ้ารูนี่ย์ที่กำลังพันแข้งพันขาเขาเป็นการใหญ่ ลืมไปเลยว่ามันหิว อีกอย่างเขาลืมเรื่องอัลบั้มรูปนั่นด้วยเพิ่งดูได้แค่หน้าเดียว แต่ก็ช่างมันไปก่อนแล้วกัน เขาทนไม่ไหวับเจ้าแมวตัวเล็กนี่แล้วดูท่าทางจะหิวมากสินะ
แบคโฮวางจานอาหารลงบนเคาท์เตอร์ หยิบอาหารแมวกระป๋องในตู้มาเปิดเทลงในชามที่วางอยู่บนพื้นใกล้ๆ รูนี่ย์เดินไปดมอาหารในชามแล้วค่อยละเมียดกินทีล่ะน้อย เขานั่งลงบนพื้นเคียงข้างเจ้าแมวสีส้มอ่อน เผลอยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นเจ้าแมวตัวนี้เอาแต่กินไม่ยอมหยุด
“ชอบก็ดีแล้ว ทีหลังก็อย่าดื้อเหมือนเจ้านายให้มากนัก” แบคโฮแอนตัวพิงเคาท์เตอร์ด้านหลัง เจ้าแมวตัวน้อยครางเสียงแผ่วตอบกลับมา เขายกมือลูบขนนิ่มสีส้มนั่นเบามือ
.
.
.
“แดเนียลอยู่รึเปล่า!?”
เสียงของคนๆนึงในห้องนั่งเล่นทำแบคโฮชะงัก ด้วยสัญชาตญาณเขารีบหลบเข้ามุมพร้อมกับคว้าเจ้าแมวตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงแบบนี้แบคโฮจำได้ทันทีว่าเป็นใครเขาถึงได้รีบหลบไง ไม่ใช่ว่ากลัวหรืออะไรแต่เขาไม่อยากเห็นหน้ามันอีก กลัวจะยั้งมือไม่อยู่เหมือนคราวที่แล้ว แบคโฮไม่ได้อยากจะโดนแดเนียลโกรธใส่ตั้งหลายอาทิตย์เหมือนครั้งนั้นอีกหรอกนะ ยังไงซะเลี่ยงได้เป็นเลี่ยงไว้ดีกว่าว่ะ
“อยู่ไหนแดเนียลนายหายไปไหนตั้งสองวันโทรหาก็ไม่รับห้องก็ไม่อยู่ เมื่อกี้นี้เห็นนายไม่ได้ล็อคประตูเลยเปิดเข้ามา อยู่หรือเปล่าแดเนียล?เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนะ”
เจ้ารูนี่ย์เริ่มดิ้นไปดิ้นมาเพราะความอึดอัด แต่โชคยังดีที่มันไม่ได้ส่งเสียงร้องราวกับเข้าใจว่าแบคโฮต้องการให้มันเงียบๆไว้
ออกไปสักทีสิวะ...ไอ้องซองอู
ซองอูเงียบไปสักพักเมื่อไม่ได้ยินเสียงใดๆตอบรับ เดินไปดูห้องนอนก็ไม่มีใครอยู่แต่ประตูกลับไม่ได้ล็อค...หรือจะลงไปทิ้งขยะ? คิดอยู่สักพักเลยตัดสินใจจะลงไปดูข้างล่าง แต่หันไปเห็นจานอาหารบนเคาท์เตอร์ในครัวเสียก่อน ซองอูเริ่มสงสัยเพราะจานอาหารควันยังกรุ่นอยู่เลย เขาทำท่าจะเดินเข้าไปดู แบคโฮเห็นท่าไม่ดีเลยคิดจะลุกขึ้นไปเผชิญหน้า...แต่อยู่ๆเสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้นซองอูเลยหยุดเดินทำให้แบคโฮหยุดชะงักเช่นกัน ซองอูเปิดอ่านข้อความนั้น
‘ตอนนี้อยู่โฮสต์คลับ’
“อะไรวะ อยู่โฮสต์คลับ?อย่าบอกนะว่าไปคุยเรื่องที่จะไม่ไปปูซาน” ซองอูบ่นพึมพัมกับตัวเองอย่างหัวเสียก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องทันที เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลงแล้วแบคโฮอุ้มเจ้ารูนี่ย์ไปไว้หน้าชามข้าวเพื่อให้มันกินข้าวต่อเหมือนเดิม
.
