ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ PRODUCE 101 ] #ฟิคแหกกฎ 2

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter : 14

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 64


     

    Chapter : 14

    Fandom : Produce 101

    Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]

    Note : ห่างหายไปนานมากกกกก ใกล้จะจบแล้วหรือเปล่า...

    ⚠ : มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ

     


     
     


     

     

    ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง

    จะคอยโอบกอดคุณไว้จากด้านหลัง

    เพื่อคุณที่กำลังอ่อนแอ 

    ผมจะเป็นผู้ชายของคุณที่ทำทุกๆอย่างเพื่อคุณ...

    แล้วทำไมถึงยังลังเลอยู่อีกล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

    “ไปเหอะนะ ไปนั่งเป็นเพื่อนกูหน่อยก็ได้”

    “มึงเป็นคนติดเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”แดเนียลพูดทั้งที่ยังไม่หันหน้าไปมองคนที่ยืนกอดคอเขาอยู่ข้างหลังโซฟา แบคโฮยังคงพยายามพูดกรอกหูให้เพื่อนร่วมงานยอมไปกินข้าวข้างล่างกับเขาให้ได้อยู่แบบนั้นมาหลายนาทีแล้ว แต่แดเนียลมันใจแข็งกว่าที่คิด

    “ตั้งแต่มีมึงเนี่ยแหละ”

    “กูไม่หิว”

    “ไม่งั้นกูก็จะวอแวมึงอยู่ตรงนี้ล่ะนะ” ว่าพลางซุกใบหน้าลงกับลาดไหล่กว้างของอีกคน จนแดเนียลถอนหายใจยาวเหยียด

    “คิดว่าน่ารักมากรึไง”

    “ไม่หรอก ไม่งั้นมึงคงรักกูไปแล้ว”

    “…”

    แดเนียลไม่ตอบอะไรกลับไป ทิ้งบรรยายโดยรอบให้เงียบกริบลงฉับพลัน แบคโฮไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงแค่ต้องการทำให้แดเนียลรู้สึกดีกับเขาขึ้นบ้างก็เท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกดีขึ้นมาเลยก็ตามเถอะ ตอนนี้มันอาจจะยอมคุยกับเขาดีๆแล้ว แต่ความรู้สึกข้างในเหมือนกับว่ายังมีกำแพงบางอย่างปิดกั้นเราทั้งคู่เอาไว้ กำแพงที่แบคโฮไม่เคยได้ก้าวข้ามไป...

     

    ไวกว่าความคิดมือหนาค่อยๆประครองใบหน้าของแดเนียลให้เงยขึ้นมาหา เจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรกับการกระทำนั้น ใบหน้าคมสันจึงเอียงเข้าไปหาและก้มจูบลงบนริมฝีปากอิ่มแดงที่เผยอขึ้นราวกับรอรับสัมผัสนั้นอยู่แล้ว ลิ้นหนาแทรกผ่านเข้ามาเกี่ยวกระหวัดอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย แบคโฮกวาดต้อนความหวานอย่างโหยหา ฝ่ามือหนาลูบแผ่วบางอยู่ข้างแก้มเนียน จุมพิตแผ่วเบาทำให้เนียลหลับตาลงได้ง่ายดายส่งลิ้นแลกผ่านความชื้นแฉะนั้นอย่างไม่คิดขัดขืน

    จูบในครั้งนี้มันอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆจนทำให้แดเนียลสัมผัสได้ถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปในตัวของแบคโฮ มันกลายเป็นคนที่นิ่มนวลขึ้นมากขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ แต่ที่น่าแปลกใจคงจะเป็นความรู้สึกของแดเนียลมากกว่า ทุกวันนี้เขาก็กลายเป็นคนที่อ่อนไหวได้ง่ายๆกับสิ่งที่มันทำให้ไปแล้วเหมือนกัน

     

    ทั้งคู่ยังคงลิ้มรสความหอมหวานและนิ่มนวลผ่านจุมพิตกันอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที เป็นแดเนียลที่ผละจูบนั้นออกมาก่อน แบคโฮก็ไม่ได้ยับยั้งอะไร เพียงแต่จ้องมองแววตาของเพื่อนร่วมงานอยู่ไม่วางทั้งที่แดเนียลไม่ยอมสบตากับไปเลย ถึงแม้ท่าทางที่แดเนียลแสดงออกมาหลังจากนั้นจะไม่ใช่สายตาเหมือนกับรังเกียจกันก็ตามเถอะนะ


     

