คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter : 1
Chapter : 1
Fandom : Produce 101
Pairing : 2Kang [Baekho x Daniel]
⚠ : มีคำหยาบพอสมควรแต่ก็เพื่ออรรถรสจ้ะ
ควันร้อนพวยพุ่งขึ้นบนแก้วกระเบื้องสีขาว ส่งกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่วแบบที่แบคโฮชอบไปทั่วโซนครัว มือหนายกแก้วขึ้นชิมก่อนจะเดินออกมาที่โซนห้องนั่งเล่น
ที่นี่คือคอนโดของคังแดเนียล เพื่อนร่วมงานคนสนิทของเขา แบคโฮไม่ได้มาที่นี่บ่อยหนักแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าที่นี่กว้างและแลดูสะอาดกว่าคอนโดของเขาอยู่มากโข อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ค่อยสิงอยู่คอนโดตัวเองด้วยนั่นแหละ ส่วนมากจะอยู่ที่ทำงานประจำเสียมากกว่า เลยไม่ค่อยมีเวลาดูแลเหมือนกับเจ้าเพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่
จะว่าไปเพราะความต่างที่ลงตัวในหลายๆเรื่องนี้แหละมันเลยมันทำให้เขาทั้งคู่สนิทกันได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่ถึงเดือน
ห้องของแดเนียลอยู่ชั้น10 ชั้นที่สูงที่สุดของที่นี่ หน้าต่างจึงเปิดรับอากาศเย็นสบายในช่วงเวลากลางคืนได้เป็นอย่างดี แต่ผิดตรงที่ว่าห้องก็กว้างขวางกินเนื้อที่ไปตั้งหลายบล็อคขนาดนั้น ดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเพื่อนของเขาอาศัยอยู่เพียงคนเดียว
แบคโฮไม่เคยเห็นเพื่อนร่วมงานของตนควงใครมานอนที่นี่เลยสักคนนอกจากเขา หรืออาจจะมีแต่เขาไม่เห็น
ไม่รู้สิ...
แต่เท่าที่รู้แดเนียลไม่เคยทำผิดกฎนอนกับลูกค้า ต่างจากเขา และอีกอย่างมันไม่เคยมีแฟน เท่าที่เขารู้น่ะนะ ไม่ใช่เพราะเรามีสัมพันธ์อย่างว่าอะไรกันหรอกมันถึงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่แดเนียลก็แค่คนมีอดีตเลวร้ายคนนึงไม่ต่างกันก็เท่านั้น…
“แดน มึงหิวหรือเปล่า?” แบคโฮส่งเสียงถามเพื่อนที่ยืนสูบบุหรี่รับลมอยู่ริมระเบียงห้อง ไม่มีเสียงตอบกลับ เขาถอนหายใจ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วถอดเสื้อเชิ้ตที่เลอะไปด้วยลิปทิ้นสีแดงออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามข้างใน
ไม่ต้องถามก็รู้ว่ารอยลิปพวกนี้น่ะใครเป็นคนฝากไว้
บอกตามตรงเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกอะไรหรอก ที่แดเนียลเป็นคนชอบทำให้ริมฝีปากตัวเองแดงสดอยู่ตลอดเพราะเจ้าตัวเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองดีกว่าเขาอยู่เสมอและแน่นอนว่าเขาชอบ
เพราะริมฝีปากของมันน่ะน่าขย้ำที่สุด มากกว่าพวกผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมาแทบทุกคืนด้วยซ้ำ จะว่ายังไงดีล่ะแดเนียลมันเป็นคนจำพวกที่ดูยั่วยวนโดยธรรมชาติล่ะมั้ง
แบคโฮหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปริมระเบียง “ไม่หิวข้าวหรือไง?”