.
.
“ทำไมต้องไม่อยากไปปูซานด้วยวะแดน” เขาสงสัยตั้งแต่ได้ยินเรื่องนี้ในห้องน้ำเมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่แดเนียลก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยพอคะยั้นคะยอมากๆเข้าก็จะโดนมันปิดปากด้วยปากของมันทุกทีจนเหนื่อยที่จะถาม
แดเนียลน่ะมันร้าย...แต่เขาก็เป็นพวกชอบยอมด้วยสิ
ไม่รอที่จะคิดอะไรอีกแบคโฮรีบเดินไปหยิบกุญแจรถที่วางอยู่หน้าทีวีก่อนจะตรงไปเปิดประตู เขาจะแอบตามไปดูสักหน่อย เผื่อจะได้รู้อะไรมากขึ้นก็ได้...แต่ในสมองที่คิดอยู่ตอนนี้จริงๆแล้วเขาน่ะก็แค่ไม่ไว้ใจองซองอู
แต่เมื่อจะเปิดประตูแบคโฮก็ต้องหัวเสีย หมุนลูกบิดเท่าไหร่ก็ไม่ไปกระชากยังไงก็ไม่ขยับ พยายามออกแรงดึงแต่ก็เปิดไม่ออก ประตูถูกล็อคจากด้านนอก...
“แม่งเอ้ย! ล็อคหาห่าอะไรเนี่ยห้องมึงหรือไง” แบคโฮสบทอย่างหงุดหงิด รู้แบบนี้เขาน่าจะลุกไปต่อยหน้ามันสักทีจะได้ตัดปัญหาไปทุกอย่าง มันไม่ได้ไปตามแดเนียลเขาก็ไม่ต้องโดนขังอยู่ในห้องแบบนี้ด้วย
“เยี่ยมจริงๆเลยชีวิตกูเนี่ย!”
พูดจากใจเลยว่าองซองอูจะเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่แบคโฮอยากเจอหน้าไม่ว่าเมื่อไหร่ไม่ว่าที่ไหน และจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดชาติจนกว่ามันจะออกไปจากชีวิตของแดเนียล หงุดหงิดชิบหายสาบานเลยว่าถ้าเจอกันอีกทีเขาจะต่อยหน้ามันให้เลือดกลบปากยิ่งกว่าคราวก่อนแน่
แบคโฮตัดใจจากประตูห้องแล้วเดินไปหยิบมือถือเพื่อส่งข้อความหาแดเนียลว่าจะกลับเมื่อไหร่ ไม่ได้บอกเรื่องที่องซองอูเข้ามาในห้องหรือเรื่องที่เขาถูกมันขังเอาไว้หรอก ไม่งั้นแดเนียลคงได้หัวเราะเขาทั้งวันแน่ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ยกจานอาหารมานั่งทานอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้ดูหนังที่เปิดอยู่ไปด้วย ออกจากห้องไม่ได้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอก ยังไงซะเขาก็ต้องรอดูหนังผีเป็นเพื่อนแดเนียลอยู่ดี ไอ้คนขี้กลัวผีแต่อยากดูหนังผี...
แต่ก็เอาเถอะ ถึงเขาจะเป็นคนชอบยอม แต่เขาก็ยอมเฉพาะกับคังแดเนียลเท่านั่นแหละ
1 PM
‘ตอนนี้ยังอยู่ที่โฮสต์คลับหรือเปล่า?’
‘แดเนียล’
‘อยู่ไหน?’
