คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter : 12 (สอบถามความสนใจรวมเล่มฟิค)
Chapter : 12
Fandom : Produce 101
Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]
Note : 100% อันยาวนานมาพร้อมกับการรวมเล่มอันใหญ่ยิ่ง(อ่านต่อที่TALK)
⚠ : มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ
--------------------------
จะทำให้เธอได้รู้และได้เข้าใจ
ว่าฉันรักเธอเท่าไร
หมดชีวิตที่ฉันให้เธอก็ยังน้อยไป
รถยนต์ส่วนบุคคลสองคันเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบหน้าตึกโฮสต์คลับก่อนเครื่องยนต์จะดับลง เรือนร่างสูงโปร่งก้าวเท้าลงมาจากรถเช่นเดียวกันกับคนขับอีกฝั่ง พร้อมๆกับชายร่างหนาใบหน้าคุ้นเคยก็ก้าวลงมาจากรถอีกคันในเวลาเดียวกัน
เหมือนกับเข็มเวลาถูกหยุดลงตรงวินาทีนั้น
สองสายตาประสานกันอยู่ชั่วครู่ เสียงรอบข้างเงียบเชียบลงฉับพลัน สายตาอ่อนไหวปรากฎขึ้นบนใบหน้าคม และเพราะสายตาของคนคุ้นเคยทำเอาแบคโฮแทบไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้สึกถึงอะไรรอบข้างเลยนอกจากคนที่ยืนตรงหน้าไม่ไกล กำลังจ้องเข้ามาในตาของเขาเช่นกัน...เรื่องราวหลายต่อหลายอย่างปรากฎขึ้นในหัว และไม่นานนักก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวในหัวใจของคนทั้งคู่...แววตาโอนอ่อนในคราวแรกสบตาก็เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างฉับพลันจากคนตัวขาวตรงหน้า
แดเนียลเม้มปาก กดสายตามองต่ำลงก่อนจะหันหน้าหนีแบคโฮไปทางอื่นแล้วเดินออกไปที่รถโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเพื่อนร่วมงานอีก มีซองอูเดินตามไปไม่ห่าง
แม้อยากจะทักทายด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย...ยังทำไม่ได้เลย
เพียงแค่ท่าทีเฉยชาของเพื่อนร่วมงานที่ได้รับกลับมา...เหมือนกับเขาถูกผลักจากชั้นบนตึกสูงสุด ให้ตกลงมาจนสุดพื้นข้างล่าง ความรู้สึกของคนที่โดดตึกตอนร่างกายกระทบลงกับพื้น คงจะเป็นแบบนี้นี่เองสินะ...แบบที่เขากำลังรู้สึก...
ชั่วขณะนั้นแบคโฮหลุดจากภวังค์ความคิดของตน เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทยกมือข้างหนึ่งขึ้นสางมันเบาๆ สะบัดไล่ความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งความคิดต่ออีกฝ่าย ความรู้สึกที่กำลังตีกันในอยู่อก เหลือบมองตามหลังคนที่ไม่ยอมทักทาย หรือแม้แต่สายตาใยดีก็ยังไม่มีให้กันเลยสักนิด โกรธกันมากขนาดนั้นเลยเหรอไงวะแดน
มินฮยอนยืนมองคนทั้งสามมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วสั่งให้ยามเอารถยนต์ส่วนตัวของพวกเขาไปจอดไว้ที่จอดรถและให้เอารถส่วนตัวของตนออกมาด้วยเพราะตั้งใจจะขับไปเองตามที่คิดเอาไว้แต่แรก
[ ... ]
.
.
.
.
.
.
.
.
เหลือรถตู้คันสุดท้ายที่ยังเหลือที่ว่างพอให้โฮสต์ระดับสูงทั้งสองและอีกหนึ่งมือกลองคนฮอตทั้งสามคน ที่พร้อมใจกันมาสายสุดได้มีที่นั่ง ดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปได้ปกติแต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วข้างในใจของแบคโฮกำลังอดกลั้นเพียงใด เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจ ไม่มองไม่รับรู้และพยายามไม่รู้สึกหวั่นใจไปกับสิ่งที่เห็น เมื่อมองไปแล้วเห็นแต่ไอ้ซองอูเดินตามประกบแดเนียลไม่ยอมห่างแบบนั้น
เห็นแล้วมันช่างน่าหงุดหงิดไปเสียหมด ยิ่งไปกว่านั้นคงเป็นเพราะแดเนียลเอง ก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธอะไรเลยสักนิดน่ะสิ แม้เพื่อนสนิทสุดที่รักนั่นจะคอยถือของเก็บกระเป๋าให้ราวกับตัวเองเป็นคุณหนูทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบการถูกช่วยเหลือเหมือนผู้หญิงแบบนั้น แบคโฮก็พอจะรู้นะ ว่าการที่แดเนียลปล่อยให้ไอ้องซองอูทำตามใจคงเพราะต้องการจะใช้มันกันเขาให้อยู่ห่างๆล่ะสิ ถึงอย่างนั้นก็ทำใจยอมรับมันไม่ค่อยได้อยู่ดี ทำไมวะ ทำไมถึงได้ใจร้ายต่อกันนัก ทั้งที่ตอนนี้ก็ยืนห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือแท้ๆ แต่กลับทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้เลย
อยากคุยด้วย อยากมองหน้า
แค่เพียงนาทีก็หงุดหงิดจนแทบขาดใจแล้ว
แบคโฮเก็บกระเป๋าไว้ข้างหลังรถตู้เสร็จเรียบร้อยและกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ แดเนียลและซองอูเดินตามมาเพื่อจะขึ้นต่อจากเขา ถึงอย่างนั้นซองอูก็ยังยืนกันไม่ให้แบคโฮได้ใกล้หรือแม้แต่แอบมองแดเนียลได้...ดูแลกันดีซะเหลือเกินนะ
เมื่อแบคโฮก้าวขึ้นรถและเลือกที่นั่งเสร็จสรรพ ขายาวของแดเนียลก้าวตามขึ้นไป และมือกลองที่กำลังจะขึ้นตามแต่กับต้องหยุดชะงักแล้วยืนอยู่กับที่เสียก่อนเมื่อลุงยามวิ่งหน้าตาหอบมาหาเขา
"คุณ คุณซองอูครับ คุณครับ"
"ครับ?" ทันทีที่ได้ยินซองอูล่ะจากประตูแล้วหันมาคุยกับลุงยามแทน
"บอสเรียกน่ะครับ"
"บอส? บอสน่ะเหรอเขาเรียกผมทำไม?" ซองอูถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก พนักงานทุกคนก็ขึ้นรถไปหมด เตรียมออกเดินทางกันแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงได้อยากจะเจอหน้าเขาขึ้นมา หรือจะมีเรื่องอะไร
"ใช่ครับ บอสเรียกหาคุณซองอูไปที่ลานจอดรถเดี๋ยวนี้เลยครับ" พูดจบลุงยามก็เดินนำออกไป ซองอูช่างใจแล้วหันไปกลับไปหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้หาที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว เหลือบมองไปข้างหลังมีคังแบคโฮนั่งส่งสายตามองแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าถัดไปสองเบาะไม่ยอมล่ะสายตา
ดูไม่รู้เลยนะว่ามองใคร จะออกนอกหน้าเกินไปหน่อยล่ะมั่ง ไอ้หมาหวงก้าง
แต่ถึงจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ซักเท่าไหร่ เขาก็ต้องเลือกไปตามคำสั่งเจ้านายอยู่ดี ซองอูลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปิดประตูรถตู้เสร็จแล้วตัดสินใจเดินตามลุงยามไป ในระหว่างเดินก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกแดเนียลให้รู้ แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีข้อความจากคนที่กำลังจะส่งไปหาทักมาก่อนพอดี...ตายยากจริงๆ
[ ... ]
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อรถตู้ทุกคันสตาร์ทเครื่องเสร็จสรรพก็พากันเคลื่อนออกไปจากที่นั่นทันที แดเนียลปิดมือถือหลังจากส่งข้อความสุดท้ายไปหาเพื่อนสนิทที่เอาแต่ย้ำอยู่นั่นแหละว่าโอเคไหม ให้ไปหาหรือเปล่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ซองอูชอบทำราวกับเขาเป็นแค่เด็กเล็ก ดูแลตัวเองไม่ได้ต้องคอยมาตามเป็นห่วงประคบประงมตัวเขาอยู่ตลอดทุกทีที่มีโอกาส ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือพ่อกันแน่ องซองอูน่ะชอบสปอย์แดเนียลมากเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ แต่บางทีก็ไม่รู้จะปฎิเสธยังไงเหมือนกัน
.
.
.