คนถูกถามยังไม่ยอมตอบ ใช้แขนพิงขอบระเบียงหย่อนเข่าลงข้างนึงเพื่อคลายอาการเมื่อยลง สายตาเหม่อมองออกไป นิ้วเรียวคีบบุหรี่ไว้ยังไม่ละจากริมฝีปาก แดเนียลพ่นควันออกมาอยู่เป็นระยะก่อนจะหันหน้ามามองเพื่อนร่วมงานที่ไม่ยอมดื่มกาแฟในมือต่อแล้วหันมาจ้องหน้าเขาแทน
“อือ หิว” จนต้องตอบแล้วจ้องสายตาคมกลับไป
แต่จ้องได้ไม่นานเขาก็ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน ไม่เคยเลยที่แดเนียลจะจ้องตากับมันแล้วชนะสักครั้ง แต่แบคโฮก็มักจะชอบแกล้งเขาแบบนี้อยู่บ่อยๆ
เล่นเป็นเด็กๆไปได้
“หึ มึงแพ้อีกแล้ว” หัวเราะชอบใจ
“เล่นอะไรติงต๊องว่ะ” จังหวะที่แบคโฮหันไปยิ้มกวน เขาถูกคนข้างๆ พ่นควันใส่ทันทีโดยไม่ได้ตั้งตัวจนเกือบสำลัก แดเนียลหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งคืน แบคโฮกำลังจะหันไปด่าแต่ความคิดนั่นก็หยุดลง เพราะใบหน้าเปื้อนยิ้มของแดเนียลที่เขาไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่…
ยิ้มจนตายีไปหมด คนอะไรวะหัวเราะทีไรไม่เคยจะลืมตาสักที
ตลกดี
“เมื่อไหร่จะเลิกสูบสักที อยากตายก่อนกูมากหรือไง?” ยืนมองอยู่นานจนอดไม่ได้ที่ต้องถามออกไป ความจริงแล้วแบคโฮเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ไอ้เพื่อนดื้อนี่ก็ยังเหมือนเดิม ดูจะสูบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำไม่รู้ไปเครียดมาจากไหนนักหนา ถึงเขาจะเป็นผู้ชายแบบนี้แต่เขาก็ไม่เคยแตะบุหรี่สักครั้ง เขาไม่ชอบและไม่อยากเห็นใครต้องตายเพราะมัน
แดเนียลหันหน้ามาหาเพื่อนอีกครั้งแล้วไหวไหล่ “กูไม่ตายง่ายๆหรอกน่ะ”
“...แล้วที่กูสูบก็เพราะมึง”
“กู?” แบคโฮเลิกคิ้ว
ใบหน้าเรียวค่อยๆเอียงเข้ามาใกล้ ควันจากบุหรี่ยังคงพวยพุ่งออกจากปากไม่น้อย แต่กลิ่นฉุนของมันไม่ได้ทำให้แบคโฮล่ะใบหน้าออกไปได้เลย เมื่อริมฝีปากอิ่มแดงทาบทับลงมาแนบชิดกับริมฝีปากของเขา ค่อยๆดูดคลึงเนื้อนิ่มอย่างแผ่วเบา ปลายลิ้นของทั้งคู่กำลังแลกเปลี่ยนรสชาติหวานปนความขมของกาแฟและนิโคตินที่ฟุ้งกระจายไปทั่วโพรงปาก
เชื่องช้า แต่รสสัมผัสกลับร้อนแรง กลายเป็นว่ากาแฟของค่ำคืนนี้มันอร่อยกว่าครั้งไหนๆที่แบคโฮเคยกินมา…
ค่อยๆล่ะริมฝีปากออกแล้วกระซิบเสียงแผ่ว “เพราะกูรู้ว่ามึงชอบ” แดเนียลลอบยิ้มพอใจ แน่นอนเพราะเขารู้ดีว่าวิธีไหนจะทำให้แบคโฮหุบปากบ่นได้
“อย่ามาอ้างหน่อยเลยแดน ร้ายนักนะมึงน่ะ” คนถูกคาดโทษกระตุกยิ้มแล้วหันไปเป็นสิงอมควันต่อ แบคโฮไม่พูดอะไรอีก เขาเหนื่อยที่จะบ่นมันเรื่องเดิมๆแล้ว ยิ่งมันมีวิธีมารับมือได้ทุกทีที่บ่นมันก็ยิ่งยากจะขัด
แต่ช่างเถอะ ยังไงซะเขาก็ยอมมันจนชินแล้ว