ซองอูรัวข้อความส่งไปหาเพื่อนสนิทอีกครั้งในขณะที่ยังขับรถอยู่บนท้องถนน เขาเลี้ยวเข้าซอยที่ทำงานแล้วอีกไม่กี่นาทีก็ถึง ไม่นานนักก็มีข้อความตอบกลับมาเขายิ้มกว้างทันที
‘อยู่’
‘แต่จะกลับคอนโดแล้ว’
ซองอูรีบหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาใส่แล้วเปลี่ยนเป็นโทรผ่านแอพพลิเคชั่นไปยังอีกฝ่ายแทน
“รออยู่ที่นั่นก่อนฉันกำลังจะถึงแล้ว”
“จะมาทำไมฉันจะกลับแล้ว”
“มีเรื่องอยากคุยด้วย เนี่ยจะถึงแล้วอีกสามนาที”
“อ่าโอเคๆ ยืนรออยู่หน้าประตูคลับแล้วกันนะ” แดเนียลตอบกลับไปเสียงเอื่อย ใบหน้าเรียบเฉยของเขาดูจะเป็นเหมือนปกติ แต่ภายในสมองนั้นความคิดกำลังปะปนกันไปหมด เขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อแคนเซิ่ลงานที่ปูซาน แต่มาเพื่อตอบตกลง…ใช้เวลาอยู่เหมือนกันกว่าเขาจะสามารถตัดสินใจได้ ไม่รู้ทำไมการได้นอนมองหน้าแบคโฮอยู่หลายคืน เลยทำเขารู้แล้วว่าควรจะเผชิญหน้าได้แล้ว หลายปีที่เอาแต่หนีไม่ได้ทำให้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้เลย
กาลเวลามันโหดร้ายเกินไปจริงๆเอาแต่จมอยู่กับความเจ็บปวด ใช้ชีวิตเหมือนกับเงามืดความรู้สึกผิดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมดไม่สามารถลบล้างอะไรได้เลย ยิ่งไม่นานมานี้ ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับแบคโฮเริ่มชัดเจนขึ้นมามันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ โคตรเกลียดความรู้สึกแบบนี้เลย มันกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี...
ทำไมมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้นะ
แม้ภายนอกแดเนียลจะดูเป็นคนเก่งแค่ไหน โฮสต์ระดับสูงที่ใครๆก็ต่างต้องการ กับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าเขาอาจจะดูเข้าหาได้ยากเหมือนไม่เคยรักใครจริงเพราะดูเป็นคนปิดกั้นตัวเอง แต่ในเรื่องบางเรื่องเขาก็เหมือนเด็กคนนึง ไม่สามารถจัดการกับปัญหาหรือแม้แต่ความรู้สึกของตัวเองได้ แล้วคนอย่างเขาจะสามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้ยังไงกันถ้ายังเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้
แต่ถ้าสักวันเขาจะสามารถลบล้างความรู้สึกผิดของตัวเองในอดีตได้ ก็เคยคิดนะว่าจะสามารถใช้ชีวิตใหม่กับใครสักคนได้จริงๆ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้...จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
ช่วยอยู่ตรงนั้นอีกสักหน่อยได้ไหม รอผมนะ...
แดเนียลกำลังเดินออกจากลิฟต์เพื่อจะลงไปรอซองอูข้างล่างอย่างที่บอกไว้ แต่ก้าวขาออกมาจากลิฟต์ได้ไม่นานอยู่ๆก็ถูกคว้าเอวเอาไว้จากข้างหลัง เขาหยุดเดินก่อนจะหันหน้าไปมอง
“คุณโฮสต์แดเนียลไม่ทำงานเหรอวันนี้ ทำไมรีบกลับล่ะ?”
“อ่าว ยองมิน…มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” แดเนียลมองมือหนาที่ยังวางทาบอยู่บนบั้นเอวของตัวเองไม่ปล่อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขากับยองมินรู้จักกันในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ได้สนิทกันมากนักเพราะได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันก็แค่ในที่ทำงาน แต่ยองมินเป็นคนที่เข้าหาได้ง่ายและดูไม่มีพิษภัยกับใคร เขาเลยไม่คิดจะใส่ใจกับอาการมือปลาหมึกของยองมินนักหรอก จะบอกว่าชินก็ได้เพราะเจ้าตัวก็เล่นแบบนี้บ่อย