ใบหน้าเรียวรี ปลายจมูกติดจะดูรั้นเหมือนเด็กเอาแต่ใจแต่บัดนี้กลับแสดงสีหน้านิ่งเรียบ เฉยชากับสิ่งรอบข้างไปเสียหมด ที่จริงก็เพราะไม่อยากจะรู้สึกถึงอะไรเลยนั่นแหละ แดเนียลเหนื่อยหน่ายเต็มทนกับการที่ต้องเก็บเรื่องทุกอย่างมาคิดมาหาคำตอบ อยากจะจบและหาทางออกไปให้พ้นๆเสียที แต่แค่กับเรื่องราวย่ำแย่ในอดีตเขายังทำได้เพียงแค่วิ่งหนีปัญหาทุกอย่าง หนีออกมาให้ได้ไกลที่สุดเท่านั้นเอง คิดว่าอีกไม่นานหรอก เขาจะต้องวิ่งหนีปัญหาพวกนี้อีกครั้ง อย่างกับคนขี้แพ้...แต่ก็นั่นแหละ เพราะเขาหมดหนทางที่จะแก้ไขปัญหาห่าเหวพวกนี้แล้ว
เรื่องเหี้ยๆหลายต่อหลายอย่างพากันต่อแถวถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน มันเกินกว่ากำลังไอ้ขี้ขลาดอย่างเขาจะก้าวผ่านมันไปได้ง่ายๆ ไม่เหลือแม้แต่แรงจะสู้ ยิ่งเป็นเรื่องของมัน...คำว่ารักที่แบคโฮพูดออกมา หรือแม้แต่ความรู้สึกของตัวเองที่กำลังเปลยนไปในทางที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น ตลอดเวลาที่รู้จักกับมัน...แบคโฮกำลังพังกำแพงของเขาที่น่าจะเรียกมันว่า กฎของเรา ทำไมมันพยายามที่จะพังเข้ามาไห้ได้ทั้งที่แดเนียลก็ต่อต้าน ใช้คำว่า รัก คำนั้นㅡคำสั้นๆธรรมดาแต่ทำให้ใจที่แข็งทื่อของเขาสั่นคลอนจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมด ใช้คำนั้นพังกำแพงเข้ามา...ทั้งที่แดเนียลไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนกับอะไรแบบนี้เลย แต่กลับเคยมีความคิดที่จะแหกกฎนั้นขึ้นมาเสียได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอหัวใจของเขาเริ่มอ่อนข้อลง กลับมีเรื่องราวแย่ๆเข้ามาต่อเติมกำแพงของเขาให้มันสูงขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนเหลือเกิน...เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว เพราะการที่ใจอ่อนกับแบคโฮมากเกินไปจนเกือบจะแหกกฎของตัวเองมันเลยเป็นนี้สินะ เขามันโง่เอง หลังจากผ่านพ้นทริปนี้ไป ไม่ว่าจะยังไงเรื่องทุกอย่างมันต้องจบลงซักที ถึงจะต้องหนีอีกสักกี่ครั้งก็ตามเถอะ
.
.
.
แดเนียลเอียงคอมองไปนอกหน้าต่าง วิวตึกรามบ้านช่องข้างทางกำลังเคลื่อนผ่านไปด้วยความเร็วของรถที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้ายังจุดหมายปลายทาง เพลงสากลทำนองฟังสบายๆถูกเปิดคลอขึ้นมาเบาๆ ภายในรถตู้คันใหญ่ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรกัน เช่นเดียวกับคนที่นั่งข้างๆแดเนียลตอนนี้ แพจินยอง โฮสต์รุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าสองสามปี ซึ่งเจ้าตัวก็เอาแต่จ้องหน้าจอ กดโทรศัพท์ไม่วางมือ
ภายนอกอาจจะดูเหมือนแดเนียลไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวหรือแม้แต่เพื่อนโฮสต์ที่นั่งอยู่เบาะข้างกันเลย แต่ที่จริงแล้วเขาก็รู้หมดนั่นแหละ รู้ว่าใครนั่งอยู่ไม่ไกล รู้ได้ถึงสายตาของบางคนกำลังมองมาที่เขาอยู่ตลอดเวลา สายตาของคนที่นั่งถัดไปข้างหลัง คนที่เอาแต่จ้องมองเขามาตั้งแต่เผลอสบตากันก่อนหน้านี้
สายตาโหยหา เว้าวอนแบบนั้น...
เสียงทุ้มคุ้นหูที่เอ่ยบอกรักเขาเมื่อไม่นาน ยังดังซ้ำๆเหมือนเปิดกรอแผ่นอยู่ในห้ว
ในใจมันหวิวไหวยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกเลย แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่มันทำก่อนหน้า...ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่อยากใจอ่อนไปง่ายๆเหมือนทุกทีอีกแล้ว
แบคโฮบีบให้เขาเลือกเอง และแดเนียลได้เลือกแล้ว เขาเลือกที่จะรักษากฎที่เป็นคนตั้งเอาไว้แต่แรกอย่างไม่มีทางที่จะใจอ่อนได้ง่ายๆอีก เวลานี้แดเนียลพยายามทำเป็นไม่สนใจใครทั้งสิ้น เป็นไปได้อยากอยู่เงียบๆคนเดียวที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่ใช่ที่นี่ด้วยซ้ำ
.
.
.
.
.
"พี่แดเนียล...พี่แดเนียลได้ยินผมมั้ย?"
"หือ..." เจ้าของชื่อมองมือของแพจินยองที่วางอยู่บนต้นขาของเขา เจ้าตัวเขย่าเบาๆเพื่อเรียกแดเนียลให้ล่ะจากวิวข้างนอกรถ จนหันมามองตัวเองจนได้
"มีอะไรหรือเปล่าจินยอง?"
"ฟังเพลงไหมครับ?" จินยองพูดพลางยื่นสายหูฟังข้างนึงมาให้เขา "เห็นหน้าพี่ดูเพลียๆเหมือนไม่ได้นอน เลยอยากให้ฟังเพลงแล้วหลับตานอนพักผ่อนดูเผื่อจะหลับ ลองมั้ย?"
ไม่ทันได้ตอบรับอะไรหูฟังข้างนั้นก็อยู่ในมือของอีกฝ่ายซะแล้ว
"เอาน่าลองดู" จินยองยิ้มให้
"ขอบใจนะ" แดเนียลจำต้องเอาหูฟังมาใส่หูอย่างช่วยไม่ได้
แต่จริงๆเขาก็ใช้วิธีนี้บ่อยนะเวลานอนไม่หลับ เหมือนวิธีที่บางคนเคยบอกเขาไว้...ถ้ามันได้ผลแล้วได้หลับลงสักหน่อย ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรเลย ก็คงจะดีเหมือนกันล่ะนะ
내 마음의 색은 빛을 잃었어
สีสันที่หัวใจของผมค่อยๆจางหายไป
너의 두 눈이 덧칠해주지 않아서
เพราะว่าดวงตาของคุณคู่นั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้
사랑이란 건 너무 나쁜 것 같아
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักเป็นอะไรที่โหดร้าย
상처가 아물지도 않는데
บาดแผลไม่ได้รับการเยียวยา
내 맘을 덧나게만 해
มีเพียงหัวใจของผมที่โดนกระทำย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
.
.
.
Just one day - NU'EST
เสียงเพลงในหูฟังดังเรื่อยๆ ทำนองเบาๆเมโลดี้ช้าๆ เสียงร้องของศิลปินที่คุ้นหู ไม่นานก็ทำให้แดเนียลหลับตาลงได้ เขาขยับเขยื้อนร่างกายเล็กน้อยเพื่อปรับให้นั่งได้สบายยิ่งขึ้น หัวทุยเงยพิงเบาะนิ่มอย่างสบายตัว สองแขนผสานกันไว้บนหน้าตักลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ เปลือกตากลมกำลังจะหลับสนิทลงไปในห้วงนิทรา...
จินยองลอบมองการกระทำของคนข้างตัวอยู่ตลอด เขายิ้มน้อยๆพอเห็นเช่นนั้น และเมื่อมั่นใจว่าพี่แดเนียลกำลังจะหลับ เขาเอี้ยวตัวหันไปหาพี่ร่วมงานที่นั่งอยู่เบาะข้างหลังกำลังยิ้มรออยู่แล้ว ก่อนจะพะยักพะเยิดหน้าส่งสายตาที่เข้าใจกันได้อยู่สองคน ซักพักทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วสลับที่นั่งกัน ทำเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แบคโฮนั่งลงข้างแดเนียลเงียบๆ ถือไอโฟนและสายหูฟังที่รับมาจากแพจินยองก่อนจะวางไว้บนหน้าตัก แล้วหยิบสายหูฟังที่เหลืออีกข้างขึ้นมาสวม
내게 조금만
ขอเวลาให้ผมเพียงสักนิด
시간을 줘 내게 하루만
ขอเพียงแค่วันเดียว
너를 기억할 수 있게
ให้ผมสามารถจดจำคุณได้
OH BABY PLEASE DON’T GO
옆에 있어줘 하루만
ได้โปรดอยู่ข้างกายกัน แค่เพียงวันเดียว
MY BEAUTIFUL MY BEAUTIFUL내
곁에 있어줘 딱 오늘만
ได้โปรดอยู่เคียงข้างผม แค่วันนี้ก็พอ
미칠 것 같지만 참고 있을게
จวนเจียนจะเป็นบ้า แต่ผมจะอดทนไว้
네가 돌아올 거니까
เพราะยังไงคุณก็จะกลับมา
네가 돌아올 거니까
เพราะคุณจะกลับมา
.
