ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #9 : ความเจ็บปวด

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 54


     

    ระหว่างที่ฉันเดินน้ำตาตกใน เจ็บช้ำทั้งกายและใจ พร้อมด้วยการพยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น เพิ่มมาอีกหนึ่ง ฉันก็ดันจ๊ะเอ๋กับพี่ป๊อปเข้าอย่างจัง โดยการทะเล่อทะล่าเดินวางมาด แต่ไม่ดูทางไปชนพี่เขาเต็มๆ

                    “เฟรม! ร้องไห้ทำไม?” พี่ป๊อปจับแขนฉันพลางถามขึ้นอย่างฉงน มันยิ่งเพิ่มความเหนื่อยให้ฉันมากขึ้นไปอีก เหนื่อยทั้งกาย...เหนื่อย...ทั้งใจ...

                    ฉันได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร ในหัวของฉัน...ตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด สติก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว...ฉันตัดสินใจที่จะตัดสายตา และความรู้สึกของคนอื่นออกไปให้หมด เหลือไว้แต่ความรู้สึกของตัวเอง และคนที่ดีด้วยไว้เท่านั้น ฉันตัดสินใจปล่อยเสียงสะอื้นให้ดังออกมา พลางโผเข้าไปกอดพี่ป๊อปและซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างๆของเขา ร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าใครจะมอง หรือคิดยังไงกับการกระทำของฉัน น้ำตาใสๆที่ตอนนี้เริ่มทำให้เสื้อนักเรียนของอีกฝ่ายชื้นไปบ้างแล้ว ฉันจึงผละออกมา แล้วขอให้เขาเดินไปเป็นเพื่อนฉัน เดินไปส่งฉันที่ตึกเรียน เหมือนที่มาร์กกี้เคยทำ...แต่มันก็เป็นได้แค่ เคยทำ เท่านั้นแหละ

                   

                    วันต่อมาฉันจัดการประชุมงานกิจกรรมฝ่ายมัธยมต้น เป็นการเชิญวิทยากรที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของประชาธิปไตยมาให้ความรู้ และจัดการเข้าค่ายขึ้น เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้นักเรียนในแผนกของเรา ซึ่งวิทยากรก็ไปลงตัวที่ อาจารย์จากธรรมศาสตร์ที่มีความรู้มากๆท่านหนึ่ง ฉันจัดให้มีการเดินรวบรวมรายชื่อนักเรียนที่จะเข้าโครงการตามห้องต่างๆ และขอรับสมัครผู้จัดงานเพิ่มอีกประมาณยี่สิบคน โดยหัวหน้างานตรงนี้คืออุ๋งอิ๋ง แผนงานทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่ฉันเนี่ยสิที่ไม่ค่อยดี เพราะหลังจากที่ประชุมเสร็จแล้ว ฉันก็ต้องหอบสารรูปตัวเองขึ้นมานอนพักที่ห้องพยายามบาล เพราะเกิดรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา

                    ฉันพยายามกลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องระหว่างฉันกับมาร์กกี้ เพราะความจริงเราควรที่จะคุยเรื่องนี้กันให้จบๆไปเลยน่าจะกว่าที่ฉันต้องมานั่งคิด นั่งเครียดคนเดียวอยู่แบบนี้ เพราะถ้าเขายังยืนยังที่จะคบกับมุกรดาในฐานะคนรู้ใจอยู่แล้วละก็ ฉันก็จะเป็นฝ่ายถอยให้พวกเขาเอง แต่ถ้ามาร์กกี้บอกว่าเขาเลือกฉัน ให้ฉันคบกับเขาในฐานะแฟนต่อไป แล้วไปบอกเลิกกับมุกรดา ฉันก็จะยอมเปิดใจ ยอมให้อภัยเขาดูอีกสักครั้งหนึ่ง หรือว่า...ถ้าเขาจะขอเวลาเพื่อกลับไปคิดทบทวนดูว่าระหว่างฉันกับมุกรดานั้น เขาจะเลือกใคร ฉันก็จะให้เวลาเขาตามที่เขาต้องการ

                    และเมื่อคิดได้แบบนั้นฉันจึงขออนุญาตครูห้องพยาบาลกลับไปทำงานต่อ ฉันเดินตรงไปที่ห้องพักของมาร์กกี้ ลองเปิดประตูห้องดูแล้ว มันไม่ได้ล็อค ฉันเลยเห็นเขาเอนตัวพิงโซฟาตัวยาวๆ อยู่กลางห้อง ฉันเดินเข้าไปใกล้ จองหน้าเขาเพื่อคิดทบทวนสิ่งที่กำลังจะทำต่อไปนี้ว่าควรหรือไม่แต่ทันใดนั้นเขาก็เกิดเอ่อทักฉันซะก่อน มันทำให้ฉันรู้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ได้หลับ

                    “เฟรม...”