“ไม่ยักรู้ว่าโฮสต์แดเนียลก็ขวัญอ่อนเป็นกับเขาด้วยว่ะ” บาเทนเนอร์หนุ่มหัวเราะ น้ำเสียงเหมือนพูดหยอกล้อทีเล่นที
“นี่กวนตีน? ถ้าไม่ได้กวนสักวันกลัวนอนไม่หลับหรือไง”
“โถ่ ก็โฮสต์แดเนียลไม่ได้มาให้กวนตีนบ่อยๆนี่หว่า ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเลยไม่รู้หายไปกับใครที่ไหน…” บาเทนเดอร์หนุ่มยิ้มกวน ทั้งที่คำถามก็รู้คำตอบกันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว
“พูดเหมือนไม่รู้หรือตั้งใจจะกวนตีน” แดเนียลส่งยิ้มกวนกลับไป เพราะรู้ว่าดวงตาฉายแววตาขี้เล่นนั่นจะชอบพูดกวนเขาเกือบทุกครั้งที่เจอนั่นล่ะ แต่ก็แปลกนะเพราะมันทำให้เขาลืมเรื่องยุ่งเหยิงในหัวไปได้พักใหญ่
“แน่ะ ยิ้มแล้ว”
“ยิ้ม?” แดเนียลเอียงคอสงสัย
“ยิ้มสักที เห็นเดินเข้ามาก็ทำหน้าบึ้งตลอดเวลา”
“หน้าก็เป็นอย่างงี้มานานแล้ว”
“ยิ้มบ้างเหอะ ชีวิตมันเครียดมากขนาดนั้นเลยหรือไงกันครับ แต่ถ้าวันไหนไม่ไหวจริงๆห้องนอนบาเทนเดอร์ยองมินยังว่างพร้อมบริการเสมอนะ” ยองมินหัวเราะร่วน มือซนของเขารวบเอวของแดเนียลเข้าไปใกล้มากกว่าเก่า แถมยังเนียนๆบีบเล่นหยอกล้อไปหลายรอบเพราะอีกคนไม่ได้ถือสาอะไรอีก
“ก็น่าลองนะ” แต่คำพูดของโฮสต์หนุ่มประโยคเดียว ทำเอาบาเทนเดอร์ขี้กวนเงียบไปดื้อๆ พอเห็นใบหน้าเหวอของยองมิน แดเนียลก็หัวเราะอีกรอบที่แกล้งกลับได้สำเร็จ
“ร้ายกาจ...”
“แต่คนอย่างยองมินไม่กล้าหรอกครับ กลัวสันแข้งคุณคังจะทาบเข้าที่หน้า” บาเทนเดอร์หนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อนใบหน้าของตนทั้งที่กำลังคิดจริง...แน่นอนเขารู้อยู่แล้วว่าโฮสต์ระดับสูงทั้งสองคนน่ะมีสัมพันธ์อะไรกัน
ไม่ได้คิดจะแย่ง แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลอง
“ตลกแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับมัน”
“เอาน่าอย่าทำหน้าบึ้งอีกสิครับ แค่อยากให้หัวเราะบ้างไงเป็นห่วง”
“รู้แล้วๆครับกลับล่ะนะ อีกไม่กี่วันไว้เจอกันที่ทริปปูซานนะ” แดเนียลยิ้มให้แล้วแกะมือยองมินออก ก่อนจะบอกลาอีกทีแล้วขอตัวกลับ พอแดเนียลเดินลับหลังไปแล้ว บาเทนเดอร์หนุ่มยกยิ้มมุมปากสายตาของเขาดูคล้ายกับมีอะไรบางอย่างในใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรแล้วเดินกลับไปทำงานที่บาร์ชั้นบน
แดเนียลก้าวเท้าออกมาจากประตูร้านได้ไม่กี่ก้าว รถยนต์คันใหญ่ก็จอดเทียบอยู่ไม่ไกลจากนั้น ซองอูเดินลงมาจากรถในทันทีแล้วกวักมือเรียกแดเนียลที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เจ้าตัวกำลังจะเดินไปหา แต่ทว่าจู่ๆซองอูกับตาเบิกกว้างแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาแดเนียล เขาตะโกนดังลั่น...
“เห้ย แดเนียลหลบ!!!”
คนถูกเรียกชะงักอยู่กับที่ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะอยู่ๆซองอูก็วิ่งเข้ามาแล้วพุ่งเข้าใส่ผลักเขาไปข้างหลัง แดเนียลล้มลงไปกับพื้นทับมือขวาของตัวเองอย่างจังพร้อมๆกับมีบางสิ่งตกลงมากระแทกกับแผ่นหลังซองอูที่กำลังคร่อมอยู่บนร่างของเขา
เพล้ง!
“โอ้ย!!!”