    ราวกับว่าคนตรงหน้ากำลังจะใจอ่อนงั้นเหรอ หรือเขาแค่รู้สึกไปเอง

     

    “แดน”

    “เดี๋ยวกูลงไปกินข้าวเป็นเพื่อนก็ได้ ขอหยิบเสื้อโค้ทก่อน” พูดจบแดเนียลก็ลุกออกจากโซฟาตรงไปที่ห้องนอนทันทีโดยที่แบคโฮยังไม่ทันพูดอะไรด้วยต่อซ้ำ เขายักไหล่อย่างยีระและเดินไปยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้อง แต่ผ่านไปนานหลายนาทีเพื่อนร่วมงานก็ยังไม่เดินออกมาจากห้องนอน แบคโฮเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา เจอแดเนียลกำลังก้มๆเงยๆอยู่ข้างเตียงเหมือนกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง จังหวะที่แดเนียลหันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักและกำลังจะลุกขึ้นยืนหัวทุยก็โขกเข้ากับชั้นลอยบนหัวเตียงเข้าอย่างจัง ทำให้แบคโฮหลุดขำออกมาเสียงดัง

     

    เออ

    แบคโฮยอมรับก็ได้ว่าทุกวันนี้ไม่ว่าแดเนียลจะทำอะไรก็ตาม มันดูน่ารักในสายตาเขาไปเสียหมด นี่สินะที่เขาเรียกว่าอาการของคนกำลังมีความรัก รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนบ้าเลย แต่เถียงไม่ได้เลยว่าในทุกๆวันนี้กลายเป็นว่าเขาชอบทุกอย่างที่เป็นคังแดเนียลไปเสียหมด

     

    “ตลกอะไรนักหนา”

    “ลองมายืนดูสิ แล้วจะรู้ว่ามึงน่าขำแค่ไหน” แบคโฮว่าพลางยังหัวเราะไม่เลิก แดเนียลยืนถอนหายใจทิ้ง ไม่อยากจะใส่ใจนัก เพราะตอนนี้เขาก็หงุดหงิดมากพออยู่แล้ว

    “แล้วหาอะไรอยู่วะ?”

    “คอนแทคเลนส์”

    “มึงใส่อยู่กับลูกตาตลอดเวลานี่ทำยังไงให้มันหล่นหายได้”

    “กูจะไปรู้หรือไงล่ะ” เถียงกลับมาทันควัน

    “มึงนั่งก่อน เดี๋ยวจะเดินไปชนข้าวของอะไรของโรงแรมเขาเสียหายมากกว่านี้ ว่าแต่ไม่มีสำรองเอาไว้เลยหรือไง?” ไม่ว่าเปล่าเดินไปกดไหล่แดเนียลให้นั่งลงกับเตียง

    “ไม่อ่ะ กูลืมเอามา”

    “มึงนี่นะ งั้นเดี๋ยวกูช่วยหาให้เอง”

     

    สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมนั่งรอแต่โดยดี เพราะถ้าจะให้หาเองคงใช้เวลาทั้งคืนแน่แบคโฮก็รู้ดีว่าแดเนียลมีปัญหาด้านสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ปกติมันเป็นคนมีระเบียบจัดเตรียมอะไรที่ต้องใช้ไว้ล่วงหน้าอย่างดีแน่นอนว่าเขาต้องพึ่งพามันอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้กับลืมพกของสำคัญที่ต้องติดตัวเอาไว้มาด้วยเสียเอง ช่วงนี้แดเนียลมันคงเครียดและคิดมากหลายต่อหลายเรื่องเลยสินะ ยิ่งคิดแบบนั้นแบคโฮก็ยิ่งรู้สึกใจเสียไปด้วย 

    ได้แต่คิดว่าอยากให้มันเปิดรับเขาให้เข้าไปอยู่ในปัญหาอะไรก็ตามที่กำลังแบกรับเอาไว้หรือแค่ขอความช่วยเหลือจากเขาสักหน่อยก็ยังดี แต่แดเนียลมันก็ยังเป็นแดเนียลอยู่วันยังค่ำ เพราะว่าเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานก็เลยได้แต่อยู่เงียบๆเสมอ ถ้าแดเนียลลองหันหลังมองกลับมามองบ้างก็จะเจอเขาอยู่กับมันตรงนี้ขอให้รู้ไว้แค่นั้น แม้สถานะของเราทั้งคู่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่แบคโฮก็ทำเพื่อแดเนียลได้มากสุดเท่านี้แหละนะ


     

    ผ่านไปหลายนาทีแล้วแบคโฮก็ยังไม่เจออะไรจนเขาเริ่มจะถอดใจ แดเนียลก็ไม่คิดว่ามันจะหาเจอแล้วล่ะ “ไม่ต้องหาแล้ว ช่างมันเหอะ”

    “แล้วมึงมองเห็นทางงั้นเหรอ?” แบคโฮเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองแดเนียล ทำสีหน้าที่ราวกับว่าไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่นัก

    “อืม ไปกันเถอะมึงหิวข้าวไม่ใช่หรือไง”

    “แน่ใจนะ?”

