คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter : 2
Chapter : 2
Fandom : Produce 101
Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]
Note : เรื่องนี้จะต้องถึงหูพี่จ๋า /ชุ้นจะต้องโดนฆ่าแน้แท้
⚠ : มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อคุณสัมผัสผม
ร่างกายมันก็ตอบสนองไปเอง
คุณจะอยู่ได้แม้ไม่มีผมอยู่ด้วยก็ตาม
แต่ผมน่ะ…รู้สึกถึงคุณอยู่ตลอด
แสงยามเช้าลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
เรือนร่างเปลือยเปล่าคุดคู้อยู่ในผ้าห่ม
กล้ามเนื้อหัวไหล่ที่กว้างมากกว่าส่วนอื่นเต็มไปด้วยรอยช้ำแดง
ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีขยับร่างกายเล็กน้อย เปลือกตาปรือขึ้นกระพริบถี่เพื่อปรับกับแสงสว่างในห้องนอน
มือเรียวควานหาบางคนที่อาจจะยังอยู่บนเตียงกับเขา…
ว่างเปล่า
พลันเสียงกระเบื้องกระทบกันดังมาจากในโซนครัว…แดเนียลกำลังคิดว่ามันแปลก ปกติถ้าแบคโฮมาค้างที่นี่ก็ไม่เคยเห็นมันตื่นมาทำอาหารเช้าเลยสักครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอแดเนียล”
“...ซองอู เข้ามาได้ยังไง?”
เจ้าของชื่อโผล่เสี้ยวหน้าออกมาจากหลังประตูห้องนอน ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นแดเนียลลุกขึ้นนั่ง ท่อนบนเปลือยเปล่าโผล่พ้นผ้าห่ม
“ก็เห็นประตูไม่ได้ล็อคเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบเลยถือวิสาสะเข้ามา เอาอาหารเช้ามาให้น่ะ” ซองอูว่าพลางเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆ สายตายังมองสำรวจบนหัวไหล่ของแดเนียลอยู่ไม่วาง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปกปิดมัน
“เป็นแฟนกับคนในลิฟท์เมื่อวานนี้เหรอ?”
“นั่นเพื่อน”
“แล้วรอยนี่…”
“นายไม่เข้าใจหรอก” แดเนียลหลบหน้าไปทางอื่น อย่าว่าแต่ซองอูจะไม่เข้าใจเลย ทุกวันนี้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“อ่า…ขอโทษทีไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วง ฉันแค่เป็นห่วงนาย” มือใหญ่ลูบเบาๆบนหัวไหล่กว้างของเพื่อนสนิท สายตาห่วงใยแบบนั้นแดเนียลเห็นจนชินตาและไม่ว่าเมื่อไหร่ซองอูก็ไม่เคยถามมากเกินกว่าที่เขาอยากให้รู้
“เจ็บหรือเปล่าเนี่ย ฉันว่ามัน…”
“ซองอู”
“หืม?”
“ขอจูบนายได้ไหม?”
ความเงียบเข้าปกคลุม มือที่สัมผัสอยู่บนหัวไหล่หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น ซองอูมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะหลุดขำ น่าจะเรียกว่าขำกลบเกลื่อนมากกว่า เพราะมันดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
“พูดอะไรเนี่ย ไหวหรือเปล่าหรือไข้ขึ้น?” แดเนียลคว้าข้อมือซองอูที่ยกมาอังหน้าผากเขาเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าพูดบ้าๆอะไรแบบนั้นออกไป รู้แค่ว่าเขาอยากพิสูจน์บางอย่าง เรื่องที่มันกำลังค้างคาอยู่ในใจ
แดเนียลเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกันแผ่วเบา สายตาประสาน แต่จังหวะนั้นซองอูกลับเป็นฝ่ายเอียงใบหน้าเข้ามา ประกบริมฝีปากลงทาบทับทันที เป็นแดเนียลที่ชะงัก ถูกอีกฝ่ายรั้งตัวเข้าไปใกล้…ริมฝีปากอิ่มแดงถูกดูดคลึง ปลายลิ้นหนากำลังรุกล้ำเข้ามาภายใน เริ่มเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน
จูบไม่รู้รส
สัมผัสที่ไม่รู้สึก
ไม่เหมือน…ไม่เลย
แดเนียลไม่รู้เลยว่ากำลังทำอะไรกันแน่ เพราะเขาไม่รู้สึกถึงคนตรงหน้าเลย แต่กลับรู้สึกถึงรสชาติของกาแฟปนความขมของนิโคติน...