“กูหิวแล้ว” แดเนียลบี้ก้นบุหรี่ที่เหลือเพียงนิดกับขอบระเบียงก่อนจะโยนลงถังขยะใกล้ๆ สองมือถอดเสื้อซีทรูสีดำที่ใส่มาทั้งวันออก จนเหลือเพียงแต่ท่อนบนที่เปลือยเปล่า ปรากฏรอยแดงช้ำรอบคอขาวและหัวไหล่กว้างของเขา
ผลพลอยจากสรภูมิที่เขาเพิ่งโดนเพื่อนร่วมงานเล่นหนักไปรอบนึงตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามา ยังไม่ทันจะเดินถึงเตียงด้วยซ้ำ
สายตาคมของแบคโฮกำลังมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างของอีกคน… “หิวข้าวหรือว่าหิวกูล่ะ?” ถามพลางส่งยิ้มกวน แดเนียลขว้างเสื้อที่เพิ่งถอดเสร็จใส่หน้าเพื่อนร่วมงาน แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทันที
ยังมีน่ามาพูด แค่เมื่อครู่นี้ยังไม่พอหรือไง ตอนแรกเขาก็เกือบจะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ
ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันวะ
“ลงไปกินข้าวข้างล่างแล้วกัน ขี้เกียจขับรถออกไปข้างนอก” แบคโฮพูดพลางเดินตามเข้ามาในห้อง แดเนียลที่กำลังเลือกเสื้อเปลี่ยนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าไม่ไกล เขาวางแก้วกาแฟลงแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังอีกคน
สองมือหนาโอบไปรอบเอวของอีกฝ่ายใช้คางเรียวของตนเกยไหล่กว้างเอาไว้แล้วปลดเข็มขัดของแดเนียลออกให้อย่างเบามือ แดเนียลนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ เมื่อเข็มขัดถูกดึงออกไปแล้ว เจ้าตัวก็หันมาเผชิญหน้ากับคนข้างหลังทันที
“จะกินไหมข้าว? ดูท่ามึงอยากกินอย่างอื่นนะ”
แบคโฮหัวเราะร่วน “กินสิ กูช่วยถอดไงจะได้เร็วๆ” ก็แค่อยากจะแกลังมันเท่านั้นเอง แต่แดเนียลกลับส่งมือไปปลดเข็มขัดให้เขาเช่นเดียวกัน
ยังไม่พอ มือเรียลเลื่อนลงไล้ไปตามต้นแล้วขาค่อยๆ ขึ้นมาแถวหัวเข็มขัด ช้อนตามองอีกคนลอบเลียริมฝีปากอิ่มแดงของตนอย่างเชื่องช้า...แบคโฮแทบกลืนน้ำลายลงคอ
คังแดเนียลน่ะอันตราย แต่คนอย่างมันต้องเจอกับคนอย่างเขาถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
ร่างหนาดันตัวเองเบียดเข้าไปใกล้จนแผ่นหลังกว้างชิดกับตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเชยคางมนขึ้นมาไว้ในระดับสายตา “ปากมึงนี่น่าจูบชิบหายเลยว่ะ” ว่าพลางใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากแดเนียลเบาๆ
“มาเป็นเมียกูเถอะ” พอพูดหยอกเพื่อนได้แบคโฮก็หัวเราะลั่น แต่อีกคนเริ่มชักสีหน้าเบื่อเป็นคำตอบ
“กูไม่อยากได้มึง ไปไกลๆตีน” ไม่รอให้แบคโฮพูดต่อ ผลักอีกคนออกไปทันทีก่อนจะหันกลับมาแต่งตัวใหม่ แบคโฮหัวเราะ “ไม่อยากได้กูแต่ให้กูเอาเนี่ยนะ? ย้อนแย้งว่ะ” พูดยังไม่ทันจบเขาถูกแดเนียลขว้างเสื้อใส่อีกหนแต่คราวนี้หลบได้ทัน...
