ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ PRODUCE 101 ] #ฟิคแหกกฎ 2

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter : 10

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 61



           

             Chapter : 10

                  Fandom : Produce 101

             Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]

             Note : กลับไปอ่านตอนที่แล้วก่อนก็ได้นะคะ หรือตั้งแต่ตอนแรกเลยยิ่งดีค่ะ555555 

     มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








    จริงๆแล้วผมต้องการได้รับความรักที่เคยได้จากคุณ

    ช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว ทำให้ผมยิ่งหวาดกลัว

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .




     จิ้มๆๆๆๆ (สั้นไปหน่อย แต่ก็เอาเต้อะ5555)


    ⭐⭐


    ⭐⭐






    "คุณจะไม่รับสายหน่อยเหรอแดเนียล?"  


    "ไม่ล่ะ ผมรีบกลับน่ะครับ" บอกปัดไม่ลังเลก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น "ผมขอตัวกลับก่อนนะครับบอส" โค้งให้เจ้าของเงินเดือนของตนทีนึงแล้วยิ้มให้แทนคำขอบคุณ 


    "อ่า งั้นก็กลับกันดีๆ" 

    มินฮยอนกดวางสายโทรศัพท์ลงทันทีทั้งที่ยังไม่ได้บอกปลายสายว่าอีกฝ่ายไม่อยากคุย ก็เขาไม่รู้ว่าจะบอกแบคโฮไปยังไง เพราะทางนั้นดูท่าร้อนรนอยากคุยกับแดเนียลมากเสียด้วย

    มึนตึงใส่กันแบบนี้ หรือที่เห็นร้องไห้เมื่อคืนคงจะเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า...


    ความจริงแล้วเท่าที่เขารู้เกี่ยวกับโฮสต์ระดับสูงสองคนนี้คือทั้งสองสนิทกันมาก มากเสียจนเพื่อนโฮสต์คนอื่นๆยังไม่สนิทกันเท่านี้ แต่กับเรื่องอื่นเขาไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก 

    ยิ่งเรื่องความสัมพันธ์แอบแฝง เขาก็เคยสงสัยอยู่บ้างแต่ไม่เคยได้ซักถาม เพราะแดเนียลเป็นคนที่เคร่งกฎมากปฎิบัติงานตามคำสั่งแทบทุกอย่างไม่เคยขัด เขาจึงเลิกสงสัยไปนานแล้ว


    กฎดั้งเดิมของบริษัทที่ถูกตั้งเอาไว้


    ห้ามให้โฮสต์มีความสัมพันธ์เกินเลยในที่ทำงานหรือคบหากันเด็ดขาด


    แต่ถ้าลูกน้องของเขาคนไหนจะชอบจะรักหรือคบกันจริงๆเขาก็จะไม่ห้าม แต่คงต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงลาออก เพราะมันเป็นกฎของทางร้านที่มีมาแต่เดิม 

    แม้ตอนนี้จะยังไม่มีใครทำผิดกฎข้อนี้ก็เถอะ แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าถึงเวลาจะกล้าไล่ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมานานเพียงเพราะกฎข้อเดียวหรือเพียงเพราะเขารักกันได้หรือเปล่า


    เห็นแบบนี้เขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ



    มินฮยอนปัดความคิดเรื่องนี้ออกไป เมื่อลูกน้องทั้งคู่พากันเดินหายไปจากหน้าประตูแล้ว มือเรียวยื่นออกไปกำลูกบิดและกำลังจะปิดประตู อยู่ๆก็มีมือของใครบางคนวางทับลงบนมือของเขาเสียก่อน


    "กลับมาทำไม?" เงยหน้ามองพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ เมื่อเห็นคนที่มาเยือนซึ่งมินฮยอนเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเท่าไหร่นักหรอก


    "ผมลืมกุญแจรถ" ซองอูตอบกลับทันควัน


    "คุณเป็นอัลไซเมอร์รึไง ตอนแรกก็เห็นถืออยู่"


    "พูดจาไม่เข้าหูเลยนะครับบอส เสียแรงที่อุตส่าห์เช็ดตัวทำความสะอาด..." พูดไปก็ลูบวนมือของบอสไปด้วยสีหน้ากวนประสาทอยู่อย่างนั้นจนมินฮยอนต้องพูดขัดแล้วชักมือหนี ไม่งั้นคงได้ลูบไปถึงอย่างอื่น...


    "พอ! ลืมก็เข้าไปเอาสิคุณ พูดมากอยู่ได้" ซองอูยิ้ม แล้วหัวเราะหึอยู่ในลำคอ จ้องตาบอสไม่วางจนอีกฝ่ายเอ่ยถาม 


    "ตกลงคุณจะเอาหรือไม่เอา..." 


    ยังไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย ซองอูคว้าใบหน้าอีกคนให้เข้ามาประชิดใบหน้าของตน ประคองแก้มขาวเอาไว้ในอุ้งมือหนา ก่อนจะเอียงหน้ากดจูบลงไปบนริมฝีปากหยัก ดูดดึงริมฝีปากล่างย้ำๆก่อนจะดึงดันส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนของอีกคนที่เอาแต่ถอยหนีอย่างเอาแต่ใจ

    มือเรียวที่ตอนแรกดันออกไปด้วยความตกใจ ก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบรอบต้นคอของฝ่ายที่กำลังรุกล้ำช่วงชิงอากาศหายใจของเขาไปจนแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ 


    จะขาดใจอยู่แล้วเว้ย!!! ไอ้บ้าเอ๊ย!!!


    "อื้อ...หยุ...อื้ออ" ทุบเข้าที่ลาดไหล่หนาไปหลายทีแต่ก็ยังไม่เป็นผล มินฮยอนเลยกระทืบเท้าซองอูเข้าเต็มแรง แล้วถอยหลังหนีออกไปในทันทีที่หลุดออกมาจากอุ้งมือไอ้บ้านั่น เอนหลังยืนพิงกำลังแพงหอบหายใจหนัก จนต้องกอบโกยหาอากาศเข้าปอด 

    มินฮยอนแทบจะนั่งลงกับพื้นอยู่แล้วเพราะขาเจ้ากรรมดันอ่อนแรงจะทรงตัวไม่อยู่ซะงั้น


    "โอ๊ย! บอสทำร้ายร่างกายผมอีกล่ะนะ" คนหัวดื้อยอมถอยออกมาจากมินฮยอนอย่างช่วยไม่ได้ แรงก็ไม่ใช่น้อยๆเลยจริงๆตั้งแต่เมื่อคืนล่ะนะ

    หมายถึงแรงตีน


    "คุณเมาอะไรวะอยู่ๆมาจูบ..."


