คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter : 4
Chapter : 4
Fandom : Produce 101
Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]
Note : มันก็จะมาเต็มล่ะจ้า
⚠ : มีคำหยาบพอสมควรเพื่ออรรถรสจ้ะ
ปล : แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยค่ะ หน่วงจิตมาก งือออออออ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมไม่สามารถมีคุณได้ใช่มั้ย?
เราทั้งสองกำลังหลบซ่อนความรู้สึกที่มีต่อกันหรือไง
คุณมันเห็นแก่ตัวจริงๆเอาแต่ผลักไสผม...
เพราะแค่กลัวว่าจะต้องเจ็บปวดอีกครั้ง
100%
เสียงดนตรีดังขึ้นภายในโปรดิวซ์โฮสต์คลับ งานอีเว้นเริ่มขึ้นแล้วลูกค้าชายหญิงแต่งตัวดูภูมิฐานมากหน้าหลายตาเริ่มเดินไปบนฟอร์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ เครื่องดื่มหลากหลายสีสันถูกเสริฟ์โดยเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีของทางร้าน
ออเดรฟ์สุดหรูวางเรียงรายไว้บนโต๊ะอาหารรอบๆงาน ไม่นานจังหวะดนตรีก็ถูกเร่งขึ้นเพื่อเรียกความครื้นเครงจนเหล่าลูกค้าวีไอพีบางคนพากันโยกตาม นักดนตรีบนเวทีทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับองซองอู
เจ้าตัวกำลังถูกเหล่าลูกค้าผู้หญิงสนอกสนใจเป็นพิเศษ เพราะได้เห็นเสน่ห์อันเหลือล้นของเขาบวกกับใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูทะเล้นนั่น เมื่ออยู่กับกลองคู่ใจบนเวทียิ่งทำให้ซองอูกำลังถูกหลายสายตาจับจ้องมอง แต่ถึงอย่างนั้นซองอูก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวข้างล่างเท่าไหร่นัก เขายังคงมองหาแต่เพียงคนๆเดียว…
ก่อนหน้านี้ก็ยังเห็นมาซ้อมโชว์บนเวที อยากจะเข้าไปคุยด้วยแต่ยังทำไม่ได้เพราะต้องซ้อมเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลยไม่รู้หายตัวไปไหนเร็วนัก…
แม้ตอนนี้ซองอูจะดูสนุกสนานอยู่บนเวทีมากแค่ไหน แต่สายตาของเขาก็ยังกวาดมองไปรอบๆงานเพื่อสอดส่ายหาเพื่อนสนิท ทั้งที่สองมือจะยังจับไม้กลองอยู่ไม่วางก็เถอะ แต่แล้วสายตาดันไปหยุดอยู่กับคนบางคนที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวตรงเลาจน์เครื่องดื่ม
คนที่ไม่น่าเรียกว่าคน ควรจะเรียกว่าหมา…เพราะดูจะชอบหวงกระดูกแถมยังดูมีเชื้อหมาบ้า
อย่างน้อยแดเนียลก็ไม่ได้อยู่กับมัน นั่นดีแล้ว
.
.
.
“ทำไมนายมานั่งดื่มอยู่คนเดียวล่ะแบคโฮ คุณจูฮังนยอนไปไหน?”
เจ้าของชื่อละจากแก้วออนเดอะร็อคในมือก่อนจะวางมันลงไว้บนเคาน์เตอร์ตรงหน้า ค่อยๆเอียงข้างไปหาคนถามที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ลูกค้าบอกว่าเพลียน่ะครับเลยขอกลับก่อน”
“เป็นอะไรแบคโฮ นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” จีซองเอ่ยถามย้ำด้วยคำถามอื่น เพราะสังเกตเห็นสายตาแข็งกร้าวของเขา มันผิดแปลกไปกว่าปกติจนน่ากลัว ตอนที่ตอบคำถามก็ยังไม่ยอมหันมามองตาเลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนเพิ่งไปทะเลาะกับใครมา
“ผมโอเคพี่ ดื่มเสร็จก็ว่าจะกลับแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดี พี่นึกว่านายทะเลาะกับแดเนียลเสียอีกเห็นรายนั้นก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ”
“...”