รสชาติของเมื่อคืน
รสชาติริมฝีปากของอีกคน
“เดี๋ยว…” ดันอกซองอูให้ออกห่างจากตัว แดเนียลหยุดหอบหายใจ ซองอูชะงักก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย
“เอ่อ ขอโทษ…”
“หิวแล้วอ่ะซองอู” แดเนียลพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “กินข้าวกัน”
ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนแดเนียลจะไม่รู้อาการของแบคโฮที่อยู่ๆก็แปลกไป…หงุดหงิดจนผิดปกติ
แบคโฮเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งตอนที่เขาหายไปกับคนอื่น
เขาไม่ได้เย็นชาจนไม่รู้สึกอะไรได้หรอกนะ ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ด้วยว่า
แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้
พอเดาออกอยู่ในใจแต่ก็พยายามปฎิเสธว่ามันไม่ใช่อยู่ตลอด เขาเป็นคนร่างสัญญาความสัมพันธ์ระหว่างแบคโฮขึ้นมาเอง และเขาจะไม่มีทางแหกกฎของมัน ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ขอกลับไปรู้สึกเหมือนครั้งอดีตอีก…หัวใจของคังแดเนียล พังลงไปนานแล้ว
“นายชอบเขาเหรอ?”
“...”
“คนที่ชื่อแบคโฮ”
แดเนียลกลืนคำข้าวลงคอแล้วเงยหน้ามองเพื่อนสนิท
คำถามนี้เคยโดนเพื่อนในโอสต์คลับถามอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบกลับไปได้ทันที แต่พักหลังๆมานี่มันรู้สึกอึดอัดทุกทีที่มีใครถาม
ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ให้ตอบว่าไม่ได้ชอบก็คงใช่ แต่ถ้าให้บอกว่าไม่ได้คิดอะไรเลยก็คงไม่ถูก...
“ทำไมอยู่ๆถึงถาม?”
“เอาจริงๆไหม? ฉันขอถามในฐานะที่เราก็สนิทกันมานานอย่าโกรธนะ”
“...”
“จะมีใครสักกี่คนที่ยอมนอนกับคนๆนึงทั้งที่ไม่ได้ชอบกัน” แดเนียลนิ่งไปสักพักก่อนจะหลุดขำ ไม่คิดว่ามันจะกล้าถามตรงๆขนาดนี้ แถมซองอูยังทำหน้าตั้งใจฟังคำตอบมากเกินหน้าเกินตาไปอีก
“ให้ฉันนอนกับนายก็ได้นะ” ตั้งใจจะตอบกวนกลับไป แต่สีหน้าอีกฝ่ายดูจะตกใจไม่น้อย
“อย่าท้านะ เอ้ะ!เดี๋ยว หรือว่านายขาย…”
ผลักไหล่คนนั่งทานข้าวอยู่ข้างๆไปเบาๆ “อยากโดนตีนเหรอ?ถึงเป็นโฮสต์ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเว้ย” หัวเราะออกมาเพราะสีหน้ากวนของซองอู คงเพราะพูดเล่นกันแบบนี้บ่อยทั้งคู่เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“แต่จะยังไงก็เหอะ นายจะทำอะไรฉันก็ไม่ว่าหรอกแต่ถ้ามีปัญหาหรือเครียดอะไรก็บอกได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“ก็โอเคดีไม่ได้…อึก!…” คำพูดถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะอยู่ๆแดเนียลก็สะอึก ซองอูหันขวับมามองทันที
“ไม่ได้เครียด…อึก!...” ยังสะอึกไม่หยุดจนต้องวางช้อนและหยุดพูดเดินไปหยิบน้ำอุ่นข้างตู้เย็นมากระดก น้ำพร่องไปกว่าครึ่งก็ยังไม่หาย แดเนียลได้แต่ถอนหายใจหงุดหงิด
“รู้ไหมคนที่พูดโกหกไม่เก่งมันจะชอบสะอึกเพราะร้อนตัวน่ะ” ซองอูยิ้มขำ
“อึก! อย่ากวนตีนได้…อึก! โคตรมั่ว อึก!” สะอึกจนเริ่มเหนื่อย ซองอูก็ยังนั่งหัวเราะเขาอยู่อย่างนั้น
“ไม่ช่วยแล้วยังจะขำอีกนะ” แดเนียลขึ้นไปนั่งสะอึกต่อบนขอบอ่างล้างจานใกล้ๆ ในมือยังถือขวดน้ำเอาไว้ดื่มเข้าไปอีกหลายอึก ซองอูกลืนคำหัวเราะลงคอแล้วลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหา วางมือทั้งสองข้างลงบนต้นขาของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้า เลิกกางเกงขาสั้นของอีกคนขึ้นจนเผยให้เห็นให้เรียวขาแล้วเงยมอง
“อึก!...”