                    “วันนี้ฉันจะมาคุยกับนายเรื่องผู้หญิงคนนั้น...” ฉันสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดก่อนจะพูดต่อ “...ให้นายเลิกกับเขา...ได้ไหม?” สิ่งที่พูดมันไม่เหมือนกับที่คิดไว้ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะพูดตรงได้ขนาดนี้

                    “อืม แล้วถ้าฉันบอกเธอว่าฉันขอเวลาล่ะ” มาร์กกี้พูดพร้อมกับเอามือหนาๆของเขามาวางบนบ่าของฉัน

                    “ก็แล้วแต่นายสิ แต่ว่าตอนนี้ง่วงมากเลยอ่ะ” ฉันพูดอ้อนๆเขาตามเดิม วางความเครียดและปัญหาทุกอย่างลงให้หมด แล้วกลับมาทำตัวเหมือนเดิม ปกติฉันก็ว่าตัวเองเป็นคนขี้อ้อนเหมือนกันนะ^^

                    ฉันนอนซบไหล่มาร์กกี้อยู่ที่โซฟาที่เขานั่งอยู่ ไม่อยากเรียนก็ไม่เรียน เขาก็เป็นเหมือนกันแหละ ปกติถ้าเราเกิดขี้เกียจเรียนขึ้นมา ฉันกับเขาจะมานั่งทำงานกรรมการนักเรียนกันในห้องนี้ โดยการที่บางทีฉันก็หยิบงานเขามาทำ พอทำเสร็จก็ขี้เกียจทำงานตัวเอง เลยกลายเป็นงานตัวเองไม่เสร็จซะงั้น แต่เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกเพราะฉันจะให้มาร์กกี้ช่วยเอางานกลับไปทำที่บ้านให้ อย่างน้อยๆก็เบาไปเรื่องหนึ่ง

     

                    ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีตอนห้าโมงเย็น เลยรีบกุลีกุจอหอบข้าวของกลับบ้านให้ทันเวลานัด เพราะวันนี้ที่เครนมีงานเลี้ยงรุ่น ฉันเลยต้องไปด้วย ตามประสาน้องสาวที่เพื่อนพี่รักมากมาย  พอออกจากห้องสวนกับพี่ป๊อป แต่ก็ไม่ได้ทักสักคำ มันทำให้รู้สึกผิดยังไงไม่รู้สิ แต่ช่างเถอะ ยังไงการไปงานพี่เครนก็สำคัญที่สุดอยู่ดี!

     

                    “มาร์ก...” เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาของป๊อปเรียกความสนใจจากมาร์กกี้ได้มากเลยทีเดียว เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะเดินมาหาเพื่อน

                    “ว่าไง? จะถามเรื่องเฟรมหรอ?” เขาเดาใจเพื่อนคนนี้ได้เสมอ ทุกเวลาที่คิดอะไร เขาจะรู้ทันเสมอ

                    “ฉันว่านายควรจะเลิกยุ่งกับมุกรดา ไม่คบ ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงคนนั้นอีก” ป๊อปพูดเข้าเรื่องโดยไม่ให้เวลามาร์กกี้ได้ตั้งตัวก่อน  ทำไมวันนี้มันถึงได้มีคนมาคุยกับเขาเรื่องมุกรดากันมากนักนะ

                    “ทำไม?” ถึงอยากจะตอบว่าได้เพราะไม่อยากให้คิดมาก แต่ก็อดที่จะถามถึงเหตุผลไม่ได้ ว่าทำไมจู่ๆ ถึงมาสั่งกันให้เลิกคบกับมุกรดาแบบนั้น ทั้งที่เขาก็คบกับมุกรดามาสามปีกว่าแล้ว ป๊อปก็รู้เรื่องด้วย แต่ไม่คิดจะว่าอะไรสักคำ แค่บอกว่าอยากทำอะไรทำไป...ก็เท่านั้นเอง