แบคโฮนิ่งไปในทันทีเมื่อได้ยินชื่อของต้นตอที่ทำให้เขาต้องมานั่งซัดแอลกอฮอลระบายความหงุดหงิดใจอยู่อย่างนี้
เงียบจนจีซองไม่กล้าถามต่อแล้วขอตัวไปเคลียร์งาน ผ่านไปหลายนาทีจนบาเทนเดอร์หนุ่มจัดการกับแก้วของเขาที่เหลือเพียงก้อนน้ำแข็งเปล่าให้ เครื่องดื่มสีอ่อนถูกเติมลงไปอีกครั้งก่อนจะยื่นมันให้แบคโฮ เขารับแก้วมาทั้งที่สายตายังคงเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“คุณคังมีอะไรในใจก็ปรึกษาผมได้นะ ทำหน้าอมทุกข์อย่างนั้นเดี๋ยวแขกก็หนีหมด” แบคโฮไม่ตอบเขาไหวไหล่แล้วพยายามแค่นยิ้มให้ ยองมิน บาเทนเดอร์คนเดียวของร้าน เพราะไม่อยากถูกจับได้ว่าตอนนี้ข้างในใจมันสับสนและอึดอัดแค่ไหน
ถึงมันจะดูปิดไม่มิดเลยก็เถอะ
หลังจากที่ปล่อยอารมณ์ตัวเองไปกับจูฮังนยอน เขากับไม่สามารถมองหน้าคนตัวเล็กได้อีก ทั้งที่ก็เคยแอบมีอะไรกับลูกค้าหรือพวกผู้หญิงคนอื่นที่มาติดพันธ์อยู่ด้วยไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเป็นแบบวันนี้มาก่อนเลย
ทั้งกลิ่น…
สัมผัส…
มีแต่ภาพของเพื่อนร่วมงานเข้ามาแทนที่ทุกครั้งที่เสียงควรครางดังแผ่วอยู่ข้างหู
ก่อนจะถูกปิดทับด้วยภาพที่มันกำลังจูบกับคนอื่น...ที่ไม่ใช่เขา
แก้วออนเดอะร็อคในมือถูกบีบแน่นจนมันแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น เขาขบกรามแน่นด้วยความไม่สบอารมณ์ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
ทั้งโกรธ ทั้งรู้สึก...กลัว
กลัวว่าความงามที่เคยได้สัมผัส คนที่คอยอยู่ข้างๆเขามาโดยตลอดกำลังจะถูกพรากไป...กำลังกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ยอมรับว่าเขาโลภมาก ทั้งที่ไม่มีสิทธิอะไรจะไปครอบครองเอาไว้สักนิด
แดเนียลเป็นแค่เพื่อน ใช่ เขาก็เหมือนกัน เราทั้งคู่ตกลงกันแล้ว
ตั้งแต่วันแรกที่มันร่างกฎความสัมพันธ์บนเตียงของเราขึ้นมา แบคโฮคิดเอาไว้ว่าตัวเองรู้ดี ไม่มีทางที่จะคิดอะไรกับเพื่อนตัวเองได้แน่ ถึงไม่ได้ปฎิเสธ แต่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าที่รับปากออกไปเพราะไม่ได้คิดอะไรจริงๆหรือเพราะว่าเขายอมกันนะ
ยอมมันมาตลอด
ทุกคำพูดที่เคยพูดไปกลับทำให้รู้สึกแย่เหลือเกิน แบคโฮอธิบายไม่ได้เลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นน่ะมันคืออะไร หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาพยายามไม่เข้าใจมันเอง...
เขากำลังเป็นใครกัน
.
.
.
เสียงดนตรีบนเวทีเงียบลง ตอนนี้ที่เลาจน์เครื่องดื่มมีเพียงโฮสต์ระกับสูงคนเดิมกับแก้วใบเดิมและบาเทนเดอร์หนุ่มที่ยังทำหน้าที่ต่อไปอยู่เพียงสองคน เหล่าลูกค้าต่างพากันไปยืน ออ อยู่ข้างหน้าเวทีเมื่อพิธีกรในงานกำลังพูดอะไรสักอย่างที่แบคโฮไม่ได้สนใจจะฟัง แก้วในมือถูกเติมวิสกี้เพียวๆลงไปหลายต่อหลายครั้ง เจ้าตัวกระดกอย่างไม่ได้ใส่ใจว่าสีหน้าของตนเริ่มกรึ่มๆไปแค่ไหนแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีสติได้ยินบาเทนเดอร์ตรงหน้าพูดว่าอะไร
“ผมว่าพอก่อนไหมคุณคัง? เดี๋ยวกลับไม่ไหวเอาน่ะ”
แบคโฮเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ...แต่เอาเถอะ กลับเลยก็แล้วกัน” มือหนาวางแก้วแล้วลงจากเก้าอี้ เขาแทบจะยืนไม่ตรงอยู่แล้ว ยองมินได้แต่ส่ายหัว ปกติโฮสต์ระดับสูงคนนี้ก็อาจจะมีมานั่งดื่มนานๆบ้างในบางครั้ง แต่ไม่เคยเห็นดื่มเพราะเครียดขนาดนี้เลย ดูก็รู้ว่าพิษรัก...
มีใครในโปรดิวซ์.โฮสต์คลับแห่งนี้จะไม่รู้บ้างล่ะว่าโฮสต์ระดับสูงทั้งสองคนของร้านน่ะ มีอะไรที่มากกว่าเพื่อนร่วมงานกันธรรมดา ก็แค่ไม่มีใครพูดถึงเท่านั้นเอง เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูบอสเมื่อไหร่คงเรื่องยาวแน่
ที่นี่น่ะมีกฎเคร่งครัดนักล่ะ แต่จะมีคนที่ยอมทำตามทั้งหมดมั้ย นั่นก็อีกเรื่อง
แบคโฮกำลังจะก้าวเท้าออกไป พลันเสียงดนตรีดังสวนขึ้นมา โฮสต์หนุ่มของร้านทั้งสามคนเจิดจรัสอยู่บนเวทีเรียกเสียงกรีดร้องได้ดังสนั่น จินยอง จีฮุนและแดฮวีแน่นอนว่าเขารู้จักพวกนั้นทั้งหมด โฮสต์ที่ได้รับความนิยมพอตัวไม่แปลกที่จะได้ขึ้นโชว์ปิดงาน ถ้าอย่างนั้นก็คงจะมีอีกคนด้วยสินะ...