เสียงร้องดังด้วยความเจ็บประสานกันทันควัน ราวกับแรงสั่นสะท้านและความเจ็บปวดของคนบนร่างกำลังส่งผ่านมาถึงแดเนียล ตัวเขาเองก็โคตรเจ็บมือเลยเจ็บจนมันเริ่มรู้สึกชาไปทั้งแขนแล้ว พูดแทบไม่ออก...ซองอูค่อยๆพาร่างของตัวเองลุกออกจากแดเนียล เขาซี้ดปากครางโอดโอย ความเจ็บจากของบางอย่างที่หล่นลงมาใส่กลางหลังของเขากำลังส่งผลลามไปทั่วทั้งร่าง รู้สึกเหมือนหลังจะหักเป็นสองท่อน แทบอยากจะสบทออกมาเป็นคำหยาบ แต่ถึงจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตามซองอูก็ยังรีบขยับตัวเข้าไปช่วยพยุงแดเนียลให้ลุกขึ้นนั่ง
“เจ็บตรงไหนแดเนียล?หัวแตกหรือเปล่าเนี่ยเป็นอะไรไหม?บอกมาเร็วๆดิ!”
“เจ็บแขนๆถลอกนิดเดียว แล้วมันเกิดอะไรขึ้นวะผลักฉันทำไมเนี่ย?”
“มีคนโยนกระถางต้นไม้ลงมาจากชั้นสอง” แดเนียลเลิกคิ้ว เขาหันไปมองเศษซากกระถางต้นไม้ที่ว่าแตกกระจายอยู่บนพื้นข้างตัว
“มีคนตั้งใจโยนลงมาใส่นาย ฉันเลยผลักนายออกไปนี่ไง”
“ห้ะ!!! ใคร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นหน้าแสงมันส่องตา แต่ฉันมั่นใจว่าตั้งใจโยนใส่นายแน่ๆแดเนียล” แดเนียลทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ได้แต่เงยมองบนระเบียงชั้นสองตรงนั้นก็ไม่เหลือร่องรอยหรือเงาคนแล้ว
“มีคนตั้งใจโยนลงมาใส่หัวนาย ไปทำใครเขาท้องไว้หรือไง?”
“ใช่เวลากวนตีนเหรอซองอู”
.
.
.
โชคยังดีที่กระถางใบนั้นไม่ได้ใหญ่มาก มันถูกโยนลงมาจากชั้นสองของโฮสต์คลับซึ่งไม่ได้สูง เลยกระแทกกับหลังของซองอูไม่แรงนัก ยังดีที่เขาไม่ได้สลบหรือหัวร้างข้างแตกไป จากนั้นทั้งคู่ก็ถูกช่วยเหลือจากยามที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้น
ยามทำท่าจะโทรเรียกรถพยาบาลให้ แต่ซองอูปฎิเสธเพราะต้องการจะพาแดเนียลไปโรงพยาบาลเอง แม้ในใจอยากจะวิ่งขึ้นไปชั้นสองแล้วหาตัวคนทำซะตอนนั้น แต่เขาปล่อยให้แดเนียลทนเจ็บนานไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน แล้วคนทำมันคงไม่อยู่ให้หาตัวเจอหรอก ค่อยจัดการทีหลังก็แล้วกัน แม้ซองอูจะยังเดาไม่ได้เลยว่ามันเป็นใครเท่าที่รู้มาแดเนียลไม่เคยมีศัตรูที่ไหน แต่จะยังไงก็แล้วแต่เหอะ เขาจะไม่ปล่อยมันไว้แน่
4 PM
ขนมซองแล้วซองเล่าถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้อง แบคโฮเปิดดีวีดีภาพยนตร์เก่าๆที่ถูกเก็บเอาไว้ ดูไปก็หยิบขนมใส่ปากไปถึงจะรู้สึกสบายก็เถอะ แต่มันออกจะเบื่อๆเกินไปหน่อยจากที่แทบทุกวันได้เจอกับคนมากหน้าหลายตารอบตัว วันนี้กลับต้องนั่งอยู่คนเดียวในห้อง แถมคนที่พอจะให้กวนได้ก็ดันไม่อยู่ รู้สึกแปลกๆไปมากทีเดียวถึงต้องเปิดอะไรดูหาอะไรทำไม่ให้มันว่างเกินไปนี่ล่ะ
'เมื่อไหร่มึงจะกลับมาสักทีวะ อีกนิดกูจะดูหนังในห้องมึงครบทุกเรื่องละนะ'
ได้แต่บ่นอยู่ในใจ เขาใช้เวลาหมดไปกับดีวีดีภาพยนตร์แทบจะปาเข้าไปครึ่งวัน จนสายตาเริ่มล้าไปหมด ส่งข้อความไปหาแดเนียลก็ไม่ตอบ โทรไปอยู่หลายครั้งก็ไม่รับจนตัดใจ เท่าที่เขารู้มันไปที่โอสต์คลับอาจจะทำงานอยู่ก็ได้เขาเลยไม่อยากจะโทรไปกวนมันอีก