    ซองอูหัวเราะหึอยู่ในลำคอ ก่อนจะเอียงคอมองตอบด้วยสีเจ้าเล่ห์ "ผมก็แค่อยากแสดงออกให้เห็นว่าครั้งนี้น่ะ ผมไม่ได้เมา"


    "..."


    "ครั้งหน้าก็จะไม่เมาด้วย" เขาหัวเราะแล้วเดาะลิ้นในโพรงปากก่อนจะยิ้มเยาะให้คนตรงหน้า


    "ครั้งหน้าอะไรของคุณ" 


    ซองอูยักคิ้วไม่ยอมตอบ ก่อนจะหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาควงโชว์ "ขอโทษทีนะบอส ผมเพิ่งนึกได้ว่าอยู่ในกระเป๋ากางเกงอ่ะให้ตายสิ" หัวเราะร่วนก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตูให้เสร็จสรรพ ทิ้งไว้เพียงบอสที่ยังยืนงงกับการกระทำของไอ้บ้านั่น

    .

    .

    .

    ดูท่าว่าจะไม่อยากจบเกมอย่างงั้นสินะ องซองอู









    ร้านกาแฟ



    "อ่าว ไปค่ายที่ปูซานเหรอครับ?" เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคนที่รออยู่ก่อนแล้ว "กี่วันล่ะ"


    "เค้าบอกซอโนไปตั้งแต่สามวันที่แล้วล่ะนะ” เสียงหวานเอ่ยเชิงตำหนิ แต่ไม่ได้จริงจังนัก "ลืมอีกแล้ว"


    "ไม่เอาน่าแดฮวี" บีบแก้มคนหน้าหวานที่กำลังทำปากย่นอยู่ตรงหน้า ทำไมหน้าตาตอนโกรธนี่ถึงได้น่ารักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าขนาดนี้นะ


    "ช่างเถอะๆ เค้าขี้เกียจงอนซอโนแล้ว"


    "ฮ่าๆๆ แล้วตกลงไปกี่วันครับให้ไปส่งไหม?" ซอนโฮยื่นแก้วช็อกโกแลตร้อนให้แดฮวีหลังจากที่ถือให้อยู่นาน เจ้าตัวรับมาดื่มก่อนจะพูดต่อ


    "ไม่ต้องหรอกๆมีรถจากทางมอไปส่งอ่ะ ไปสองสามวันค้างคืนนะเราเลยมาบอกคุณแฟนไว้ก่อน"


    "ขนาดยังไม่ได้ไปซอโนก็คิดถึงแล้วนะเนี่ย" แดฮวียิ้มขำให้กับคำพูดของเขา


    "ก็เว่อร์ล่ะ ว่าแต่ทำไมเมื่อคืนถึงได้ตัดสายไปเหรอ?จากนั้นก็หายไปเลย เราก็กลัวว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ต้องทำงานเลยตามไปดูไม่ได้อ่ะ" 


    ซอนโฮมองใบหน้าหวานของแฟนแล้วหัวเราะก่อนจะยื่นมือดึงแก้มเบาๆ แล้วก็โดนตีคืนไปทีนึงจนได้ "น่ารักจังเลยเป็นห่วงใช่ไหมล่ะครับ?"


    "ก็ใช่น่ะสิ ไม่ห่วงแล้วจะถามเหรอ?" ยู่ปากใส่ซะเลย


    "จริงๆไม่ใช่ซอโนหรอกครับ เพื่อนพี่ชายน่ะ ซอโนพาไปหาพี่ชายที่ห้องแล้วจู่ๆพี่เขาก็เป็นลม เลยพากันพยาบาลผู้ป่วยกันวุ่นไปหมดทั้งซอโนทั้งพี่ชายเลย"


    "แล้วเขาเป็นอะไรมากไหมอ่ะ?" ขมวดคิ้วสงสัย


    "ก็ไม่หรอกครับ ให้นอนพักที่ห้องพี่ ส่วนพวกผมก็มานอนโซฟาเลยชวนพี่เขาดื่มซะเลย รู้ตัวอีกทีเกือบเช้า" 


    "ดื่มอีกแล้วนะ แล้วต้องตื่นเช้ามาเปิดร้านอีก เป็นไอร่อนแมนหรือไง" แดฮวีย่นคิ้ว น้ำเสียงไม่พอใจนิดหน่อยที่แฟนของตนไม่ดูแลตัวเองเอาเสียเลย


    "นิดหน่อยน่ะครับ ส่วนมากคุยกันมากกว่าไม่ได้เจอพี่มันมาหลายวัน ว่าแต่ว่าแดฮวีอยากไปเจอพี่ชายซอโนไหม?เขาบ่นอยากเห็นหน้าตาแฟนน้องชายเขาอีกแล้วเนี่ยเมื่อคืนอ่ะ" 


    "อืม.." แดฮวีวางแก้วช็อคโกแลตลงแล้วผ่อนลมหายใจราวกับคลายความกังวล "ไว้กลับจากค่ายเนอะ เดี๋ยวเค้าจะไปหาแน่นอน"


    "จริงนะครับ คราวนี้ไม่เบี้ยวแล้วนะ"


    "อื้อ คราวนี้เค้าจะไปกับซอโนทุกที่เลยแหละ"


    "ทุกที่?" ซอนโฮแทบจะขมวดคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถาม


    "อื้อ เค้าจะออกจากงาน แล้วกลับมาทุ่มกับการเรียนให้เต็มที่ จากนั้นก็จะทำเรื่องที่เราตกลงกันไว้" 


    "หืม"

    ซอนโฮตกใจอยู่ไม่น้อยที่แดฮวีบอกจะลาออกจากงาน เพราะงานเป็นสิ่งแรกที่แดฮวีจะพูดปัดอยู่ตลอดเมื่อเขาบอกให้ลาออกซะแล้วมาอยู่คอนโดกับเขาแทน 

    เพราะซอนโฮอยากจะให้แดฮวีได้พักและเรียนอย่างเดียวส่วนเรื่องทำงานเขาอยากจะเป็นคนรับหน้าที่ แดฮวีก็ไม่ยอมฟัง แต่ครั้งนี้...