.
.
Just one day - NU'EST
เสียงเพลงดังขึ้นอยู่ข้างหู พร้อมๆกับสายตาคมที่เลื่อนมองใบหน้าหวานคุ้นเคย ดูเหมือนว่าจะยังหลับสนิทและไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาแอบมานั่งด้วย รูปหน้าคมเข้มเพราะไรหนวดบนคางที่ถูกปล่อยให้ขึ้นเขียวมาหลายวันโดยไม่ได้รับการใส่ใจจากเจ้าของใบหน้าเลย แบคโฮใช้มือข้างหนึ่งลูบมันแผ่วเบาอย่างใช้ความคิด แล้วจิตใต้สำนึกก็พามือของเขาเลื่อนขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของแดเนียลอย่างเบามือ สายตาหยุดมองอยู่ที่คนข้างกายตอนนี้เพียงเท่านั้น...
ไม่ว่าจะกี่เหตุผลอะไรมากมาย ที่ทำให้เราไม่ควรรักกัน แต่ผมเองไม่สนใจ ขอฟังแค่เสียงใจตัวเองเท่านั้น...
แบคโฮค่อยๆใช้นิ้วโป้งลูบแก้มเนียนเชื่องช้าให้เบามือที่สุด แม้ในใจลึกๆก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าแดเนียลอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วโกรธเขาหนักกว่าเก่า แต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้ไม่ได้...ใบหน้าหวานของคนตรงหน้ายังชวนมองและน่าหลงไหลไม่เปลี่ยน
ราวกับดอกกุหลาบสีสด ดูภายนอกสว่างสไหวจนรู้สึกแสบตาแต่กลับดึงดูดให้ชวนมองอย่างไม่อาจล่ะไป
สายตาคมยังไม่เลื่อนออกห่างไปไหน จ้องมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่อย่างนั้น ซักพักมือหนาก็เริ่มทำตามใจอีกครั้ง เขาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปลูบเส้นผมสีอ่อนที่หล่นลงมาปรกอยู่บนเปลือกตาของอีกฝ่ายออก มุมปากเผลอยิ้มออกมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว
ไม่รู้เลยว่าตัวเองตกหลุมรักมันมานานแค่ไหนกันนะ หรือตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นมันอยู่บนเวที หรือจะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความกล้าเข้าไปตีสนิทโดยไม่ได้คิดจะชวนขึ้นเตียงอะไรเลย แค่ตอนนั้นรู้สึกอย่างคุยอยากรู้จักก็เท่านั้น...เกลียดตัวเองชะมัดที่รู้ตัวช้า ความรู้สึกก็ช้า เรื่องทุกอย่างถึงได้ลงเอยแบบนี้
แบคโฮไม่โทษแดเนียลเลยที่เจ้าตัวจะปิดใจปิดกั้นตัวเองมาตลอด
แต่มันคงจะเหนื่อยมามากจริงๆ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้อดีตที่ทำให้มันไม่กล้าจะก้าวออกมาเริ่มต้นใหม่หรือจะอะไรก็ตามเหอะ
เวลานี้เขารู้แต่เพียงว่าใจของเขาต้องการอะไร รู้แล้วว่าต้องการใคร และจะทุ่มเทความรู้สึกดีๆทั้งหมดที่มีนี้ให้กับใคร เขาจะไม่ยอมให้มันหนีไปไหนอีกแล้วแน่ๆ ไม่อีกแล้ว...
ถล้ำลึกเกินกว่าจะตัดใจ
ในพจนานุกรมของแบคโฮเมื่อก่อนคงมีแค่ตัวเอง แต่ตอนนี้ยอมรับเลยว่ามีแค่ชื่อของมัน...เขาไม่ต้องการใครอื่นอีกแล้ว ขอแค่คังแดเนียลคนเดียวเท่านั้น...ถึงแม้มองไม่เห็นทางเดินเข้าไปใกล้หัวใจของมันได้เลย แต่แค่มองหน้าแดเนียลในตอนนี้ความท้อใจก็หายไปเกือบหมดสิ้น
อาจจะยากเย็น แต่ซักวัน...ขอเวลาให้เขาได้ลองพิสูจน์ จะขอพยายามด้วยชีวิต...
แบคโฮรีบชักมือกลับเมื่ออยู่ๆแดเนียลก็ขยับตัว ทำเอาเขากลั้นหายใจไปชั่วขณะ แต่คนข้างๆตัวก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เพียงแค่เอียงหัวลงมาเล็กน้อยเท่านั้น แบคโฮถอนหายใจโล่งอก มองหน้าเพื่อนร่วมงานแล้วหัวเราะออกมาเบาๆเสียอย่างนั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ไม่รู้ว่ากี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขาพูดกับตัวเองแบบนี้ หน้าตาของคังแดเนียลตอนหลับนี่ โคตรจะน่ารักเลยว่ะ
.
.
.
เสียงหายใจสม่ำเสมอขึ้นอีกครั้ง แบคโฮเลยตัดสินใจค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อนร่วมงาน ยื่นมือข้างนึงไปโน้มหัวทุยให้ซบลงมาบนลาดไหล่ของเขาอย่างเบามือ คนที่ยังหลับขยับเยื้อนตัวเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน แบคโฮจึงค่อยลูบผมสีอ่อนให้เคลิ้มหลับไปช้าๆ แต่ก็ได้ผล เสียงหวานครางฮือในลำคอพอใจกับสัมผัสอ่อนโยนบนหัว แล้วแดเนียลก็นั่งนิ่งลงได้อีกครั้ง
ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่รอยยิ้มของเขาปรากฎขึ้นบนใบหน้าโดยที่ไม่ต้องฝืนยิ้มมันออกมา...เพียงแค่ได้มองคนๆนี้เท่านั้น แบคโฮใช้มืออีกข้างที่ยังว่างค่อยๆกุมมือเรียวเอาไว้ แล้วหลับตาลง ปล่อยให้เสียงเพลงแล่นผ่านเข้าสู่โสตประสาทอีกครั้ง
รู้สึกดีโคตรๆเลยว่ะตอนนี้
ถึงแม้อาจจะได้สัมผัสเพียงแค่ไม่นานก็เถอะนะ แต่ได้แค่เท่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว...
미안해 너밖에 모르고 살아서
ขอโทษนะ ที่ใช้ชีวิตอยู่โดยมีแค่คุณเท่านั้น
잊고 사는 것만은 못 할 것 같아
มีเพียงแค่การต้องลืมคุณและใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้นที่ผมคงทำไม่ไหว
못 할 것 같아 넌 왜 그랬을까
มีเพียงแค่ความคิดถึงที่ยังคงหลงเหลืออยู่
그리움만 남기고 넌 왜 떠났을까
ทำไมคุณถึงตีจากไป
후회는 항상 늦게 찾아오네
ความรู้สีกผิดเสียดายนั้นมักจะมาถึงช้าเสมอเลยนะ
왜 그런 걸까
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ
후회한다고 바뀌는 게 있을까
ถ้าผมบอกว่าเสียใจ ระหว่างเราจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม
.
.
.
Just one day - NU'EST
ส้นรองเท้าหนังสีดำสนิทกระทบกับพื้นปูนซีเมนต์ ขายาวเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่เบื้องหน้าในลานจอดรถของโปรดิวซ์โฮสต์คลับ และเมื่อเห็นบางอย่างตรงหน้า สายตาคมเลื่อนมองเรือนร่างเพียวบางของคนเป็นเจ้านาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า
น่าขย้ำให้แหลกคามืออีกรอบซะจริง
บอสตัวแสบยืนเอาหลังพิงประตูรถ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ทอดสายตามองตอบเขากลับมาเช่นกัน
"ช้าชะมัดเลยนะคุณมือกลอง"
"นี่ผมก็รีบแล้วไงครับ ใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยนะ" พูดพร้อมๆกับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
"ใจร้อนไม่เปลี่ยน?" มินฮยอนเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ
"จำไม่ได้หรือไงครับ?ว่าเมื่อคืนบอสใจร้อนขนาดไหน" ตอบพลางยิ้มกวนตีนสเต็บเดิม เป็นยิ้มที่มินฮยอนหมั่นใส้ทุกครั้งที่เห็น แต่ไม่รอคนเป็นเจ้านายด่ากลับ อยู่ๆซองอูเอ่ยถามแทรกขึ้นมาก่อน
"ผมถามจริงๆเถอะบอส"
"..."