    “เออ” แต่พอลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้นแดเนียลก็เตะขาเตียงเข้าเต็มๆ เขาพยายามกลั้นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บไม่ให้มันดังออกมา ต่างจากแบคโฮที่กำลังหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง

    “นี่ยังไม่ถึงสามวิเลยนะ”

    “กูบอกว่าไหวก็ไหวไง” แดเนียลส่งเสียงถอนหายใจฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์นัก แถมยังไม่ยอมหันกลับไปมองหน้าแบคโฮเพราะรู้ว่ามันจะต้องล้อเขาอีกยาวแน่ๆ และทำท่าจะเดินออกไปอีกครั้ง แต่จังหวะนั้นก็ถูกฝ่ามือหนาคว้ามือของเขาข้างหนึ่งเอาไว้ สองมือสอดนิ้วประสานกันแน่นขึ้นไปเองโดยอัตโนมัติ

    “เดี๋ยวกูนำทางเอง”

    “ลำบากไปไหมวะ?”

     

    “ไม่หรอก เพราะกูชอบ” แบคโฮหันมายิ้มให้แดเนียลอย่างพออกพอใจอีกครั้งก่อนจะกระชับมือที่กุมกันเอาไว้แน่นแล้วพาเดินออกไปจนได้


     

     

     


     

    "บอสนี่ทำให้ผมหงุดหงิดชิบหาย"

    "คุณว่าอะไร..." เสียงของบอสขาดห้วงลงไปทันทีเมื่อโดนดึงขาให้เข้าไปหาตัวอีกคนอย่างฉับพลัน กลายเป็นว่าเจ้าตัวอยู่ในท่านอนหงายและถูกมือกลองตัวแสบนี่โถมตัวนั่งแทรกอยู่กลางหว่างขา พื้นที่หลังรถคับแคบพอสมควรแต่กลับไม่เป็นอุปสรรคต่อองซองอูแต่อย่างใด แถมทุกอย่างยังดูเชื่องช้าไปหมดเมื่อเทียบกับความหงุดหงิดใจของเขา สองมือกำลังเลื่อนไปปลดกระดุมเพื่อจะรูดซิบกางเกงมินฮยอนก็เงยหัวขึ้นมาทำท่าจะปัดมือของคนข้างบนออก แต่คิดเหรอว่าคนหัวแข็งจะยอมอะไรง่ายๆ

    "อย่า..." น้ำเสียงหวานพูดเสียงแผ่วเมื่อมือหนาข้างนึงกำลังลูบไล้ขึ้นมาบนเนินอกได้รูป มืออีกข้างบีบเค้นส่วนอ่อนไหวผ่านเนื้อผ้ากางเกงสแลค

     


     

    CUT ในรีดอะไรท์หรือในลิ้งค์ใบโอทวิต @2kshipper_ 

    หรือในแท็ก #ฟิคแหกกฎ


     


     

    “บอสไหวหรือเปล่า?”

    “อืม แค่เหนื่อยนิดหน่อย”

    “เมื่อกี้นี้บอสได้พูดว่า...ผมชอบคุณได้งั้นเหรอ? ใช่หรือเปล่า” คนถูกถามกลับนิ่งไปไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที ทั้งยังนอนซบหน้านิ่งไม่ยอมขยับอยู่บนตัวของเขาอยู่อย่างนั้น

    “หลับแล้วหรือไงครับ?”