“Shake it just Shake it...
...Lay your hands on me”
ร่างสูงโปร่งที่คุ้นตากำลังเปร่งประกายอยู่บนเวที สะกดทุกสายตาให้หยุดมอง ไม่เว้นแม้แต่เขา ร่างกายอันไร้ที่ติกำลังขยับไปตามจังหวะของเสียงดนตรี มือเรียวที่แบคโฮเคยได้สัมผัสกำลังลูบไล้ไปตามเรือนร่างของตนผ่านเนื้อผ้า เสียงร้องทุ้มหวานและสายตาอันยั่วเย้าถูกส่งผ่านเสียงเพลง ทำเอาคนดูแทบคลั่งตาม
“ลองวางมือที่ผมสิ
คืนนี้เราจะเต้นด้วยกัน
เร็วสิ เร็วอีกหน่อย…
เขย่าตัวของคุณให้เร็วขึ้นอีก”
เวทีกำลังร้อนระอุ เพราะชายหนุ่มทั้งสี่คนบนเวที แต่มีเพียงคนเดียวที่แบคโฮไม่สามารถล่ะสายตาผ่านไปได้ ลวดลายการเต้นและลีลาการร้องอันลงตัว ดวงตาเป็นประกายขี้เล่นส่งผ่านไปยังผู้ชมด้านล่าง ก่อนที่มันจะหยุดลงที่เขา…
แบคโฮจ้องลึกเข้าไปในสายตาที่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งของแดเนียล สายตาคมผสานกัน แม้เจ้าตัวยังคงขยับเรือนร่างพลิ้วไหวไปตามเสียงดนตรีที่กำลังเร่งเร้าขึ้น
“ดูสายตาคุณสิโคตรสวยเลย
แต่ตอนนี้…
ถ้าคุณพูดชื่อผู้ชายคนไหนออกมา
ผมโคตรหวงเลยว่ะ…”
แบคโฮยังไม่ยอมละออกไปไหน สายตาของแดเนียลก็เช่นเดียวกัน เหมือนทั้งคู่กำลังส่งความรู้สึกบางอย่างผ่านแววตาที่ผสานผ่านเสียงเพลง แต่จังหวะนั้นเองแดเนียลถูกรวบเอวจากผู้มาใหม่ที่จู่ๆก็ขึ้นมาบนเวทีกะทันหัน...
องซองอูถูกผลักให้ขึ้นมาร่วมจอย ด้วยแรงเชียร์จากผู้ชมด้านล่าง และแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีทางปฎิเสธได้ กลายเป็นว่าตอนนี้แดเนียลกำลังถูกนัวเนียด้วยเพื่อนสนิทที่ทำเป็นเนียนเต้นไปกับเขา แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไรและยังคงบรรเลงเสียงเพลงต่อไป
.
.
.
องซองอูคงเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่แบคโฮอยากเห็น
ยิ่งภาพเบื้องหน้าในตอนนี้ด้วยแล้ว เขายิ่งไม่อยากทนมองเหมือนกำลังถูกหยาม รอยยิ้มเหยาะของมันเรียกความไม่สบอารมณ์ของเขาได้ไม่น้อย…แต่อีกคนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
คงพอใจมันมากสินะ
คังแดเนียล
.
.
.
“คุณคัง ยืนนิ่งเลยกลับไหวหรือเปล่า?” ยองมินเอ่ยถามเพราะเจ้าตัวนิ่งไปนาน สังเกตเห็นมือหนากำลังกำหมัดเข้าหากันแน่น ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยดี
“ยองมิน นายจะทำยังไงถ้าเกิดวันนึงนายรู้สึกว่ากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้”
“อ่า แล้วคุณคังกำลังควบคุมตัวเองจากอะไรอยู่ล่ะครับ?”
“...”
“นั่นสิ อาจเป็นอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่างที่ไม่อยากให้คนอื่นได้แตะต้อง อะไรสักอย่างที่สามารถครอบครองเอาไว้ได้ อะไรสักอย่างที่ควรเป็นของเราคนเดียว...” ยองมินเลิกคิ้ว เขามองตามสายตาของโฮสต์หนุ่มแล้วพยักหน้าเข้าใจเบาๆ มุมปากยกยิ้มขึ้น
“คุณคัง ดูจะเป็นคนขี้หึงไม่เบาเลยนะครับ” เขาหัวเราะ ทำเอาคนถามเงียบไป...ขี้หึงอย่างนั้นเหรอ?
แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขามีสิทธิ์ทำอะไรได้หรือไงกัน
เสียงเพลงจบลงพร้อมการแสดงของโฮสต์ทั้งสี่คนและมือกลองคนฮอตกำลังเดินลงจากเวที เสียงปรบมือชื่นชมจากเหล่าลูกค้าวีไอพีดังต่อเนื่อง แบคโฮเผลอมองตามเพื่อนร่วมงานอยู่ตลอดเวลา มือนั่นยังไม่ยอมปล่อยเอวของแดเนียลตั้งแต่ลงเวทีมาเลย เสียงหัวเราะและสายตาที่กำลังหยอกล้อกัน ทำแบคโฮโคตรไม่สบอารมณ์ ใบหน้าของเขามีสีเลือดฝาดเพราะแอลกอฮอลเริ่มออกฤทธิขึ้นเรื่อยๆ
แต่แบคโฮรู้ดีว่าตัวเองยังมีสติครบถ้วน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้หรอก
คืนดีกับไอ้เหี้ยนั่นได้ แต่ทีกับเขาทำเมินหน้าอย่างนั้นเหรอคังแดเนียล?
เขาสบทในใจอย่างหงุดหงิด สายตายังคงจับจ้องอยู่อย่างนั้นแม้คนถูกมองจะไม่รู้สึกตัวเลยก็ตาม
หลังจากองซองอูและโฮสต์คนอื่นๆออกไปจากห้องพักพนักงานได้ไม่นาน แดเนียลเพิ่งเก็บของเสร็จและกำลังจะตามทุกคนออกไป มือเรียวยื่นไปจับลูกบิดประตู แต่มันถูกเปิดออกจากคนอีกฝั่งนึงเสียก่อน พลันถูกมือหนาจับไหล่เหวี่ยงจนร่างกระแทกเข้ากับโต๊ะในห้อง
“โอ้ย! สัสเอ้ย!!!” สบทออกมาด้วยความเจ็บแปร๊บที่แล่นเข้ามาแถวบั้นเอว เขาลุกขึ้นยืนยังไม่ทันถึงนาทีคนตัวหนาพอๆกันเคลื่อนกายเข้าทาบทับวาดวงแขนโอบกอดดึงให้มาเผชิญหน้ากับตนทันที
“ออกไปแบคโฮ อย่ามาอาละวาดที่...” พูดไม่ทันจบ เขาถูกแบคโฮกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มทันที แต่แดเนียลไม่ยอม ใช้สองมือกระชากคอเสื้ออีกคนขึ้นมาทันควันและพยายามผลักไสออกไป แต่แบคโฮกลับใช้มือทั้งสองข้างรั้งท้ายทอยของแดเนียลแล้วล็อคคอเอาไว้ให้เข้ามาใกล้มากกว่าเก่า จนไม่เหลือช่องให้หายใจ เบียดร่างจนแนบชิดผนังไม่ยอมให้ขยับไปไหนได้อีก กลีบปากอิ่มถูกขบเม้ม ดูดดึงจนรู้สึกถึงรสฝาด และความเจ็บ
“ฮื้อ...”
แม้แต่เสียงครางในลำคอยังฟังไม่ได้สรรพ ลมหายใจถูกช่วงชิงจากการจู่โจมของเพื่อนร่วมงานทำเอาแดเนียลต้องเผยอปากออกเพื่อรับอากาศ แต่กลับเป็นการเปิดช่องให้แบคโฮใช้ลิ้นเข้ามาสำรวจความหวานหอมภายในโพรงปากอิ่ม เรียวลิ้นถูกกวาดต้อนให้ตอบรับสัมผัสร้อนของอีกฝ่าย จนคนถูกจู่โจมเริ่มเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นโต้กลับอย่างไม่ยอมกัน รสขมปร่าของแอลกอฮอลผสมปนเปไปกับรสขมเฝื่อนของนิโคติน บุหรี่ยี่ห้อดังที่แดเนียลเพิ่งหลบไปสูบในห้องน้ำเมื่อไม่นาน หลอมรวมจนกลายเป็นความหวานเฉพาะของคนทั้งคู่
รสชาติคุ้นชิน...ที่ไม่เคยปฎิเสธกันได้
ความรู้สึกวาบวามเพิ่มพูนแทบไม่อาจต้านทาน ร่างกายเริ่มตอบสนองไปเอง ปลายนิ้วเรียวไล้ลงมาตั้งแต่หลังคอยาวมาจนถึงแผ่นหลังและบั้นเอว ใบหน้าคมของทั้งคู่เริ่มปรับองศาเข้าหากัน แบคโฮค่อยๆปล่อยฝ่ามือของตนออกจากต้นคอของอีกฝ่ายเชื่องช้า แล้วเลื่อนมือไปกุมมือเรียว นิ้วของพวกเขาผสานกันไว้ทั้งสองข้าง จูบรุนแรงก่อนหน้าถูกแปรเปลี่ยนให้ช้าลงเพื่อลิ้มรสความหวานเฉพาะนี้อย่างอ้อยอิ้ง...