“จะช่วยทำให้หายสะอึกก็ได้นะแต่ว่า…นั่งเฉยๆ โอเคไหม?” ซองอูลงนั่งชันเข่าลงกับพื้น จับข้อเท้าแดเนียลเอาไว้
แล้วค่อยๆแตะปลายลิ้นลงบนเรียวขาขาว คนถูกกระทำชะงักงัน แต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะแรงสะอึก
เพื่อนสนิทยังใช้ลิ้นเลียไล้ขึ้นมา ค่อยๆดูดคลึงเนื้อนิ่มเชื่องช้า
ไม่รู้ว่าเพราะวิธีการแปลกๆของซองอูหรือว่าอะไรกันแน่ แดเนียลหายสะอึกเป็นปริดทิ้ง พลันมีความรู้สึกอื่นขึ้นมาแทน มือที่ถือขวดน้ำเอาไว้กำมันแน่น…ปลายลิ้นของคนข้างใต้กำลังสัมผัสขึ้นมาถึงต้นขา…พยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงน่าอายที่มันกำลังจะเล็ดลอดออกมา
ซองอูใช้สายตาช้อนมองเพื่อนสนิทที่กำลังลอบขบกัดริมฝีปากตัวเอง จะให้พูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้ ถ้าเขาอยากทำมันมากกว่านี้จะผิดไหม…แดเนียลคงไม่เคยรู้ตัวว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ซองอูยังไม่มีคนรักอยู่จนทุกวันนี้
“ซองอู พอ…” ยังไม่ทันสิ้นเสียง พลันริมฝีปากอิ่มแดงถูกทาบทับ ซองอูรั้งคอเพื่อนสนิทไม่ให้ขยับเขยื้อน แทรกตัวเข้าไปแนบชิดหว่างขา มือหนาลูบไล้เข้าใต้เสื้อยืดตัวบาง…เสียงดูดกลืนดังสะท้อน แดเนียลทำท่าจะต่อต้าน แต่ร่างกายกลับสวนทางความคิดพลันดึงคอเสื้อเพื่อนสนิทเข้ามาประชิด ส่งลิ้นร้อนเข้าสู้ มือที่กำลังปัดป่ายไปมาทำเอาข้าวของบนอ่างล้างจานหล่นลงพื้น อารมณ์กำลังครุกรุ่นอยู่ในอก ทั้งคู่แทบไม่ได้หยุดพักหายใจ…
.
.
.
เวลานี้คงไม่มีใครได้ยินเสียงลูกบิดขยับ ประตูห้องค่อยๆถูกเปิดออก คนที่หายไปหลายชั่วโมงเพื่อแวะไปที่ทำงานประจำและเอาของที่คอนโดตัวเอง ตอนนี้เดินกระทืบเท้าตรงเข้ามาที่โซนครัว ถุงกับข้าวที่ตั้งใจซื้อมาฝากเพื่อนร่วมงานถูกเหวี่ยงทิ้งลงพื้น สองร่างที่ยังโรมรันกันอยู่นั้นไม่ได้เอะใจอะไร แบคโฮยืนกำมือแน่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ปกคอเสื้อซองอูถูกกระชากขึ้นทันทีก่อนจะโดนเหวี่ยงจนหลังกระแทกกับผนังอีกฝั่งจนแทบจุก
แดเนียลหยุดหอบหายใจก่อนจะเงยมองเพื่อนร่วมงาน แบคโฮกำลังจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ทว่าแววตานั้นอยู่ๆก็ดูเศร้าลง ถ้าเขาดูไม่ผิดมันเหมือนคนกำลังจะร้องไห้...มันไม่ใช่เรื่องที่แดเนียลจะต้องรู้สึกผิดเลยเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด นี่ก็ห้องของเขา คนตรงหน้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่แปลกที่สายตาของแบคโฮกำลังทำให้เขารู้สึกแย่
เมื่อไหร่มันจะเลิกทำให้เขารู้สึกแบบนี้สักที
“ทำบ้าอะไรอยู่?!”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง!” กระแทกเสียงกลับไป พลันแดเนียลถูกฉุดลงจากอ่างจนไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าอีกคน แบคโฮกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมาก่อนจะบดเบียดริมฝีปากของตนลงทาบทับ ไม่สนใจแม้จะมีอีกคนที่ยังยืนอยู่ในห้องด้วยก็ตาม เริ่มกัดคลึงริมฝีปากอิ่มแดงจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือด
เจ็บ...