    "เรื่องที่คุยกันไว้?" 


    "ก็จะย้ายไปอยู่ด้วยไงซอโนอ่ะลืมอีกล่ะนะ"













    คอนโดแดเนียล



    ทันทีที่แดเนียลก้าวขาเข้ามาในห้องของตน เท้าทั้งสองข้างก็ต้องหยุดชะงักลง สายตาตื่นตกใจของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ที่สภาพตอนนี้เละเทะแทบจะไม่เหลือชิ้นดี


    "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!!" ซองอูที่เดินตามหลังเข้ามาสบทบสบทออกมาเสียงดังและเดินเข้าไปในห้องอย่างระแวดระวังเศษข้าวของที่หล่นระเกะระกะอยู่ตามพื้น เพราะห้องของแดเนียลถูกรื้อค้นเสียแทบทุกซอกทุกมุม ข้าวของหลายอย่างก็ถูกทำลายจนพังเสียงหายไม่น้อยเลย


    "มัน..." แดเนียลแทบจะพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินเข้ามาในห้องและมองสำรวจไปทั่วๆ เห็นแต่ข้าวของของตัวเองที่ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายซะเต็มพื้นไปหมด

    อีกแล้วงั้นเหรอ...


    "แจ้งตำรวจไหมแดเนียล นี่มันจะทำกันเกินไปแล้วนะ" ซองอูเอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิด แดเนียลยังไม่ได้ตอบอะไรเดินตรงไปที่โซฟาแล้วก้มลงมองตามพื้นตามซอกข้างล่างเผื่อรูนี่ย์จะแอบอยู่ที่ไหนสักที่ เพราะตั้งแต่เข้ามายังไม่ได้ยินเสียงมันเลย


    "ทั้งเรื่องกระถางต้นไม้ ที่ถนน ล่าสุดรื้อห้อง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะแดเนียล"


    "อืม รู้แล้ว ค่อยคิดกันอีกทีตอนนี้ช่วยหารูนี่ย์ให้ก่อนได้มั้ย?ยังไม่เห็นมันเลยไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า" 

    ซองอูถอนหายใจ "โอเค ฉันจะไปดูข้างหลัง" ก่อนจะยักไหล่แล้วเดินหายไปในโซนครัว

    .

    .

    อยู่ๆเสียงกดกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น แดเนียลล่ะจากการตามหาแมวแล้วเดินออกไปเปิดประตู ด้วยความรีบเลยไม่ได้มองตาแมวตรงหน้าประตูเสียก่อน


    และทันทีที่เห็นคนตรงหน้า แดเนียลแทบจะปิดประตูใส่หน้าเขาทันที แต่อีกฝ่ายเอาขาเข้ามาดันไว้ได้ทัน


    “แดน ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์?” ขายาวก้าวเข้ามาในห้อง มือข้างนึงก็จับประตูไว้ไม่ให้อีกฝ่ายปิดมันได้อีก


    เขาจะไม่ยอมให้แดเนียลหนีเขาไปไหนอีกแล้ว



    “แดน…”


    “อย่าเรียกชื่อกู” เจ้าตัวถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วก้มหน้าหลบสายตา ท่าทางของแดเนียลที่เป็นแบบนี้ มันกำลังทำให้แบคโฮกลัว...


    “มึงเป็นอะไรวะแดน มึงบอกกูสิ


    “แบคโฮ ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้!! เผลอตะคอกออกไปเสียงดัง พลันใช้มือข้างหนึ่งผลักไหล่อีกฝ่ายที่ทำท่าจะเดินเข้ามาหาตน สิ้นเสียงของเขาบุคคลที่สามก็เดินออกมาจากห้องน้ำทันที ทำแบคโฮหันมอง สองมือกำหมัดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ


    “แดเนียล ให้ช่วยอะไรไหม?


    “ไม่มี...” หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยแววตาอ่อนลง ถ้าซองอูยังอยู่ที่นี่อีกไม่นานแบคโฮคงได้สร้างเรื่องแน่ๆ “ซองอูนายกลับไปก่อนได้ไหม?” ยังไม่ทันที่ซองอูจะพูดอะไร อีกคนที่ไกล้จะปะทุเต็มทีกับพูดขัดขึ้นมาก่อน


    “เหอะ เพราะมันใช่ไหม?” แบคโฮถอนหายใจใส่ความรู้สึกหลากหลายที่กำลังตีกันอยู่ในอกตอนนี้ 

    แดเนียลกำลังจะคว้ามือซองอูออกไปจากห้องนี้ ออกไปจากบรรยากาศอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้นทุกนาที จากคนตรงหน้าที่จ้องหน้าเขาไม่วางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ 

    ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นแดเนียลเดาได้ไม่ยากเลย


    จะอะไรเสียอีก คนอย่างมันน่ะจะทำอะไรเป็น นอกจากอาละวาดไปทั่วไม่เคยฟังเหตุผล เห็นแก่ตัวเองคนเดียว ไม่เคยนึกถึงจิตใจของเขาเลยสักนิด หวงก้างเอาไว้ตลอดทั้งตัวมันเอง...ก็ยังเอากับคนอื่นไปทั่ว


    ทั้งที่แดเนียลน่ะไม่เคยเลย มันคงไม่เคยรู้เรื่องนี้ แต่คนอย่างเขานี่แหละที่ไม่เคยไปเอากับใครคนอื่นเลย นอกจากมัน


    เหตุผลนึงก็เพราะแดเนียลน่ะเป็นคนที่รักษากฎมาโดยตลอด ส่วนอีกเหตุผลน่ะเหรอ? เขาก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่จะเอากับใครก็ได้จะปิดบังจะตอแหลยังไงก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี...