ตัดสินใจเอนตัวลงนอนบนโซฟาเอาหัววางเกยบนที่วางแขนด้านหนึ่ง พอขยับเข้าที่เข้าทางให้สบายตัวได้มากที่สุด เขาปิดเปลือกตาลงเสียงจากโทรทัศน์ยังคงดังเข้ามาในหัวเป็นระยะ แต่ยิ่งนานก็เหมือนเสียงนั้นจะห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดเจ้าของร่างก็ผล็อยหลับสนิทไปในเวลาไม่กี่สิบนาที การนอนน่ะถือเป็นหนึ่งในการฆ่าเวลาที่เขาชอบที่สุด รองจากการเล่นเกมส์แล้วก็...กิจกรรมบนเตียงเลยล่ะนะ
แดเนียลมีแผลถลอกไม่มากแต่การล้มทับมือตัวเองนั้นก็ทำให้เขาถูกหมอพันเฝือกเอาไว้ยันข้อมือ แม้จะสามารถใช้มืออีกข้างช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสบายๆ แต่ซองอูก็ยังจะดื้อเพ่งประคองเขาทุกก้าวเดิน...ล้มทับแขนไม่ได้ล้มทับขาเว้ย!เดินเองได้
อยากจะบ่นเหมือนกันแต่ขี้เกียจเถียงกับมันแล้ว ทั้งๆที่ตัวเองมีแผลช้ำเป็นทางยาวทั้งกลางหลัง ก็ยังปากดีบอกว่าแค่นี้ไกลหัวใจ แต่ไอ้เรื่องความหัวดื้อของเพื่อนสนิทก็ยังไม่น่าปวดหัวเท่ากับเรื่องที่เขาต้องหาทางรับมืออยู่ในตอนนี้...แดเนียลยืนอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองกับซองอูที่ยืนซ้อนหลังไม่ยอมห่าง คิดไม่ตกว่าจะบอกกับซองอูยังไง เพราะแบคโฮคงจะอยู่ในห้องเหมือนกัน ก็เมื่อเช้าเขาเขียนโน้ตไว้ให้มันอยู่รอเขาก่อน จะให้ซองอูกลับห้องตัวเองไปเลยก็บอกไม่ยอมท่าเดียวมาตลอดทาง
“กลับไปเลยก็ได้นะฉันโอเคแล้วจริงๆ”
“ทำไมชอบไล่จังวะ บอกแล้วไงว่าจะช่วยดูแล”
“ดูแลอะไรวะ ดูแผลที่หลังตัวเองก่อนมั้ยซองอูกลับไปพักผ่อนเถอะ” แดเนียลขึ้นเสียงใส่หงุดหงิดนิดหน่อยกับความดื้อดึงของมัน แต่จริงๆแล้วไม่อยากให้ทั้งสองคนเจอกันมากกว่า เหนื่อยจะมานั่งปวดหัวกับพวกมันสองคนแล้ว
“แดเนียล จำไม่ได้เหรอว่าก่อนหน้านี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายฉันยังไม่ได้คุยเลยนะ”
“เรื่องอะไร?”
“เข้าไปคุยกันในห้องขี้เกียจยืน” แดเนียลจิ๊ปาก สุดท้ายก็ตัดใจเลิกเถียงกับมัน แต่เมื่อลองขยับลูกบิดประตูดูก็เห็นว่ามันถูกล็อคอยู่ เขาคิดว่าแบคโฮน่าจะกลับไปแล้วเลยยอมให้ซองอูเข้าไปข้างใน แต่เมื่อเดินไปถึงห้องนั่งเล่นเท่านั้นแหละ
“เวร...”
แดเนียลถึงกับสบทกับตัวเองก่อนจะกลืนคำนั้นลงไปในคอ เพราะสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเห็นคือแบคโฮนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ซองอูเดินตามเขาเข้ามาหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง แดเนียลก็เช่นกัน จะให้พูดว่าไม่รู้จะทำยังไงต่อก็คงจะใช่ เขาไม่อยากให้มีปัญหาเพราะถ้าเกิดแบคโฮตื่นมาเจอกับซองอูเขากลัวจะได้ต่อยหน้ามันอีกรอบน่ะสิ...สำหรับซองอูคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่กับแบคโฮก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่ามันไม่อยู่เฉยๆหรอก...