มันเจ็บมากกว่าทุกครั้งที่แดเนียลเคยโดน แต่เขาคงไม่รู้ว่าในใจของแบคโฮกำลังรู้สึกเจ็บมากกว่าเป็นหลายเท่าตัว ความรู้สึก ความคิดหลายอย่างปนเปกันไปหมด สิ่งที่พยายามกดมันไว้เหมือนเริ่มเผยออกมาในใจทีล่ะนิด…ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แบคโฮไม่รู้หรอกว่าตนกำลังโกรธเหมือนคนเสียสติเพราะอะไร
ทั้งที่นี่มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลย ได้แต่คิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า พักหลังมานี่สมองของเขาคอยแต่จะตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังต้องการอะไรกันแน่ แบคโฮถูกสองมือผลักอกอย่างแรงจนเซถลาไปข้างหลัง เขาเหมือนคนกำลังคลั่งจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ ทำท่าจะตรงเข้าหาแดเนียลอีกครั้งแต่ถูกซองอูผลักออกไป ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมาเผชิญหน้ากัน
“พอทีเหอะ เป็นห่าอะไรของคุณ”
“อย่าเสือก” แบคโฮตะคอกกลับไป ถูกหมัดหนักสวนมากระแทกใบหน้าเข้าอย่างจังทำเอาเซไปข้างหลัง เขาหันมองซองอูด้วยหางตาใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดบนริมฝีปากออก ก่อนที่ทั้งสองจะตรงเข้าปะทะกันจนข้าวของหล่นลงพื้น กระจกตู้แตกกระจัดกระจายไปหมด
แดเนียลกำลังหงุดหงิดแบบที่ไม่เคยเป็นและไม่คิดจะตะโกนห้าม เขาตรงเข้าไปดึงแบคโฮให้แยกออกจากซองอู ด้วยแรงที่มีพอๆกันทำให้แบคโฮถูกลากไปตามแรงดึงได้ไม่ยาก เหวี่ยงหมัดหนักใส่ข้างแก้มของเพื่อนร่วมงานไม่ยั้งมือ ใบหน้าสะบัดไปตามแรงต่อย...แล้วคนบ้าก็หยุดคลั่งลงได้
“ออกไป”
“...”
“ออกไปจากห้องกูให้หมด ทั้งสองคน!!!”
แบคโฮหันไปมองหน้าแดเนียลแววตาที่ส่งมานั้นเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันไม่เคยโกรธขนาดนี้เลยสักครั้ง ในพริบตาทุกอย่างในหัวของเขาก็พลันขาวโพนไปหมด…
มันว่างเปล่า
ประตูห้องถูกผลักกระทบวงกบจนเกิดเสียงดัง แบคโฮเดินออกไปจากห้องทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีก ซองอูอยากจะเดินเข้าไปคุยกับแดเนียลให้รู้เรื่องแต่สีหน้าของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ใครยุ่งกับตนในเวลานี้ เลยคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกไป
ในห้องเงียบลงฉับพลันเมื่อเหลือแดเนียลเพียงคนเดียว เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สองมือกำหมัดเข้าหากัดแน่นจนมันชาไปหมด…เขารู้สึกแย่ ทั้งหงุดหงิดและโกรธ
แต่กับอะไรกันล่ะ
หมัดหนักเหวี่ยงเข้าใส่ผนังเพื่อระบายอารมณ์ของตน ก่อนจะกุมหัวตัวเองแล้วขยี้มัน สะบัดไล่ความคิดที่กำลังผสมตีกันไปหมด แบคโฮกำลังกดดันให้เขารู้สึกในสิ่งที่เขาพยายามหนี ยัดเหยียดความรู้สึกที่เขาไม่ต้องการพบเจอมันอีก
พอที เขาจะไม่มีทางแหกกฎความสัมพันธ์กับมันแน่….ไม่มีทาง
ร้านกาแฟ
“หน้าพี่ไปโดนอะไรมา?”