    “กูถามว่าเป็นเพราะมันอีกแล้วใช่ไหมมึงถึงได้หลบหน้ากู?” แบคโฮบันดาลโทสะจนเผลอกระชากต้นแขนอีกคนเข้ามาหาตัวไม่ยั้งแรง จนแดเนียลกระชากคอเสื้อแบคโฮขึ้นด้วยสัญชาตญาณ และจ้องหน้าเขานิ่ง พยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้เห็น


    “ตอบกูสิวะ!” ตะคอกใส่และออกแรงดึงมากขึ้นจนแดเนียลรู้สึกเจ็บไปทั้งแขน แต่ยังไม่เท่าอาการที่เขารู้สึกอยากจะอ้วกเมื่อมองหน้ามันแล้วมีใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ...ใบหน้าของจูฮังนยอนที่กำลังยิ้มเยาะใส่เขา

     

    มันโคตรเจ็บเลย เจ็บจนลามมาที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เกลียดความรู้สึกแบบนี้ชิบหาย!


    “...”


    “เหอะ มึงมันก็ดีแต่พูด ปากบอกไม่ได้คิดอะไรแต่ก็แอบมาเอากัน…”



    ผลั่ก!!!


    หมัดหนักๆซัดลงข้างแก้มอย่างเต็มแรงจนใบหน้าคมสะบัดไปตามแรงต่อย แดเนียลกำหมัดที่เพิ่งชกเพื่อนร่วมงานนั่นจนเล็บจิกเข้าที่เนื้อ แต่เขาไม่สนอีกแล้ว กับแค่ความเจ็บเพียงแค่นี้ มันไม่เท่ากับในใจของเขาตอนนี้หรอกไม่เลยสักนิด 



    ความรู้สึกเจ็บปวดที่ชินชาราวกับโดนแช่แข็ง วันนึงเพียงถูกสัมผัสแค่เพียงเล็กน้อย ก็แทบจะแตกสลายออกมาได้ง่ายๆ

    .

    .

    .

    ริมฝีปากคู่นั้น ร่างกายของมันจะทำอะไรกับใครลับหลัง เขาไม่เคยรู้ เพราะเราไม่ได้มีสิทธิอะไรต่อกันอยู่แล้ว...สิทธิที่เขาเป็นคนปิดกั้นมันไว้ด้วยกฎของตัวเอง


    แต่สำหรับแดเนียลแล้ว ถึงปากจะบอกปฎิเสธการกระทำเหมือนปิดกั้นแค่ไหน แต่เอาเข้าจริงเขาน่ะ อาจจะรู้สึกกับแบคโฮ...มากกว่าที่มันรู้สึก มาตั้งนานแล้วก็ได้


    แบคโฮเงยหน้าขึ้นก่อนจะใช้ปลายแขนเสื้อเช็ดเลือดที่ข้างมุมปาก แสบไม่ใช่เล่น แต่แค่นี้ยังทำลายความรู้สึกหงุดหงิดใจในตอนนี้ไปไม่ได้หรอก ยิ่งเห็นไอ้องซองอูยังยืนอยู่ข้างแดเนียลไม่ยอมห่างแบบนั้นเขาก็ยิ่งโมโห


    "เหอะ ไม่กล้าตอบสินะ"


    "..."


    “มึงคิดได้แค่ว่ากูเป็นพวกเอาไปทั่วเอากับใครก็ได้งั้นเหรอ?มึงคิดได้แค่นั้นใช่มั้ยแบคโฮ?" แดเนียลเค้นเสียงพูดออกมา ทั้งทุกที่จุกอกไปหมด


    "..."


    "ใช่...ถ้ามึงคิดแบบนั้น กูก็เป็นอย่างนั้นแหละ” ในช่วงเวลานั้นที่ใจของแบคโฮกระตุกวาบ เพราะน้ำเสียงสั่นของแดเนียลและนัยตาที่เริ่มแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ ดูอ่อนแอจนเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกนั้น เพราะเขาเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก


    “แดน...กู” 


    ใช่

    แบคโฮก็รู้ดีอยู่เต็มอก รู้ดีว่าแดเนียลไม่ได้เป็นคนแบบนั้น คนแบบเขา...แต่ปากมันก็พลั้งออกไปแล้ว



    ผลั่ก!!!


    แดเนียลปล่อยอีกหมัดใส่หน้าแบคโฮเข้าอย่างจังอีกครั้งจนเจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ เซไถลไปเล็กน้อยแต่ก็ยังพอจะทรงตัวอยู่ จนหมัดที่สองและที่สามกระแทกลงมา ซ้ำเข้าที่แผลเดิมและใบหน้าข้างเดิมอย่างไม่ยั้งแรงและไม่เว้นช่วงจังหวะใดๆ


    และแม้แบคโฮจะซี๊ดปากกลืนเลือดของตนลงคอไปไม่น้อย ข้างแก้มเริ่มช้ำบวมแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่คิดจะสู้เลย เอาแต่ยืนนิ่งเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายระบายทุกอย่างผ่านกำปั้นนั่นออกมา 


    แดเนียลทำท่าจะต่อยหน้าแบคโฮอีกรอบ แต่ด้วยความไวกว่าแบคโฮยกมือจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ทัน แล้วกระชากอีกคนเข้ามาจนร่างประชิดตัว กดล็อคท้ายทอยให้ขยับไปไหนไม่ได้ เอียงหน้าประกบจูบอย่างถือวิสาสะ ใช้เรียวลิ้นร้อนดึงดันเข้ามาในโพรงปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ จนแดเนียลรู้สึกถึงรสชาติฝาดของเลือดอีกฝ่ายที่ยังไหลซึมอยู่บนบาดแผล 

    เขาพยายามจะขัดขืนแต่ริมฝีปากก็ยังถูกแบคโฮครอบครองเอาไว้ไม่ห่าง มือหนายังคงล็อคแผ่นหลังและท้ายทอยของเขาแน่น ป้อนจูบที่ราวกับจะกลืนเพื่อนร่วมงานไปทั้งตัว ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปอีก โดยไม่สนใจเลยว่ายังมีบุคคลที่สามอยู่ร่วมห้อง