"บอสคิดจะทำอะไรกันแน่?"
มินฮยอนชะงัก "คุณพูดเรื่องอะไร?"
"บอสน่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วนะ" คนถูกถามใช้ความคิดซักพักก่อนจะจ้องตาและมองตอบกลับไป
"...ถ้าเป็นเรื่องที่ผมให้แดเนียลมาทำงานทริปสุดท้ายเนี่ย ก็ขอบอกไว้เลยนะว่าผมแค่ต้องการให้แดเนียลได้ไปเที่ยวได้เปิดหูเปิดตากับเพื่อนๆโฮสต์ก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก ก็แค่นั้น"
ซองอูเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นอย่างใช้ความคิด แน่นอนว่าเขายังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมดที่บอสพูดออกมาหรอก
"หวังดีเหรอ?แค่บอสปล่อยให้มันลาออก ให้มันออกไปให้ไกลจากที่นี่ ยังดีกว่าให้มันยังต้องมาทำงานอยู่แบบนี้ไม่ใช่เหรอไงครับ?" มินฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนๆนี้ยังกัดไม่ยอมปล่อย และไม่เคยคิดจะไว้ใจเขาเลยสินะ
"คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ ผมทำไปเพราะหวังดีกับแดเนียล คนที่ผมรักแล้วก็เอ็นดูเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ก็เท่านั้นแหละ"
"ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับบอส.." ซองอูก้าวเท้าเข้าไปหามินฮยอน ใบหน้าคมสันเลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหวานของเจ้านาย สองสายตาประสาน ปลายจมูกแทบจะแตะกัน ริมฝีปากคนเจ้าเล่ห์เลื่อนเข้ามาใกล้มากจนเกินไป...ทำเอามินฮยอนหน้าร้อนขึ้นมาซะดื้อๆ ได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตนแก้เขิน จะถอยหลังก็ถอยไม่ได้เพราะติดรถ แก้มแม่งก็ร้อนซะจนรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้เลย
ให้ตายสิ ไอ้บ้านี่ก็ยังมองกันด้วยสายตาแบบนั้นอยู่ได้ อยากจะสบทด่าให้ถอยออกไปไกลๆแต่กลัวมันจะทำตรงกันข้ามมากกว่าเดิม สักพักมินฮยอนทำท่าจะขยับตัวหนี แต่ซองอูกับเท้ามือทั้งสองข้างไว้กับกระจกประตูรถ กันไม่ให้อีกคนหลบไปไหนได้ แล้วจ้องตาเขาไม่ยอมลดล่ะ มินฮยอนเลยจ้องสายตากวนนั่นกลับไป
"ไม่คิดจะเชื่อใจกันเลยหรือไง?" มินฮยอนเอ่ยขึ้นเสียงเบา ซองอูครางหึในลำคอ
"ก็แล้วแต่การกระทำนะครับบอส"
ซักพักมินฮยอนยิ้มขึ้นมุมปาก ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมอง ค่อยๆไล้มือเรียวจากอกขึ้นไปบนลาดไหล่อย่างเชื่องช้า
"เห้ย!"
แต่ไม่ทันที่ซองอูจะได้ตั้งตัว มินฮยอนกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมาก่อนจะผลักอีกฝ่ายไปข้างหลังไม่ยั้งแรงจน แผ่นหลังซองอูกระแทกเข้ากับรถอีกคันที่จอดอยู่อย่างจัง บอสตัวแสบรีบโถมตัวเข้าไปประกบ ดันอกซองอูไม่ให้ขยับออกมาจากตรงนั้น
"ลองมากระทำกันดูหน่อยมั้ยถ้างั้น ว่าไงคุณมือกลอง" มือเรียวลูบไล้ไปบนลาดไหล่หนาอย่างเชื่องช้าราวกับจะยั่วยวน
"ตรงนี้?"
"ไม่กล้าเหรอไง ผมท้าคุณอยู่นะ"
"หึ ผมชอบรับคำท้าซะด้วยสิ" ซองอูยิ้มรับอย่างถูกใจ
"ดี...แต่ผมไม่ชอบ" ยกเข่าข้างนึงกระแทกเข้ากลางลำตัวคนชอบกวนแถมยังพูดมากเข้าเต็มแรงด้วยความหมั่นใส้ล้วนๆ ก็ใครใช้ให้มาทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นใส่เขาอยู่ได้...หน้าแม่งก็ร้อนไม่หายซักที อะไรกันวะเนี่ย!
"โอ๊ย!!!...เจ็บนะเว้ยบอส!" ไม่ต้องสืบเลยว่าซองอูจะทำหน้าแบบไหน แต่ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นสีหน้าที่มินฮยอนพอใจที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา
หึ สะใจอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกชนะ
"รีบมาขับรถได้แล้ว จะได้ไปซักทีผมจ้างคุณมาทำงานนะ" มินฮยอนยังหัวเราะกับท่าทางของซองอูไม่เลิก
"บอสแม่ง" ซองอูได้แต่เอามือกุมลูกชายไว้บังคับร่างกายไม่ให้ร่วงลงกับพื้น สายตาแห่งความเจ็บปวดมองตามผู้เป็นเจ้านายที่เดินขึ้นรถไม่รอแถมยังไม่ช่วยพยุงกันอีก ยังมีหน้ามาอวยพรให้ตามหลัง
"สมน้ำหน้า!"
คนแบบนี้มันน่าจะโดนสักทีสองทีจริงๆ บอสตัวแสบเอ๊ย!
เปลือกตากลมที่ก่อนหน้าหลับสนิท ค่อยๆลืมขึ้นเมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับลงก่อนหน้านี้แล้ว แดเนียลกระพริบตาถี่จนรู้สึกตัวว่าตัวเองทิ้งน้ำหนักตัวพิงคนข้างๆมากเกินไป แดเนียลรีบยกหัวขึ้นมาจากไหล่ของคนข้างตัวแล้วขยี้หัวตัวเองอยู่สองสามทีเรียกสติให้ตื่นอย่างเต็มตัว ก่อนจะหันไปหาคนข้างๆแล้วยิ้มให้อย่างเคย
"จินยอง ขอโทษทีพี่หลับเพลินเลย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เมื่อยอะไร" จินยองยิ้มรับ ก็แน่ล่ะเขาเพิ่งมานั่งแทนที่พี่แบคโฮก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีเอง คนที่ควรจะเมื่อยตัวคงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างหลังตอนนี้มากกว่า
ยอมให้พี่แดเนียลพิงไหล่ตั้งเป็นชั่วโมงไม่ยอมขยับเขยื้อนเลยสักนิด ไหล่พี่ยังโอเคอยู่ไหมนะพี่แบคโฮผมอยากสัมภาษณ์
"ถึงไหนแล้วเหรอ?" แดเนียลเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆแล้วรู้สึกตัวว่ารถตู้จอดนิ่งอยู่ที่ไหนสักที่
"ใกล้แล้วแหละครับ โชเฟอร์จอดพักรถอยู่พี่ลงไปยืดเส้นยืดสายหน่อยดีกว่าไหม?"
"อืม ก็เข้าท่าดี ไปด้วยกันไหม?"
"ไม่ดีกว่าครับ พี่ไปเถอะ ผมขอแค่กาแฟสักแก้วก็พอ" แดเนียลมองหน้าคนอายุน้อยกว่าที่ยิ้มน้อยๆมาให้แล้วพยักหน้ารับคำ
"มอคค่านะ"
"ขอบคุณครับพี่"
"โอเค ขอบใจนะที่ให้พี่ฟังเพลงแถมยังให้พิง..."
"ไม่ต้องขอบใจผมหรอกน่า" ว่าพลางดันแดเนียลให้ลุกขึ้นยืน เจ้าตัวเอื้อมไปหยิบมือถือแล้วค่อยๆเดินเลี่ยงออกไปลงจากรถตู้ด้วยความทุลักทุเล ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามไม่หันไปสนใจคนที่นั่งมองอยู่ข้างหลัง กลัวเผลอจะไปสบตากับแบคโฮเข้าให้น่ะสิ
ร่างสูงโปร่งเดินห่างออกจากรถไปได้ไม่ไกล แบคโฮลงจากรถตู้ตามมาแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเดินออกไปไหน เขายืนบิดขี้เกียจอยู่สองสามทีแล้วพลันสายตาก็ไปหยุดลงที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากที่ยืนอยู่ แน่นอนว่าเขาเดินตรงไปที่นั่นแทบจะทันทีหลังจากล่ะสายตาจากเพื่อนร่วมงาน
ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากกินเองนั่นแหละ แต่เมื่อนึกถึงคำที่แพจินยองกระซิบบอกก่อนจะลงรถเมื่อครู่ทำให้เขาคิดได้
'ผมบอกพี่แดเนียลไปว่าอยากกินกาแฟอ่ะพี่"
'อ่า แล้ว?'