เหมือนความคิดทุกอย่างถูกปลดปล่อย มันโล่งไปหมด
แดเนียลไม่ได้อยากปฎิเสธเลยว่ากำลังรู้สึกดีแค่ไหน...แต่ก็ต้องทำ
เขาเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกไปก่อน จนน้ำใสๆไหลเยิ้มลงมา แววตาโอนอ่อนของคนทั้งคู่ปรากฎขึ้นบนใบหน้า แบคโฮใช้ปลายลิ้นไล้เลียคราบน้ำตรงมุมปาก กดจูบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แขนของเขายังตระคองกอดแดเนียลเอาไว้ ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
ความเงียบเข้าปกคลุม
.
.
.
“ปล่อยกู...” จนแดเนียลเอ่ยทำลายความเงียบนั้นขึ้นมาก่อน แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินคำของเพื่อนร่วมงานที่พูดขัด
“กูขอโทษ”
“...”
“แดน” แบคโฮเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว แววตาคล้ายคนกำลังขอร้อง “มึงอย่าเข้าใกล้มันอีกได้มั้ย...”
.
.
.
“แบคโฮ มึงอย่าลืมว่ากูอนุญาติให้มึงเป็นเจ้าของกูได้แค่บนเตียง แค่นั้น” แดเนียลส่งสายเยือกเย็นออกไปทั้งที่กำลังลอบกัดฟันแน่น...
เขาทำไม่ได้ เขาจะไม่แหกกฎอะไรก็ตามที่ตนร่างเอาไว้
ไม่อยากทนเจ็บปางตายเพราะความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว
ลมหายใจเริ่มจุกอยู่ตรงลำคอ แบคโฮพยายามอดกลั้นมันเอาไว้ทั้งความรู้สึกโกรธ อึดอัด...หรือจะเหี้ยอะไรก็ตามแต่เหอะ!
“มึงเป็นอะไรกับมัน?” คิ้วหนากระตุกขึ้น น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ฟังดุดันราวกับทะเลสงบก่อนจะมีพายุเข้า แดเนียลไม่ยอมตอบคำถาม มือที่ผสานกันไว้ก่อนหน้าถูกบีบแน่นจนเขารู้สึกเจ็บ
“...”
“กูถามว่ามึงเป็นอะไรกับมัน?!!” แบคโฮตะคอกใส่ มือหนาสะบัดมืออีกคนออก ก่อนจะเปลี่ยนมากระชากคอเสื้อเพื่อนร่วมงานขึ้นมาแทน
“ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง นอกจากบนเตียงมึงไม่มีสิทธิยุ่งเรื่องอะไรของกูทั้งนั้นเข้าใจไหม?!!”
.
.
.
“แดเนียลมีอะไรหรือเปล่า?” เสียงเรียกทำเอาคนทั้งคู่หยุดชะงัก ซองอูยืนอยู่หน้าประตู เขาเข้ามาตามเพราะเห็นว่าแดเนียลไม่ยอมออกไปเสียที ถึงได้รู้ว่ามีหมาขวางทางเพื่อนสนิทของเขาอยู่
“เปล่า เดี๋ยวตามออกไป”
แบคโฮไม่แม้แต่จะเหลียวไปมองคนมาใหม่ เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อแดเนียลสายตาแข็งกร้าวที่ใช้มองคนตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปจนไม่สามารถเดาได้ แบคโฮใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยดเลือดไหลซิบจากริมฝีปากของตน จากเมื่อครู่ที่ถูกเพื่อนร่วมงานกัดและทิ้งร่องรอยเกล็ดเลือดเอาไว้
“ถ้ามึงต้องการแบบนั้นก็ได้ กูจะไปซะ” เหมือนคำพูดถูกกลืนหายไปในลำคอ แบคโฮเปรยสายตามองไปยังคนตรงหน้าอีกครั้งแล้วประกบจูบแผ่วเบา ไม่มีการลุกล้ำมีเพียงแววตาเว้าวอนที่เผยออกมาเพียงนิด แดเนียลไม่อยากเห็นแววตาของมันที่เป็นแบบนี้เลย...เขาไม่อยากใจอ่อน
แม้จะยังยืนอยู่หน้าประตูที่ไกลจากคนทั้งคู่พอตัว แต่ซองอูก็พอจะเห็นว่าไอ้หมาหวงก้างตัวนั้นกำลังทำอะไร เขาทำท่าจะเดินเข้ามา พอดีกับที่แบคโฮผละจูบจากคนตรงหน้าแล้วหันหลังเดินสวนออกมาพอดี ซองอูเลยถูกแบคโฮเดินชนไหล่เข้าอย่างจัง แต่เขาก็ไม่สนใจจะขอโทษ ซองอูก็ไม่สนเช่นกัน
ไม่อยากมีเรื่อง เขาไม่อยากทำให้แดเนียลหนักใจอีกแล้ว
“เข้ามาทำไม?กลับกัน...” ซองอูหยุดยืนขวางหน้าแดเนียลไม่ยอมขยับไปไหน จ้องมองริมฝีปากอิ่มแดงที่บวมเจ่อแถมยังยังมีร่องรอยเลือดนั่นอีก...
ไอ้ห่านั่น!!!