    “พอได้แล้วไอ้เหี้--” ซองอูคว้าไหล่แดเนียล ดึงเพื่อนสนิทออกจากไอ้หมาหวงก้างนั่น ไม่รอที่จะพูดอะไรเขาพุ่งเข้าใส่แบคโฮทันที


    “ซองอูหยุด!!!” ในตอนนี้เจ้าของชื่อคงไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรอีกแล้วนอกจากศัตรูความรักที่อยู่ตรงหน้า ผลัดเปลี่ยนปล่อยหมัดใส่กันไม่หยุดและไม่มีการยั้งมือใดๆทั้งนั้น 


    “มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงมันเหี้ยแค่ไหนไอ้คุณคังแบคโฮ เหี้ยยังไงก็ยังเหี้ยอย่างนั้น” ใช้จังหวะอีกฝ่ายเผลอ ซองอูผลักแบคโฮไปชนเข้ากับตู้จนอีกฝ่ายกระแทกหลังแอ่น ร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ 

    จากที่ข้าวของในห้องเละอยู่แล้วกลายเป็นว่าพังเสียหายมากกว่าเดิม แดเนียลเข้าไปแทรกคนทั้งคู่ไม่ได้เลย 

    แบคโฮพุ่งเข้าใส่ซองอูอีกครั้ง ใช้แรงกดอีกฝ่ายติดผนังแล้วออกแรงล็อคเอาไว้แน่นสุดกำลังแม้ซองอูจะดิ้นไม่หยุดก็ตาม “มึงอย่ามาปากดี เสือกเรื่องของกูกับแดนตลอด อยากได้มากเลยล่ะสิ”


    “เออ! ถ้ากูอยากได้แล้วมึงจะทำไม?กูรู้จักแดเนียลมาก่อนมึงอีก กูรู้ว่าแดเนียลต้องการอะไร ซึ่งไม่ใช่มึงแน่!!!" ทั้งคู่ดึงเสื้อและกระชากลากถูกันไปอีกทาง 


    “กูบอกให้พวกมึงหยุดไงวะ!!!” 

    .

    .

    แดเนียลเข้าไปจับไหล่แบคโฮแต่โดนผลักกระเด็นออกมา จนเซถอยหลังไป มือที่เจ็บชนเก้าอี้เข้าอย่างจัง “โอ๊ย!!!” ความรู้สึกเจ็บแปร๊บแล่นไปทั่วโสตประสาทสัมผัส จนต้องล้มตัวลงนั่งแล้วกุมแขนของตนเอาไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แต่แบคโฮกลับโกรธและคลั้งจนไม่สนอะไรอีกแล้ว แม้แต่เขา...


    “แล้วยังไงวะ คนอย่างมึงทำเหี้ยอะไรกูได้?!!" สิ้นเสียงซองอูใช้จังหวะทีเผลอถีบท้องแบคโฮแล้วโดดขึ้นคร่อมล็อคอเอาไว้


    “บอกไว้เลยนะ กูไม่มีทางปล่อยแดนให้คนอย่างมึงแน่ไอ้คุณคัง!!!”


    “อย่ามาเสือกเรื่องของกู” 


    “กูไม่สน!!!” ซองอูต่อยปากอีกฝ่ายเข้าอย่างจังไปอีกหมัด แบคโฮซัดคืนอย่างไม่ยอมกัน


    “กูไม่ให้!!!” โกรธจัดจนกัดฟันกรอด


    “กูบอกให้หยุดไง โอ๊ย!” แดเนียลทำได้แค่ตะโกนห้ามเท่านั้น เพราะแค่ตัวของเขาเองก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ร่างโปร่งค่อยๆไประคองมือตัวเองขึ้นมาแล้วถอยหลังไปเพื่อจะหาอะไรสักอย่างที่จะหยุดหมาบ้าสองตัวนี้ได้ แต่กลับเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดเสียก่อน...

    .

    .

    “คนเหี้ยๆอย่างมึง คนที่ทำให้แดเนียลต้องเจ็บต้องร้องไห้ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่ดีแต่ปากหมาแต่ไม่เคยรักษาเพื่อนกูให้ดีได้เลย คนอย่างมึงน่ะแหละที่ไม่มีสิทธิ!!!"


    แบคโฮหยุดมือลงโดยอัตโนมัติ เขาอึ้งค้างไปเพราะคำที่มันบอกว่าแดนร้องไห้...เพราะเขา

    ซองอูใช้โอกาสนี้ผลักแบคโฮกระเด็นจนเกือบหัวทิ่มพื้นและกำลังจะชกเข้าที่หน้าอีกครั้งแต่ต้องหยุดชะงัก...


     ทั้งคู่หันไปมองร่างสูงโปร่งที่ยืนก้มหน้าอุ้มแมวของตนเอาไว้ รูนี่ย์หายใจรวนรินอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นเจ้าของ เลือดไหลจากปากของมันส่วนอื่นๆของร่างกายบางจุดมีแผลถลอกไม่น้อย 

    เมื่อตั้งสติได้ซองอูวิ่งเข้าไปหาแดเนียลทันที แบคโฮทำได้เพียงแค่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเท่านั้น 


    “เกิดอะไรขึ้นแดเนียล”


    “ไม่รู้…มัน  มันจะตายไหมซองอู" แดเนียลทำท่าจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ รูนี่ย์เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเขา เป็นเพื่อนเล่นของเขามา ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอมันสภาพแบบนี้...ใครกันแน่ที่กล้าทำถึงขนาดนี้ เขาไปทำอะไรใครไว้งั้นเหรอวะ?


    นี่มันเรื่องอะเหี้ยอะไรกัน!!!



    “แดเนียลใจเย็นๆก่อน มันจะไม่เป็นไร แถวนี้มีคลินิคไกล้ๆหรือเปล่า?"