“เพราะงี้ใช่ไหมแดเนียล ถึงได้ไล่กันนัก?” เสียงแข็งของเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาประคองแขนซ้อนอยู่ด้านหลังของเขากระซิบข้างใบหู ยังไม่ทันที่แดเนียลจะตอบอะไรกลับไปก็โดนซองอูดันเข้าไปในห้องนอน กดไหล่ของเขาให้นั่งลงบนปลายเตียงก่อนจะหันไปปิดประตูห้องทันที
“จะทำอะไรซองอู?” แดเนียลรีบลุกขึ้นยืน
“ถึงว่าตอนมาตามครั้งแรกประตูไม่ได้ล็อค”
“พูดเรื่องอะไร?”
“นายนี่ใจร้ายวะ หายไปอยู่กับมันตั้งหลายวันไม่คิดจะบอกกันสักคำ” แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยแต่น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ซองอู ขอร้องกลับห้องไปเหอะฉันไม่อยากจะมีปัญหานะแค่เรื่องวันนี้ก็ปวดหัวชิบหายแล้ว” ซองอูเดินตรงเข้าไปรวบเอวแแดเนียลให้เข้ามาแนบชิดกาย ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อให้อีกคนโดยที่ไม่สนใจฟังสิ่งที่พูดก่อนหน้าเลยสักนิด
“เดี๋ยวๆซองอู...” ด้วยความตกใจแดเนียลเลยเผลอใช้มือข้างขวาของตนดันอกเพื่อนสนิทออกไปให้พ้นตัว แต่กลับเป็นเขาเองนั่นแหละที่ต้องชักมือกลับเพราะความเจ็บพลันแล่นไปทั่วมือ...ลืมไปเลยว่าเคยใส่เฝือก
“โอ้ย แม่งเอ้ย!!!”
ซองอูใช้จังหวะนี้คว้าเอวแดเนียลให้เข้ามาใกล้ตนอีกครั้ง เจ้าตัวที่ยังซี๊ดปากเพราะเจ็บมืออยู่เลยไม่ได้ขัดขืน พยายามเป่ามือตัวเองให้มันหายเจ็บจนซองอูแอบหัวเราะกับนิสัยเหมือนเด็กที่ปิดไม่เคยมิดเวลาลืมตัวของแดเนียลทุกที
“เชี่ยเอ้ย เจ็บชิบหายเลยเนี่ย!!!”
“ซื่อบื้อจังวะ แล้วรู้ตัวมั้ยว่าตัวนายเลอะขนาดไหนน่ะ” ซองอูเริ่มปลดกระดุมเสื้อให้เพื่อนสนิทอีกครั้ง “ฉันจะช่วยถอดเสื้อผ้าให้แล้วไปอาบน้ำซะ” แล้วกระดุมเสื้อก็ถูกปลดไปหมดทุกเม็ดในเวลาไม่กี่วินาที ซองอูลอบมองแผ่นอกขาวไล่ไปจนถึงหน้าท้องเป็นลอนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตออกมาเล็กน้อยแล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคอไม่รู้ตัว...
“ไม่ต้องเลย” แดเนียลใช้มืออีกข้างจับแขนซองอูที่กำลังเลื่อนไปปลดกระดุมกางเกงของเขาได้ทันควัน
“อยู่นิ่งๆสิแดเนียล เสียงดังเดี๋ยวเพื่อนรักนายก็ตื่นขึ้นมาหรอก” น้ำเสียงประชดประชันบวกกับสีหน้ากวนโอ้ยนั่น ถ้าไม่ติดว่าเจ็บมืออยู่เขาจะตบหัวมันสักที
“อย่าประชดได้ไหม” แดเนียลชักสีหน้าแต่ซองอูไม่สนใจแถมยังยิ้มกวนกลับไปให้เพื่อนสนิทเป็นคำตอบ
“ไม่อยากให้พูดมากก็อยู่เฉยๆ นี่กำลังช่วยอยู่ไง” รั้งมือไปปลดกระดุมกางเกงแดเนียลให้จนได้ แดเนียลเลยปล่อยให้ซองอูทำตามใจด้วยความที่มือข้างที่เจ็บบวกกับยาแก้ปวดที่กินเข้าไปเมื่อไม่นานเริ่มออกฤิทธ์ทำให้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืน พยายามรั้งดวงตาของตนไม่ให้ปิดลงตอนนี้ซะก่อน
“ว่าง่ายๆตั้งแรกก็จบแล้วมั้ยจะดื้ออะไรนักหนา”
“นายนี่นะ”
ซองอูถอดเสื้อเชิ้ตออกจากไหล่แดเนียลโยนทิ้งไปข้างเตียงแล้วก้มลง ค่อยๆถอดกางเกงออกอย่างเบามือจนเหลือเพียงบ็อคเซอร์ตัวเดียว ภายในห้องเงียบกริบลงทันทีทั้งคู่แทบจะกลั้นหายใจ ตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเรือนร่างของแดเนียลชัดเจน ซองอูโอบเอวแดเนียลเอาไว้อีกครั้งพอทำท่าจะถอดบ็อคเซอร์ออกเจ้าตัวชะงักรีบจับแขนไว้...