    สักพักก็ถูกสองแขนของคนด้านบนสวมกอดตอบกลับไปเป็นคำตอบ ใบหน้าบนลาดไหล่กระชับแนบแน่นราวกับโหยหาอะไรบางอย่าง

    “ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องชอบคุณในเมื่อคุณไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน”

    “บอสว่าอะไรนะครับ”

    “เพราะผมไม่ใช่คังแดเนียล ไม่ใช่คนที่คุณชอบ”

    “…”

    บรรยากาศในรถที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงแอร์เท่านั้นที่ทำให้มันยังไม่ดูน่าอึดอัดจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเสียงที่เริ่มดังขึ้นแข่งก็คือเสียงหัวใจเต้นหนักของมินฮยอน เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังโอบกอดแนบชิดกายกันในตอนนี้จะได้ยินมันไหมและไม่รู้ด้วยว่าควรจะพูดมันออกไปดีหรือเปล่า แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีปากมันก็พูดออกไปเองเสียแล้ว


     

    “จำได้ไหมวันนั้น ผมเห็นคุณเหนื่อยคุณแบกอะไรเอาไว้หลายเรื่อง ผมสงสารคุณนะ อยู่ๆในใจมันก็รู้สึกเจ็บเองแล้วในหัวก็ได้แต่คิดว่าทำแบบไหนถึงจะช่วยคุณได้...วันนั้นผมถึงได้มีอะไรกับคุณ”

    .

    .

    “มันเป็นครั้งแรกของผม”


     

    อยากจะรู้ต้องทำแบบไหนเพื่อทำให้น้ำตาเธอหายไป เพราะทุกครั้งที่เธอปวดใจยิ่งมองยิ่งช้ำฉันยิ่งเจ็บเอง


     

    “ผมอาจจะชอบคุณจริงๆ แต่คงไม่ขอคาดหวังอะไร”


     

    ความทุกข์ทั้งหมดให้ฉันเก็บเอง ทุกเรื่องราวปวดใจฉันจะรับมันเอง


     

    ซองอูกระชับอ้อมกอดเมื่อคนตรงหน้าเริ่มตัวสั่นเทิ้มซุกใบหน้าของตนเข้าหาลาดไหล่ของเขามากขึ้น นั่นเป็นเพราะอากาศในรถหนาวเกินไปหรือเป็นเพราะอะไร เขาไม่อยากจะคิดเลย หลายสิ่งหลายอย่างในตัวบอสที่เขาเพิ่งได้รู้ว่ามันผิดจากที่คาดเอาไว้มากโข ซองอูเคยคิดว่าบอสจะต้องมีอะไรแอบแฝง บอสที่มีนิสัยกวนประสาท และบอสที่น่าจะช่ำชองเรื่องอย่างว่า

    แต่ไม่เลย มันไม่ใช่แบบนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลยสักอย่าง และเรื่องนี้ก็ด้วย ที่เห็นยอมเล่นเกมเซ็กส์กับเขาก็คงเพราะบอสแค่อยากลอง เขาคิดแค่นั้นเอง

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?” 

    “ในสายตาคุณผมคงไม่ได้สำคัญอะไร แต่นั่นก็ดีแล้ว ถึงผมจะมองคุณตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรก แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรนักหรอก”

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

    มินฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับอีกครั้ง เขาหายใจหนักแน่นขึ้น ความรู้สึกสั่นคลอนภายในจิตใจทำให้รู้สึกอ่อนแอ เขารู้ตัวดีว่ากำลังพยายามหลอกตัวเอง ที่เห็นแกล้งทำเป็นกวนโมโหหรือบางทีก็มองข้ามทำเป็นไม่สนใจว่าไอ้มือกลองคนนั้นจะมองว่าเขาเป็นคนยังไง หรือว่ากำลังรู้สึกดีๆกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา แต่มินฮยอนก็ทำเมินเฉยได้แค่เพียงไม่นานเท่านั้น ความเป็นจริงแล้วในทุกๆวันที่ได้ใกล้ชิดกันไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่ไหน 

    ตั้งแต่วันแรก มินฮยอนเฝ้ามองซองอูอยู่เสมอเลย 

    จากที่รู้สึกถูกชะตาก็ค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นความรู้สึกชอบพอ แต่มันก็แค่นั้นเอง ถึงมินฮยอนจะรู้ตัวมานานแล้วแต่ก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำได้มากกว่าการแอบมองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งที่ช่วงหลังๆมาได้มีโอกาสเข้าหามากขึ้นถึงมันจะเป็นเพราะเรื่องของแดเนียลก็เถอะนะ จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจยอมเสี่ยงเล่นเกมนี้ โดยที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกตัวเองเลย เพียงแค่คิดว่าอยากทำอะไรให้องซองอูรู้สึกดีจากทุกเรื่องราวปวดใจพวกนั้นที่เขากำลังเผชิญ


     

    “แล้ววันนี้ที่ยอมมีอะไรกับผมอีกครั้ง เพราะอะไร?”