“ก็ได้แค่เอาเท่านั้นแหละ” พูดแบบไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินนำออกไปเพราะแต่งตัวเสร็จพอดี เสื้อแขนยาวลายสก็อตถูกสวมทับเสื้อยืดข้างในและกางเกงขาสั้นดูเป็นลุคสบายๆ คงไม่เคยมีลูกค้าหรือใครได้เห็นเขาใส่ในที่ทำงานแน่ ยกเว้นแบคโฮไว้คนนึงล่ะนะเพราะเขาเห็นทั้งตอนใส่และไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้น
แบคโฮรีบหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่ทับเสื้อกล้ามข้างใน อยู่ๆสมองก็เก็บคำพูดเมื่อครู่ของเพื่อนร่วมงานมาคิดซะอย่างนั้น
อ่า...ใช่ ก็แค่ได้เอา
ความจริงมันก็คุ้มอยู่ แต่ลองนึกๆดูแล้ว รู้สึกว่าได้ยินมันพูดคำนี้ตั้งแต่ได้กันครั้งแรกจนถึงตอนนี้มันก็ยังคิดแบบเดิม แต่นั่นก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาก็ไม่ได้อยากเอาชีวิตช่วงวัยที่กำลังรุ่งเก็บเกี่ยวเงินและผู้หญิงได้อีกมากมายไปผูกมัดกับใครหรอก
ใช่...เขาก็ขอให้ตัวเองคิดแบบนั้นไปได้ตลอด
.
.
.
แบคโฮใช้เวลาไม่นานใส่เสื้อจนเสร็จแล้วเดินตามออกมา กำลังล็อคประตูห้องหันไปหาเพื่อนร่วมงานอีกทีก็ไม่เจอซะแล้ว คงจะลงไปก่อนสินะ
มันนี่นะเอาอีกแล้วเห็นเพื่อนเป็นหัวหลักหัวตอรึไงวะ
บ่นอยู่ในใจแต่ก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไป เห็นแดเนียลกำลังกดลิฟต์รอเขาอยู่พอดี จึงวิ่งเข้าไปได้ทัน แต่เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิดประกบกันสนิทก็มีมือของใครคนนึงมากั้นเอาไว้
“รอผมด้วยยบนย” เจ้าของเสียงรีบเบียดตัวเองเข้ามาในลิฟต์ทั้งที่ประตูยังเปิดออกไม่เยอะเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปยืนเบียดแทรกกลางแดเนียลและแบคโฮ พอประตูลิฟต์ปิดลงแดเนียลพูดขึ้นทันที
“อง…ซองอูหรือเปล่า?” เจ้าของชื่อหันหน้าไปมองคนถาม ก่อนที่เขาจะแสดงสีหน้าตกใจสุดขีด คว้าแดเนียลมากอดจมอก
“อึยกอน! ไม่ได้เจอนานเลยนะรู้มั้ยว่าคิดถึงแค่ไหน!!!”
คนถูกกอดตบหลังกลับไปเบาๆ ดีใจเหมือนกันเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอองซองอูที่นี่ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมอปลายที่ปูซาน ตอนนั้นเรียกได้ว่าสนิทกันพอสมควร แต่หลังจากที่แดเนียลมาหางานทำในโซลทั้งสองคนก็ไม่เคยได้ติดต่อหรือเจอหน้ากันอีกเลย จนวันนี้
“บอกให้เรียกว่าแดเนียลไง”
ซองอูยิ้มจนเห็นฟันขาวสว่าง เขาผละจากตัวอีกคนออกมา เปลี่ยนเป็นดึงแก้มทั้งสองข้างแทน “เออน่า เรียกอะไรก็ได้เพราะยังไงก็น่ารักสำหรับองซองอูอยู่ดี”
“เหรออ ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ”
“จะพูดว่าปากหวานถูกม่ะ ว่าแต่อยู่ที่นี่เหรอแดเนียล?”
“จะนอนในลิฟต์ก็ตามใจนะแดน กูไปก่อนล่ะ” คำถามของซองอูถูกขัดด้วยคนที่กำลังกลายเป็นส่วนเกิน แบคโฮเดินเลี่ยงทั้งคู่ออกจากลิฟต์ทันทีที่มันเปิดออก แดเนียลกำลังจะเดินตามแต่ก็ถูกซองอูดึงแขนเอาไว้ทั้งคู่จึงหยุดยืนคุยกันหน้าลิฟต์
.