ขณะที่วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ บาริสต้าหนุ่มหล่อในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเอ่ยถามพี่ชายในสายเลือดของตน แบคโฮขยับหน้าหนีไปทางอื่นและยังไม่ยอมตอบอะไร...ปากแตก แก้มบวมช้ำขนาดนั้นมีเรื่องมาอีกแล้วสินะ หันมองไปรอบๆร้านยังไม่มีลูกค้าเข้ามา คนน้องเลยนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วยิงคำถามใส่อีกรอบ
“พี่ทะเลาะกับแฟนมาเหรอ?”
“แฟนที่ไหน?”
“ก็พี่แดเนียลไง”
“มันไม่ใช่แฟนพี่! ถ้าว่างก็เอาเวลาไปกวาดร้านไปซอนโฮ” เถียงกลับทันควันสีหน้าซ่อนความหงุดหงิดไว้ไม่มิด
น้องชายผู้รู้ลึกเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์ไม่ยีระต่อคำไล่นั้น แต่เขากำลังเป็นห่วงพี่ชายของตัวเองมากกว่า
ซอนโฮเป็นน้องชายแท้ๆของแบคโฮ
ทั้งคู่มีกันอยู่แค่สองคนเพราะพ่อและแม่เสียไปแล้วทั้งคู่ ตอนนั้นแบคโฮในวัยเพียงยี่สิบสองปีต้องหาเงินส่งน้องชายเรียนอยู่เพียงลำพัง
แรกๆก็เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่พอถูกพี่จีซองชักชวนให้มาเป็นโฮสต์เมื่อสองปีก่อนชีวิตเขาก็ดีขึ้นมากจนส่งน้องชายเรียนมหาลัยและเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ขึ้นมาได้
ที่นี่เป็นที่ทำงานประจำของเขาและเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว เพราะเขาชอบมาคลุกตัวอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่ไม่มีคิวลูกค้า ซอนโฮก็จะแวะมาช่วยทุกทีเวลาไม่มีเรียน จนกลายเป็นบาริสต้าหนุ่มหล่อที่เด็กสาววัยรุ่นแถวนั้นชอบมาขอถ่ายรูปอยู่เป็นประจำ
“พี่ไปหึงเขาแล้วโดนต่อยมาก็พูดเหอะ”
“ซอนโฮ! พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับมัน” ซอนโฮถอนหายใจทิ้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายของเขาเป็นแบบนี้ ยิ่งพักหลังชอบทำหน้าเหมือนโดนใครเหยียบหางเดินเข้ามาในร้านจนลูกค้าแทบวิ่งหนีกันหมด ก็คงจะมีคนเดียวนั่นแหละมั้งที่ทำให้พี่แบคโฮเป็นได้ถึงขนาดนั้น
ซอนโฮพอจะรู้จักกับแดเนียลอยู่ในระดับนึง เพราะเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายและพี่เขามักจะมาหาหรือช่วยงานที่ร้านอยู่บางครั้ง เวลาที่พี่แบคโฮกับพี่แดเนียลอยู่ด้วยกัน พี่ชายของเขาดูจะมีความสุขมากกว่าปกติ ทำไมเขาจะดูไม่ออกเขาสังเกตมาโดยตลอดนั่นแหละ แม้พี่ชายจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยและทำตัวปกติเป็นเหมือนเพื่อนกันธรรมดาเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็เถอะ
พี่แบคโฮเป็นพวกประเภทไม่รู้ใจตัวเองแต่มักจะแสดงออกอย่างชัดเจน ส่วนพี่แดเนียลน่ะดูลึกลับและเข้าใจยากกว่าที่เห็น บางทีซอนโฮก็อยากจะถามทั้งคู่ออกไปตรงๆเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่พอเห็นพี่ชายกำลังจะกลายเป็นคนบ้าแบบนี้เข้าไปทุกวันมันก็ไม่ไหวนะ
“พี่นี่แม่งซื่อบื้อชะมัดเลยรู้ตัวไหม?”
“นี่ด่า?”
“เปล้า! นี่ประโยคเป็นห่วงชัดๆ” ซอนโฮหลุดขำ ต่างจากพี่ชายที่ยังนั่งทำหน้าหงุดหงิดเหมือนอาหารเป็นพิษไม่เลิก
“นี่พี่ผมถามตามตรงนะ แล้วตอบด้วย เค้!” แบคโฮถอนหายใจแล้วพยักหน้าส่งๆไปอย่างนั้น
“พี่ชอบพี่แดเนียลใช่ไหม?” แบคโฮนิ่งไปในทันที ยังไม่ทันที่ซอนโฮจะกดดันถามพี่ชายต่อ
เสียงกระดิ่งเตือนคนเข้าร้านดังขึ้นหน้าประตู ซอนโฮลุกไปประจำตำแหน่งทันที
ทิ้งให้แบคโฮขบคิดกับคำถามอยู่อย่างนั้น…
.