                    “เฟรมไม่ได้บอกนาย?” เขาถามกลับ แต่ทว่ามาร์กกี้กลับส่ายหน้า “นายฟังฉันนะ เมื่อวานนี้มุกตบเฟรมที่หน้าห้องนายไม่รู้บ้างรึไง คนเขามาดูกันเยอะแยะ เฟรมร้องไห้ออกมาแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย ฉันว่าครั้งนี้มุกเล่นแรงไป เที่ยวไปบอกคนอื่นว่าเฟรมแย่งนายไปจากเธอ ทั้งที่ความจริง...ควรจะบอกว่าตัวเองแย่งไปจากคนอื่นมากกว่า” ประโยคท้ายน้ำเสียงป๊อปฟังดูปวดร้าวอย่างน่าตกใจ  แต่เขาก็รู้ดีว่าที่พูดนั้น หมายความถึงอะไร

     

                    หลังจากวันนั้น มาร์กกี้ไปบอกเลิกกับมุกรดาเล่นเอาเธอแทบสติแตก ขว้างปาข้าวของโน่น นี่ นั้นเอาเข้าจริงที่พอจะหาได้ภายในห้องเรียนก็เละหมด จนเล่นเอาข้าวของเสียหายไปหลายอย่าง เธอหัวเสียอยู่หลายวัน และไม่กล้ามายุ่งกับเฟรมอีกเพราะกลัวว่าจะเสียหน้าเหมือนครั้งก่อนที่ประกาศไปว่าเฟรมเป็นคนแย่งมาร์กกี้ไป แต่พอเอาเข้าจริงมาร์กกี้กลับเลือกยัยเด็กบ้านั่น แทนที่จะเป็นเธอ

                   

                    “พี่มาร์ก วันนี้ไปบ้านเฟรมกัน” อุ๋งอิ๋งตะโกนเสียงแจ้วๆมาแต่ไกล เล่นเอาคนทั้งโรงเรียนเขารู้กันหมด แล้วนี่กี่ครั้งแล้วนะที่อุ๋งอิ๋งประกาศข่าวให้ชาวโลกรู้ และโดยเฉพาะ ไอ้บ้านที่เธอชวนไปน่ะ มันบ้านฉันนะ แล้วอีกอย่างเราจะไปทำรายงานกัน ลืมแล้วหรอ?!!

                    “ไปสิ” นั่นไง ตอบเร็วทันใจ ชนิดที่ว่าพอฉันอ้าปากจะพูดก็ต้องค้างอยู่กลางอากาศซะอย่างนั้น ทำไมพวกเธอไม่รู้จักคิดก่อนตอบกันบ้างนะ

                    “นิ่! เฟรมเธอจะอ้าปากค้างไปถึงเมื่อไหร่? ฉันถามหน่อยเถอะว่าวันๆหนึ่งเธออ้าปากให้แมลงวันบินเข้าไปไข่ในปากกี่ตัวแล้ว” นั่นไง ยัยเพื่อนคนนี้บรรยายอะไรทีเนี่ยเรียกได้ว่าสุดจะบรรยายเลยทีเดียว

                    ฉันรีบหุบปากให้สนิท จนเกือบจะในทันทีที่อุ๋งอิ๋งพูดเรื่องแมลงวัน ก่อนจะหันไปต่อว่าเธอ

                    นี่ อุ๋งอิ๋ง เธอก็รู้นี่น่าว่าวันนี้ฉันชวนเธอไปทำรายงานวิชาสังคมฯ รายงานนี้มีคะแนนเยอะมากเลยนะ แล้วนี่เธอจะแอบอู้หรอ? ฉันถามเหมือนรู้ทัน เพราะทุกๆครั้งที่อุ๋งอิ๋งชวนมาร์กกี้ ป๊อป แล้วก็ไอริชไปที่บ้านฉันตอนทำงานทีไร ยัยเพื่อนตัวดีก็เอาแต่คุย คุย คุย แล้วก็คุย จนเวลาผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง รายงายแผ่นแรกก็ยังไม่เสร็จสักที โดยที่เธอก็ให้เหตุผลที่แสนจะฟังขึ้นว่า มีแขกมาทั้งที จะให้นั่งทำแต่งานไม่พูดคุย ทักทายแขกบ้างได้ยังไง เฮ้อ...ฟังแล้วก็ขี้เกียจเถียงเจ้าเพื่อนตัวดีที่เอาแต่แก้ตัว จนเชื่อได้เลยว่าเธอจะพูดจริง