    “มีโรงบาลสัตว์อยู่ใกล้ๆ ออกปากซอยไปไม่ไกล” แบคโฮเอ่ยขึ้นมา แม้หูจะได้ยินแต่ทำท่าไม่สนใจ ซองอูรีบเอารูนี่ย์มาอุ้มแทนแดเนียลที่ยังยืนอึ้งค้างมือสั่นจนเขารู้สึกได้ 

    จากนั้นซองอูก็คว้ามือของเพื่อนสนิท กุมเอาไว้และพาเดินออกไปพร้อมเจ้าแมวสภาพปางตายในอ้อมแขนอีกข้าง 


    แบคโฮที่ยังยืนนิ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยได้แต่ยืนมองหน้าเพื่อนร่วมงานของตนที่ไม่ยอมมองหน้าเขาตอบเลยสักนิด ช่วงจังหวะที่แดเนียลกำลังจะเดินผ่านไป แบคโฮคว้ามือแดเนียลเอาไว้จนอีกฝ่ายและคนที่อุ้มแมวอยู่จำต้องหยุดชะงักไปตามๆกัน


    “ขอคุยก่อนได้ไหม...แดน” เอ่ยเสียงเบาแต่อีกคนได้ยินชัดเจน กับความรู้สึกสั่นน้อยๆของมือหนาที่กุมมือของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก็ชัดเจนไม่แพ้กัน 



    เรื่องทุกอย่างมันจะต้องจบตรงนี้ เขาจะไม่ยอมใจอ่อนหรือแหกกฎของตนเองอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว...



    ซองอูทำท่าจะพูดอะไรแต่แดเนียลมองหน้าเขาแล้วพูดขึ้นก่อน "พารูนี่ย์ไปรักษาก่อนได้ไหมซองอู เดี๋ยวฉันตามไป" น้ำเสียงเชิงขอร้องกับแววตานั้นของเพื่อนสนิทที่เขาไม่เคยปฎิเสธมันได้ ซองอูจึงยอมออกไปแต่โดยดี


    หลังจากประตูห้องปิดลง แดเนียลหันกลับมามองมือหนาที่กอบกุมมือของเขาเอาไว้อยู่เช่นเดิม แดเนียลไม่ยังยอมพูดอะไรสักคำหรือแม้แต่มองหน้าเพื่อนร่วมงานสักนิด ความหมางเมินที่แสดงออกมานั้น มันกลับส่งความเจ็บปวดให้แบคโฮซะยิ่งกว่าตอนโดนมันต่อยเสียอีก 

    .

    .

    .

    “แดน”


    “…”


    “มึงร้องไห้เหรอ? ที่มึงเจ็บปวดเพราะกู...ทำไม…” บีบมือเบาๆแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม นิ่งจนเขากลัว...


    “แดน มึงบอกกูสิ” 


    “กูทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?"


    "..."


    "…บอกกูได้ไหม?”


    “ถ้ากูทำอะไรผิด ถ้ากูทำอะไรให้มึงไม่พอใจ..." ออกแรงดึงมือเรียวจนแดเนียลเซเข้ามาประชิดตัว แต่ความเฉยชาของเพื่อนร่วมงานนั้นก็ยังไม่ผ่อนลง

    .

    .

    .

    "ขอโทษ…” 


    “อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ด่ากูก็ได้มึงต่อยกูสิ แต่ช่วยอย่าเป็นแบบนี้!”


    "..."


    “แดนพูดกับกูหน่อย” แบคโฮเขย่ามือเบาๆ ใช้สองมือขึ้นมากุมมือเรียวเอวไว้ ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหนีหายเสียตอนนี้ 


    “กูขอร้อง…” 


    ขอโทษ ขอโทษที่ทำเธอเสียใจ

    .

    .

    .

    “แบคโฮ” แดเนียลเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หลังจากที่พยายามนิ่งมาตั้งแต่ตอนแรก แต่สายตายังจดจ้องอยู่ที่อื่น สายตาที่อ่อนไหวและอ่อนแอลงเต็มทีแล้ว...


    “…”


    “ระยะห่างของเราจากตอนแรกที่มันพอดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันเข้ามาใกล้กันเกินไป เข้ามาใกล้จนกูรู้สึกอึดอัด มึงรู้ตัวมั้ยมึงกำลังทำให้กูรู้สึกแย่ มึงทำให้กูกลัว มึงทำให้กูเจ็บ มึงทำกูดูน่าสมเพช อ่อนแอ จนกู…” 


    มันยากเหลือเกินที่จะพูดออกมาได้แต่ล่ะประโยค น้ำเสียงขาดหายไปในห้วงอากาศหายใจที่แสนจะติดขัด ราวกับคนป่วยไกล้ตาย...



    ใจเธอคงทนอีกไม่ไหว



    “กูอึดอัด…” แดเนียลหันหน้าหนีไปทางอื่น


    “แดน มึงก็รู้ว่าเราไม่เคยอึดอัดต่อกัน…ไม่ใช่เหรอวะ?” ตาคมฉายแววไม่เข้าใจ พยายามปรับลมหายใจให้คายความอึดอัดลง


    “กูไม่น่าปล่อยให้มึงเข้ามาในพื้นที่ของกูเลย...กูคิดผิด...” คิดผิดที่คิดว่าตัวเองจะสามารถควบคุมมันได้ แต่เปล่าเลย เมื่อตอนนี้ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมไปหมดแล้ว


    แบคโฮพยายามหายใจเข้าให้ได้ลึกที่สุด เพราะความรู้สึกที่อยู่ๆก็เหมือนถูกกระชากให้ดิ่งลงเหวลึก เพราะคำพูด น้ำเสียงและท่าทีที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นกับมันมาโดยตลอด “กูทำอะไรผิด? มึงบอกกูสิแดน อย่าเป็นแบบนี้”


    “พอแล้วแบคโฮ” แดเนียลเอ่ยเสียงอ่อน


    “ไม่ กูยังไม่พอ”


    “…”


    “กูทำอะไรพลาดไป มึงอยากให้กูทำยังไงบอกกูได้ไหม?” 



    กลัว 

    แบคโฮกลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่ง มันจะทิ้งเขาไป วันหนึ่งที่แม้แต่สถานะเพื่อนร่วมงาน...ก็จะไม่เหลือให้กันอีก

    .

    .

    .