.
.
ไม่นานนักแบคโฮก็เดินหน้าตึงมาหยุดอยู่ร้านสเต๊กหน้าคอนโดแล้วเดินเข้าไปทันที ไม่สนใจว่าจะมีคนที่บ่นหิวข้าวเดินตามมาหรือเปล่า
เขาไม่ได้โกรธ เขาไม่ได้รู้สึกอะไร ก็แค่หิวข้าวจนไม่อยากรอใครก็เท่านั้นเอง
ผ่านไปนานเกือบครึ่งชั่วโมงไม่ปรากฏใบหน้าของเพื่อนร่วมงานมาให้เห็น แบคโฮเขี่ยชิ้นเนื้อวัวปรุงสุกในจานเล่นแทบไม่ได้ชิม กลิ่นหอมฉุยไม่ได้ทำให้อยากกินขึ้นมาสักนิดเดียว เป็นเพราะอะไรเขาไม่รู้หรอกแต่ที่รู้ๆ
แดน มึงโดนหนักแน่
หันไปมองมือถือที่วางอยู่ข้างจาน ป๊อบอัพแจ้งเตือนคาทกเด้งขึ้นบนหน้าจอ ประโยคที่แดเนียลส่งมาทำเอาแบคโฮคิ้วกระตุก
‘กินข้าวที่ห้องเพื่อนนะ มึงไม่ต้องรอ’
แดเนียล
เหอะ ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนร่วมเตียงงั้นหรือไง
แบคโฮกำลังหงุดหงิดเหมือนเด็กที่ถูกแย่งของเล่นไปกับมือ ตั้งแต่เขารู้จักกับแดเนียลมาสองปีกว่า ก็ไม่เคยเห็นมันจะมีเพื่อนคนอื่นเลยนอกจากเพื่อนในโฮสต์คลับ แต่ไอ้ผู้ชายหน้าตากวนตีนเหมือนดาราหนังไทยนั่นมันมายังไงกันวะ แบคโฮไม่คิดจะกินต่อเขาวางเงินลงบนโต๊ะ แล้วเดินออกจากร้านไปในทันที
.
.
.
.
.
สามชั่วโมงผ่านไป
โทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้นานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ คนร่างใหญ่นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟาตัวยาว มือข้างนึงยังถือรีโมตโทรศัทน์เอาไว้ทั้งที่ดวงตาปิดสนิท แดเนียลเปิดประตูห้องเข้ามาถอดเสื้อแขนยาวออกจนเหลือแต่เสื้อยืดตัวบางข้างใน
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งกินข้าวและพูดคุยกับองซองอูตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน คงเพราะคิดถึงและความที่คุยกันถูกคอเลยทำให้ลืมเวลาจนผ่านไปหลายชั่วโมง
ทำให้เขาได้รู้หลายอย่างว่าซองอูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เพื่อทำงานใหม่ และอาจเป็นโชคชะตาเล่นตลกก็ได้เพราะซองอูย้ายมาทำงานเป็นมือกลองอยู่ที่โปรดิ้วซ์โฮสต์คลับ ที่ทำงานที่เดียวกับเขานั่นแหละ
ถึงแดเนียลจะกะอักกะอ่วนใจอยู่ในตอนแรก จะบอกซองอูไปดีไหมว่าเขาก็ทำงานเป็นโฮสต์อยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็บอกไปอยู่ดี และซองอูก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรแถมยังตื่นเต้นเสียมากกว่าที่เห็นเขาทำอาชีพที่ไม่ค่อยมีคนทำได้ แถมยังได้เงินมากมายกว่าคนทำงานประจำเสียอีก
การได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่ได้คุยกันมานานในวันนี้ทำให้แดเนียลรู้สึกดีมากกว่าทุกวัน ได้ยินซองอูเล่าเรื่องราวต่างๆ หลังจากที่เขาย้ายจากปูซานมาทำงานในโซลว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนทำให้อยากกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้งเลยล่ะ
แต่คงทำไม่ได้อีกแล้ว
.
.