.
.
“มัคคิอาโต้คาราเมลใส่วิปครีมเยอะๆนะครับ” ลูกค้าหน้าหวานส่งยิ้มให้ ซอนโฮพยักหน้าแล้วยิ้มตามทันที…
เป็นผู้ชายที่ยิ้มสวยจังเลยแฮะ
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ?” เสียงหวานปลุกแบคโฮจากภวังค์ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานคุ้นตา สายตาหยุดชะงัก…
“คุณจูฮังนยอน” คนตัวเล็กกว่ายิ้มให้ พลันความรู้สึกเมื่อวันก่อนผุดขึ้นมาในใจ รอยยิ้มที่เขาชอบตั้งแต่แรกเจอ…ฮังนยอนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วเอามือเท้าคางไว้ก่อนจะเอียงคอมอง
“ไม่คิดว่าจะได้เจอแบคโฮแถวนี้ โชคดีจัง”
“ถึงไม่ได้เจอวันนี้ พรุ่งนี้คุณก็ได้เจอผมอยู่ดีนี่ครับลูกค้าคนพิเศษ” ฮังนยอนหัวเราะ พอดีกับกาแฟที่สั่งวางลงตรงหน้า ซอนโฮเห็นพี่ชายมีแขกเลยเดินไปยืนหลังเคาท์เตอร์โดยไม่ได้พูดอะไร ถึงมือจะทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยแต่ก็ยังลอบมองคนทั้งคู่เป็นระยะ
“คงไม่เบื่อนะที่ผมอยากเห็นหน้าคุณบ่อยๆ” แบคโฮลอบยิ้ม จะให้เบื่อได้ยังไงในเมื่อเขาได้เงิน
“ไม่เลยครับ แต่คุณจะเสียเงินไปบ่อยๆผมกลัวคุณมากกว่าที่จะเบื่อ”
“งั้นคุณก็ให้ผมเป็นมากกว่าลูกค้าสิ จะได้เจอคุณทุกวันนอกเหนือเวลางาน…” แบคโฮหัวเราะ ประโยคแบบนี้คือเขากำลังถูกจีบใช่ไหม…ก็เกือบจะได้ผล ถ้าหากไม่ติดตรงที่ความรู้สึกก่อนหน้านี้ยังค้างอยู่ในใจ
“ผมก็หวังว่าคุณจะได้เป็นมากกว่านั้น…อ้อ พรุ่งนี้ทางคลับของเราจัดอีเว้นท์ตรงกับคิวของคุณพอดีผมรับรองได้เลยว่าคุณจะสนุกจนลืมไม่ลงเลยล่ะครับ” ฮังนยอนหยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่มท่าทางดูสนอกสนใจไม่น้อย “น่าสนุกแฮะ แต่ความจริงแค่ได้อยู่กับแบคโฮผมก็สนุกมากแล้วนะ”
แบคโฮเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว คนทั้งคู่ยังคุยกันไปเรื่อยๆ ซอนโฮลอบสังเกตว่าพี่ชายของเขาดูอาการดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ที่เดินหน้าบูดเข้ามาในร้านเสียอีก ปกติพี่แบคโฮไม่ใช่มนุษย์ที่หายบ้าได้ง่ายๆเพียงเพราะได้คุยกับคนอื่นสองสามประโยคหรอกนะ…
ดูท่าจูฮังนยอนคนนี้จะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ
ทูบีคอนตินิววววววววววววววว
-TALK-
ซอนโฮนี่เป็นบาริสต้าหรือเป็นฝ่ายเผือกค่ะ ฮ่าๆๆๆ
กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพระนายทะเลาะกันเฉยเบย….สั้นไปหน่อยแต่ว่า
#อ่านจบอย่าตบไรท์นะคะ ถถถถถถถถถถถถถถถถ
(เหมือนเดิมค่ะรู้สึกยังไงยากให้เพิ่มอะไรเม้นไว้ได้เลย
หรือเล่นแท็ก #ฟิคแหกกฎ ก็ด้ายยยย)
ความคิดเห็น