    “กูไม่อยากกินสเต็กกับมึงที่หน้าคอนโด…"


    “…”


    “ไม่อยากเจอมึงที่ห้องนี้” แดนบีบมือแบคโฮแน่นในขณะที่กำลังกัดฟันพูดประโยคพวกนี้ออกมา แต่เป็นแบคโฮที่เริ่มจะชาไปเสียแล้ว ชาแม้กระทั่งความรู้สึกของมือเรียวที่กอบกุมเอาไว้...มันแทบไม่รู้สึกถึงอะไรอีกแล้ว


    “ไม่อยากยืนสูบบุหรี่เป็นเพื่อนมึงกินกาแฟที่ระเบียง"


    “ไม่อยากนั่งโซฟาตัวนั้นนั่งฟังเพลงข้างๆมึงเหมือนทุกครั้ง…” นัยตากลมร้อนผ่าวเริ่มแดงก่ำ แดเนียลพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้อะไรก็ตามมันร่วงหล่นลงมา...


    ทั้งน้ำตาหรือแม้แต่ความรู้สึกทรมาณที่จุกอยู่เต็มอก



    “…”


    “กูไม่อยากจูบมึง...”


    “แดนพอ”


    “กู...”


    “อย่าพูด...” ไวกว่าความคิด แบคโฮดึงเพื่อนร่วมงานเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ซบใบหน้าลงบนไหล่กว้างของอีกคนที่ไม่มีแม้แต่ท่าที่จะขยับตัวหรือกอดตอบกลับมา


     “กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีกแล้ว” แดเนียลหลับตาลง รับรู้ได้ถึงหยดน้ำที่ซึมลงบนไหล่กว้างของตน หรือแม้แต่มือที่กุมกันไว้ก็ยังสั่นไหวและจิตใจที่ร้อนรุ่มไม่ต่าง



    ความรู้สึกของเธอ เจ็บเกินจะเยียวยา



    “ออกไปให้ห่างจากกู ขอร้อง…อย่าเข้ามาใกล้กูอีก” แรงสั่นสะท้านจากกายของคนทั้งคู่ยังเทียบไม่ได้กับแรงสั่นไหวในหัวใจ 



    เมื่อวานรอยยิ้มของคุณนั้นช่างสว่างสดใส

    แตกต่างต่างจากตอนนี้คำพูดของคุณที่เยือกเย็น

    ราวกับไม่เหลือความรู้สึก...




    “ทำไมวะ…มึงไม่รู้สึกอะไรกับกูเลยเหรอ?”

    .

    .

    “แค่สักนิด” ถามย้ำอีกรอบแต่แดเนียลก็ยังยืนนิ่งไม่ตอบอะไรเลย ยิ่งทำให้แบคโฮใจเสียกว่าทุกครั้ง



    แค่หวังว่าช่วงเวลาที่เรานั่งจ้องหน้ากันจะอยู่กับเราไปตลอดกาล



    “ให้กูเป็นแบบเดิมก็ได้นะ ให้กูไม่มีสถานะอะไรก็ได้ ให้กูแค่ได้อยู่ใกล้ตัวมึง ถึงไม่มีสิทธิห่าเหวอะไรกูก็ยอมทุกอย่าง แต่…” แดเนียลเริ่มกำมืออีกฝ่ายแน่น เพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะพูดอะไรออกมา อะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้เขาใจอ่อนกับมันอีก...


    “อย่าไปจากกู” 


    คำร้องขอร้องอันโง่เง่า ทั้งที่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว 


    "..." 

    แดเนียลใช้เวลาซักพักในการกลั้นน้ำตาและความรู้สึกบิดเบี้ยวในใจของตนเอาไว้และค่อยๆดันแบคโฮให้ออกห่างจากตัว 

    ถอยหลังออกมาทีล่ะน้อย พยายามไม่มองใบหน้าหรือสายตาของเพื่อนร่วมงาน เขาไม่อยากจะร้องไห้อีกแล้ว แต่ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดมากมายขนาดนี้



    "แดน..."

    .

    .

    "อย่าไปเลยนะ"



    ร่างสูงโปร่งถูกดึงไปอยู่ในอ้อมกอดเพื่อนร่วมงานอีกครั้งจนร่างของทั้งคู่กระทบกันแรงไม่น้อย วงแขนที่รัดแน่นกว่าเดิมบ่งบอกว่าไม่อยากเสียเขาไปอีกแล้วไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนๆ ใบหน้าคมที่ซบลงบนลาดไหล่ กับหยาดน้ำตาที่ไหลซึมลงครั้งแล้วครั้งเล่า...



    กอดเธอได้ไหม ก่อนเธอจะทิ้งไปให้มันซึ้งถึงหัวใจจนนาทีสุดท้าย 

    เจ็บช้ำแค่ไหน แม้ว่าใจจะทรมาณ…



    “กอดตอบหน่อยได้ไหม?” น้ำตาที่เริ่มเหือดหายกลับค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง


    ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ำตาของมันหรือแม้แต่ของตัวเขาเอง ก็ไม่อาจที่จะทำให้แดเนียลยอมแหกกฎของตนได้อีกแล้ว...ในตอนนี้ เขาไม่เหลือแรงจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้เลย แม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง



    ความรู้สึกของพวกเราก็เหมือนแก้วที่ถูกบีบจนแตก ทำได้เพียงแค่มองเลือดที่ไหลหยดลงจากฝ่ามือที่เกิดจากรอยบาดแผลเพียงเท่านั้น




    “แดน...”



    ขอเพียงเสี้ยวนาทีที่เหลือ อยู่ในอ้อมกอดเพื่อย้อนคืนวันเก่า ก่อนเหลือเพียงความอ้างว้าง...



    “แบคโฮปล่อยกูเหอะ” แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิม “มึงไม่ได้ยินหรือไงวะ? ปล่อยกู...” ไม่นานนักแดเนียลเริ่มเบาแรงที่พยายามดันตัวเพื่อนร่วมงานออกไป จนหยุดมือลงในที่สุด...