.
ซักพักแดเนียลเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับผ้าห่มในมือ เดินไปหาเพื่อนร่วมงานที่นอนหลับอยู่บนโซฟา ค่อยๆห่มผ้าให้แบคโฮอย่างเบามือ แต่อยู่ๆ ก็ถูกคนข้างใต้ผลักอกอย่างแรง จนเขาเซถลาไปข้างหลัง แบคโฮลุกขึ้นนั่งสายตาคมจ้องลึกไปยังอีกคน
“เป็นอะไรของมึง ละเมอหรือ…” ยังไม่ทันพูดจบคนร่างหนาลุกจากโซฟาอย่างไว ผลักอกแดเนียลอีกครั้งจนแผ่นหลังกระแทกกับผนังห้อง ดึงคอเสื้อของเพื่อนร่วมงานขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว อารมณ์ขุ่นมัวฉายอยู่ในแววตา แดเนียลนิ่วหน้าด้วยความเจ็บและยังไม่เข้าใจ
“มึงมันน่าหงุดหงิดรู้ตัวไหม” ไม่รอให้อีกคนเถียงกลับ แบคโฮประกบจูบปากอิ่มทันที บดขยี้กดเน้นย้ำจนเกิดเสียงสะท้อนในห้อง ใบหน้าคมเข้มปรับองศาอย่างเอาแต่ใจจนแดเนียลแทบหายใจไม่ทัน ลิ้นถูกเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน สลับกับที่กลีบปากอิ่มถูกดูดดึงจนเริ่มแดงช้ำ ผิวกายขาวถูกมือหนาไล่สัมผัสและบีบเค้นจนรอยแดงจางๆปรากฎไปทั่ว
เสียงครางสั่นของคนถูกรุกล้ำยิ่งทำให้ไฟร้อนของแบคโฮโหมแรงขึ้น มือเรียวถูกรวบตึงขึ้นไว้เหนือหัว แบคโฮเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองใบหู ไล้เลียจนไปถึงซอกคอขาว ขบฟันลงบนไหล่กว้างเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้า...
“อึก…” แดเนียลส่งเสียงครางแผ่วด้วยความเจ็บบวกกับความต้องการที่กำลังถูกปลุกด้วยปลายลิ้นและสัมผัสอันร้อนแรง พยายามสะบัดข้อมือออกจากแรงดึงของอีกฝ่ายจนหลุดก่อนจะจับไหล่แบคโฮเหวี่ยงร่างอีกคนไปกระแทกผนังแทนที่ตน
คนอย่างคังแดเนียลไม่ใช่สาวน้อยที่จะยอมให้มันอยู่เหนือกว่าได้ตลอดหรอกนะ
หัวใจของทั้งคู่กำลังเต้นระส่ำ แดเนียลหอบหายใจก่อนจะโถมตัวเข้าใส่บดเบียดสะโพกเข้าไปใกล้ช่วงล่างที่กำลังแข็งขืนขึ้นทั้งสองฝ่าย แล้วถอดเสื้อกล้ามของอีกคนออกให้พ้นทางเช่นเดียวกับแบคโฮ...
ทุกอย่างช่างดูงุ่นง่านไปหมดเมื่อเทียบกับอารมณ์ของทั้งคู่ที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในตอนนี้
“มึงมันก็น่าหงุดหงิดพอกัน แบคโฮ” สิ้นเสียงแบคโฮถูกรั้งคอเข้าไปประกบจูบ ดูดดึงริมฝีปากล่างของเขาราวกับเป็นเยลลี่รสหวาน ลิ้นร้อนชอนไชเข้าสู่โพรงปากหนาอย่างชำนาญ เกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมใคร
ทั้งคู่ยังโรมรันกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มือหนาค่อยๆล้วงเข้าไปในกางเกงของคนตรงข้ามลูบไล้เบามือ...ไม่นานนักกางขาสั้นตัวบางก็หล่นลงพื้นได้ไม่ยาก กระดุมกางเกงของเขาก็ถูกมือเรียวปลดออกไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ร่างกายของคนทั้งคู่แทบเปลือยเปล่ามีเพียงชั้นในที่ยังคงกั้นเอาไว้
แดเนียลเป็นฝ่ายผละจูบออกมาก่อนแล้วหอบหายใจ ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำเผยอออกบวกกับเรือนร่างที่ออกกำลังกายมาอย่างดีนั่นพราวไปด้วยเหงื่อ ยิ่งดูเซ็กซี่ยั่วยวนขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ทำเอาแบคโฮลอบกลืนน้ำลายลงคอ...