ความคิดของเขาเหมือนถูกน็อค ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองมาดูมึนงงสับสนปนเปไปด้วยสติที่เริ่มเลือนลางเพราะฤิทธ์ยา แต่กลับดูยั่วเย้าจนเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ริมฝีปากอิ่มแดงสด
ผิวกายขาวละเอียด
ผมตกหลุมรักเสน่ห์ที่กระจัดกระจายไปทั่วของคุณ และเป้าหมายของผมก็คือคุณ แม้ว่าสุดท้ายมันอาจจะเป็นผมที่ต้องเจ็บปวด...
เพื่อนสนิทที่ภายนอกแสนเย่อหยิ่งกำลังอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ความรู้สึกผิดชอบลดฮวบลง ทุกอย่างที่เป็นคังแดเนียลมันน่าหลงไหลไปหมดเสียจริง แค่อยากได้ลิ้มลองสักครั้ง...ยอมรับว่าแทบสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ จะมีใครที่ได้เห็นแดเนียลในสภาพแบบนี้แล้วปฏิเสธไม่ให้ตัวเองใจร้อนได้บ้าง
คุณงดงามอยู่ในจุดที่ผมไม่สามารถรับมือได้ ความเป็นเพื่อนกำลังดึงผมกลับแต่ผมไม่สามารถใจเย็นลงได้ ทุกอย่างบนเรือนร่างของคุณมันกำลังหลอกล่อผม...
“ซองอู...” เสียงเรียกเริ่มแผ่วเบา เจ้าของชื่อทำหูทวนลมเขาดึงมือแดเนียลออก มือหนาลูบวนอยู่บนขอบกางเกงของคนกึ่งเปลือยมืออีกข้างไล้ไปตามเรือนร่างแดเนียลอย่างเอาแต่ใจ
“ซองอูพอ...พูดตรงๆตอนนี้ฉันโคตรง่วงเลย”
“แดเนียล”
“อะไร?”
“ขอฉันสักครั้งเถอะนะ” แดเนียลยังไม่เข้าใจคำที่ซองอูพูดสักนิด แต่ซอกคอขาวของเขากลับถูกอีกคนครอบครองไปแล้ว ฟันคมขบกัดไปพร้อมๆกับใช้ปลายลิ้นดูดดึง มือหนาจับแขนข้างนึงของแดเนียลที่กำลังขัดขืนเอาไว้ทั้งที่ตัวเองแทบจะลืมตาไม่ขึ้น มืออีกข้างของเขายังสาระวนไปทั่วหน้าท้องเนียน ความต้องการกำลังทำให้เขาลืมตัว
แต่ยังไม่ทันได้ผลักแดเนียลลงนอนบนเตียงอย่างที่คิด เขาถูกมือหนากระชากเสื้อจากด้านหลังอย่างแรงจนเกือบล้มลงกับพื้น
“มึงคิดจะทำอะไรคนของกู”
ทูบีคอนตินิวววววววววววววววววววววววว
-TALK-
ตัดไปตอนหน้านะคะ ถ้าต่อเลยมันจะยาวมากบ่ไหวแล้ว
ตอนนี้พระนายยังไม่ได้คุยกันสักคำเบย หนูขอโทษ ฮอลลลลลลลลลล
ถ้าชอบก็คอมเม้นติชมหรือติดแท็ก #ฟิคแหกกฎ ด้วยนะคะรออ่านอย่างใส่ใจค่ะ คึ-คึ
ความคิดเห็น