    “คงเป็นเพราะคุณ...แค่คิดว่าผมอาจจะทำอะไรได้บ้างเพื่อบรรเทาเรื่องปั่นทอนในใจของคุณ แต่ผมคงทำได้แค่เล่นเกมนี้เท่านั้นแหละนะ”

    “นี่บอสชอบผมจริงๆงั้นเหรอ?”

    “ไม่รู้สิ ผมแค่เป็นห่วงคุณล่ะมั้ง” น้ำเสียงติดจะนิ่งเรียบ แต่ความรู้สึกสั่นไหวกำลังแทรกผ่านเข้ามาจับหัวใจ จนรู้สึกได้ถึงอาการหายใจที่เริ่มติดขัด

    “แล้วคุณล่ะองซองอู”  มินฮยอนกลั้นใจถามออกไป แต่แค่คำถามเดียวเท่านั้น ก็ทำให้ได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราทำให้สิ่งที่ต้องการเป็นจริงกับทุกเรื่องไม่ได้หรอก โดยเฉพาะกับเรื่องความรู้สึกมันไม่มีอะไรง่าย

    .

    .

    “ผมขอโทษ...”


     

    ไม่ได้คิดมาแทนที่เขาในวันที่เขาทำเธอเสียใจ 


     

    “แต่อย่าเหนื่อยเพื่อผมเลย”


     

    ต่อให้ย้อนเวลากลับไปให้ทำยังไงเธอก็เลือกเขา


     

    “อืม เข้าใจแล้ว”


     

    สุดท้ายมินฮยอนก็ไม่ใช่คนดีมากพอที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย

    .

    .

    “ง่วงชะมัดเลย”

    “หนาวใช่ไหมครับ?”

    “อือ นิดหน่อย”

    ซองอูเป็นฝ่ายผละอ้อมกอดนั้นออกมาก่อน เอื้อมมือไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่กองอยู่เบาะข้างๆขึ้นมาสวมใส่ให้คนบนตัก ค่อยๆบรรจงใส่กระดุมทีละเม็ดอย่างเบามือก่อนจะหยิบแจ็คเก็ตหนังของตนที่พาดอยู่เบาะคนขับสวมทับให้อีกชั้นหนึ่ง

    “เดี๋ยวเราหาโรงแรมแถวนี้พักกันคืนนี้ก่อนเถอะนะ ถ้ากลับไปเจอพวกโฮสต์คลับในสภาพนี้คงไม่ดีแน่ใช่ไหมล่ะครับ”

    “คุณกลัวแดเนียลจะเข้าใจผิดสินะ ผมเข้าใจ”

    “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”

    “งั้นเหรอ?”

    “ผมเป็นห่วงบอสมากกว่า” ซองอูว่าพลางเลื่อนมือไปสัมผัสกลางลำตัวของมินฮยอน ทำเอาคนถูกกระทำสะดุ้งเฮือกคว้าลำคอเขาเอาไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้างและซุกใบหน้าลงไปหาลาดไหล่ของเขาอีกครั้งไม่ทันตั้งตัว จากที่เพียงแค่สัมผัสเบาๆในตอนแรกซองอูก็ค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางเพื่อคว้านเอาน้ำกามที่ยังคลั่งค้างให้ไหลออกมา เรียกเสียงร้องอื้ออึงเบาๆของคนตัวขาวได้ไม่ยาก

    “ของผมมันยังค้างในตัวบอสอยู่เลยนะเห็นไหมล่ะ”

    “ผมเจ็บนะคุณ จะทำอะไรก็บอกกั...อื้อ...”

    ซองอูเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกทำให้คนตัวขาวหยุดขึ้นเสียงด่าเขาอยู่ข้างหูลงไปได้ มินฮยอนพยายามกัดฟันและกำหมัดทุบเข้าที่แผ่นหลังของซองอูแทนที่จะส่งเสียงด่าเขาอีก เพราะทำไปก็คงไม่ได้ผลกับไอ้บ้านี่อยู่ดีนั่นแหละ

    บ้าชะมัด ไม่รู้ว่าที่ทำทุกอย่างลงไปน่ะจริงๆแล้วมันคุ้มกันหรือเปล่านะ ทำไมเขาต้องชอบคนแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆตอนนี้มันเจ็บชะมัดยาดเลย เจ็บทั้งท่อนล่างรวมไปถึงก้อนเนื้อที่อยู่บนอกนี่ด้วย 