“ปากนายเลือดออก”
“ช่างเหอะ ก็ไม่ต่างกันหรอก...” แดเนียลหลุบตาต่ำลงแล้วเฉมองไปทางอื่น ซองอูเห็นท่าทีแบบนั้นแล้วใจเสียยังไงชอบกล แดเนียลไม่ได้ชอบมันหรอก...ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้มั่นใจสักนิด เขาจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มอย่างงั้นเหรอ?
“พวกนายสองคนเป็นอะไรกันแน่?”
“ไม่มีอะไร กลับกันได้แล้ว” แดเนียลทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไปแต่ถูกรั้งไว้ก่อน
“แดเนียล ขอเหอะเลิกคบกับคนอย่างงั้นซะทีไม่ว่าจะสถานะอะไร ฉันไม่อยากเจอนายแล้วเห็นแต่ร่องรอยอะไรแบบนี้หรอกนะ”
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นคุณเจ็บปวด ผมก็เหมือนจะขาดใจตาย
“มันก็แค่เพื่อนงี่เง่าคนนึงไม่มีอะไรหรอกน่ะ” แดเนียลเดินเลี่ยงออกไปในทันที ขืนอยู่นานกว่านี้คงได้ตอบคำถามมันทั้งวันแน่ แต่ซองอูยังยืนอยู่อย่างนั้นเขารู้สึกไม่สบอารมณ์เลยสักนิด ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นมาจนถึงไอ้ห่านี่ แดเนียลกำลังกลายเป็นคนเดิม...
ขอร้อง อย่าเป็นอย่างนั้นเลย จากที่ยังยืนคิดอะไรอยู่ที่เดิม มือของซองอูก็ถูกคว้าเอาไว้โดยคนที่เพิ่งเดินออกไปก่อนได้ไม่นาน แดเนียลมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้
“กลับสักทีเหอะ หิวข้าวจะตายห่าล่ะ คืนนี้มาทำอะไรให้กินด้วย”
“...” ซองอูเดินไปตามแรงดึง เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กระชับฝ่ามือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้น ปรากฎรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
ยังไงซะตอนนี้แดเนียลก็ยังอยู่กับเขา เรื่องอื่นเอาไว้คิดทีหลังก็แล้วกัน
เกือบหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ณ ร้านกาแฟ
“พี่จะมานอนขวางอยู่ในร้านแบบนี้ทุกวันไม่ได้นะ ไม่มีคิวงานรึไง?” ซอนโฮกำลังถูโต๊ะอยู่ข้างๆพี่ชายในสายเลือดของตนที่นั่งถือแก้วกาแฟค้างไว้ไม่ยอมดื่มมาตั้งแต่ปิดร้านแล้ว
ไม่ได้อยากจะว่านะแต่สภาพนี่แทบไม่ต่างจากหมาไม่มีเจ้าของเลยครับ หน้าก็โทรม ขอบตาก็ดำเหมือนไม่ได้นอนมาชาตินึงได้
แต่ก็คงใช่นั่นแหละ ตอนกลางคืนหายไปเมาที่ผับ กลับมาเช้าน้ำท่าไม่อาบนั่งแกะกะอยู่ในร้านงานไม่ช่วย ยังมานั่งทำหน้าอมทุกข์ไล่ลูกค้าอีก ซอนโฮไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะเนี่ย=_=
“พี่ไม่รับงานเอง มีอะไรมั้ย?” พูดจากวนไม่พอยังวางขาพาดกับเก้าอี้อีกฝั่ง ขวางไม่ให้เขาเข้าไปเก็บโต๊ะอีก
“พี่นี่แม่ง ยังไม่ดีกับพี่แดเนียลใช่มั้ย?ถึงได้ทำตัวเป็นหมา เอ้ย เป็นบ้าอย่างงี้”
“กวนตีนล่ะซอนโฮพี่แค่อยากพักบ้าง ก็แค่นั้น” ซอนโฮไม่สนใจฟังเขาเดินเลี่ยงออกไปอีกฝั่งแล้วหยิบไม้กวาดที่วางไว้มาตีขาพี่ชายให้ขยับออกไปเพื่อจะได้กวาดพื้นแทน
“ผมจะบอกอะไรให้ ถ้าไม่รีบไปง้อแล้วจะมานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะ”
“มันไม่ต้องการหรอก”
“รู้ได้ไง พี่อยู่ในสมองเขาเหรอ?”
“นายไม่เข้าใจ...”
ไม่ใช่หรอก จริงๆแล้วเป็นพี่เองนั่นแหละที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
หลายวันที่ผ่านมาพยายามจะทำตัวเหมือนเดิม คว้าทั้งผู้หญิงและผู้ชายในผับมาที่คอนโด แต่มันก็เหมือนเดิม...
ให้ตายสิ จะทำยังไงให้หายจากอาการบ้าๆนี่ได้ ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้เลย ในสมองของเขามีแต่ใบหน้าของมัน กลิ่นของมัน สัมผัสของมัน แต่ไม่สามารถแตะต้องอะไรพวกนั้นได้...ถ้ามันไม่อนุญาติ
.
.
.