'คงรู้นะว่าต้องทำไง?'
'ทำไงวะ'
'ล้อผมเล่นป่ะเนี่ย?'
'จริงๆพี่ไม่ใช่คนชอบเล่นตลกอะไรแต่อยากให้ล้อเล่น ก็ได้...'
'โว๊ะ ไปง้อสิพี่ ไปรอที่ร้านกาแฟเลยเข้าไปคุยด้วยอย่างเงี้ยจะยากอะไร'
'มันจะด่าพี่กลับไหมวะ อยู่ๆไปพูดด้วย'
'ใจกากแต่ปากเก่งที่แท้เลยว่ะ'
'เออ ยอมรับก็ได้วะ'
จริงๆแล้วแบคโฮยังไม่ทันได้คิดเลยว่าถ้าทำตามอย่างที่จินยองบอกแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง จะโดนด่าโดนโกรธมากกว่าเดิมรึเปล่า แต่สมองก็สั่งการขาของตนก้าวฉับไปยังร้านกาแฟตรงหน้านั่นแล้ว ร่างหนาเปิดประตูร้านเข้าไปยังเคาท์เตอร์ทนทีที่เหยียบถึงพื้นหน้าร้าน หยุดยืนมองเมนูที่เรียงรายอยู่บนป้ายเหนือหัวของตัวเอง สักพักก็ยกยิ้มมุมปาก เอ่ยสั่งเมนูที่เพื่อนร่วมงานของเขาชอบสั่งกินบ่อยๆเวลาไปคาแฟ่แมวด้วยกัน
ใช่ คนอย่างคังแดเนียลเนี่ยแหละที่ชอบชวนเขาไปคาแฟ่แมวอยู่หลายครั้งที่มีวันหยุด คังแดเนียลนี่แหละคนที่ทำเป็นหยิ่ง ดูยโส เข้าถึงยากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เวลาอยู่กับแมวก็กลายร่างเป็นคนล่ะคนเลย ยิ่งเวลาหยอกล้อเล่นกับแมวยิ่งทำให้เขาล่ะสายตามองไม่ได้ แอบดีใจอยู่เล็กๆที่มันไม่ค่อยเป็นแบบนี้ไปทั่วกับทุกคน
ไม่อยากจะอวดเท่าไหร่นักว่าคังแดเนียลในอีกมุมหนึ่ง ที่แม้แต่ลูกค้า บอส คนสนิทหรือใครก็ตาม ไม่ค่อยมีใครมีโอกาสได้เห็นมันแสดงออกถึงความเป็นตัวเองตรงๆแบบนี้นักหรอก
นอกเสียจากเขา คังแบคโฮคนนี้ คนที่ยอมแดเนียลได้ทุกอย่างอย่างไม่มีข้อแม้ โดยที่ไม่เคยรู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรเลยทั้งที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบสัตว์ชนิดไหนๆก็ตามแต่บนโลกนี้ทั้งนั้น แต่ก็ยังยอมไปคาเฟ่แมวเป็นเพื่อนมันทุกครั้งที่มันอยากไป ยอมเป็นฝ่ายง้อทุกทีที่มันโกรธทั้งที่ไม่ทันรู้เหตุผลที่มันเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ยอมทำตามกฎของมัน ทั้งหมดอาจเป็นเพราะแบคโฮไม่อยากเสียแดเนียลไป แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมเสียแดเนียลไปอีก ไม่ยอมให้หนีไปไหนอีกแล้ว...
ระหว่างที่แบคโฮกำลังยืนรอเมนูที่ตนสั่งเอาไว้ สายตาคมมองกวาดไปทั่วร้านเพื่อหาที่นั่ง แดเนียลมันก็คงจะไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วอีกไม่นานมันคงมานั่นแหละนะ นั่งรอไปก่อนก็แล้วกัน แล้วจู่ๆสายตาของเขาก็ไปสะดุดหยุดลงอยู่ที่โต๊ะหนึ่งในมุมของร้าน ไม่ยักรู้มาก่อนว่าบาร์เทนเดอร์ยองมินกับโฮสต์แดฮวีสนิทกันขนาดนั้น คิดยังไงถึงได้มานั่งดื่มกาแฟกันสองคนทั้งที่ตอนอยู่ในคลับเคยเห็นพูดกันนับครั้งได้ แต่จะยังไงก็ช่างเหอะ นั่นเพราะไม่ใช่เรื่องของเขา
แบคโฮล่ะสายตาจากคนทั้งคู่แล้วมองไปอีกทาง โชคยังดีที่ยังพอมีโต๊ะว่างเหลือให้นั่งคอยไม่ใกล้ไม่ไกลจากเคาท์เตอร์ เขาก้าวเท้าเดินตรงไปที่โต๊ะทันที จังหวะที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อยู่ๆก็มีแก้วกาแฟปริศนาถูกวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเขาทันควัน
ไวกว่าที่เขาคิดบุคคลเจ้าของแก้วกาแฟตรงหน้านั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ กุญแจรถที่ดูน่าจะเป็นกุญแจรถยนต์ส่วนตัวถูกวางลงพร้อมกัน ก่อนที่คนฝั่งตรงข้ามจะยิ้มมุมปากให้เขาเป็นการทักทาย แบคโฮเบิกตากว้าง...
"เห้ย นี่มึงเหรอ?" เพราะเห็นหน้าก็จำได้ทันที แบคโฮเปิดฉากพูดทักคนตรงหน้าไปก่อน สีหน้าประหลาดใจนั้นทำเอาอีกคนหัวเราะใส่
ตกใจเหมือนเห็นผี แค่ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปีเองนะ
"เห็นกูเป็นพ่อมึงเหรอไอ้แบค" เขาหยุดขำแล้วนั่งหลังตรงขยับเก้าอี้เข้าหาแบคโฮ "ไม่ได้เจอตั้งนานไม่น่าเชื่อว่ามึงยังมีชีวิต"
"ปากมึงนี่ยังไม่เลิกเลี้ยงหมาอีกนะไอ้สารวัตรคิมยงกุก" คิมยงกุกหัวเราะอีกครั้งมองหน้าเพื่อนเก่าจอมกวนนี่กลับไป
"อ่ะ เรียกซะเต็มยศ ก็เพื่อนอยากรู้สารทุกข์สุกดิบนี่หว่า"
"ก็อย่างที่เห็น กูยังอยู่" แบคโฮยักไหล่
"เออ คงสบายดีนะ"
"ก็คงงั้นมั้ง แล้วมึงมาอยู่นี่ได้ไงวะ"
"กูมาทำงานมีสัมนาต่างเมือง ว่าแต่มึงเถอะยังทำงานเป็นโฮสต์อยู่ใช่ไหม?"
"อ่าห้ะ" แบคโฮตอบกลับไป หยิบแก้วกาแฟของคนตรงหน้าขึ้นมาดื่มเสียอย่างนั้น "นี่ก็มาทริปนอกสถานที่ สนใจไหมล่ะกูให้บัตรวีไอพี"
"ใจเย็นไอสัด กูมาทำงานอีกอย่างกูมีครอบครัวแล้วด้วย ไม่อยากทำผิดกับเมีย" แบคโฮตบเข่าฉาด
"มีครอบครัว?"
"ก็เออสิ ภรรยาสวยลูกสาวขวบครึ่งแล้ว"
"มึงเนี่ยนะ???"