    ทั้งที่เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆมันกลับยากกว่าที่คิดเอาไว้อีก มันรู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าที่คิดจริงๆ

     

    “คืนนี้ให้ผมดูแลดีกว่านะ บอสกลับไปในสภาพนี้ไม่ไหวหรอก”

    “อย่าเลย” มินฮยอนทำท่าจะลุกออกไปจากตักของเขาแต่ก็ถูกคว้าเอวเอาไว้แน่นหนาอีกครั้ง สายตาคมจ้องลึกเข้ามากับดวงตากลมที่เผลอมองตอบ มินฮยอนเลื่อนสายตามองรอยยิ้มบนมุมปากของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเกินจะคาดเดาได้ว่าตอนนี้ซองอูกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่...องซองอูเคยคิดเหมือนเขาสักครั้งไหมนะ

     

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกผมจะไม่ทำให้เจ็บอีก”

     

    ไม่ทำให้เจ็บอย่างนั้นเหรอ...มันเจ็บไปตั้งนานแล้วต่างหากล่ะ

     

    “เอากับคุณกี่รอบก็เจ็บทุกรอบนั่นแหละ” แล้วสุดท้ายมินฮยอนก็เบี่ยงหน้าหนีรอยยิ้มหลบสายตาคมกริบนั้นอีกครั้งจนได้ ใครจะไปทนจ้องตอบไหวกัน ถึงเขาจะอวดเก่งกับองซองอูอยู่หลายครั้ง แต่ในครั้งนี้มันกลับรู้สึกว่าในใจเริ่มจะไม่ไหวจริงๆแล้ว

     

    “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

    “แล้วหมายความว่ายังไง?”


     


     


     


     

    ท้องฟ้าในคืนนี้กำลังสว่างสไหวด้วยแสงดาวระยิบระยับที่พร้อมใจกันส่องแสงลงมาบนพื้นดินหลายสิบล้านดวง ทำให้สุสานที่ดูวิเวกวังเวงในยามกลางคืนไม่น่ากลัวจนเกินไปและยังพอที่จะมองเห็นทางเดินได้ บรรยากาศที่เงียบสงบในสุสานคนตายแห่งนี้คงไม่มีใครคิดว่าจะมีใครคนไหนกล้าเข้ามาที่นี่ในยามวิกาลเป็นแน่

    แต่อยู่ๆกลับมีรถแก๊งคันหรูขับมาจอดเทียบที่หน้าสุสาน ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงจากรถมาเพียงลำพังพร้อมกับถือช่อดอกไม้ไว้อาลัยในมือ เขาตรงไปยังหลุมศพหนึ่งอย่างไม่ยีระต่อบรรยากาศรอบตัว แม้จะมีเพียงแสงจากไฟฉายที่เขาพกมาด้วยเท่านั้นเป็นแสงสว่างนำทาง ขายาวก้าวเท้ามาหยุดอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของหญิงสาวคนหนึ่ง เขาจ้องมองรูปของเธอผ่านแสงสว่างของท้องฟ้า ก่อนจะวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยตรงหน้าป้ายนั้น

    “ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องคอยนาน ผมมาแล้วนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเบา ท่ามกลางความเงียบกริบมีเพียงเสียงแมลงโดยรอบ แต่เขาไม่สนใจอะไรอย่างอื่นเลยเว้นเสียแต่หลุมศพของหญิงสาวตรงหน้า

    “ตอนนี้พี่จะเป็นยังไงบ้าง พี่ไปอยู่ที่ไหนนะ แล้วจะสบายดีไหมผมคิดถึงทุกวันเลยรู้ไหม?” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดแต่กลับเปล่งออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับไร้ความรู้สึก เขาเงียบไปสักพักเหมือนกับกำลังกลั้นความรู้สึกข้างในและบางสิ่งที่กำลังตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ในอก ไม่นานนักเขาควักบางอย่างออกมาจากในกระเป๋ากางเกงแล้วกำมันไว้ในมือแน่นหนา สีหน้าเรียบเฉยในตอนแรกกลับดูแปลกไปในทันที เขากัดฟันกรอด...

     “พี่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ มันต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับพี่” มือที่กำบางสิ่งไว้เริ่มสั่นเครือ และไม่นานเขาค่อยๆคลายมือออกปรากฏแหวนสีเงินลายผีเสื้ออยู่บนมือนั้น เขาวางมันลงไว้ข้างๆช่อดอกไม้ และยืนสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าหลุมศพนั้นนานเป็นนาที


     

    “คังแดเนียลจะต้องชดใช้ให้พี่อย่างสาสม พี่ฮันนา...”