    “ขอร้อง…” น้ำเสียงทุ้มหวานเริ่มสั่นเครือ แดเนียลปล่อยมือลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ปล่อยตัวเองไว้ในอ้อมแขนของแบคโฮอย่างไม่ขัดขืนอ้อมกอดนั้นอีกต่อไป


    “ปล่อยกูไปเถอะ กูเหนื่อย…”



    จะไม่โทษเธอ แม้ทนไม่ไหว จะไม่ฝืนใจ…



    “กูทนไม่ไหวอีกแล้ว” แบคโฮนิ่งลงไปอีกครั้ง แดเนียลค่อยๆดันเพื่อนร่วมงานให้ออกห่างจากตน และกำลังจะเดินออกไป แต่แบคโฮก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ถึงแม้มันจะอ่อนแรงและสั่นไหวจนแทบไม่เหลือแรงจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้แล้วก็ตาม 



    ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้กลับมา...



    ทำได้เพียงมองใบหน้าเพื่อนร่วมงาน สายตาที่ฉายแววอ้อนวอนนั้นมันมากเสียจนแดเนียลต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น และไม่ยอมพูดอะไรออกมาเพราะรู้ตัวว่า ถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้ตัวเองจะต้องใจอ่อน...เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา


    “แดน”

    .

    .

    .

    “กูรักมึง” พยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้นเอาไว้ 


    “รักมาตลอด…ตั้งแต่ตอนแรก” น้ำเสียงทุ้มต่ำติดจะสั่นเครือ ปลดปล่อยทุกอย่างที่เก็บไว้ ที่เขาไม่เคยพูดออกมาพร้อมๆกับความรู้สึกรวดร้าวที่รู้ว่ามันสิ้นหวังและสายไปเกินกว่าจะขอร้อง หรือรั้งมันเอาไว้ด้วยคำพูดของเขา


    แดเนียลมันคงไม่ฟังอีกต่อไปแล้ว



    "..." 


    ร่างสูงโปร่งค่อยๆดันฝ่ามือเรียวของตนออกจากมือหนาของอีกฝ่ายเบาๆ  ไม่รู้ตัวเองเลยว่าหลังจากนั้นเขากำหมัดไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าที่เนื้อแทบเลือดออกจนเหงื่อไหลซึม สองขายาวก้าวเดินออกไปจากตรงนั้น ตรงหน้าเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ที่เดิม...



    เหม่อมองจนภาพติดตา คุณค่อยๆเดินหายไปในความมืด



    ทันทีที่เดินพ้นออกจากห้องไปแล้ว แววตาที่ไม่ยอมมองสบกับสายตาคมของเพื่อนร่วมงานที่เอาแต่เว้าวอนอยู่ด้านหลังนั้น แววตาของเขาที่แสร้งทำเป็นเฉยชา ค่อยๆร้อนผ่าวขึ้น จนในที่สุดก็ปล่อยให้น้ำที่มันเอ่อล้นอยู่ในดวงตาไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่ขาดสาย...



    ได้แต่หลอกตัวเองว่าไม่เสียใจ ทั้งที่ปวดร้าว



    ไม่ต่างจากคนร่างหนาที่ยังยืนอยู่ในห้องตอนนี้ ไม่อาจหยุดยั้งน้ำตาที่กำลังไหลออกมาได้เลย เขาหลับตาลงและพยายามอดทนกับความรู้สึกหลายต่อหลายอย่างที่กำลังตีกันมั่วไปหมด มันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้...


    หมัดหนักซัดเข้ากับผนังอย่างไม่รู้สึกเจ็บหลายต่อหลายครั้ง เสียงตะโกนระบายอารมณ์ของตนยังไม่มากเท่าความเจ็บปวดในตอนนี้ 


    "โถ่เว้ย!!!!" 

    มันเสียศูนย์ไปหมด ทรงตัวแทบยังไม่อยู่ สองมือยกขึ้นกุมหัวตัวเองและขยี้มันหวังจะไล่ใบหน้าของคนบางคน คนที่เพิ่งเดินจากไป ไม่มีแม้แต่คำลาสักคำ...

    เดินออกไปอย่างง่ายดายทั้งที่เขายังขยับออกไปจากตรงนี้ไม่ได้เลย ตรงที่มีมันอยู่ข้างๆกายของเขา ตรงที่เรายังยืนอยู่ด้วยกัน 

    ที่ตรงนั้น...หนีไปไหนไม่ได้เลยสักครั้ง



    รู้แล้ว รู้ว่าเธอไม่รักฉัน แต่ช่างมันเถอะมันไม่สำคัญ

    มีเพียงเหตุผลง่ายๆ ว่าฉันรักเธอ...








    โฮสต์คลับ



    "อ่าว โฮสต์แดน ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะ ทำไมรีบมาซะก่อนล่ะครับ คิดถึงผมเหรอไงหืม?" ยองมินพูดติดตลกแต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วย เลยหุบยิ้มลงโดยอัตโนมัติ


    "ก็คิดถึงนะ" แดเนียลคลายสีหน้าตึงแล้วยิ้มขึ้นมาน้อยๆแต่สว่างไสวเสียจนยองมินต้องยิ้มตาม คิดว่าจะแป้กเสียแล้ว... 


    "หน้าบึ้งอีกแล้ว ยิ้มหน่อยสิครับ" ขโมยดึงแก้มอีกคนเล่นอย่างหยอกล้อ แต่แดเนียลก็ไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะหัวเราะให้กับการกระทำของเขา เสียงหัวเราะเบาๆที่ไม่ได้ปล่อยออกมาเลยแบบนี้ มันตั้งแต่ตอนไหนกันนะ


    "แล้วทำไมรีบมาก่อนเวลาออกรถ? แล้วกระเป๋าเดินทางล่ะครับ?"

    .

    .

    .

    "ฉันมาลาออกน่ะ"



























    ทูบีคอนตินิวววววววววววววววววววววววววว





    -TALK- 

    คิดถึงกันเปล่าจ้ะ มาบอกให้ไรท์ชื่นใจหน่อย55555

    ดูเหมือนไกล้จบ แต่ยังไม่จบ แต่ก็ไกล้แล้ว เอ้ะ ยังไง55555555

    คิดถึงทุกคนเลยค่ะถ้าไม่ติดขัดจะพยายามมาอัพบ่อยๆน้าาา 

    แทคแคร์นะคะทุกท่าน

    ปล. ฝากแชทฟิคแหกกฎด้วยนาจา

    ฝากคอมเม้นติชมและแท็ก #ฟิคแหกกฎ ในทวิตด้วยนาจา



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×