"กูมันทำไม? กูไม่ใช่มึงน่ะแบคโฮ" ยงกุกหัวเราะ
"วกมาด่ากูได้ไง แล้วทำไมมึงรีบมีครอบครัวจังวะเมื่อก่อนไม่เห็นมึงจะคิดเรื่องอะไรแบบนี้เลยนะ" ยงกุกอมยิ้ม
"คนเราเวลาเจอคนที่คิดว่าใช่แล้วก็คงอยากจะรีบคว้าไว้ อยากรักษาเขาไม่อยากให้หลุดหายไปจากวงโคจรถูกมั้ย เพราะงั้นก็คงไม่แปลกที่กูจะรีบอยากมีครอบครัว เพราะกูไม่อยากเสียเขาไปไง"
"อ่า..." แบคโฮเงียบไป ไอ้คำที่ว่าอยากรักษาเขาเอาไว้ไม่อยากให้หลุดหายไป เหมือนคำนั้นมันมาอยู่ในคอแล้วจุกอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเพื่อนร่วมงานเข้ามาอยู่ในความคิด สะกิดหัวใจของเขาให้รู้สึกวูบไหว แต่มันก็ทำรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย เมื่อคิดว่าคนอย่างเขา ไม่มีทางเป็นคนที่ใช่ของมันได้หรอก แค่อยากจะข้ามกำแพงนั้นเข้าไปหา ยังรู้สึกว่ายากเกินไปเลย รู้ว่าเขาไม่ควรจะท้อในเมื่อเขาเป็นคนเลือกทางนี้เอง แต่ก็หยุดคิดหนักไม่ได้
"ทำไมวะเพื่อน อย่าบอกว่ามึงมีความรู้สึกอะไรแบบนี้เหมือนกันน่ะ" คิมยงกุกเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนเก่าเป็นแบบนั้น แบบที่เหมือนกับคนมีอะไรบางอย่างในใจ เหมือนกับคนที่กำลังตกหลุมน้ำวนอะไรซักอย่าง แววตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแบบนั้น แม้จะได้เจอกันมานานแต่เขาก็พอจะดูออก คงจะหนักหนาเอาการเลยสินะ
"กูจะบอกว่าน้ำเน่า" เพราะถูกมองด้วยสายตาจับผิดมากเกินไป แบคโฮรีบพูดติดตลกกลบเกลื่อน
"สัด เอาเถอะ ไม่บอกก็เรื่องของมึงแต่ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากูได้นะ กูให้คำแนะนำเก่ง"
"ไม่ดีกว่า กูจัดการตัวเองได้น่ะ"
"แน่ใจนะ?"
"แดกกาแฟไปเถอะมึงน่ะ กูต้องไปแล้ว"
"อ่าว เพิ่งเจอกันเองมึงจะรีบไปไหน?"
"ต้องไปทำงานสิวะรถจอดพักรอนานแล้วมั่ง กาแฟเสร็จแล้วด้วย" ว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเองดื่มที่สั่งเอาไว้ตามลำดับคิวที่มาถึงพอดี ยงกุกลุกขึ้นยืนหยิบแก้วกาแฟของตนแล้วเดินตามไปยืนขนาบข้าง
"สองแก้ว?" ยงกุกชโงกหน้ามองแก้วเครื่องดื่มสองแก้วที่เพื่อนถือทันควัน แบคโฮยักคิ้วเป็นคำตอบ แต่ยงกุกกลับขมวดคิ้วอย่างมีคำถามแทน
"แก้วนึงกาแฟดำอีกแก้วนมเย็นเหรอวะ? อีกแก้วน่ะไม่ใช่ของมึงแน่ๆมึงมันแดกแต่กาแฟ นี่ซื้อให้ใครวะแบค"
"มึงจะกลับได้ยังไอ้สัดนี่ ถามนั่นถามนี่"
"ไม่ได้เจอกันตั้งกี่ปี พอมาเจอกันไม่กี่นาทีมึงไล่กูเลยหรอ?"
"อย่ามาตัดพ้อซะเหมือนมึงไม่มีเบอร์กูหน่อยเลยไอ้ยงกุก"
"อย่ามาพูดเหมือนมึงจะรับสายกูหน่อยเลยไอ้แบคโฮ" เถียงกลับได้ทุกคำจนแบคโฮต้องพ้นลมหายใจหนักๆใส่ อยากจะถีบไปสักที
"ก็งานกูเยอะ"
ไอ้เพื่อนคนนี้ก็ยังนิสัยเหมือนเดิมเหมือนสมัยเรียนไม่เปลี่ยน ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่แล้วว่าคนอย่างมันจะเป็นสามีหรือพ่อคนได้ กวนตีนชิบหาย
ในตอนแรกแบคโฮตั้งใจเอาไว้ว่าจะรอดักแดเนียลอยู่ในร้านกาแฟที่นี่เพื่อคุยด้วย แต่เขาคิดว่าคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว ถ้าจะรอแดเนียลทั้งที่ไอ้ยงกุกยังอยู่ด้วยนี่คงไม่ไหว ขี้เกียจตอบคำถามมันแค่นี้ก็รู้สึกว่าเถียงกับมันจนปากเปียกปากแฉะเต็มทนแล้ว
"มึงไปได้แล้วไป โชเฟอร์รอนานป่านนี้สาปแช่งถึงพี่มึงล่ะมั่ง"
"ก็เหี้ยล่ะ" ยงกุกขำแล้วดันไหล่เพื่อนให้เดินหลบลูกค้าคนอื่น
"กูไปก่อนนะครับไอ้สารวัตร ถ้าเปลี่ยนใจไปปาร์ตี้งานกูก็โทรมาแล้วกันสแตนบายเสมอ"
"ไอ้สัดแบค" ยงกุกทำเป็นขึ้นเสียง ผลักไหล่เพื่อนไปที
"ก็ล้อเล่นเว้ย" แบคโฮหัวเราะ
"ไว้เดี๋ยวกูบอก.."
"อ่าว ไอ้นี่"
ดวงตากลมใสมองตามคนคุ้นเคย ที่กำลังเดินออกไปนอกร้านพร้อมๆกับเครื่องดื่มสองแก้วในมือ กับคนแปลกหน้าคนนึงยังยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ร้านไม่ได้เดินตามไปทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยกันอย่างสนิทสนม แดฮวีไม่ได้สงสัยอะไรมากนักในเรื่องนั้น กลัวแค่ว่าพี่แบคโฮจะเห็นตัวเองนั่งคุยกับพี่ยองมินอยู่ที่โต๊ะนี้มากกว่า แต่ดูท่าทีแล้วคงจะไม่ได้เห็นพวกเขาคุยอะไรกันล่ะนะ
ยังดีที่แดฮวีเห็นพี่แบคโฮนั่งคุยกับคนแปลกหน้าคนนั้นเสียก่อน ถึงได้รีบไล่พี่ยองมินให้ไปที่รถแล้วค่อยคุยกันทีหลัง เกี่ยวกับแผนที่ตกลงกันเอาไว้ ถึงจะยังคุยกันถึงเรื่องนี้ได้ไม่ครบทั้งหมด แต่แค่นั้นก็กลับทำให้แดฮวีรู้สึกละอายใจขึ้นมาเสียดื้อๆ แดฮวีไม่รู้หรอกว่าคนที่จ้างเขามาให้ทำร้ายพี่แดเนียลด้วยแผนการที่ร้ายแรงขึ้นทุกทีแบบนี้เขาต้องการอะไร มีความบาดหมางอะไรกันแน่ถึงได้ทำกันได้ถึงขนาดนั้น ได้แต่คิดว่าทำไปเพื่อเงินก็พอแล้ว พยายามเมินเฉยต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่กำลังตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ในอก
รู้ดีว่ามันสายเกินกว่าจะมารู้สึกอะไรแบบนี้แล้ว ความรู้สึกผิดเหลวไหลไร้สาระนั่น มันไม่ทันแล้ว แต่แดฮวีก็แค่มนุษย์คนนึงที่ถึงจะทำเลวแค่ไหนก็เถอะ ในใจของเขามันก็ยังมีจิตรู้สำนึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำกับพี่ชายที่ทำงานมาด้วยกันก็นานแบบนี้เลย...แต่ยังไงซะถ้าจะให้เขาเลือกล่ะก็นะ
สำหรับเด็กผู้ชายอ่อนแอตัวคนเดียวมาตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่ที่ทำให้เกิดมายังไม่ต้องการเลย ไม่เคยมีแม้แต่ครอบครัวดีๆ ความอบอุ่นของวัยเด็ก ความสุขสบายเหมือนกับลูกชายแบบในครอบครัวของคนอื่นที่อายุไล่เลี่ยกันแบบนั้น...แดฮวีไม่เคยได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง ตั้งแต่เกิดมาบนโลกแย่ๆใบนี้...มันก็คงไม่ผิดเกินไปหรอกใช่ไหม ที่เขาจะขอเลือกเงินที่ช่วยชีวิตเขาได้มากกว่าเลือกสงสารคนอื่น
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีแดฮวีล่ะสายตาจากแบคโฮที่เดินออกไปจากร้านแล้วก้มลงมองข้อความที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างแก้วกาแฟของตน
"ทำไมไม่ให้ทำตามแผนที่นี่ล่ะครับ?"
"ครับๆ ทราบแล้วครับไว้ผมจะลงมือทีหลัง"
"ผมจะบอกพี่ยองมินให้เข้าใจเอง"
.
.