    .

    .

    “ผมสัญญา”


     


     


     

    ติ๊ง!


     

    เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นในมือถือที่เขาถืออยู่ในมืออีกข้าง เขาล่ะสายตาออกมาจากตรงนั้นก่อนจะเปิดอ่านข้อความในทันที


     


     


     


     

    สระน้ำของโรงแรมในเวลายามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงชายคนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระ ท่ามกลางแสงไฟนีออนสีส้มอ่อน กระทบลงบนผิวน้ำและเรือนร่างของเขา ผู้จัดการยุนจีซองที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำยิ่งดูดีมีเสน่ห์ขึ้นหลายเท่าตัว เขาเป็นคนเดียวที่ยังมีแรงมาแหวกว่ายน้ำเล่นทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงโรงแรมได้เพียงไม่นาน

    ชาวโฮสต์คลับแทบทุกคนยังคงนอนพักเอาแรงอยู่ในห้องเพื่อเตรียมตัวจัดงานกันในวันพรุ่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชายหนุ่มสองคน โฮสต์ระดับสูงตัวท็อปของบริษัทที่กำลังเดินจับมือกันแนบแน่นผ่านลอบบี้ออกมาแล้วตรงไปยังสระน้ำ แน่นอนว่าทั้งคู่กำลังกลายเป็นจุดสนใจของพนักงานและแขกหลายๆคนที่อยู่แถวนั้น ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างราวกับดาราไอดอลแผ่ออร่าความมีสน่ห์ออกมาเสียจนใครที่เห็นก็อดหยุดมองไม่ได้ ที่มากไปกว่านั้นก็คงเป็นสองมือคู่นั้นที่กอบกุมกันอยู่ ราวกับเป็นคู่รักกันยังไงยังงั้น

     

    “แบคโฮปล่อยเหอะ คนมองแปลกๆ”

    “อายเหรอ?” แบคโฮถามเสียงเบาโดยไม่ได้หันไปมองคนที่เขาจูงมือให้เดินตามหลังกันมาติดๆ เพราะกลัวว่าจะหันไปเห็นสีหน้าของมันตอนนี้ มันอาจจะอายจริงๆก็ได้ แต่เขากับรู้สึกดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก

     

    ต่อให้คนทั้งโลกหันมามองเขาก็ไม่สนใจหรอก เพราะคนๆเดียวที่อยู่ในสายตาก็คือคังแดเนียล

     

    “ไม่ใช่แบบนั้น” แดเนียลลอบถอนหายใจ ถึงจะพูดอะไรไปแบคโฮมันก็ไม่ยอมฟังเขาอยู่ดีนั่นแหละ เลยได้แต่เดินตามเพื่อนร่วมงานไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็มองไม่ค่อยเห็นทางด้วยสิ 

    “แล้วจะพากูไปไหน ห้องอาหารอยู่อีกทางหนึ่งนะ”

    “เออน่ะ มึงคงไม่อยากเดินจับมือกับกูทั้งคืนหรอก จริงไหม?”

    แดเนียลไม่ค่อยเข้าใจประโยคนั้นที่มันพูดเท่าไหร่นักหรอก แต่ก็พอจะรู้ว่าเหมือนกับมันกำลังประชดเขาเป็นนัยๆอยู่เลย ถึงจะไม่ค่อยชอบสายตาของคนอื่นที่มองมาที่เขาทั้งสองคน แต่ก็ใช่ว่าแดเนียลจะไม่ชอบไปเสียทั้งหมดนี่

    จะว่าไป นี่มันก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราจับมือกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

    .

    .

    “ผู้จัดการยังไม่หลับไม่นอนอีกเหรอเนี่ย? ขยันจริงนะครับ” แบคโฮเอ่ยถามทีเล่นที หลังจากที่พาแดเนียลเดินมาหยุดอยู่ที่ขอบสระน้ำ ผู้จัดการยุนจีซองที่โดนเรียกก็โผล่หน้าขึ้นมาจากใต้น้ำและเกาะขอบสระเอาไว้ จัดการลูบใบหน้าที่ถูกเกาะพราวไปด้วยน้ำให้มองเห็นผู้มาเยือน ทำเอาคนแถวนั้นหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว

    “ก็อย่างที่เห็น แล้วโฮสต์ระดับสูงทั้งสองคนมาทำอะไรกันอยากจะเล่นน้ำด้วยหรือไง?” จีซองว่าพลางมองสำรวจทั้งสองคนจนสายตาคมไปหยุดอยู่กับสองมือนั้นที่ยังกุมกันเอาไว้ แต่พอเห็นเขามองก็รีบปล่อยมือออกจากกันทันที คุณผู้จัดการหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่ดูดีขึ้นของทั้งสองคนมันต่างจากหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

    “มีอะไรดีๆงั้นเหรอวะแบคโฮ?” เขาถามย้ำไปอีกครั้งเมื่อเห็นทั้งสองคนยังมีท่าทีอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ จนแบคโฮจ้องมาเขม็งแล้วยักคิ้วริ่วตาราวกับรู้กันดี จีซองเลยยอมหยุดถาม

    “ผมจะมายืมแว่นสายตาพี่หน่อย”

    “มึงน่ะเหรอ?”

    “เปล่า คือผมจะให้แดเนียลใส่พอดีมันลืมเอาคอนแทคเลนส์สำรองมาด้วยน่ะ” 

    “จริงๆแล้วไม่เป็นไรก็ได้นะครับผู้จัดการ” แดเนียลทำท่าจะดึงแขนแบคโฮเป็นเชิงบอกให้ออกไปกันได้แล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมขยับ

    “ไม่เป็นไรๆแดเนียล พี่ให้ยืมได้ไม่ต้องรีบคืนด้วย พรุ่งนี้ก็ค่อยไปซื้อคอนแทคแลนส์ใส่ใหม่เอานะ”

    “ความคิดดีมากพี่” แบคโฮสวนกลับอย่างยกยอทันที

    “เออๆ อยู่ในกระเป๋าบนโต๊ะโน่นนะ แดเนียลไปหยิบเอาเลยไม่ต้องเกรงใจ”

    “ขอบคุณนะครับ” แดเนียลโค้งเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ว่า ในระหว่างที่คนสายตาสั้นเดินไปหยิบแว่น ชายหนุ่มทั้งสองคนที่เหลือก็หันมามองหน้าและกระซิบกระซาบกันเสียงเบา

    “ทำยังไงถึงเดินจับมือกันมาได้วะ?”

    “ก็มันมองทางไม่ค่อยเห็น”

    “อ่อเหรอ กูจะเชื่ออย่างนั้นก็ได้”

    “ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่หว่า ถึงผมอยากจะให้มีแค่ไหนก็เถอะนะ” ได้ยินประโยคนั้นของแบคโฮ จีซองก็หลุดขำเบาๆ น่าเหนื่อยใจแทนพวกมันทั้งสองคนจริงๆ

    “แต่มันก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะกูว่า”

    แบคโฮอมยิ้มให้กับคำพูดนั้นของผู้จัดการ ก็อาจจะจริงอย่างที่ว่าหลายอย่างเริ่มดูดีขึ้นมานิดหน่อยตรงที่แดเนียลมันไม่ไล่ตะเพิดเขาไปไหนและยอมคุยกับเขาเหมือนเดิมแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิดว่าความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    ถ้าเกิดว่าแดเนียลยอมเปิดใจให้เขาอะไรๆอาจดีขึ้นกว่านี้ แต่ถ้าไม่ ถ้ามันไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเขาเลยสักนิด แบคโฮกลัวว่าพอถึงวันนั้นหัวใจของเขาจะต้องแตกสลายจนไม่เหลืออะไร เขากลัวมากกลัวไปหมดทุกอย่าง พยายามคิดหาวิธีเพื่อประคองให้เราทั้งคู่ยังคงเดินต่อไปด้วยกันได้ อีกสักนิดก็ยังดี จนกว่าจะถึงวันนั้น...

     

    “พี่จีซอง”

    .

    .

     

    “จบงานนี้ผมจะลาออกจากโฮสต์คลับ”


     


     


     

    ทูบีคอนตินิววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

     

     

     

    ตัดไปเลยล่ะกันเนอะ มาสั้นมากแต่อยากลง5555555

    มาดูกันหน่อยว่าใครยังอ่านอยู่บ้างนะถ้ามีจะมาต่อนะเออ

    อีกไม่กี่ตอนก็ใกล้จะจบล่ะเนอะบอกเลยว่าเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆและปมตั่งต่างจะถูกไขในไม่ช้า

    ปล.รวมเล่มมั้ยไม่รู้แต่จัดหน้าเอาไว้แล้วค่ะเหลือปกกับแฟนอาร์ตยังตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเอาแบบไหน55555เลือกมากเกิน


     


     


     


     


     


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×