                    โธ่ เฟรม ก็ครั้งนี้มาร์กกี้ กับเธออุตส่าห์ดีกันทั้งที ชวนแฟนไปบ้านบ้างจะเป็นไรไป แล้วนี่ถ้าโกรธกันขึ้นมาอีกจะว่ายังไง คงไม่ต้องรอกันไปจนถึงชาติหน้าหรอกหรอกว่าที่เธอกับมาร์กกี้จะกลับมาคืนดีกันอีกรอบ แล้วนี่รู้บ้างไหมว่ากว่าที่พวกเธอสองคนจะยอมดีกันได้เนี่ย เล่นเอาฉันเหนื่อยแทบตาย แถมมือแทบหักอีกต่างหาก ก็แน่ล่ะ ฉันเล่นตบหน้ามาร์กกี้ตั้งสองครั้งเพื่อเธอคนเดียวเลยนะเฟรม การตบหน้าลูกชายบุญธรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนเธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันต้องเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหน แล้วนี่ฉันก็กำลังจะไถ่โทษที่ไปตบหน้ามาร์กกี้ เธอก็จะมาขัดขว้างฉันอีก ทั้งที่ความจริงฉันอุตส่าห์ทำทุกอย่างก็เพื่อเธอนะ แล้วนี่เธออยากให้ฉันโดนฆ่าหมกท่อหรือไง น๊า...เฟรมนะ นะ นะ นะ” อุ๋งอิ๋งพูดมาเสียยาวเหยียด แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยคำพูดง่ายๆว่าให้ฉันอนุญาตให้มาร์กกี้ไปบ้านฉันได้อยู่ดี เฮ้อ...ฉันล่ะเหนื่อยใจกับยัยเพื่อนคนนี้จริงๆเล้ย!

                    “อืม ก็ได้ แต่ว่าเธอต้องห้ามอู้ ห้ามพูด ห้ามคุย ห้ามเล่น ห้ามๆๆๆๆ ห้ามทุกอย่างเลยนะ” ฉันพูดดักไว้ก่อน เพื่อว่าอุ๋งอิ๋งจะหาทางมาอ้างโน่น อ้างนี่ อ้างนั้น จนฉันปวดหัว สุดท้ายฉันก็ต้องกลับมานั่งทำงานคนเดียว เหนื่อยแทบลากเลือด ส่วนยัยเพื่อนตัวดีก็ได้แต่หัวเราะ แหะๆ ชีวิตหนึ่งไม่คิดจะทำอะไรเลยใช่ไหมเนี่ย

                    “เฟรม” แล้วจู่ๆเสียงพี่ป๊อปก็ดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่อุ๋งอิ๋งจะเปิดปากเถียงฉัน “แล้วเดี๋ยวนี้มุกรดายังมาตามตอแยเธออีกรึเปล่า หรือว่ามีการส่งจดหมายมาว่าอะไรไหม” พี่ป๊อปถามด้วยความเป็นห่วง แต่มาร์กกี้กลับชักสีหน้าขึ้นมาทันที

                    “เปล่าหรอก ตอนนี้นะ ชีวิตฉันกำลังมีความสุข สงบสุข และราบรื่นที่สุดในรอบปีเลยแหละ” ฉันพูดอย่างไม่ถือสาหาความอะไรมากนัก แล้วจึงชวนเพื่อนๆทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็นอุ๋งอิ๋ง พี่ป๊อป ไอริช แล้วก็มาร์กกี้ รวมไปถึงยัยมายที่แสนดี คอยช่วยเหลือฉันทุกในด้าน ยกโขยงกันไปบ้านฉัน ทั้งที่จริงๆแล้ว ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าจะไปแค่อุ๋งอิ๋งกับมาร์กกี้ไม่ใช่รึไง ฮึ! ขี้โกงที่สุดเลย เจ้าเพื่อนพวกนี้...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×