"บอสจะไม่รู้เรื่องนี้แน่นอนครับ คุณจูฮังนยอน"
แดฮวีลุกจากเก้าอี้ทันทีหลังจากจบบทสนทนา แล้วคว้ากระเป๋ารีบเดินออกไปจากร้านก่อนที่จะเจอใครอีก แต่หลังจากที่แดฮวีเดินออกไปได้ไม่ถึงนาทีแดเนียลก็เดินเข้ามาในร้าน มุ่งหน้าไปที่เคาท์เตอร์ ปลายจมูกได้รับกลิ่นกลุ่นอุ่นๆที่รู้สึกคุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั่วประสาทสัมผัส
แดเนียลไม่ใช่คนชอบกินกาแฟ แต่กลับรู้ได้ทันทีว่าคนข้างๆกินกาแฟอเมริกาโน่เพียงแค่ได้กลิ่นหอมกรุ่นนั่นโชยมาแตะจมูก แล้วใบหน้าของคนคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นมาอยู่ในความคิดเสียอย่างนั้น...
แบคโฮชอบกินอเมริกาโน่ ㅡบางทีมันกินแทนข้าวได้เลยด้วยซ้ำ ไม่แปลกถ้าอเมริกาโน่จะกลายเป็นอวัยวะที่33ในร่างกายของมัน จนบางทีเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของแบคโฮก็กลายเป็นกลิ่นหอมอุ่นๆแต่กลับรู้สึกเย็นใจอย่างบอกไม่ถูกในทุกครั้งที่ได้สัมผัส แต่บางทีก็ให้ความรู้สึกขมไม่น้อย เมื่อมันจูบทับลงมาบนริมฝีปากของเขา...ยิ่งกดจูบย้ำๆ ยิ่งปลายลิ้นของเราทั้งคู่เกี่ยวพันกันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งขมปร่าไปหมด แต่หลังจากนั้นรสชาติกลับหวานหอมมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อยากหยุดลงเลย...
"คุณคะ คุณㅡรับอะไรดีคะ?" แดเนียลหยุดความคิดลง แล้วรีบสั่งมอคค่าให้แพจินยองอย่างที่ตั้งใจเข้ามาซื้อตั้งแต่แรก
ให้ตายสิ อยู่ๆก็คิดถึงมันขึ้นมา...เพียงเพราะได้กลิ่นกาแฟพวกนี้เนี่ยนะ เขาเป็นบ้าอะไรกันแน่ จำเอาไว้ว่าคิดถึงแต่ตัวเองแค่นั้นก็พอแล้วสิวะ กับคนอื่นมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว...
"คุณคัง?"
แดเนียลล่ะใบหน้าจากการมองเมนูบนเคาน์เตอร์แล้วหันไปหาเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างๆ ทันทีที่มองใบหน้าของเขา คนที่ยืนมองเขาด้วยสายตาตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน แดเนียลแทบจะยืนนิ่งค้างไปในทันที ความคิดหลายต่อหลายอย่างกรูกันเข้ามาหัวสมอง หัวใจของเขากระตุกจนรู้สึกเจ็บระบมราวกับถูกทุบด้วยความทรงจำพวกนั้น
จนได้สินะ
มาถึงปูซานยังไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ เขาก็เจอส่วนหนึ่งของความทรงจำเลวร้ายพวกนั้นจนได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ทำไม่ต้องมาเจอคนพวกนั้นอีกจนได้วะ หนีไม่พ้นจริงๆสินะ ทั้งที่ทำใจก่อนหน้าที่จะมาทริปนี้แล้ว แต่พอถึงเวลาความทรงจำพวกนั้นมันก็ยังตอกย้ำเขาจนแทบจมอยู่ดี ทั้งที่ไม่อยากคิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้วแท้ๆ
อยากจะหนี...
เขาอยากหนีอีกแล้ว...
"คุณคังㅡ"
"..."
"จำผมได้ไหม?คังแดเนียล" เขาเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ แดเนียลพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะตอบกลับไปเสียงเบา
"ครับㅡ ผมจำได้"
"..."
"ผมไม่มีทางลืมคุณหรอก สารวัตรคิมยงกุก"
"สบายดีนะครับคุณคัง? ผมไม่เห็นคุณเลยตั้งแต่เอ่อㅡคดีคราวนั้น"
"ครับ" แดเนียลลอบกำมือของตนแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าเนื้อ "ผมก็ยังเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนงาน"
"อ่า..."
ยังไม่ทันที่คิมยงกุกจะตอบอะไรกลับไป พนักงานก็เรียกคิวของแดเนียลไปรับเครื่องดื่มที่ทำเสร็จแล้วพอดี แดเนียลรีบขอตัวกลับ เขารีบไปรับเครื่องดื่มและรีบออกไปทั้งที่ไม่เอาเงินทอนหรือแม้แต่ร่ำลาใครก็ตามที่ยังยืนมองอยู่ข้างหลัง
ยงกุกมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไม่วาง เขาดูออกว่าคังแดเนียลอยากหลบหน้าเขา ไม่ได้อยากแม้แต่จะทักทาย คังแดเนียลคนที่ยังคงวิ่งหนีเรื่องราวในอดีตทุกอย่าง ทั้งที่ผ่านมาเกือบจะสองปีแล้วแต่ยังจมกับมันอย่างนั้น เมื่อสองปีที่แล้วคิมยงกุกเป็นหัวหน้าดูแลคดีหนึ่ง เป็นคดีที่น่าเศร้าและคังแดเนียลก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในคดีนั้น เขาเข้าใจว่ามันยากต่อการยอมรับ แต่ก็ไม่คิดว่าคังแดเนียลจะยังปล่อยวางกับมันไม่ได้ ทั้งที่เรื่องคดีคราวนั้นมันไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ
ยอมรับว่าครั้งนั้นเขาเคยสงสัยในตัวของผู้ชายคนนี้มากเหมือนกันแต่ก็หยุดความคิดลงไปหลังปิดคดีได้ แต่ยิ่งมาเจอว่าเจ้าตัวยังรู้สึกผิดทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเจ้าตัวเลยสักนิดตามหลักฐานที่มีทั้งหมดน่ะนะ หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือไง...
บนถนน
"ขับดีๆหน่อยสิ" เสียงหวานดังขึ้นจากปากของคนที่นั่งเบาะข้างคนขับ ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆใส่แทนคำตอบ ก่อนจะเถียงกลับมา
"นี่ผมก็พยายามเต็มที่แล้วนะครับบอส"
"พยายามอะไรคุณมือกลอง? ถ้าพยายามฆ่าผมด้วยการเหยียบ100กิโลเมตรต่อนาที เดี๋ยวเบรกเดี๋ยวแซงเดี๋ยวขับแค่มือเดียว ก็ถือว่าคุณใกล้จะฆ่าผมสำเร็จล่ะ" มินฮยอนพูดพลางจ้องหน้าคนขับด้วยความหงุดหงิดอย่างหาที่สุดไม่ได้ ถ้าถีบออกประตูรถได้ถีบไปนานแล้ว
เป็นบ้าอะไรถึงได้ขับรถหวาดเสียวยิ่งกว่าเด็กแว๊นซะอีก
"โถ่บอส ผมไม่ยอมตายไปกับบอสเพราะรถคันนี้หรอกน่ะ" แต่ไอ้คนโดนว่าก็ยังไม่สำนึกใดๆหาเรื่องเถียงคำไม่ตกฟาดได้ตลอด เขาเริ่มจะปวดหัวจริงๆจังๆแล้วนะ คิดผิดหรือคิดถูกที่ให้มาขับรถให้
"อย่าพูดเรื่องตายตอนขับรถนะ!" ตะคอกใส่ซะเลย แต่คนโดนดุกับชอบใจมากกว่า แอบขำไปหลายรอบกับท่าทางแบบนั้น
"เอาน่ะๆ ผมโปรเรื่องขับรถอยู่แล้วบอสอย่าห่วงไปเลย" ซองอูยกมือยอมแพ้และเหนื่อยจะเถียง
"ผมไม่ได้ห่วงชีวิตคุณไงผมห่วงชีวิตผม"
"ปากเก่งจริงว่ะตัวแค่เนี่ย"
"ว่าไงนะ?"
"เปล่านะครับ ใครพูดอะไรไม่เห็นได้ยินมีแต่บอสนี่แหละ บ่นอยู่ได้ตลอดทาง" ทำปากขมุบขมิบล้อเลียนคนข้างๆ
"ก็ดูคุณขับรถสิคุณมือกลอง"
"ผมก็มีชื่อนะครับบอส"
"ผมก็มีเหมือนกัน"
"เถียงเก่ง บ่นเก่ง ดื้อเก่ง" พูดทั้งที่ไม่ได้หันหน้าไปมองหน้าคู่สนทนาแต่อีกฝ่ายก็สัมผัสได้อย่างดีเลยว่ามันกวนตีน
"คุณนี่มัน..น่าจะโดนไล่ออกสักทีจริงๆ" ซองอูไม่ใส่ใจกับประโยคนั้น จะว่าขี้เกียจเถียงแล้วก็ใช่ ตั้งแต่ขับรถมานับไม่ได้เลยว่าเถียงกันกี่รอบแล้ว
"ไหนใครบอกจะนอนครับ? นี่หลอกให้ผมมาขับรถให้เฉยๆใช่ไหม?"