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น ลูกค้างั้นเหรอ?ไม่ใช่สิ ซอนโฮจำได้ว่าเขาพลิกป้ายปิดร้านหน้าประตูไปแล้วนะ แต่คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้น ใบหน้าหวาน ตัวเล็กๆกับรอยยิ้มสดใสซอนโฮจำได้ทันที
“คุณหายไปเลยนะแบคโฮ” เจ้าของชื่อหันมองไปตามเสียงเรียกก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที
“คุณจูฮังนยอน”
“เห็นว่าคุณไม่รับงานเป็นอาทิตย์ ผมนึกว่าคุณป่วยหรือเป็นอะไรเสียอีก” คนตัวเล็กพูดพลางมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้า
“...”
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”
แดเนียลนั่งเอนหลังพิงโซฟาในห้อง หัวทุยเงยขึ้น…สมองของเขาเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆในระหว่างวัน แต่กลับมีเรื่องนึงที่เขาไม่สามรถหยุดนึกถึงมันได้ แม้พยายามจะคิดเรื่องอื่นกลบทับไปก็เถอะ มันย้อนกลับมาทุกทีเวลาที่เขาอยู่คนเดียว
บางคนที่หายไป
หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าเพื่อนร่วมงาน ไม่โผล่แม้แต่เสี้ยวหน้ามาให้เห็นตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น แบคโฮหายไปจากวงโคจรในชีวิตของเขา…ปกติก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะไม่ค่อยได้เจอกันเวลาไม่มีคิวงานหรือวันว่างของเราทั้งคู่ เพราะทุกคนก็ต่างมีสิ่งที่ตัวเองต้องทำเป็นเรื่องปกติ
ไม่รู้สิ…เป็นเขาที่รู้สึกแปลกไปเอง
มันไม่เคยห่างหายจากเขาไปได้นานขนาดนี้ถึงจะมีเรื่องทะเลาะกันก็เถอะ
ก็แค่รู้สึกว่า…ครั้งนี้มันนานเกินไป
หัวใจพลันกระตุกวาบ มันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกแปลกๆทุกทีที่ได้กลิ่นกาแฟพวกนั้น...
ทำไมเขาถึงได้เป็นแบบนี้นะ ทั้งที่ทุกอย่างก็อาจจะดีขึ้น ถ้าเราทั้งคู่ไม่ได้พบเจอกันอีก เรื่องราวจะได้ดำเนินไปตามทางของมัน และเขาไม่ควรเดินออกนอกเส้นทาง แม้จะรู้สึกว่ามันวนเวียนไปมาและเขาไม่รู้จะต้องทำยังไง…
บางครั้งคนเราอาจจะยืนอยู่ ในสิ่งที่เราไม่เคยเข้าใจ
มันยากที่เราจะพยายามทำความเข้าใจไปได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องความรู้สึก
.
.
.
แสงไฟนีออนสีส้มอ่อนในโซนห้องนั่งเล่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง แต่ความเหนื่อยล้าก็มีมากพอที่ทำให้เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆคล้อยต่ำลง เขาหลับไปทั้งที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างนั้น
มันจะต้องดีขึ้นในสักวัน
ข้างนอกมืดลงไปนานแล้ว แดเนียลยังคงหลับสนิท ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่เป็นระยะ ไม่นานก็มีเสียงเลื่อนเปิดประตูค่อยๆดังขึ้น สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องเชื่องช้า เดินเข้ามาใกล้คนที่ยังหลับสนิทอยู่ในนิทราและพยายามทำเสียงให้เบาที่สุด เขาหยุดยืนอยู่เหนือใบหน้าของแดเนียลที่เงยขึ้นพิงขอบโซฟา จ้องมองคนตรงหน้าอยู่อย่างนั้น...เพียงแค่มองก็ยิ่งรู้สึกแทบคลั่งเป็นเท่าตัว
งดงาม เหมือนดอกกุหลาบสีแดงเข้มเบ่งบานอยู่บนก้าน…ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม
ใบหน้าคมที่เขามักชื่นชมอยู่บ่อยๆ ทั้งริมฝีปากอิ่มแดงที่เขาชอบลิ้มรส ทั้งแพขนตายาวบนเปลือกตาที่ปิดสนิท…ยิ่งมองมันเท่าไหร่ก็เหมือนกับสายตาของเขากำลังถูกความเจ็บปวดกัดกร่อนไปไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถล่ะสายตาออกไปจากคนๆนี้ได้เลย
แม้จะถูกหนามจากดอกไม้นั่นทิ่มแทง…ผมก็อยากครอบครองคุณอยู่ดี
มือหนาลูบลงข้างแก้ม ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากอิ่มแดงนั่นแผ่วเบา อยากสัมผัสเหมือนทุกครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิดแปลกในใจ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์อะไร…ที่เขารับปากเอาไว้
“แดน”
อยากจะโอบกอดคุณไว้ถึงแม้ว่าร่างกายผมจะเต็มไปด้วยเลือดก็ตาม
“กูอยากจูบมึง”
บอกสิว่าคุณกลายเป็นสิ่งเสพติดไปแล้ว
“กูคิดถึงมึง”
สัมผัสแผ่วเบาถูกประทับลงบนหน้าผากมนของคนที่ยังหลับสนิท เลื่อนริมฝีปากลงไปยังปลายจมูกและข้างแก้มเชื่องช้า ก่อนจะหยุดลงบนริมฝีปากอิ่มสัมผัสกลิ่นหอมคุ้นเคยลอยแตะจมูก ทาบทับไว้อยู่อย่างนั้นไม่มีการรุกล้ำใดๆ เขาไม่อยากปลุกให้อีกคนตื่น กลัวจะโดนไล่ตะเพิดออกไปอีก...