แดเนียลน่ะมันทั้งยั่วทั้งร้ายเลยล่ะ แต่เขาน่ะ ร้ายกว่ามันหลายเท่านัก
สิ้นสุดความอดทนแบคโฮดันร่างแดเนียลให้หันเข้าหากำแพง แขนแกร่งคว้าเอวจากด้านหลังเอาไว้ เบียดสะโพกของตนจนแนบชิดแล้วยึดไว้ด้วยอ้อมแขนนั้น มือหนาเกี่ยวชั้นในของอีกคนออกให้พ้นทาง ความอุ่นร้อนวูบเข้าไปภายในอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ สัส…กูเจ็บ” มือเรียวสั่นระริกแทบไม่มีเรี่ยวแรงเกาะเกี่ยวผนังข้างหน้า สะโพกแดเนียลถูกโยกไปตามจังหวะของเสียงเพลงในโทรทัศน์…
และกำลังถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ
“สมควรแล้ว มึงชอบทำให้กูหงุดหงิดนักนะ” มือใหญ่รั้งเอวเข้ามาชิดกันจนไม่เหลือช่องว่าง
“กูทำอะไรวะ…อึก…” ส่งแรงกระแทกที่เพิ่มขึ้นเป็นคำตอบ เสียงร่ำร้องดังสะท้อนไปทั่วห้อง แรงเสียดสีทำให้เหงื่อกาฬของทั้งคู่ไหลรินทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ปลายจมูกของแบคโฮยังคงสาละวนไปทั้วไหล่กว้าง ริมฝีปากหนาจูบซับผิวกายของเพื่อนร่วมงานละแลงลิ้นร้อนที่แทบแผดเผากายขาวตรงหน้าให้ละลายลงได้
ไม่นานเสียงคำรามต่ำดังขึ้นพร้อมๆกับการถูกปลดปล่อย เสียงหอบหายใจกระเส่าของคนทั้งคู่ยังคงผสานกัน
แดเนียลค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับแบคโฮ แขนแกร่งรั้งเอวเพื่อนร่วมงานเข้ามาแนบชิดร่างของตนอีกครั้งจนไม่เหลือช่องว่าง เหงื่อไหลลงจากใบหน้าคมของทั้งคู่ อกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงเพราะความเหนื่อยหอบ...
“มึงหงุดหงิดอะไรนักหนา” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อีกคนชักสีหน้าไม่ยอมตอบทำให้เขายิ่งไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากจะซักไซ้อีกแล้ว เขาแทบไม่มีแรงจะยืน...
เพราะแบคโฮมันไม่ยั้งแรงกระแทกเลยสักนิดน่ะสิ
.
.
.
“กูไม่ชอบมัน”
“ใคร…?” สายตาคมจ้องลึกมาที่แดเนียล
“ช่างแม่งเหอะ” แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมตอบ แดเนียลทำท่าจะดันตัวออกไปแบคโฮรีบรั้งเอวเอาไว้ ก่อนจะประกบจูบริมฝีปากอิ่มแดงที่บวมเจ่อ บดขยี้จูบส่งให้อีกครั้งไม่ถามไถ่ ความอุ่นร้อนแทรกเข้ามาในกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งเร่าร้อน
ทั้งแรงกระแทก
และเสียงครางหวาน ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไป…
แม้จะมีเสียงแจ้งเตือนข้อความบนหน้าจอโทรศัทพ์ของแบคโฮเด้งรัวขึ้นมาแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะสนใจมัน...
.
.
.
.
.
ทูบีคอนตินิวววววววววววววววว
-TALK-
ถ้าอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงเม้นบอกติชมได้ค่า
ความคิดเห็น