"..."
"หรืออยากให้ผมอยู่ใกล้ๆหรือไง?"
"..."
"เอ หรือจะคิดถึงผมกันแน่ล่ะบอส"
"อย่าจินตนาการเก่งได้ไหม ขอร้อง" ซองอูหัวเราะ
"แล้วไง อย่างอื่นผมก็เก่งนะ"
"อะไร?"
"เอาเก่ง"
"องซองอู!!!"
"บอสก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอครับว่าเก่งหรือไม่เก่ง" ยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำ แต่มันกลับทำให้มินฮยอนเห็นภาพความทรงจำเมื่อคืนชัดขึ้นมาดื้อๆ เกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นชะมัด
"ขับรถไปเลยนะคุณ พูดมาก"
"นี่ยังไม่เลิกเขินผมอีกรึไงกัน" ซองอูขำ มินฮยอนรีบหันหน้าหนีพอเห็นว่าอีกคนมองกลับมา
"บอกแล้วไงว่าให้เลิกจินตนาการ ผมจะเขินคุณไปเพื่ออะไรเปลืองเวลาชีวิต"
"ดูพูดเข้าดิ ทีตอนนั้นน่ะอยากเล่นเกมจังเลยนะ"
"..." มินฮยอนไม่พูดอะไรจ้องหน้าซองอูด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเริ่มหงุดหงิด
"เออ ก็แค่เกม เลิกพูดถึงสักทีได้ไหม"
"อ่าว เหมือนโกรธอะไรผมเลยนะบอส"
"ผมยังไม่ทันได้คิดอะไรเลย" ตอบกลับทันควัน
"อ่าห้ะ มันเป็นงั้นนี่เอง" ซองอูลอบมองคนเป็นบอสที่นั่งเงียบไป แววตาใสมองออกไปยังถนนเบื้องหน้าไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ทำเอาใจเขาวูบไปพักนึง หรือจะโกรธที่เขาพูดเมื่อกี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าบอสจะมาโกรธอะไรเขา
ผ่านไปหลายนาทีคนตัวขาวยังไม่ยอมพูดกับเขา ซองอูขับเร็วขึ้นเผื่ออีกคนจะหันมาด่าเขา อย่างน้อยก็ยังดีกว่าบอสนั่งเงียบอย่างงี้ บรรยากาศมันมาคุเกินไป แล้วเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร
"คุณมือกลอง"
"ห้ะ....ครับ?"
"อยากเล่นเกมกันอีกไหมล่ะ?" ซองอูนึกว่าจะถูกด่าเสียอีก แต่ประโยคเมื่อครู่นี้มันคือ...การกระทำที่มาพร้อมกับคำพูดคำจาด้วยน้ำเสียงหวานผิดปกติ มือเรียวแตะอยู่บนหน้าขาของคนขับรถชั่วคราวและลูบวนจนซองอูเริ่มรู้สึกแปลกๆ
"เล่นเกม...หมายความว่าไงครับ?" คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบเป็นน้ำเสียงแต่กลายเป็นการกระทำมาแทนที่ มินฮยอนเอี้ยวตัวเข้ามาหาซองอู มือขาวล้วงเข้าเสื้อเชิ้ตของคนเป็นลูกน้อง ความเร็วของรถเริ่มช้าลงตามแรงของมือเรียวที่ลูบไล้อยู่บนหน้าอกหนาของคนขับ ซองอูใช้มือข้างที่ว่างกุมข้อมือบางเอาไว้ผ่านเนื้อผ้า ก่อนจะหันใบหน้าไปมองคนที่ยิ้มรออยู่แล้ว แล้วยิ้มกลับ
"อย่าซนสิครับบอส ผมขับรถอยู่..."
"อยากเล่นเกมไหมล่ะคุณมือกลอง" เสียงอ่อนเสียงหวานราวกลับจะยั่วยวนเขา ซองอูพยายามมองทางข้างหน้าบังคับพวงมาลัยไปด้วยและจัดการกับมือซนที่พยายามเลื้อยลงไปกอบกุมกลางลำตัวของเขา...
"บอส เดี๋ยวจะโดน"
"เกมไม่ยากเลยคุณมือกลอง ก็แค่ขับรถไปให้ได้เรื่อยๆ แต่ถ้าคุณจอดรถคุณก็แพ้" ซองอูยกยิ้มพร้อมๆกับบีบมือขาวที่กำลังกอบกุมอวัยวะส่วนล่างของเขาไว้ซะเกือบเต็มไม้เต็มมือ
"แล้วถ้าชนะผมจะได้อะไร?"
"ไม่รู้สิ ไม่ได้อะไรมั่ง"
"อ่าว ถ้างั้นผมจะอยากชนะไปเพื่ออะไรล่ะครับบอส?" มินฮยอนอมยิ้มน้อยๆแล้วหยุดมือซน เอียงคอมองซองอูที่ยังขับรถต่อไปได้ทั้งที่มือของเขายังอยู่บนหน้าขา เอี้ยวตัวจนแทบจะขึ้นไปนั่งเกยตักอยู่แล้ว...ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณมือกลองคนฮอตจะทนได้สักกี่น้ำ
"ก็ไม่ได้อยากให้ชนะ ถ้านายยอมแพ้แล้วจอดรถ...อยากจะทำอะไรต่อจากนั้นดีล่ะ"
ไวกว่าความคิดด้วยซ้ำ สิ้นเสียงหวานข้างหูของคนเป็นเจ้านายพูดประโยคเมื่อครู่จบลง ล้อรถก็บดเบียดเสียดสีกับพื้นถนนทันที และหลังจากรถยนต์หยุดลงข้างถนน
ยังไม่ทันที่มือหนาจะปล่อยมือจากพวงมาลัยรถ มือซนก็ล้วงเข้ามาขย้ำกลางลำตัวของเขาที่เริ่มแข็งสู้มือ ซองอูพยายามดึงเบรกมือจนเสร็จ แล้วดึงแขนมินฮยอนเข้ามาหาตัว จนใบหน้าขาวแทบชนเข้ากับลาดไหล่อีกฝ่าย ไม่รอช้าซองอูเอียงใบหน้ากดจูบคนอวดดีที่ทำมาเป็นยั่วยวนกวนเขา แต่พอจับจูบเข้าให้กลับจะดันตัวเขาออกให้ได้
"อื้ออㅡ"
มาถึงขนาดนี้แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะปล่อยไปง่ายๆ ซองอูล็อคท้ายทอยแน่นไม่ยอมให้มินฮยอนขยับหนีได้ ใช้จังหวะที่ริมฝีปากเล็กพยายามเผยอออกเพื่อหาอากาศหายใจ สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นสีสดนุ่มนิ่มราวกับเยลลี่นั่น ดูดดึงริมฝีปากล่างอยู่อย่างนั้นเสียงอื้ออึงดังอยู่ในลำคอยิ่งทำให้ซองอูรู้สึกสนุก
แต่อีกฝ่ายเริ่มจะประท้วงว่าไม่ไหว จนไม่รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นคนชนะเกม จูบดุดันที่มือกลองคนฮอตมอบให้บอสของเขายังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
Rrrrrrrrrrrrrrr!
ซองอูชงักไปเล็กน้อยเพราะเสียงโทรศัพ์บนคอนโซลหน้ารถดังขึ้นมาแทรกเสียงแลกลิ้นปนเสียงครางในลำคอเบาๆของคนเป็นบอส เขาเสตาไปมองโทรศัพท์ที่ยังดังอย่างต่อเนื่อง ใช้มืออีกข้างไปคว้ามันทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ล่ะออกไปจากอวัยวะเดียวกันของคนหน้าหวานที่ตอนนี้แทบจะขึ้นมานั่งเกยตักเขาอยู่แล้ว
Daniel Calling you
ทูบีคอนตินิวววววววววว
-TALK-
ขอยาดตัดจบนะจ้ะ มันยาว555555ตอนแรกกะจะลงคัทแต่เอาไว้ตอนหน้าดีก่า
((ฝากคอมเม้นติชมเล่นแท็ก #ฟิคแหกกฎ ด้วยนะคะ
คิดถึงทุกคน♥คิดถึงไรท์มั้ยอย่างเพิ่งทิ้งกัน5555))
มีอะไรมาสอบถามคนอ่านหน่อยค่ะ
นั่นคือการรวมเล่มฟิคแหกกฎนั่นเอง
ผู้ที่สนใจทำแบบสอบถามได้ในลิ้งเลยเจ้าค่ะ
PS.เปิดให้ทำแบบสอบถามได้ถึงสิ้นเดือนนี้ค่า
https://goo.gl/forms/lmoYq2UkoU6W08lb2
ความคิดเห็น