คุณจะอยู่ได้แม้ไม่มีผมอยู่ด้วยก็ตาม แต่ผมน่ะรู้สึกถึงคุณอยู่ตลอด
“หายโกรธกูได้แล้วแดน” แบคโฮกระซิบเสียงแผ่วกับคนตรงหน้าที่ยังหลับ ดวงตาสีอ่อนยังจ้องมองเพื่อนร่วมงานไม่วาง “มึงก็รู้ว่ากูไม่ใช่คนที่ชอบง้อใคร แบบใช้คำพูดดีๆหรือการกระทำนิ่มนวลอะไรทำนองนั้นกูทำไม่เป็น...”
“แล้วที่ผ่านมากูไม่ได้ต้องการอาละวาด ไม่ได้ต้องการให้มึงโกรธ กูแค่...
.
.
ปล่อยมึงไปไม่ได้เท่านั้นเอง” มือหนาเกลี่ยปรอยผมสีอ่อนของแดเนียลอย่างเบามือ รู้สึกถึงลมหายใจขาดห้วงและน้ำเสียงที่เริ่มติดขัดของตน เกลียดตัวเองเหมือนกันที่กลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจได้มากขนาดนี้ ในหัวมีแต่ทิฐิทั้งนั้น ทำให้เขากล้าทำได้เพียงแค่มาพูดให้ลมให้อากาศฟัง...
แบคโฮไม่เคยรู้สึกว่าตัวเล็กลงเรื่อยๆเมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆนี้มาก่อนเลย เขาจะเป็นบ้าอยู่แล้ว รู้ไหมว่าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะผ่านพ้นวันบ้าบอนั่นไป เขาไม่สามารถข่มตานอนได้ กินอะไรไม่ได้เลย เมื่อนึกถึงคำที่มันพูดยิ่งทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม...
มันเหนื่อยล้าแค่ไหน แดเนียลจะรู้บ้างไหม?เคยสนใจเขาบ้างหรือเปล่านะ กลายเป็นว่าทุกวันนี้เขาอยากรู้เรื่องราวทุกๆอย่างของมันไปหมด อยากรู้ว่าคิดยังไง รู้สึกแบบไหน...เมื่อไม่มีเขาเข้ามายุ่งย่ามในชีวิต คงดีกับมันแล้วสินะ
.
.
.
“รู้ไหมถ้ากูเป็นมึง กูจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหายไปไหน...”
อยากบอกว่าให้คุณจูบผม แต่ผมทำไม่ได้
อยากตะโกนออกไปให้คุณเอาตัวของคุณมาให้ผมซะ แต่ผมทำไม่ได้
“ถ้ากูเป็นมึง กูจะทำลายกำแพงของตัวเองทิ้งซะ”
อยากลองล้ำเส้นสักครั้ง
ผมต้องการคุณนะ...
“แต่กูเป็นมึงไม่ได้ แล้วมึงก็คงเป็นของกูไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม?...”
มือหนาคลุมผ้าห่มผืนใหญ่ให้เพื่อนร่วมงาน แดเนียลขยับตัวเล็กน้อยทำเอาแบคโฮชะงัก แต่ยังดีที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเสียก่อน เขาหยิบของกินที่ซื้อติดมือมาด้วยวางไว้บนโต๊ะ ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแดเนียลอีกครั้ง แต่ก็หยุดฝีเท้าเอาไว้...
“ฝันดี” น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนคนพูดกับตัวเอง แววตาอ่อนลงเขากำมือแน่นแต่ก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องถูกปิดลง เปลือกตาหนักอึ้งที่พยายามปิดสนิทไว้เป็นเวลานาน ค่อยๆกระพริบถี่ขึ้นมาปรับกับแสงไฟนีออน คนที่ความจริงแล้วไม่ได้หลับเลยตั้งแต่เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาในห้อง เขายกแขนข้างนึงขึ้นอังหน้าผากของตนเอาไว้...ทุกคำพูดยังก้องอยู่ในหู
“อืม ฝันดี”
ทูบีคอนตินิวววววววววววววววววววววววว
-TALK-
ช่วงนี้เด็กดียังไม่ปลดแบนตอนที่ห้าให้เราเลยค่ะ แง
สำหรับใครที่เพิ่งมาอ่านใหม่ ตามไปอ่านตอนที่ห้าได้ที่ลิ้งค์นี้เลย
หรือถ้ายังหาไม่เจอ หาลิ้งค์ได้ที่แท็ก #ฟิคแหกกฎ ในทวิตเตอร์
หรือแอคไรท์แอคนี้ @2kshipper_ ลิ้งค์ในใบโอทวิตนะคะ
ขอบพระคุณมากค่าาา
ความคิดเห็น